บทที่ 40 ดาร์กและเวอร์เธอร์กำลังเดินไปคนละเส้นทาง

จอมมารแค่อยากเป็นคนดี [反派少爷只想过佛系生活]

บทที่ 40 ดาร์กและเวอร์เธอร์กำลังเดินไปคนละเส้นทาง

เมื่อเห็น [ราคะ -1] ที่ลอยผ่านสายตาไปก็ทำให้ดาร์กมั่นใจว่าข้อสงสัยของเขานั้นไม่ผิด

การ์ดดอกไม้ใบนี้สามารถรู้ถึงความคิดของผู้คนผ่านการถ่ายทอดพลังเวทมนตร์ได้

สิ่งที่เรียกว่า ‘ทำนายดวงชะตา’ ไม่ได้เป็นอะไรเลยนอกเสียจากแค่ดึง ‘บุคคลที่ผู้คนคิดถึงในใจ’ ขณะใช้การ์ดออกจากความคิด

การให้การ์ดดอกไม้มีแนวคิดเรื่อง ‘การทำนายความรัก’ ช่วยให้ผู้คนนึกถึงคนที่พวกเขาชอบโดยธรรมชาติเมื่อใช้มัน แล้วบุคคลนั้นก็จะปรากฏขึ้นมาบนการ์ด

‘คนที่บุคคลนั้นชอบหรือรัก’ ก็ทำตามกลไกนี้เดียวกัน

มันเป็นเพียงกลอุบายเล็กน้อย

เพราะไม่เป็นอันตรายจึงไม่ทำให้คนระแวดระวัง

บนพื้นผิวการ์ด มันเป็นแค่ของเล่นชิ้นเล็ก ๆ ที่น่าสนใจมาก

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะไม่เรียบง่ายอย่างที่คิดไว้เสียแล้ว

ดาร์กใช้ปากกาพลังเวทเพื่อทดสอบอีกครั้งและยืนยันว่าการ์ดดอกกุหลาบสีดำได้รับความเสียหายจริง ๆ เขาจึงหยิบสมุดบันทึกออกมาจด

  1. การ์ดดอกไม้สามารถดูดซับความคิดของผู้คนผ่านการถ่ายโอนพลังเวทมนตร์

  2. ต้องมีผู้ที่ใส่พลังเวทมนตร์มากเกินไปโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่กลับไม่มีใครพูดเรื่องนี้จนถึงตอนนี้ แสดงว่าการ์ดดอกไม้มีการตอบสนองพิเศษต่อพลังเวทมนตร์ของคนบางคนเท่านั้น และในตอนนี้มีเพียงฉันเท่านั้น

  3. การ์ดดอกไม้สามารถดูดซับค่ามหาบาปได้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าลำดับรากฐานของมันนั้นสูงมาก

  4. คนที่ทำการ์ดดอกไม้แบบนี้ต้องเป็นคนระดับสูง

  5. ฉันต้องการมัน

ไม่ว่าใครจะเป็นคนทำการ์ดดอกไม้นี้และเพื่อจุดประสงค์อะไร ความสามารถในการดูดซับ [ราคะ] ของการ์ดนั้นก็ไม่เปลี่ยนแปลง!

ถ้าสามารถรวบรวมการ์ดดอกไม้ได้เพียงพอ เขาก็จะสามารถพยายามเพิ่มค่า [ราคะ] ให้มากกว่าหนึ่งร้อยหน่วย เพื่อสร้างการ์ดเมจิกหมวดราคะได้

หัวใจของดาร์กเริ่มกระสับกระส่าย

เขาเกือบจะสูญเสียการควบคุมค่า [โลภะ] ของตัวเองไป

ดาร์กทำให้จิตใจของเขาสงบลงอย่างรวดเร็ว ลงมือเก็บกวาดส่วนที่เหลือของการ์ดดอกไม้ และบรรจุมันไว้ในถุงปิดผนึก

ในขณะเดียวกัน เวอร์เธอร์และโรเบิร์ตกำลังฝึกประลองกันที่ทางเดินในปราสาท

สัตว์อสูรมายาของเวอร์เธอร์เป็นกวางธาตุแสง

เมื่อมันยกศีรษะขึ้น ความสูงจะอยู่ที่ประมาณสองเมตร เขากวางแสนสง่างามของมันแตกแขนงราวกับกิ่งไม้ ทั้งยังให้พลังโจมตีที่สูงกว่าสัตว์อสูรมายาทั่วไปมาก

แต่เนื่องจากแก่นแท้ยังเป็นสัตว์อสูรมายา พลังเวทมนตร์ของมันจึงมีเพียงหนึ่งร้อยหน่วยเท่านั้น

[ชื่อการ์ด: สัตว์อสูรมายา]

