ตอนที่ 577

Elixir Supplier

577 ล้อเล่นรึเปล่า? ฉันไม่กลัวใครทั้งนั้น!

 

ตั้งแต่ที่หวังเย้าได้เรียนรู้วิธีการวินิจฉัยโรคจากการดูสีหน้าแล้ว เขายังได้เรียนรู้เรื่องการดูโหงวเฮ้งของคนอีกด้วย ยิ่งเขาเป็นหมอที่เก่งขึ้นมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งดูโหงวเฮ้งเก่งตามไปด้วย

 

กั๋วเจิ้งเหอที่มักจะยิ้มแย้มอยู่เสมอ ดูเป็นคนน่าคบหาและนิสัยดี ผู้คนส่วนใหญ่จะคิดว่า เขาเป็นคนที่มีคุณธรรม แต่จริงๆแล้ว เขากลับเป็นคนที่ร้ายกาจอย่างมาก คนแบบเขามักจะคิดคำนวนอยู่ในหัวเสมอและมีด้านมืดที่คนอื่นไม่รู้

 

บางที ฉันอาจจะคิดมากเกินไปก็ได้ หวังเย้าคิด

 

กั๋วเจิ้งเหอเดินไปรอบๆหมู่บ้านอย่างไม่เร่งรีบ เขาสังเกตดูรอบๆหมู่บ้านด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเขา รอยยิ้มของเขานั้นน่ามองอย่างมาก เขาพยักหน้าและทักทายชาวบ้านที่เขาพบเห็น

 

“ชายหนุ่มคนนั้นเป็นใครกันน่ะ?” ชาวบ้านคนหนึ่งถามขึ้นมา “เขาทั้งสุภาพและดูดีมาก”

 

ชาวบ้านทุกคนที่ได้พบเห็นกั๋วเจิ้งเหอต่างก็เกิดความประทับใจในตัวเขา ดูเหมือนว่า การมีหน้าตาที่ดีเป็นข้อได้เปรียบอย่างมาก

 

หืม? เฉินหยิงมองเห็น กั๋วเจิ้งเหอที่กำลังเดินอยู่บนถนน แต่เขาไม่เห็นเธอ เขามาทำอะไรที่นี่กัน?

 

เธอมองดูเขาเดินไปขึ้นรถและขับออกไป เฉินหยิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปที่คลินิกของหวังเย้า

 

“สวัสดีครับ” หวังเย้าพูด

 

“สวัสดีค่ะ หมอหวัง กั๋วเจิ้งเหอมาที่นี่เหรอคะ?” เฉินหยิงถาม

 

“ครับ พี่เห็นเขาด้วยเหรอครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ค่ะ แล้วเขามาทำอะไรที่นี่เหรอคะ?” เฉินหยิงถาม “ฉันไม่ได้อยากจะยุ่งเรื่องของคนอื่นหรอกนะคะ แค่สงสัยเฉยๆ”

 

“ก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอกครับ” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม “เขาบอกว่า เขาแค่ผ่านมาทางนี้เฉยๆ แล้วก็คิดถึงผมขึ้นมาน่ะครับ”

 

“เขาพูดแบบนั้นจริงๆเหรอคะ?” เฉินหยิงถาม

 

“ครับ มีอะไรเหรอ?” หวังเย้าถาม

 

“เปล่าหรอกค่ะ หมอหวัง ฉันแค่อยากจะเตือนคุณเอาไว้หน่อยน่ะค่ะ ฉันได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับกั๋วเจิ้งเหอมาว่า เขาเป็นคนที่มีแผนการอยู่ในหัวตลอดเวลา” เฉินหยิงพูด

 

“จริงเหรอครับ?” หวังเย้าถามด้วยความแปลกใจ เขาไม่คิดว่า เฉินหยิงจะมาหาเขาถึงที่นี่เพื่อบอกเรื่องนี้กับเขา บางที เฉินหยิงอาจจะอยากเตือนให้เขาระวังกั๋วเจิ้งเหอเอาไว้ก็ได้ ตอนนี้ เขาก็นึกถึงเรื่องที่กั๋วเจิ้งเหอไปที่กระท่อมของเฉินหยิงตอนที่เขาอยู่ปักกิ่งขึ้นมาได้ ในตอนนั้น เฉินหยิงดูจะกลัวกั๋วเจิ้งเหออยู่เล็กน้อย

 

แต่หวังเย้าก็ไม่คิดว่า บนเส้นทางเดินของเขาจะต้องมาเจอกับกั๋วเจิ้งเหออีกครั้ง แต่ครั้งหนึ่ง เขาก็เคยช่วยชีวิตกั๋วเจิ้งเหอเอาไว้

 

“ผมเข้าใจแล้วครับ ขอบคุณมาก” หวังเย้าพูด “แล้วคืนนี้ พี่กับเฉินโจวว่างไหมครับ?”

