ตอนที่ 585 ทำไมพระเจ้ายังไม่รีบมารับคนบาปทั้งสองคนนี้ไปอีก!
เฉินฝานซิงไม่ทันได้พูดจบ จู่ๆ รังสีดุดันบางอย่างก็จู่โจมเข้ามาจากข้างๆ กาย
ยังไม่ทันให้เธอได้โต้ตอบ มือข้างหนึ่งก็ได้ปัดลงบนหลังมือของเผยอวิ๋นเจ๋อเข้าอย่างจังจนเกิดเสียงดัง เพียะ
ทันใดนั้นเฉินฝานซิงก็นึกสังหรณ์ใจไม่ดี เธอแทบจะหันไปมองในเวลาเดียวกัน ภาพที่เห็นคือร่างอันสูงสง่าของป๋อจิ่งชวนที่กำลังยืนอยู่ข้างโต๊ะ รังสีเยือกเย็นถูกแผ่ขยายออกมาจนท่วมกาย ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความบึ้งตึงอย่างไม่เป็นมิตร
มือของเผยอวิ๋นเจ๋อหลุดออกจากมือของเฉินฝานซิงในทันที
และก็ไม่อาจทราบได้ว่าเพราะเขารังเกียจมือของเธอหรือรังเกียจสัมผัสของป๋อจิ่งชวนกันแน่ เขาถึงได้หันไปคว้ากระดาษข้างๆ ขึ้นมาเช็ดทำความสะอาดมือของตัวเองทุกซอกทุกมุม
เธอเคลื่อนสายตาไปมองอวี๋ซงที่อยู่ข้างๆ กันอย่างเชื่องช้า แต่เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงสายตาของเธอ อวี๋ซงก็รีบเบือนหน้าหนีไปทันที
สมองของเธอหยุดสั่งการไปชั่วขณะ เสียงในใจร้องดังขึ้นว่า…
จบเห่แล้ว!
“เอ่อ…เรื่องนี้เข้าใจผิดกันนิดหน่อยน่ะ…” เฉินฝานซิงคิดจะอธิบาย
ป๋อจิ่งชวนกลับกุมไหล่ของเธอไว้ พลางจ้องมองเธอด้วยสีหน้าเครียดขรึม
เฉินฝานซิงนิ่งสนิท นัยน์ตาสุกใสเบือนสายตาหนีอย่างรู้ได้ทันที เธอหันไปคว้ากระเป๋าแล้วผุดลุกขึ้นยืน
“คุณกินอะไรรึยังคะ เดียวฉันกินเป็นเพื่อน”
เฉินฝานซิงมองชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มที่จืดจางแต่ก็แฝงไปด้วยความเอาใจ
เผยอวิ๋นเจ๋อที่นั่งอยู่อีกด้านขมวดคิ้วมุ่น
ผู้หญิงคนนี้เอาเขาไปไว้ตรงไหน
ป๋อจิ่งชวนยังคงดูไม่สบอารมณ์ “นี่มันกี่โมงแล้ว คุณยังอยากกินมื้อเที่ยง?”
“แต่วันนี้ฉันยังไม่ได้กินอะไรเลยนี่นา ฉันหิวมากเลย…”
น้ำเสียงเช่นนั้นฟังดูธรรมดาไปเลยสำหรับคนรอบข้าง แต่สำหรับป๋อจิ่งชวนแล้วมันช่างฟังดูน่าสงสารจับใจ
สีหน้าขมวดตึงอ่อนลงเล็กน้อย “หิวมาก?”