[ประเภท: การ์ดวิญญาณ]

[ระดับ: ✪ ]

[เผ่าพันธุ์: ประเภทนกและสัตว์อสูร]

[คุณสมบัติ: แสง]

[พลังงานเวทมนตร์: 100 หน่วย]

[พลังโจมตี: 200 หน่วย]

[พลังป้องกัน: 100 หน่วย]

[ท่าไม้ตาย: แสงสว่างแห่งจิตวิญญาณ]

แม้ว่าข้อมูลความสามารถ [สัตว์อสูรมายา: อีบุย] ของดาร์กจะไม่ได้แสดงอยู่บนการ์ด แต่ [สัตว์อสูรมายา: กวาง] ของเวอร์เธอร์และ [สัตว์อสูรมายา: ปราสาท] ของโรเบิร์ตนั้นกลับปรากฏข้อมูลที่สมบูรณ์อยู่บนการ์ด

[สัตว์อสูรมายา] ของเด็กทั้งสามคนนั้นแตกต่างจากสัตว์อสูรมายาทั่วไป

เวอร์เธอร์ไม่ได้มั่นใจอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าเรื่องจะคว้าชัยชนะในคาบเรียนก็จริง

แต่หลังจากซ้อมกับโรเบิร์ตได้สักพัก เขาก็ค่อย ๆ พบว่าความคิดของตนไร้เดียงสาเกินไป

ปราสาทของโรเบิร์ตนั้นแข็งแกร่งมาก!

แม้แต่พลังโจมตีสองร้อยหน่วยของกวางก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับมันได้!

หลังจากพยายามอยู่หลายครั้งแต่ไม่เป็นผล เวอร์เธอร์ก็พูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “มันไม่ยุติธรรมเลย โรเบิร์ต”

โรเบิร์ตยิ้มอย่างมีชัย ไม่แสดงอาการท้อแท้อีกต่อไป “ไม่ เวอร์เธอร์ นี่คือความจริง! สามร้อยมากกว่าสองร้อย ใครก็รู้!”

เวอร์เธอร์ขมวดคิ้ว “แต่ฉันจำได้ว่าศาสตราจารย์โจนส์เคยพูดว่าข้อมูลบนการ์ดวิญญาณสามารถใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงได้เท่านั้น ไม่คิดว่าความจริงจะมีแตกต่างอยู่มาก”

โรเบิร์ตพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “ฉันเคี้ยวยากกว่าที่นายคิดไงล่ะ! ฮ่า ๆๆ!”

“สู้ต่อไม่ได้แล้ว!”

เวอร์เธอร์ถอนหายใจ “คืนนี้พอแค่นี้แล้วกัน ฉันอยากไปฝึกเองต่อด้วย”

แล้วทั้งสองก็แยกย้ายกัน

เมื่อโรเบิร์ตเดินไปรอบ ๆ บริเวณข้างนอกก็เห็นว่านักเรียนชั้นปีหนึ่งหลายคนกำลังฝึกประลองกัน แต่พวกเขาก็แค่เล่นกันอย่างไม่จริงจัง เมื่อเห็นเช่นนั้นเด็กชายจึงยิ้มออกมาอย่างบอกไม่ถูก

เวอร์เธอร์ดึงการ์ดดอกไม้สีม่วงแดงออกมาหลังจากแยกกับโรเบิร์ต

เมื่อเติมพลังเวทมนตร์ลงไป ใบหน้าของบุคคลนั้นก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งในการ์ดดอกไม้

สีหน้าของเวอร์เธอร์ดูงุนงงเล็กน้อย ทว่าความผิดปกติที่การ์ดแสดงให้เห็นในห้องสมุด ทำให้เขาตระหนักได้ว่าการ์ดดอกไม้นี้ไม่ธรรมดา

แต่เขาไม่รู้ว่าจะจัดการกับมันอย่างไรน่ะสิ?

เขาควรบอกศาสตราจารย์หรือไม่?

หรือเขาควรจะสำรวจมันด้วยตัวเอง?

ถ้าเขาบอกศาสตราจารย์ ความลับของเขาจะถูกเปิดเผยใช่ไหม?

เด็กชายตัดสินใจไม่ได้

เวอร์เธอร์ดึง ‘สู่ห้วงลึก’ ที่เขาพกติดตัวออกมา

เพราะคืนนี้ยังเป็นคืนจันทร์เต็มดวง ดังนั้นเขาจึงสงสัยว่าตนเองจะยังเห็นลูกศรหรือไม่

เด็กชายเปิดปกหนังสือแล้วก้าวออกจากปราสาทเพื่ออาบแสงจันทร์ พลันแถวข้อความเริ่มบิดเบี้ยวและหมอกสีชมพูก็ลอยขึ้นมาจากหน้าหนังสือ

แต่พวกมันไม่ได้มาบรรจบกันเป็นรูปร่างลูกศร

กลับกัน มันลอยไปทางการ์ดสีม่วงในมือของเขาแทน!