 

“ว่างสิคะ” เฉินหยิงพูดด้วยรอยยิ้ม เธอพาเฉินโจวมาที่หมู่บ้านแห่งนี้ก็เพื่อมารักษากับหวังเย้า และไม่มีแผนที่จะทำอย่างอื่นอยู่เลย

 

“งั้นคืนนี้ เราไปกินข้าวเย็นด้วยกันดีไหมครับ?” หวังเย้าถาม “ผมเลี้ยงเอง”

 

“ค่ะ แต่หมอไม่จำเป็นต้องเลี้ยงเราหรอกค่ะ” เฉินหยิงพูด

 

“ก็ได้ครับ” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“โอเคค่ะ” เฉินหยิงพูด

 

หวังเย้าบอกกับพ่อแม่ของเขา ก่อนที่เขาจะขับรถพาเฉินหยิงและเฉินโจวไปที่ร้านอาหารไม่ไกลจากหมู่บ้าน

 

พวกเขาสั่งอาหารจานพิเศษของร้านมาสองสามจาน รวมไปถึงอาหารที่ทำมาจากเห็ดที่เก็บมาจากในป่าด้วย เจ้าของร้านเก็บเห็ดมาในช่วงฤดูร้อน จากนั้นก็นำเห็ดไปตากแห้งและเก็บเอาไว้ในที่มืดและแห้ง เขายังได้สั่งไก่เลี้ยงแบบปล่อยและปลาที่จับจากในแม่น้ำมาทำอาหารด้วย ไม่มีวัตถุดิบที่ได้จากการเพาะเลี้ยงเลย

 

“อร่อย!” เฉินหยิงและน้องชายของเธอต่างก็พอใจกับอาหาร

 

อาหารบางอย่างไม่มีให้พวกเขาซื้อกินในปักกิ่ง ปักกิ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย และที่หมู่บ้านแห่งนี้ก็เช่นกัน

 

ภายในร้านอาหารค่อนข้างวุ่นวาย ลานจอดรอถของร้านก็เต็มไปด้วยรถ

 

“กิจการดีมากเลยนะครับ” หวังเย้าพูด

 

“ใช่ น้ำพุร้อนทำให้คนมาที่นี่กันเยอะมากเลยล่ะ” เจ้าของร้านพูด

 

หวังเย้าเป็นลูกค้าประจำของที่ร้าน ดังนั้น เจ้าของร้านจึงค่อนข้างคุ้นเคยกับเขา

 

“น้ำพุร้อนมีลูกค้าเยอะจริงๆ” หวังเย้าพูด

 

“อาจจะเพราะเพิ่งเปิดใหม่ก็ได้ อีกสองเดือนต่อจากนี้ คนก็คงจะไม่ได้เยอะขนาดนี้แล้วล่ะ” เจ้าของร้านพูด “ผมต้องเอาอาหารไปเสริฟลูกค้าแล้ว ไว้คุยกันทีหลังนะ ถ้าต้องการอะไรก็เรียกได้เลยนะครับ”

 

“ได้ครับ” หวังเย้าพูด

 

“แถวนี้มีน้ำพุร้อนด้วยเหรอคะ?” เฉินหยิงถาม

 

“ครับ พวกเขาเพิ่งจะขุดเจอเมื่อปีที่แล้วนี้เอง มันตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของหมู่บ้าน ห่างจากนี้ไปประมาณ 10 กิโลเท่านั้นเองครับ” หวังเย้าพูด

 

“แล้วแถวนี้มีที่ไหนน่าเที่ยวบ้างไหมคะ?” เฉินหยิงถาม เธอเคยไปเที่ยวแค่เนินเขาจิ่วเหลียน ตอนที่มาพร้อมกับซงรุ่ยปิงและซูเสี่ยวซวีเท่านั้น แล้ววันนั้นก็มีหิมะตกลงมาด้วย ดังนั้น มันจึงเป็นภาพที่ดูต่างออกไปจากปกติ

 

“พูดตามตรงเลยนะครับ ในเหลียนชานไม่ค่อยจะมีที่ให้ไปเท่าไหร่หรอกครับ มันเป็นแค่เมืองเล็กๆเมืองหนึ่ง ไม่เหมือนกับที่ปักกิ่ง ที่มีที่เที่ยวอยู่ทั่วไปหมด” หวังเย้าพูด “เนินเขาจิ่วเหลียนถือว่า เป็นที่ที่น่าเที่ยวที่สุดในเหลียนชานแล้ว และชื่อของเนินเขาก็มีชื่อเมืองอยู่ท้ายชื่อด้วย

 

“แล้วห่ายชิวล่ะคะ?” เฉินหยิงถาม

 

