บทที่ 276 เกราะมังกร
บทที่ 276 เกราะมังกร

-2,026! คริติคอล!

ในฐานะที่เป็นบอสระดับเทพเจ้า ผู้คุ้มกันแห่งปราสาทใต้พิภพย่อมต้องมีพลังป้องกันที่สูงเป็นพิเศษอยู่แล้ว และด้วยพลังป้องกันระดับนี้ มันเลยทำให้เซียวเฟิงไม่คิดว่าจะสามารถโจมตีมันเข้าได้ แต่ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไป ชายหนุ่มมีเกราะมังกรที่สามารถโจมตีโดยไม่สนใจพลังป้องกันของเป้าหมาย 50% ดังนั้นจึงสามารถโจมตีมันเข้าได้บ้างแล้ว

แต่เดิมพลังโจมตีทั่วไปของเซียวเฟิงก็สูงอยู่แล้ว ไหนจะมีค้อนแห่งการพิพากษาเลเวล 2 ที่ช่วยเพิ่มพลังโจมตีอีก 200% กับผลของพลังแห่งทวยเทพที่ทำให้พลังโจมตีของเซียวเฟิงเพิ่มขึ้นอีกเป็น 2 เท่าเมื่อโจมตีใส่มอนสเตอร์ธาตุอันเดด ดังนั้นเขาจึงสามารถโจมตีผู้คุ้มกันแห่งปราสาทใต้พิภพได้ครั้งละหลักพันเลยทีเดียว อีกทั้งยิ่งกรณีที่ติดคริติคอลเช่นนี้…ความเสียหายที่เขาโจมตีใส่มันจึงสามารถพุ่งทะลุ 2,000 หน่วยได้เลย!

หลอดเลือดของผู้คุ้มกันแห่งปราสาทใต้พิภพที่เหลือเพียงน้อยนิดนั้น หายฮวบไปด้วยการโจมตีครั้งเดียวนั้น!

[ ท่านได้ทำการกำจัดผู้คุ้มกันชั้นที่ 3 แห่งปราสาทใต้พิภพเลเวล 30 ระดับเทพเจ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว! ได้รับค่าประสบการณ์ 9,000,000 แต้ม!]

[สัตว์ขี่ของท่าน ยูนิคอร์นแสงศักดิ์สิทธิ์ ได้รับค่าประสบการณ์ 81,000,000 แต้ม!]

[สัตว์ขี่ของท่าน ยูนิคอร์นแสงศักดิ์สิทธิ์ ได้รับการพัฒนา!]

[สัตว์ขี่ของท่าน ยูนิคอร์นแสงศักดิ์สิทธิ์ ได้รับการพัฒนา!]

[สัตว์ขี่ของท่าน ยูนิคอร์นแสงศักดิ์สิทธิ์ ได้รับการพัฒนา!]

[สัตว์ขี่ของท่าน ยูนิคอร์นแสงศักดิ์สิทธิ์ ได้รับการพัฒนา!]

เสียงของระบบแจ้งเตือนอยู่หลายครั้งภายในหูของเซียวเฟิง และในขณะเดียวกัน แสงสีขาวที่เกิดจากการอัปเกรดก็สว่างขึ้นจากตัวเสี่ยวเสวียด้วย ภายใต้เงื่อนไขที่เซียวเฟิงยินยอมที่จะมอบค่าประสบการณ์ 90% ให้เสี่ยวเสวียนั้น มันทำให้สัตว์ขี่ตัวนี้มีเลเวลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ในตอนนี้ มันกลายเป็นยูนิคอร์นเลเวล 23 และพร้อมที่จะเรียนรู้สกิลใหม่เพิ่มขึ้นแล้ว

กระนั้นแล้วเซียวเฟิงก็ไม่มีเวลาที่จะมาตรวจสอบว่าสกิลใหม่ของเสี่ยวเสวียคืออะไร เขารีบวิ่งตรงไปยังจุดที่ผู้คุ้มกันชั้นที่ 3 แห่งปราสาทใต้พิภพตายลงไป ที่นั่น ชายหนุ่มได้พบกับแสงสีม่วงที่เปล่งสว่างออกมาจากพื้นที่แม้ว่าสนามรบจะวุ่นวายขนาดไหน มันก็ยังคงสามารถสังเกตเห็นได้ชัดเจน

อาร์ติแฟกต์! ชิ้นส่วนอื่นของชุดมังกรปีศาจ!

