เล่ม 1 ตอนที่ 274 ให้เด็กสาวเป็นจักรพรรดินีรึ

ราชินีพลิกสวรรค์

ลู่เจี้ย ได้จัดหาคนฝีมือดีไว้เพื่อนางแล้ว

ลู่เจี้ย ยังจัดเตรียมกองทัพของตระกูลลู่ไว้ให้นาง!

ลู่เจี้ย จัดเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว เพื่อที่จะให้นางได้เป็นจักรพรรดินี!

ณ อาณาจักรจยาเซียน วันนี้ข่าวนายน้อยลู่เจี้ยเสียชีวิตได้ถูกแพร่กระจายออกไปทั่ว ซึ่งทั้งมีคนโศกเศร้าและมีคนดีใจ รวมถึงมีกลุ่มอำนาจไม่น้อยเริ่มเคลื่อนไหวอย่างโง่เขลา

หลังพิธีศพสามวัน มีพระราชโองการจากเบื้องบนลงมา

ฮ่องเต้ลู่วั่งชวนแห่งอาณาจักรจยาเซียน เนื่องจากสูญเสียหลานรัก เศร้าโศกเกินรับไหว ไม่มีจิตใจที่จะทรงงานของราชสำนักและดูแลประชาชน จึงตัดสินใจที่จะสละบัลลังก์ และยกบัลลังก์ให้จักพรรดินี องค์หญิงเสวียนเทียนเจียงหลี

หลังจากนั้นสามวัน จะเป็นวันงานพระราชพิธีขึ้นครองราชย์ขององค์หญิงเสวียนเทียน

องค์หญิงเสวียนเทียนขึ้นครองราชย์หรือ

ข่าวถูกแพร่ออกไป ทั่วราชอาณาจักรต่างตกตะลึง!

ราษฎรต่างวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา บ้างก็ว่าลู่วั่งชวนแก่แล้วเลอะเลือน หรือไม่ก็บัลลังก์ทำไมไม่ยกให้หยวนอ๋องลู่เสวียน แต่กลับยกให้หญิงสาวแทน”

แล้วก็มีคนถามว่าองค์หญิงเสวียนเทียนเจียงหลีปีนี้อายุเท่าไร คล้ายว่า…อายุยังเต็มไม่สิบหก!

จักรพรรดินีที่อายุไม่ถึงสิบหกปีหรือ และเป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่ง นางจะสามารถดูแลใต้หล้าให้ดีได้ไหม จะรู้จักวิธีปกครองคนหรือ

เสียงวิจารณ์ยิ่งอยู่ยิ่งใหญ่ขึ้น ข่าวคราวของอาณาจักรจยาเซียนค่อยๆ แพร่กระจายไปทั่วทุกสารทิศ

ณ วังหลวง เจียงหลียังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ คนข้างกาย ต่างเรียกว่าฝ่าบาทกันแล้ว

“ฝ่าบาท เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่มีต่อฝ่าบาทในตอนนี้ได้สืบสวนจนได้ความแล้ว มีผู้ชักใยจำนวนไม่น้อยบ่งการอยู่เบื้องหลัง พวกเขาต่างไม่พอใจที่ฝ่าบาทขึ้นครองราชย์พะยะค่ะ” เซียวเซียวราวกับว่าลืมไปแล้วว่าพวกเขาสองคนเคยพบเจอกันมาก่อน แต่บัดนี้อยู่ต่อหน้าเจียงหลี นอกจากความจงรักภักดีและความเคารพแล้ว ก็มิได้มีอย่างอื่นรวมอยู่ด้วยเลย

“สืบเจอคนที่ชักใยอยู่เบื้องหลังหรือไม่” เจียงหลีถามอย่างนิ่งสงบ

พวกเสียงวิจารณ์เหล่านี้ อยู่ในความคาดหมายของนางตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เช่นนี้ก็ดีไม่น้อย จะได้ใช้โอกาสนี้คัดขุนนางในราชสำนัก