“มันเป็นเมืองติดชายทะเลครับ พวกพี่ลองไปเที่ยวดูทะเลที่นั่นก็ได้ เพราะผมก็คิดที่เที่ยวที่อื่นไม่ได้แล้วจริงๆ” หวังเย้าพูด

 

สิ่งที่เห็นในอินเตอร์เนตล้วนน่าสนใจทั้งนั้น ยกตัวอย่างเช่น เนินเขาและถ้ำในห่ายชิวที่ดูงดงามมากจากภาพที่โพสออนไลน์ แต่เนินเขาที่ว่า กลับกลายเป็นเพียงแค่ดินกองหนึ่งเท่านั้น ทั้งยังเล็กกว่าเนินเขาในเหลียนชานด้วยซ้ำ ส่วนถ้ำที่พูดถึง ก็ถูกสร้างขึ้นมาจากก้อนหินหลายๆก้อน ซึ่งอาจจะเกิดจากฝีมือมนุษย์ด้วย จุดท่องเที่ยวที่ว่าน่าไป กลับกลายเป็นน่าเบื่อและน่าผิดหวังแทน

 

“เราคิดกันว่า สองสามวันหลังจากนี้จะลองไปเที่ยวรอบๆดูน่ะค่ะ” เฉินหยิงพูด

 

“ก็ดีนะครับ ตอนนี้ อาการของเสี่ยวโจวก็คงที่ดีแล้ว การได้เที่ยวบ้างถือเป็นเรื่องดี” หวังเย้าพูด

 

“เฮ้ย เอาอะไรใส่ลงไปในจานนี้กันเนี้ย?” อยู่ๆพวกเขาก็ได้ยินเสียงตะโกนดังขึ้น

 

“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?” เจ้าของร้านรีบเข้าไปที่โต๊ะของลูกค้าที่มีปัญหา

 

หวังเย้า เฉินหยิง และเฉินโจวเพิ่งทานอาหารเสร็จและเตรียมจะออกไปจากร้าน

 

“ก็ดูสิ! พอกินอาหารของที่ร้านไป ลูกชายของฉันก็อ้วกออกมา” ชายวัยประมาณ 40 พูดตะคอก

 

พวกเขาเพิ่งจะไปรีสอร์ทน้ำพุร้อนมา เพราะพวกเขาไม่อยากจะทำอาหารกินกันเอง และเห็นว่า มีร้านอาหารแนะนำในอินเตอร์เนต ซึ่งก็คือร้านนี้ ที่อาหารและราคาน่าพอใจ พวกเขาจึงเลือกมาทานอาหารกันที่นี่ แต่หลังจากที่กินอาหารเข้าไป ลูกชายของพวกเขาก็เริ่มบ่นว่าปวดท้อง ไม่นานจากนั้น เขาก็อาเจียนออกมา และทำให้ชายวัยกลางคนผู้เป็นพ่อรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา

 

ทุกคนที่อยู่ในร้านต่างก็ได้ยินเสียงตะโกนของเขา และเข้ามามุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 

ผู้เป็นภรรยาคว้าแขนของเขาเอาไว้ เธอไม่ต้องการให้เขาทำเป็นเรื่องใหญ่ แต่ผู้เป็นสามีก็ไม่สนใจ แล้วเขาก็ไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งนั้นด้วย

 

เจ้าของร้านทำอะไรไม่ถูก เขาไม่อยากให้ชื่อเสียงของร้านต้องมาเสียหายเพราะเรื่องนี้ ถ้าหากคนอื่นๆคิดว่า อาหารในร้านของเขาไม่สะอาด ก็จะไม่มีใครมาทานที่ร้านอีก

 

“ผม…” เจ้าของร้านไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี

 

ในความเป็นจริง ถ้าไม่รวมเห็ดตากแห้งที่เขาเก็บเอาไว้เมื่อปีที่แล้ว อาหารทุกอย่างในร้านของเขาก็ล้วนสดใหม่ทั้งนั้น แล้วช่วงหลังมานี้ ร้านของเขาก็ขายดีมาก วัตถุดิบที่ตุนเอาไว้จึงหมดเร็วตามไปด้วย เขาจึงไม่คิดว่า จะมีวัตถุดิบตัวไหนที่หมดอายุถูกเก็บเอาไว้

 

“อาหารที่นี่เป็นของสดทั้งหมด แล้วก็ไม่เคยมีลูกค้าบ่นเรื่องนี้เลยด้วย” เจ้าของร้านพูด “ที่เขาอ้วกอาจจะเป็นเพราะสาเหตุอื่นรึเปล่าครับ?”