เซียวเฟิงรีบวิ่งเข้าไปหาสิ่งนั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ และเมื่อเขาหยิบอาร์ติแฟกต์ชิ้นนั้นขึ้นมาแล้ว เขาก็รู้สึกได้ถึงร่าง ๆ หนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายรอบ ๆ นี้ และเธอคนนั้นก็ดูเหมือนจะเล็งอาร์ติแฟกต์ชิ้นนี้อยู่ด้วย ใช่แล้ว…เธอคือซือเยี่ยจิ๋งที่แอบตามเซียวเฟิงมาตลอด

“กล้ามากนะยัยตัวแสบ! คิดจะแย่งของ ๆ ฉันหรือไง?!”

โชคดีที่เซียวเฟิงรับรู้ไว เขาจึงรีบหยิบไอเทมที่เปล่งแสงสีม่วงนั้นขึ้นมาอย่างรวดเร็วเสียก่อนจะหันไปพูดกับซือเยี่ยจิ๋งด้วยความหยาบคาย

“อะ…อะไรเล่า! ก็นายบอกให้ฉันมาช่วยเก็บไอเทมไม่ใช่หรือไง? ฮึ่ม!”

ซือเยี่ยจิ๋งสะดุ้งโหยงเมื่อถูกจับได้ เธอรีบละสายตาออกจากสิ่งที่อยู่ในมือของเซียวเฟิง จากนั้นก็รีบกลับเข้าสู่โหมดซ่อนตัวทันที หญิงสาวไม่กล้าเปิดเผยตัวตนอยู่ที่นี่นาน ๆ เพราะกลัวว่าตนเองจะกลายเป็นเป้าโจมตีของพวกทัพแห่งความมืดแทน

ตัวเซียวเฟิงเองก็ถอยออกจากจุดนั้นด้วยเช่นกัน เขาไม่กล้าที่จะอยู่นานกว่านี้อีกแม้แต่วินาทีเดียว นั่นเพราะแสงบนหัวของตัวเองเริ่มจะหายไปแล้ว นี่เป็นผลจากสกิลของเจ้าแห่งลิช หลุมดำหลุมใหญ่กำลังก่อตัวขึ้นที่กลางอากาศ และแน่นอนว่าเป้าหมายนั้นก็เป็นเซียวเฟิงอย่างไม่ต้องสงสัย

“มากับผมทีกัปตันโบลตัน!”

ตอนนี้เซียวเฟิงยังไม่มีเวลามาจัดการกับเจ้าแห่งลิชตนนี้ เพราะงั้นเขาจึงต้องรีบพาตนเองออกห่างจากระยะตรวจจับของมันพร้อมกับกัปตันโบลตันให้เร็วที่สุด

เพราะเซียวเฟิงนั้นต้องการที่จะตามหาผู้คุ้มกันแห่งปราสาทใต้พิภพตนอื่น ๆ ก่อน มันเป็นเรื่องจริงที่มหาสุสานใต้พิภพนั้นไม่มีมอนสเตอร์เหลืออยู่เลย แต่ในเมื่อผู้คุ้มกันของชั้นที่ 3 แห่งปราสาทใต้พิภพยังมาอยู่ที่นี่ นั่นหมายถึงมันก็มีความเป็นไปได้ที่ผู้คุ้มกันชั้นอื่น ๆ เองก็จะอยู่ที่นี่ด้วย เซียวเฟิงจะต้องหาพวกมันให้เร็วที่สุด ไม่งั้นผู้คุ้มกันแห่งปราสาทใต้พิภพเหล่านั้นอาจจะโดน NPC สัมพันธมิตรฆ่าเอาแน่ ๆ

แล้วถ้ามันเป็นแบบนั้น เซียวเฟิงก็จะไม่สามารถสะสมชุดเกราะมังกรปีศาจให้ครบเซ็ตได้ มันน่าจะเป็นเรื่องที่ชอกช้ำใจน่าดู

