ตอนที่ 1430 จุดอ่อนของจีจิ่วเทียน (1) / ตอนที่ 1431 จุดอ่อนของจีจิ่วเทียน (2)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 1430 จุดอ่อนของจีจิ่วเทียน (1)

 

 

“ฮ่าๆ” เซี่ยงเฟยยิ้มร้ายแล้วมองจีจิ่วเทียนด้วยสายตาดูถูก “ถ้าอย่างนั้น ข้าก็จะแสดงไพ่ตายของข้าให้เจ้าดู!”

 

 

เขากล้าเข้ามาในดินแดนแห่งจินตนาการแม้จะรู้ว่าจีจิ่วเทียนอยู่ที่นี่ นั่นก็เพราะเขารู้จุดอ่อนของจีจิ่วเทียน! ทั่วทั้งแผ่นดินมีคนเพียงหยิบมือเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้!

 

 

“ข้าไม่ต้องการอัญเชิญสัตว์อสูรวิญญาณของข้ามา แต่เพื่อจัดการกับเจ้าแล้ว ข้าจำเป็นต้องใช้สัตว์อสูรศวา! [1] ”

 

 

สัตว์อสูรศวา?

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงกำลังคิดว่าเซี่ยงเฟยจะลงมือทำอะไรต่อไป และในตอนนั้นนางก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่เปลี่ยนไปรอบตัวชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ นาง เขาดูกระวนกระวายแบบที่นางไม่เคยเห็นเขาเป็นมาก่อน

 

 

ตูม!

 

 

ทันใดนั้นสุนัขตัวใหญ่ก็ร่วงลงมาจากฟ้าและกระแทกกับพื้นอย่างแรง สัตว์อสูรศวามีเปลวไฟปกคลุมทั่วทั้งตัว ดวงตาของมันดุร้ายและมองมาทางจีจิ่วเทียนกับอวิ๋นลั่วเฟิงด้วยใบหน้าดุดัน

 

 

“จีจิ่วเทียน” อวิ๋นลั่วเฟิงส่งสายตาชั่วร้ายไปให้จีจิ่วเทียน “เจ้ากลัวสุนัขงั้นหรือ”

 

 

จีจิ่วเทียนตัวสั่น ใบหน้างดงามของเขาซีดเผือด เขามักจะทำตัวกล้าหาญอยู่เสมอแม้กระทั่งอยู่ต่อหน้าราชันแห่งนรก เขาก็ไม่กลัว แต่ความจริงแล้ว…เขามีสิ่งหนึ่งที่หวาดกลัวมากที่สุดก็คือ สุนัข!

 

 

เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาเห็นสุนัข เขาจะรู้สึกเหมือนหัวใจถูกแช่แข็งแล้วเกิดอาการวิตกเกินกว่าจะใช้พลังฌาน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ถูกคนพวกนั้นทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสแล้วพลังถดถอยลงมามากขนาดนี้ แต่ว่ามีแค่คนที่ทำร้ายเขาตอนสงครามครั้งนั้นเท่านั้นที่รู้ความลับเขา ชายคนนี้รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร

 

 

“เจ้าเป็นอะไรกับมารชั่วอู้เต้า” จีจิ่วเทียนรู้สึกหายใจไม่ออกเหมือนมีหินหนักๆ มาทับหัวใจเขาเอาไว้ เขาทำได้แค่ใช้ดวงตาเรียวสีชาดจ้องคนของหุบเขาพิษอย่างเย็นชาด้วยสายตาเย็นเยียบ

 

 

“ข้าเป็นผู้สืบทอดเขา” เซี่ยงเฟยยิ้มเยาะ “เขากลัวว่าเจ้าจะกลับมาแก้แค้นเลยบอกข้าถึงจุดอ่อนของเจ้า จีจิ่วเทียน ตอนนี้เจ้ากลัวหรือยัง”

 

 

“โฮ่ง!”

 

 

สัตว์อสูรศวาเห่าแล้วพุ่งเข้ามาหาจีจิ่วเทียน จีจิ่วเทียนพยายามหนีแต่ก็พบว่าขาของเขาสั่นจนขยับไปไหนไม่ได้ เมื่อเขาเห็นสัตว์อสูรศวาเขามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เขาก็ตีกระดูกต้นขาของตัวเองอย่างแรง ใบหน้ามีเสน่ห์ของเขาเต็มไปด้วยความกังวลและโกรธเคือง

 

 

“บ้าเอ๊ย ทำไมต้องเป็นสัตว์อสูรศวาด้วย”

 

 

ถ้าเป็นสัตว์อสูรวิญญาณชนิดอื่น เขาก็สามารถสังหารพวกมันได้ทันที แต่ว่านี่เป็นสัตว์อสูรศวา!