เฉินฝานซิงพยักหน้า เพราะปัญหาด้านส่วนสูง วิธีที่เธอเก็บคางแล้วจ้องมองมายังเขาเช่นนั้นทำไมมันช่างดูน่าเอ็นดูได้ขนาดนี้
ป๋อจิ่งชวนใจอ่อนยวบในทันที เขาหลุบตาลงมองอาหารที่วางอยู่ตรงหน้าของเฉินฝานซิง หลังจากที่ลังเลอยู่สองวินาที เขาก็ยื่นมือผลักจานอาหารเข้าไปข้างใน
จากนั้นเขาจึงโอบเฉินฝานซิงไว้ให้นั่งลง
“กินอะไรรองท้องก่อน” เสียงนั้นอ่อนโยนอย่างน่าแปลกใจ
เผยอวิ๋นเจ๋อที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม จับจ้องมายังความน่าขันของป๋อจิ่งชวนด้วยความใจกว้าง…
เปลี่ยนหน้าเร็วยิ่งกว่าพลิกหน้าหนังสือเสียอีก
“ป๋อจิ่งชวน มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง”
ป๋อจิ้งชวนช้อนสายตาขึ้นมองเขา “เท่าไหร่ เดี๋ยวผมให้”
“…”
“…”
เผยอวิ๋นเจ๋อและอวี๋ซงกระตุกมุมปากพร้อมกันอย่างพร้อมเพรียง
นี่ใช่ประเด็นไหม!
ผู้ชายคนนี้แค่ได้เจอเฉินฝานซิงก็ไอคิวติดลบทันที!
เผยอวิ๋นเจ๋อไม่คิดจะไว้หน้าป๋อจิ่งชวน “ถ้าคุณหยิ่งนัก ทำไมไม่สั่งจานใหม่ให้เธอไปซะเลยล่ะ!”
ป๋อจิ่งชวนหยิบส้อมขึ้นใส่มือของเฉินฝานซิง เมื่อได้ยินเผยอวิ๋นเจ๋อพูดเช่นนั้น เขาก็เอ่ยตอบโดยที่ไม่แม้จะเงยหน้าขึ้นมอง
“เธอหิวแล้ว ถ้าสั่งใหม่ต้องรออีกนาน คิดเล็กคิดน้อยขนาดนี้ เดี๋ยวตอนคิดเงินผมจะชดใช้ให้คุณเป็นสองเท่าเลย”
เขาว่าพลางก็หยิบผ้าเช็ดปากขึ้นวางบนตักของเฉินฝานซิงด้วยความใส่ใจ อีกนิดเดียวเขาก็แทบจะป้อนอาหารให้เธออยู่แล้ว
จากที่เผยอวิ๋นเจ๋อคิดว่าตนควบคุมอารมณ์ตัวเองได้เป็นอย่างดี มาตอนนี้เขากลับโมโหจนแทบจะคว่ำโต๊ะ
กลัวคนอื่นจะไม่รู้รึไงว่าคุณรักเธอมากแค่ไหน!
ในตอนนั้นอวี๋ซงที่อยู่ใกล้ๆ กลับมีท่าทีที่เงียบสงบ
นั่นแหละอาหารสุนัข กินเข้าไปซะสิ กินเข้าไป…
ความสามารถในการรับมือจะได้สูงขึ้น
ชิน?
ของมันแน่อยู่แล้ว!
ไออุ่นแผ่ซ่านขึ้นกลางใจของเฉินฝานซิง เธอหยิบส้อมขึ้นแล้วเริ่มลงมือรับประทาน
ป๋อจิ่งชวนเบี่ยงกายนั่งลงข้างๆ เธอ เขาไม่แม้จะเงยหน้าขึ้นมาด้วยซ้ำ ใบหน้าอบอุ่นและรักใคร่จ้องมองเฉินฝานซิงตักอาหารเข้าปากไปด้วยท่วงท่าที่สง่างามคำแล้วคำเล่า
ทำราวกับว่าไม่มีใครอยู่รอบๆ พวกเขา
ความอดกลั้นในใจเผยอวิ๋นเจ๋อร่อยหรอลงทีละน้อย ยามที่เขาคิดจะปลีกตัวออกมาด้วยใบหน้าเยียบเย็นนั้น เฉินฝานซิงก็เงยหน้าขึ้นมายื่นกุ้งในจานที่แกะเสร็จแล้วไปตรงหน้าของป๋อจิ่งชวน
ป๋อจิ่งชวนมองเธอพลางเอ่ยขึ้นเสียงนุ่ม “คุณกินเถอะ”
“ฉันกินข้าวก็พอแล้ว คุณชอบไม่ใช่เหรอ คุณกินสิ”
ป๋อจิ่งชวนกระตุกยิ้ม เขาก้มหน้าลงเล็กน้อยพร้อมทั้งอ้าปากขึ้น เฉินฝานซิงจึงป้อนกุ้งตัวนั้นเข้าปากเขาไป
“อร่อยไหมคะ” เฉินฝานซิงถาม
“อร่อยครับ” ป๋อจิ่งชวนตอบ
อวี๋ซง “…”
เผยอวิ๋นเจ๋อ “…”
ทำไมพระเจ้ายังไม่รีบมารับคนบาปทั้งสองคนนี้ไปอีก!