นอกจากนี้ ผู้เล่นมากมายที่อยู่ด้านหลังคงจะมาถึงที่นี่ในอีกไม่นานนัก ถ้าเกิดพวกเขามาถึง การตามล่าบอสพวกนี้คงจะกลายเป็นเรื่องยากขึ้นอีกมากเลย

ดังนั้นเซียวเฟิงจึงรีบออกจากแคมป์พันธมิตรแล้วมุ่งหน้าไปด้านนอก เพื่อไม่ให้หลงเขาไปในระยะตรวจจับของมอนสเตอร์ เขาต้องเลี่ยงที่จะใช้สกิลใด ๆ ยังไงเสียผลจากการใช้สกิลครั้งก่อน NPC สัมพันธมิตรเองก็ยังคงได้เปรียบมากอยู่และในเมื่ออีกไม่นานผู้เล่นจำนวนมากก็จะมาถึงที่นี่กันแล้ว ไม่มีทางที่ NPC จะต้านทัพไว้ไม่ไหวแน่

ท้ายที่สุดเซียวเฟิงก็ตัดสินใจร่ายโฮลี่ไลท์ และถ้อยวาจาแห่งเงาใส่เหล่าทัพแห่งความมืดที่โดนสกิลของชายหนุ่มเองก่อนหน้าอีกครั้ง และมันก็ทำให้มอนสเตอร์เหล่านั้นตายลงทันที

เซียวเฟิงไม่มีเวลามาดูว่ามีอะไรดร็อปลงมาบ้าง เขาเห็นเพียงแค่ว่าค่าประสบการณ์ของเขามันถึง 99.99% ของเลเวล 30 แล้ว จากนั้นค่าประสบการณ์ที่เกินมาก็ถูกนำไปเพิ่มให้กับเสี่ยวเสวียอย่างรวดเร็ว

สนามรบแห่งนี้ถือเป็นความสูญเสียที่รุนแรงครั้งหนึ่งของเซียวเฟิงด้วยเหมือนกัน เพราะที่นี่มีทั้งมอนสเตอร์และบอสระดับสูงมากมายมารวมตัวกัน นับเป็นแหล่งเก็บเลเวลของเซียวเฟิงชั้นยอดเลยก็ว่าได้ และด้วยการปกป้องของ NPC เหล่านี้ เขาจึงสามารถเก็บเลเวลได้ถึง 10 เลเวลสบาย ๆ เลยด้วย

แต่ฃเขาถูกส่งมาเพราะเป็นภารกิจสำหรับเปลี่ยนคลาส จนกว่าเขาจะเปลี่ยนคลาสได้ ค่าประสบการณ์ของชายหนุ่มจึงไม่สามารถเกินเลเวล 30 ได้ไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม ฉะนั้นเซียวเฟิงจึงไม่มีกะจิตกะใจที่จะกำจัดมอนสเตอร์เหมือนปกติเสียเท่าไหร่ ดังนั้นสิ่งเดียวที่ทำให้เขามีแรงใจได้ในตอนนี้ ก็คือการไล่ล่าหาชิ้นส่วนของชุดเกราะมังกรปีศาจจากพวกบอสผู้คุ้มกันแห่งปราสาทใต้พิภพเท่านั้น ต่อให้บอสระดับสูงตัวอื่นจะดร็อปอาร์ติแฟกต์เหมือนกัน แต่ตอนนี้ก็ไม่มีอาร์ติแฟกต์ชิ้นใดเข้าตาเซียวเฟิงได้เท่ากับชุดเกราะมังกรปีศาจนี่ได้อีก…

หรือบางที…นี่อาจจะเป็นระบบสมดุลของเกมก็ได้ที่ส่งภารกิจเปลี่ยนคลาสแบบนี้มาให้เซียวเฟิงเพื่อดักทางการอัปเลเวลของเขา ไม่งั้นแล้วหากเลเวลของเซียวเฟิงเพิ่มขึ้นเร็วราวกับจรวด มันจะไม่ยุติธรรมกับผู้เล่นคนอื่นได้

เซียวเฟิงเคลื่อนที่ออกมาไกลพอสมควร เมื่อเห็นว่ารอบ ๆ ตัวดูปลอดภัยแล้ว เขาถึงได้นำชุดเซ็ตมังกรปีศาจชิ้นล่าสุดที่เก็บได้ออกมาตรวจสอบสถานะดู