            “ตอนนี้ตรวจสอบแล้วมีเว่ย กงซุน ฉี และหรง” ตระกูลที่เซียวเซียวเอ่ย ต่างเป็นตระกูลใหญ่ที่มีชื่อเสียงมาช้านาน

โดยเฉพาะ “หรง” เป็นหนึ่งในตระกูลที่มีเงินทุนมากที่สุด

เจียงหลียิ้ม ผลที่เซียวเซียวสืบมานั้นตรงกับรายชื่อที่ลู่เจี้ยได้เตือนให้นางระวังไว้ก่อนหน้านี้ คนเหล่านี้ เมื่อตอนที่ลู่เจี้ยยังมีชีวิตอยู่ เลือกที่จะอยู่เงียบๆ เก็บง่ำซ่อนเงื่อนเอาไว้ แต่บัดนี้ลู่เจี้ยได้จากไปแล้ว นางที่เป็นจักรพรรดินีสาวน้อยที่ยังมิได้ขึ้นครองราชย์ พวกเขาก็ไม่รีรอที่จะสร้างเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาเลยหรือ

ประจวบเหมาะกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของนาง ยังขาดนิมิตหมายอันดีบางอย่างอยู่!

“เจ้าออกไปได้” เจียงหลีให้เซียวเซียวถอยออกไป

เซียวเซียวเดินออกไปอย่างเงียบๆ

พวกเขาปิดบังตัวตน ทำงานเป็นความลับ และเป็นนักรบที่ยอมเสี่ยงตาย โดยที่ซ่อนอยู่ในความมืด ช่วยเจียงหลีปกครองใต้หล้า ขณะเดียวกัน ก็ต้องค่อยติดตามนางไปทุกที่ทุกเวลาและยอมสละชีพเพื่อปกป้องเจียงหลี

            หลังจากที่เขาเดินออกไป อวี้ซูที่แต่งกายอย่างประณีตเดินเขามา ภายในมือถือถาดและในถาดมีชาร้อนวางอยู่

ภายใต้การฝึกอบรมของลู่จ้าน นางมิใช่อวี้ซูคนเดิมอีกต่อไป นางสามารถกลายเป็นนางกำนัลปรพกายของเจียงหลีและเป็นคนที่จงรักภักดีต่อนางที่สุด!

“ฝ่าบาท เสวยชาร้อนก่อนนะเพคะ อีกประเดี๋ยวฉลองพระองค์ลายมังกรจะถูกนำมาถวายแล้ว ฝ่าบาทต้องลองสวมฉลองพระองค์ว่าพอดีหรือไม่นะเพคะ” อวี้ซูกล่าวต่อหน้าเจียงหลี

“อืม” เจียงหลียกชาขึ้นและจิบที่มุมปาก

ยังเหลือเวลาอีกสองวัน ก่อนที่พิธีราชาภิเษกของนางจะเริ่มต้นขึ้น นางจะรอดูว่าภายในสองวันนี้ ยังจะมีใครหน้าไหนกระทำการใดอีก

ณ จวนแห่งตระกูลหรง ด้านนอกมีสถานการณ์ที่ไม่มั่นคงที่ปรากฏขึ้น แต่ดูเหมือนไม่มีสิ่งใดสามารถทำลายความเงียบสงบของตระกูลนี้ไปได้

สถานที่แห่งนี้ ต่อให้โลกภายนอกจะมีสถานการณ์ที่ไม่มั่นคงเช่นไร แต่ภายในจวนกลับเหมือนตัดขาดจากโลกภายนอกไปเสียหมดแล้ว

หรงจิ่งนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ วางหมากโดยลำพัง ผ่อนคลายสบายใจ โดยมีอาเฉวียนอยู่ข้างกายคอยปรนนิบัติเขา บางเวลาคอยเตรียมน้ำชา บางเวลาก็คอยส่งผ้าเช็ดมือให้กับเขา