ตอนที่ 586 เลิกงานสักที
เผยอวิ๋นเจ๋อค่อยๆ ลุกยืนขึ้นจากที่นั่ง “ขอตัว!”
หลังจากที่สองคำนั้นถูกสลัดทิ้งไว้อย่างเยือกเย็น เขาก็สาวเท้าจากไปทันที
เขาบ้าไปแล้วจริงๆ ที่ถ่อมาหาที่ถึงนี่!
หลังจากรับประทานมื้อเที่ยงเสร็จ เฉินฝานซิงก็วางช้อนส้อมลง จากนั้นจึงหันมายกน้ำเปล่าที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นมาดื่มลงไปสองอึก
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
ป๋อจิ่งชวนกลับจับสองมือเธอเอาไว้ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม พลางมองไปยังรอยปื้นสีแดงบนหลังมือ “ไปโดนอะไรมา”
ปลายนิ้วของเธอกระตุกเล็กน้อย “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่ไม่ระวังจนโดนลวก”
“โดนลวกได้ยังไง”
เฉินฝานซิงปิดปากเงียบ
ป๋อจิ่งชวนหันไปมองอวี๋ซงวูบหนึ่ง อวี๋ซงจึงรีบส่งยาที่เพิ่งออกไปซื้อมาเมื่อครู่ให้กับป๋อจิ่งชวนอย่างเร็วจี๋
เฉินฝานซิงชะงักอึ้ง นี่…รู้ตั้งแต่แรกแล้วเหรอ
“ไปห้องทำงานผมไหม”
ป๋อจิ่งชวนเอ่ยถามอีกฝ่ายหลังจากที่ทายาให้เธอเสร็จสรรพ
เฉินฝานซิงส่ายหน้า “ไม่ละค่ะ ตอนบ่ายฉันยังมีเรื่องต้องทำ”
“ทั้งที่มือเจ็บขนาดนั้น…”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
เมื่อเห็นสีหน้าไม่สบอารมณ์ของป๋อจิ่งชวน เฉินฝานซิงจึงเสริมขึ้นอีกครั้ง “เย็นนี้รีบกลับหน่อยนะคะ ฉันจะฉลองวันเกิดให้คุณ”
ป๋อจิ่งชวนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะดึงเฉินฝานซิงออกไปข้างนอก
“ทำอะไรน่ะ”
“ไม่ทำงานแล้ว กลับบ้านไปฉลองวันเกิดกันเลย”
อวี๋ซงก้มหน้า ลอบเบ้ปาก
หลายปีมานี้ไม่เห็นว่าคุณผู้ชายจะกระเหี้ยนกระหือรือจะฉลองวันเกิดขนาดนี้
“…ไม่ ไม่! ฉันยังไม่ได้เตรียมอะไรเลย! คุณอย่าเพิ่งกลับบ้านนะ!”