เกราะมังกรปีศาจ

ระดับ : อาร์ติแฟกต์

ประเภทของอุปกรณ์ : เกราะทั้งตัว

เลเวลอุปกรณ์ : ไม่มี

เลเวลที่สวมใส่ได้ : ไม่ระบุ

สถานะ :

พลังป้องกันกายภาพ +100

พลังป้องกันเวทมนตร์ +100

ค่าความแข็งแกร่ง + (เลเวลของผู้เล่น x 2)

ค่าความว่องไว + (เลเวลของผู้เล่น x 2)

ค่าพลังเวทย์ + (เลเวลของผู้เล่น x 2)

ค่าจิตวิญญาณ + (เลเวลของผู้เล่น x 2)

สกิล :

มังกรคงกระพัน : สกิลติดตัว – ลดความเสียหายทุกอย่างที่ได้รับลง 20%

เกียรติยศมังกร : สกิลติดตัว – ไม่ได้รับผลของการผลัก, การกระแทกหรือการกระทำที่ส่งผลเสียใด ๆ รวมถึงต่อต้านสถานะดีบัฟทุกอย่างด้วย สกิลนี้มีผลก็ต่อเมื่อใช้คู่กับ ‘กระโหลกมังกรปีศาจ’

ขุมพลังแห่งมังกร : สกิลกดใช้ เมื่อสกิล ‘ขุมพลังแห่งมังกร’ ถูกสั่งใช้งาน มันจะไม่รับผลของความเสียหายทุกอย่างเป็นเวลา 10 วินาที คูลดาวน์ 1 ชั่วโมง

คำอธิบาย : 1 ในชุดเซ็ตมังกรปีศาจ พลังของแต่ละชิ้นส่วนจะแสดงผลก็ต่อเมื่อเก็บได้ครบทุกชิ้นแล้ว

มันเป็นหนึ่งในชุดเซ็ตมังกรปีศาจจริง ๆ! แถมค่าสถานะเรียบง่ายและบ้าพลังเหมือนเดิมด้วย! ชุดเกราะนี้ช่วยเพิ่มพลังป้องกันเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกันก็ยังลดความเสียหายลง 20% แถมยังยกเลิกค่าสถานะดีบัฟที่ส่งผลต่อผู้สวมใส่ด้วย แล้วยิ่งสกิลกดใช้เองก็ยังเป็นสกิลเสริมความแข็งแกร่งถึง 10 วินาที!

นี่มัน…ใกล้เคียงกับการเป็นผู้มีพลังป้องกันไร้ขีดจำกัดแล้วนะ!

เซียวเฟิงไม่รอช้าสวมใส่ชุดเกราะชิ้นนี้ลงไปทันที จากนั้นก็โยนชุดเกราะระดับทองทั้งสองชิ้นกลับไปในกระเป๋าเป้ดังเดิม ตอนนี้เขามีชุดเกราะมังกรปีศาจถึง 4 ชิ้นแล้ว!

เกราะมังกรปีศาจชุดนี้เป็นชุดเกราะแบบเต็มตัว นั่นหมายถึงมันมีทั้งส่วนบนและส่วนล่างมาในชุดแล้ว ถ้างั้นก็แสดงว่าชุดเซ็ตเต็มของมันมีแค่ 6 ชิ้นเท่านั้น ดังนั้นแล้วเขาเหลือเพียงเข็มขัดและรองเท้าก็จะเก็บได้ครบทั้งชุดเสียที!

รูปลักษณ์ของชุดเกราะมังกรปีศาจนี่เองก็วิเศษมากเช่นกัน มันประกอบไปด้วยกระดูกเหมือนกับส่วนอื่น ๆ กระดูกซี่โครงหนามากมายเรียงกันเหมือนเขี้ยวมังกรไล่ตั้งแต่หัวไหล่ลงไปจรดปลายเท้า ด้านในของชุดเกราะนี้เป็นเกราะเบาที่เข้ากับสรีระร่างกายเป็นอย่างดีซึ่งมันทำให้ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ดูโดดเด่นเป็นอย่างมาก

“ช่วยตามหาบอสให้ฉันหน่อย ชื่อของมันคือ ผู้คุ้มกันแห่งปราสาทใต้พิภพ!”