 

“จะสาเหตุอะไรล่ะ? เขาเป็นปกติดีทุกอย่างและมีความสุขดี จนถึงเมื่อกี้นี่แหละ!” ผู้เป็นพ่อลุกขึ้นยืน เขามีส่วนสูงเกือบ 180 เซนและดูบึกบึน “ฉันจะบอกให้นะ ฉันค่อนข้างจะมั่นใจเลยล่ะว่า อาหารของที่ร้านที่แหละที่ทำให้ลูกชายของฉันป่วยน่ะ!”

 

“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?” หวังเย้าเดินเข้ามา เขาเตรียมจะกลับแล้ว แต่บังเอิญเห็นเจ้าของร้านมีปัญหาอยู่

 

“แกเป็นใคร?” ชายคนนั้นถามอย่างไร้มารยาท

 

“ผมเป็นหมอครับ” หวังเย้าพูด

 

ชายคนนั้นหยุดสบถในทันที เขาหลีกทางให้หวังเย้าเพื่อเข้าไปตรวจดูอาการของลูกชายเขา ที่กำลังร้องโอดโอยเพราะปวดท้อง

 

หวังเย้าคุกเข่าลงเพื่อดูเศษอาหารที่อยู่บนพื้นและจับดูชีพจรของเด็ก แล้วเขาก็หันไปมองอาหารที่อยู่บนโต๊ะ แล้วเขาก็รู้ถึงสาเหตุได้ในทันที

 

ชายคนนั้นสั่งเห็ดป่า, ปลา, ไข่เจียว, ไก่ผัดเผ็ด, และเนื้อแพะ

 

“อาหารไม่ได้มีปัญหาหรอกครับ แต่ปัญหาอยู่ที่ลูกชายของคุณต่างหาก” หวังเย้าพูด

 

“อะไรนะ?” ผู้เป็นพ่อถามด้วยความไม่พอใจ “ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ลูกชายของฉัน! แกเป็นเพื่อนกับเจ้าของร้านใช่ไหม?”

 

“ให้ผมพูดจบก่อนสิครับ” หวังเย้าพูดอย่างใจเย็น

 

“ตอนที่อยู่รีสอร์ทน้ำพุร้อน ลูกชายของคุณกินไอศกรีมไปเยอะมาก” หวังเย้าพูด “ผมพูดถูกไหมครับ?”

 

ผู้เป็นพ่อรู้สึกประหลาดใจ ดวงตาของเขาเบิกกว้าง แต่เขาก็ไม่ได้ตอบอะไรออกมา

 

หวังเย้าเห็นไอศกรีมบางส่วนปนอยู่ในอ้วกของเด็ก

 

“หมอพูดถูกแล้วค่ะ เขาคิดไอศกรีมไปสองแท่งกับโค้กอีกหนึ่งขวด” แม่ของเด็กพูด

 

“การกินอาหารที่เย็นมากเกินไปจะทำให้กระเพาะมีปัญหาได้ ถึงจะไม่ได้มากินข้าวที่นี่ เขาก็อาจจะอ้วกออกมาได้เหมือนกัน แล้วอาหารที่พวกคุณสั่งไปก็ยังเป็นพวกเห็ด, ไก่ผัดพริกและแพะด้วย พริกก็เป็นตัวที่ไปกระตุ้นกระเพาะด้วยเหมือนกัน แล้วนั่นก็คือสาเหตุที่ลูกชายของคุณเป็นแบบนี้ครับ” หวังเย้าพูด

 

“อ่อ” แม่ของเด็กพูด

 

“คุณเก่งมากเลยนะ” ลูกค้าคนหนึ่งพูด

 

ลูกค้าคนอื่นๆดูเหมือนจะเห็นด้วยกับหวังเย้า

 

“อะไรกัน? พวกแกคงจะรู้จักกันหมดเลยสินะ!” พ่อของเด็กตะคอกออกมา

 

“สิ่งที่คุณควรทำในตอนนี้ก็คือ การพาลูกของคุณไปตรวจที่โรงพยาบาล ให้เขาได้รับการรักษาที่เหมาะสม แทนที่จะมามัวตะโกนโหวกเหวกที่นี่ดีกว่านะครับ” หวังเย้าพูด

 

“ค่ะๆ เราควรไปกันได้แล้ว!” แม่เด็กอุ้มลูกของเธอขึ้นมาและเดินตรงไปที่ประตู

 

ผู้เป็นสามีคว้าเสื้อคลุมของตัวเองและเดินตามพวกเขาออกไป

 

“หลีกไป!” หวังเย้ายืนขวางทางเขาอยู่

 

ชายคนนั้นผลักหวังเย้า แต่กลับเป็นเขาที่เด้งจนไปชนเข้ากับกำแพงแทน “นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย!”

 

“จริงเหรอเนี่ย? นี่เขาแกล้งล้มเองใช่ไหม?” คนที่ยืนมุงดูอยู่พูดออกมาด้วยความตกใจ