เมื่อผ่านไปชั่วขณะ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาแต่ไกล

หรงจิ่งที่กำลังใช้ความคิดอยู่นั้น เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เมื่ออาเฉวียนเห็น จึงรีบวางของที่อยู่ในมือ และเดินตามเสียงฝีเท้านั้นไป

เมื่อผ่านไปชั่วขณะ อาเฉวียนได้เดินกลับมาพร้อมกับด้านหลังมีชายวัยกลางคนเดินตามมาด้วย และนี่คือบิดาของหรงจิ่ง ซึ่งบัดนี้เป็นนายใหญ่ประจำตระกูลหรง

“คุณชาย” อาเฉวียนรีบเดินมาตรงหน้าหรงจิ่งและเรียกเบาๆ

จากนั้น ค่อยๆ ถอยหลังไปยืนอยู่ตำแหน่งข้างกายเขา

“นี่มันเวลาอะไรแล้ว เจ้ายังมีกระจิตกระใจมาเล่นหมากล้อมอยู่ที่นี่” นายใหญ่แห่งตระกูลหรงมองไปที่ใบหน้าของหรงจิ่งและโมโหจนต้องระบายออกมา

หรงจิ่งวางหมากในมืออย่างไม่ตื่นตระหนก แล้วค่อยๆ เงยหน้ามองไปบนท้องฟ้า “ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลากลางวัน ยังเช้าอยู่”

 นายใหญ่ตระกูลหรงทำสีหน้าเกี้ยวโกรธและสะบัดแขนเสื้อเอ่ย “เจ้าก็รู้ว่าสิ่งที่ข้าพูดถึงไม่ใช่เรื่องนี้!”

หรงจิ่งทำสายตาเหมือนไม่ใส่ใจ “แล้วท่านพ่อกล่าวถึงเรื่องใด”

นายใหญ่ตระกูลหรงหรี่ตา โดยแววตาแฝงไปด้วยความแหลมคมและความเคร่งขรึม เขาเดินเข้าไปหาหรงจิ่ง แล้วพูดอย่างหนักแน่นว่า “เจ้าเคยพูดว่าตอนที่ลู่เจี้ยยังอยู่ ไม่ให้บุ่มบ่าม ข้าก็ฟังเจ้าแล้ว อดทนอยู่ใต้ตระกูลลู่อยู่ปีกว่า แต่ตอนนี้ลู่เจี้ยได้ตายไปแล้ว ตระกูลลู่ก็หาเรื่องใส่ตัว โดยให้เด็กสาวที่ยังไม่รู้ประสีประสามาเป็นผู้นำของคนทั้งแผ่นดิน หลังจากข่าวแพร่กระจายออกไป ได้เกิดเสียงวิจารณ์ไปทั่ว ผู้คนต่างรู้สึกกลัวถึงไม่ปลอดภัย กลัวจนคิดว่าอนาคตของราชอาณาจักรจะไม่มั่นคง จะถูกหญิงสาวคนหนึ่งทำลายจนหมดสิ้น นี่เป็นโอกาสที่ตระกูลหรงจะได้ออกหน้า เจ้ายังมีเวลาว่างมาเล่นหมากล้อมเช่นนี้อยู่หรือ”

“แล้วท่านพ่ออยากให้ข้าทำเช่นไร” หรงจิ้งเงยหน้ามองไปที่นายใหญ่แห่งตระกูลหรง

ดวงตาของเขาคู่นั้นมองเห็นอย่างทะลุปรุโปร่ง สะท้อนให้เห็นถึงความลุ่มหลงในอำนาจอันโหดร้ายของนายใหญ่แห่งตระกูลหรง เมื่อบิดาตนเป็นเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกแปลกหน้าและเสียใจนัก

“เจ้าเป็นความภาคภูมิใจของตระกูลหรง! เป็นคุณชายผู้สูงศักดิ์ของใต้หล้า! เป็นสิบผู้องอาจแห่งเมืองหลวง! ชื่อเสียงของเจ้าเป็นที่รู้จักกว่าลู่เจี้ยเสียอีก…”