สนามรบแห่งนี้กว้างใหญ่เกินไป และไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เต็มไปด้วยผู้ที่กำลังสู้กันอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็นฝั่งสัมพันธมิตรหรือฝั่งของเผ่าพันธุ์แห่งความมืดก็ตาม นอกจากนี้อีกไม่นานก็คงจะมีเหล่าผู้เล่นเข้ามาเสริมอีก

เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากส่งข้อความหาหลิวเฉียงเหว่ยและสกาย

การช่วยเหลือย่อมได้รับการตอบแทน เพราะงั้นพวกเขาสามารถเข้าใจได้ทันทีว่าเซียวเฟิงกำลังขอให้พวกเขาช่วย หลังจากได้รับข้อความนั้นแล้ว เหล่ากิลด์มากมายก็ล้มเลิกที่จะเข้าร่วมสงครามทันที พวกเขากระจายกำลังกันออกไป และตามหาบอสที่เซียวเฟิงระบุชื่อมาจากสนามรบอันกว้างใหญ่แห่งนี้แทน

ขุมพลังของผู้เล่นหลักล้านคนนั้นยิ่งใหญ่มาก ไม่นานนักเซียวเฟิงก็ได้รับข้อความจากไนฟ

“เจ้าแห่งฮีลเลอร์! พวกเราพบตัวบอสที่ชื่อว่า ผู้คุ้มกันชั้นที่ 5 แห่งปราสาทใต้พิภพที่ประตูทางทิศตะวันออก! มันคล้ายกับที่นายพูดมากเลย นี่ใช่บอสที่กำลังตามหาอยู่หรือเปล่า?”

“ฉันจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลย!”

เซียวเฟิงตอบกลับในทันที สนามรบขนาดใหญ่นี้ถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่งใหญ่ ๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั่นคือทิศใต้และทิศตะวันออกที่กำลังเข้าปะทะกัน หลังจากที่กลุ่มของผู้เล่นเข้าร่วมสงครามกันแล้ว พวกเขาก็เริ่มเข้าโจมตีใส่ประตูเมืองแห่งความโศกเศร้าตามคำสั่งก่อนหน้าของเซียวเฟิง คนเหล่านี้พยายามจะเปิดช่องว่างของประตูเมืองให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

ตอนนี้เซียวเฟิงอยู่ทางทิศใต้ เมื่อชายหนุ่มได้รับข้อความจากไนฟ เขาก็ออกเดินทางไปยังทิศตะวันออกอย่างรวดเร็ว แต่เพราะสนามรบนี้วุ่นวายเกินไป เซียวเฟิงจึงไม่สามารถเร่งฝีเท้าสุด ๆ ได้ดังใจหวัง

“ถ้างั้นก็ต้อง!”

ความคิดอันชาญฉลาดโผล่พรวดเข้ามาในหัวของเซียวเฟิง เขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้เสี่ยวเสวียเพิ่งจะเรียนรู้สกิลใหม่ได้เมื่อตอนอัปเลเวล ดังนั้นเขาจึงรีบเปิดค่าสถานะเพื่อตรวจสอบด้วย หากสกิลนั้นเป็นสกิลที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ เขาก็จะใช้มันทันที ด้วยความเร็วของเสี่ยวเสวีย หากไม่พลาดโดนหวดระหว่างทางก็มีโอกาสโดนสกิลบอสระดับสูงโถมใส่เอาได้อย่างง่ายดาย สกิลใหม่นี้ถือเป็นความหวังที่จะทำให้รอดเวลาเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงแล้ว

อย่างน้อยสภาพสมรภูมิตอนนี้ก็ไม่ได้เต็มไปด้วยผู้คนหรือมอนสเตอร์มากมายเหมือนแต่ก่อน อย่าว่าแต่จะวิ่งเลย แค่เดินซิกแซกยังลำบากจนต้องคิดแล้วคิดอีก…

เสี่ยวเสวีย (ยูนิคอร์นแสงศักดิ์สิทธิ์)