–
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะส่งป๋อจิ่งชวนกลับไปได้ เมื่อส่งเสร็จแล้วเฉินฝานซิงก็พรูลมหายใจออกมา ก่อนจะรีบขึ้นรถกลับบ้าน
ระหว่างทางเธอเหลือบมองหลังมือที่ถูกชโลมไปด้วยยาจนท่วม ก่อนจะเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
โดนลวกแค่นี้เอง ตอนนี้เธอไม่รู้สึกเจ็บแสบเลยสักนิด มันจะอะไรขนาดนั้น
ระหว่างทางที่รถกำลังแล่นไป เสียงข้อความในโทรศัพท์ก็พลันดังขึ้น ทว่าเธอก็ไม่ได้ใส่ใจมันเลย
–
แม้จะรู้ว่าป๋อจิ่งชวนอยู่บริษัทตลอดทั้งบ่าย ทว่าอวี๋ซงกลับรู้สึกว่า ให้เขากลับไปยังดีเสียกว่าเป็นไหนๆ!
จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว!
คุณผู้ชายที่แต่ไหนแต่ไรไม่เคยดูเวลาขณะทำงานเลย ตอนนี้เอาแต่จดจ่ออยู่แต่กับหน้าปัดนาฬิกาในห้องทำงาน
เฝ้ามองทุกวินาที เพื่อรอให้ถึงเวลาเลิกงาน
ยามที่นาฬิกาบอกเวลาหกโมงตรงพอดิบพอดี ป๋อจิ่งชวนก็ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้
“เลิกงาน”
อวี๋ซงพ่นลมหายใจออกมาฟู่ใหญ่ แต่ก็ถือว่าทนได้ดี!
_
แน่นอนว่าเฉินฝานซิงก็เป็นอีกคนที่เฝ้ารอเวลาอยู่ไม่ต่างกัน
นับตั้งแต่เวลาหกโมงเย็น เธอก็เอาแต่เฝ้ามองไปยังเบื้องล่างจากตรงหน้าต่างฝรั่งเศสในห้องรับแขกด้วยหัวใจระส่ำ
จ้องจนนาทีที่รถของป๋อจึงชวนปรากฏแก่สายตาของเธอ
เวลาผ่านไปวินาทีแล้ววินาทีเล่า หัวใจดวงนั้นของเฉินฝานซิงก็ยิ่งเต้นโครมคราม
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอทำเรื่องพวกนี้ หวังว่าจะไม่ทำให้เขาผิดหวังนะ
ร่างสูงเพรียวผสานสองแขนไว้ตรงอก พลางเหม่อมองไปยังดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆ ลาลับขอบฟ้า
ในยามนี้แสงสุดท้ายของวันสาดกระทบลงตรงด้านหนึ่งของตึกสูงตระหง่าน เงามืดค่อยๆ แปรเปลี่ยนทิศทางไปตามการเคลื่อนตัวของดวงตะวัน ก่อนที่เงาอันทอดยาวจะจางหายไปอย่างช้าๆ
และถูกปกคลุมไปด้วยม่านราตรี
เบื้องล่างของตึก เบนท์ลี่ย์สีดำสุดหรูค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามา เฉินฝานซิงไล่สายตาตามรถคันนั้น จนกระทั่งมันจอดสนิทลงที่ใต้ตึก เมื่อเห็นร่างอันสูงสง่านั้นก้าวลงมาจากรถ
นัยน์ตาเธอก็พลันเปล่งประกาย เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มเดินเข้ามาในตัวคอนโดแล้ว เธอจึงสูดหายใจเข้าจนเต็มปอดพลางมองอีกฝ่ายเดินเข้าคอนโดมา ก่อนจะหมุนตัวเดินไปหยุดตรงประตู
ขณะที่ป๋อจิ่งชวนเพิ่งจะเข้ามาถึงโถงลิฟต์ เสียงอันคุ้นหูเสียงหนึ่งก็ได้แว่วดังขึ้นจากด้านหลังของเขา
“เฮ้ย พี่ชาย รอด้วย!”
“พี่ชายใหญ่…พี่ชายใหญ่…”
หัวคิ้วของป๋อจิ่งชวนกระตุกวูบ เขาสาวเท้ายาวๆ เดินเข้าตัวลิฟต์ไป นิ้วเรียวยาวกดให้ประตูลิฟต์ปิดลงด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ไม่คิดจะรอ ‘ตัวซวย’ ทั้งสองนั่น!