“นั่นคือสิ่งที่ท่านพ่อคิด ลูกกับลู่เจี้ยเคยประลองฝีมือกันมาแล้ว และข้าก็ยังไม่เคยชนะเขามาก่อน” หรงจิ่งเอ่ยอย่างไม่หวาดหวั่นต่อสิ่งใด

“ตอนนี้ลู่เจี้ยตายแล้ว!” ดวงตาของนายใหญ่แห่งตระกูลหรงประกายความดุร้าย “ไม่สนว่าเขาจะแข็งแกร่งกว่าเจ้าหรือไม่ แต่ตอนนี้เขาตายแล้ว ก็ไม่ใครเทียบเคียงเจ้าได้อีก! เด็กสาวคนนั้นจะมาเป็นคู่แข่งเจ้ารึ หรือตระกูลลู่เป็นคู่แข่งเจ้า เจ้าเกิดมาเป็นลูกข้า เพลานี้ควรเป็นเวลาที่เจ้าจะลุกขึ้นช่วยเหลือข้าเพื่อแย่งชิงอาณาจักรอันยิ่งใหญ่นี้ แล้วไปนั่งครองบัลลังก์นั้น! รอข้าขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ เจ้าก็จะได้ขึ้นเป็นองค์รัชทายาท เป็นฮ่องเต้ต่อจากข้า!”

นายใหญ่แห่งตระกูลหรงไม่สามารถหยุดความทะเยอทะยานนั้นไว้ได้ ทำให้หรงจิ่งรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย กแต่เขากลับมิได้ใส่ใจถึงตำแหน่งนั้นเลย

หรงจิ่งค่อยๆ ลุกขึ้นยืดตัวและเผชิญหน้ากับบิดา “ท่านพ่อ ที่นั่งตรงนั้น อำนาจพวกนั้น มันสำคัญกับท่านมากเช่นนั้นเลยหรือ”

“เจ้าจะเข้าใจอะไร” นายใหญ่แห่งตระกูลหรงเอ่ยอย่างโมโห “ข้าทำเพื่อความรุ่งเรืองของตระกูลหรง ขอเพียงให้ข้าได้ครองบัลลังก์นั้น หลังจากนั้นตระกูลหรงจะเป็นที่หนึ่งในใต้หล้า ข้าจะนำตระกูลหรงไปอยู่ในตำแหน่งที่สูงศักดิ์ และนี่คือภาระหน้าที่ของนายใหญ่ของตระกูล!”

“แล้วท่านไม่คิดเลยหรือว่าอาจจะนำตระกูลหรงไปสู่หายนะ” เสียงของหรงจิ่งดังขึ้น

“บังอาจ!” นายใหญ่แห่งตระกูลหรงโมโห

อาเฉวียนที่ยืนอยู่ด้านข้างทำได้เพียงก้มหน้าลงต่ำ โดยพยายามทำให้ตนเหมือนไร้ตัวตน

“หรือว่าเจ้านอกจากจะให้ข้าทนกับต้นกล้าที่ล้มป่วยนั้น และวันนี้ยังต้องมาอดทนกับเด็กสาวคนนั้นอีกหรือ” เจ้าจะให้ข้ายอมศิโรราบต่อเด็กสาวคนนั้นหรือ” นายใหญ่แห่งตระกูลหรงตะโกนอย่างโมโห

ข้ออ้าง! ทั้งหมดเป็นข้ออ้าง! ทั้งหมดล้วนเป็นข้ออ้างที่ปกปิดความทะเยอทะยานภายในจิตใจของตน

ดวงตาคู่นั้นของหรงจิ่งมองทะลุปุโปร่ง มองเห็นทุกอย่างชัดเจน “ท่านพ่อ ท่านอย่าลืมไปว่านางเป็นคนที่ลู่เจี้ยเลือกขึ้นมาเอง”

……………………………………