เลเวล : 26

ประเภท : สัตว์ขี่

เจ้าของ : แด๊ด

ระดับ : ทองคำ

ธาตุ : แสง

พลังชีวิต : 1,850 / 1,850 หน่วย

มานา : 1,850 / 1,850 หน่วย

พลังโจมตี : 185 – 185 หน่วย

พลังเวท : 185 – 185 หน่วย

พลังป้องกันกายภาพ : 92 – 93 หน่วย

พลังป้องกันเวทมนตร์ : 92 – 93 หน่วย

ทักษะสายพันธุ์ : จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์, จิตวิญญาณแห่งลม

จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ (เลเวล 1) : ยูนิคอร์นแสงศักดิ์สิทธิ์ได้รับพรจากจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ เพิ่มความแข็งแกร่งของพลังป้องกันทางกายภาพและพลังป้องกันทางเวทมนตร์ 50% นอกจากนั้นยูนิคอร์นแสงศักดิ์สิทธิ์ยังสามารถต่อต้านสกิลควบคุมและไม่รับผลของการดีบัฟอีกด้วย

จิตวิญญาณแห่งลม (เลเวล 1) : ยูนิคอร์นแสงศักดิ์สิทธิ์ได้รับพรจากจิตวิญญาณแห่งลม ความเร็วในการเคลื่อนที่จะเพิ่มขึ้นตามเลเวลและเพิ่มความเร็วสูงสุดเป็น 3,800%

ทักษะ : การขี่ขั้นสูง, จิตวิญญาณแห่งความโชคดี, พรจิตวิญญาณ, จิตวิญญาณแห่งลม, จิตวิญญาณแห่งท้องนภา, วายุพิโรธ, สายลมแห่งการรักษา, จิตวิญญาณแห่งแสง, เลือดผู้ดี

การขี่ขั้นสูง : การขี่ขั้นสูงสามารถทำให้ขี่สัตว์ขี่ในช่วงการต่อสู้ได้ แต่หลังจากขี่แล้ว สัตว์ขี่จะใช้พลังชีวิตร่วมกับเจ้าของ หากสัตว์ขี่ได้รับความเสียหายร้ายแรง จะเสียพลังชีวิตได้จนเหลือเพียง 1 หน่วยเท่านั้น ที่เหลือผู้เป็นเจ้าของจะต้องแบกรับความเสียหายไว้เพื่อประคองชีวิต

จิตวิญญาณแห่งความโชคดี (เลเวล 1) : จิตวิญญาณแห่งความโชคดี จะช่วยเพิ่มความโชคให้แก่ผู้เป็นเจ้าของ อัตราการเพิ่มของค่าโชคจะขึ้นอยู่กับเลเวล ปัจจุบันเพิ่ม 1 แต้ม

พรจิตวิญญาณ (เลเวล 2) : พรจิตวิญญาณจะเพิ่มค่าสถานะทั่วไปให้แก่เจ้าของ 5 แต้ม อัตราการเพิ่มค่าสถานะจะขึ้นอยู่กับเลเวลของเจ้าของ x 1

จิตวิญญาณแห่งลม (เลเวล 1) : เมื่อสั่งใช้งาน ‘จิตวิญญาณแห่งลม’ ความเร็วการเคลื่อนที่จะเพิ่มขึ้น 100% เป็นเวลา 30 วินาที ใช้เวลาคูลดาวน์ 1 ชั่วโมง

จิตวิญญาณแห่งท้องนภา (เลเวล 1) : จิตวิญญาณแห่งท้องนภาจะช่วยเพิ่มความสามารถในการบินให้แก่ผู้ที่ครอบครอง ระหว่างที่กำลังบินจะมีความเร็วเพียง 50% เท่านั้นเมื่อเทียบกับบนพื้นดิน ทุก ๆ 1 วินาทีที่กำลังบินจะใช้มานา 10 หน่วย ไม่มีระยะเวลาคูลดาวน์

วายุพิโรธ (ยังไม่เรียนรู้) : ???

สายลมแห่งการรักษา (ยังไม่เรียนรู้) : ???

จิตวิญญาณแห่งแสง (ยังไม่เรียนรู้) : ???

เลือดผู้ดี (ยังไม่เรียนรู้) : ???