เวอร์เธอร์ตกใจและแยกทั้งสองอย่างออกจากกันโดยไม่รู้ตัว

แต่หมอกสีชมพูก็เร่งความเร็วขึ้น และพุ่งเข้าไปในการ์ดดอกไม้ทันที!

ตอนนั้นเอง การ์ดดอกไม้ก็เปลี่ยนไปทันที ดอกไม้สีม่วงบนการ์ดเริ่มบานทีละดอก และปล่อยกลิ่นหอมฉุนของมันออกมา

แล้วภาพเหมือนของรุ่นพี่แพนดอร่าก็มีชีวิตขึ้นมาทันที!

รุ่นพี่สาวดึงร่างของเธอครึ่งหนึ่งออกมาจากการ์ด จากนั้นก็ยกมือแสนเรียวบางขึ้นมารวบผมไว้ด้านหลังใบหูของเธอ เผยให้เห็นลำคอระหงที่นวลตาและบอบบาง

ดวงตาของเวอร์เธอร์เบิกกว้าง เขามองดูรุ่นพี่แพนดอร่าที่เหมือนกับคนจริง ๆ จนตกตะลึง!

ไม่กี่นาทีต่อมา

เวอร์เธอร์ใส่ ‘สู่ห้วงลึก’ กลับเข้าไปในกระเป๋านักเรียน เหลือแต่การ์ดดอกไม้ที่ถูกหมอกสีชมพูห่อหุ้มไว้ในมือ

เขาวางการ์ดดอกไม้ไว้ในฝ่ามือ และมองลงไปที่รุ่นพี่แพนดอร่าซึ่งเปลี่ยนท่าทางอยู่ในการ์ดดอกไม้เป็นครั้งคราว เขากระซิบว่า “ทางนี้หรือเปล่า?”

รุ่นพี่แพนดอร่าหัวเราะเบา ๆ และพยักหน้าเล็กน้อย

เสียงหัวเราะของเธอช่างอ่อนโยนและใสกังวาน ราวกับว่าน้ำพุไร้มลทินหลั่งไหลเข้าสู่หัวใจของเวอร์เธอร์

เวอร์เธอร์ทำตามการชี้นำของเธออย่างหมกมุ่น

ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็มาถึงที่ที่เขามาเมื่อคืน เวอร์เธอร์เดินผ่านรูปปั้นของจอมเวทอย่างเร่งรีบ แล้วเลี้ยวไปทางแยกอีกทางหนึ่ง

การชี้นำของรุ่นพี่แพนดอร่านั้นชัดเจนยิ่งกว่าหมอกที่เวอร์เธอร์เคยเห็นเมื่อวานนี้

เขาเข้าไปในเส้นทางลับและเร่งฝีเท้าของตัวเอง ไม่นานหลังจากนั้นก็มาถึงห้องโถง

เป็นสถานที่ลับซึ่งซ่อนอยู่ในส่วนลึกของปราสาท ห้องโถงนี้มีขนาดประมาณห้องเรียนบรรยาย นอกจากนี้ยังมีเสาหินสองเสาตั้งอยู่ตรงกลาง และมันถูกแกะสลักด้วยลวดลายการระบำของเทพธิดา

เบื้องหน้าเป็นแท่นบูชาสูง

และบนแท่นบูชามีรูปปั้นของเทพธิดาอยู่!

เมื่อเวอร์เธอร์ก้าวเข้ามา คบไฟทั้งสองด้านของห้องโถงก็สว่างขึ้นโดยอัตโนมัติ ส่องสว่างไปทั่วทุกมุมของห้องโถง

เด็กชายมองไปที่รูปปั้นอย่างประหม่า

รูปปั้นตรงหน้าแกะสลักจากหยกขาวละเอียดอ่อน และฝุ่นแห่งประวัติศาสตร์ก็ไม่ทิ้งร่องรอยไว้มากนัก

เขาเอามือประสานกันตรงหน้าอก หลับตา และพยักหน้าเล็กน้อย ราวกับว่ากำลังสวดอ้อนวอนอะไรบางอย่าง

แสงจากเปลวไฟส่องสว่างอยู่บนนั้นสะท้อนแสงสีขาวจนราวกับเป็นดวงจันทร์ที่สุกสกาว

จู่ ๆ เวอร์เธอร์ก็นึกขึ้นได้ว่า พอเห็นอะไรแบบนี้ เขารู้สึกเหมือนจิตใจตัวเองถูกดึงดูดออกไป

มันศักดิ์สิทธิ์และสวยงามมาก

กึก!

จู่ ๆ เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้น