 

 

ซึ่งเป็นจุดอ่อนของเขา!

 

 

ทันทีที่สัตว์อสูรศวากระโจนมาหาจีจิ่วเทียน ร่างสีขาวก็พุ่งมายืนขวางหน้าเขาเอาไว้

 

 

“เฟิงเอ๋อร์ หลบไป!”

 

 

ดวงตาของจีจิ่วเทียนแดงก่ำ เสียงทรงพลังของเขาดังก้องไปทั่วทั้งภูเขา แต่ว่า…

 

 

ตอนที่สัตว์อสูรศวามาถึงตรงหน้าอวิ๋นลั่วเฟิง นางกลับยกแขนเพื่อกันมันเอาไว้ มันกระโดดเข้ามาใช้ฟันแหลมคมกัดเขาที่แขนของอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างแรงจนเลือดสีแดงสดไหลอาบและเล็ดลอดออกมาจากเขี้ยวของมัน เมื่อเห็นเลือดสีแดงสดราวดอกกุหลาบ จีจิ่วเทียนก็รู้สึกว่าหัวใจของเขากระตุก เขาพูดไม่ออกเหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างจุกอยู่ที่คอ…

 

 

“จีจิ่วเทียน ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าจะกลัวสุนัข!” นางฉีกยิ้มร้ายกาจให้เขา

 

 

ถ้าเป็นเขาก่อนหน้านี้ จีจิ่วเทียนก็คงปกป้องตัวเองได้แต่ตอนนี้เขาพูดอะไรไม่ออก ดวงตารูปหงส์ของเขาแดงก่ำขึ้นๆ จนเหมือนมีโลหิตไหลออกมาท่วมดวงตา

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1431 จุดอ่อนของจีจิ่วเทียน (2)

 

 

“หรือว่า…” อวิ๋นลั่วเฟิงหยุดก่อนฉีกยิ้ม “เมื่อชาติที่แล้วเจ้าเคยถูกสุนัขกัดตายเลยหวาดกลัวมัน”

 

 

“อวิ๋นลั่วเฟิง!” จีจิ่วเทียนพยายามสงบจิตใจ แต่ดวงตาของเขายังคงแดงก่ำ “เจ้าอยู่ที่นี่ก็ช่วยอะไรข้าไม่ได้ หลบไปเดี๋ยวนี้! หนีไป!”

 

 

“ตอนที่โม่เชียนเฉิงปรากฏตัว เจ้าก็ต้องการให้ข้าหนีไป ตอนนี้คนจากหุบเขาพิษสร้างปัญหาให้พวกเราเจ้าก็ขอให้ข้าหนีไปอีกแล้ว จีจิ่วเทียน ในความคิดเจ้า ข้าดูเป็นคนขี้ขลาดหรือ”

 

 

เด็กสาวหัวเราะ แล้วเสียงหัวเราะของนางก็พุ่งเข้ากระแทกจิตใจของจีจิ่วเทียน ทำให้เขาโมโหขึ้นมาทันที

 

 

“ถ้าเจ้ารอดก็ดีกว่าพวกเราต้องตายทั้งคู่ ข้าถึงอยากให้เจ้าหนีไป!”

 

 

ทำไมเฟิงเอ๋อร์ถึงไม่สนใจคำพูดเขา นางต้องการจะตายพร้อมเขาจริงหรือ

 

 

ครั้งนี้อวิ๋นลั่วเฟิงแค่เมินเขาแล้วหันไปเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรศวาที่กำลังกัดแขนนางอยู่

 

 

ตูม!

 

 

นางรวมพลังจำนวนมากไว้ที่แขนแล้วระเบิดพลังออกไป สัตว์อสูรศวาเจ็บปวดจนในที่สุดก็ปล่อยแขนของอวิ๋นลั่วเฟิง

 

 

แต่ไม่นานมันก็กระโจนเข้าหานางอีกครั้งแล้วพ่นไฟออกมา ถ้าเป็นเวลาอื่นอวิ๋นลั่วเฟิงคงเลือกหลบเปลวเพลิงไปแล้ว แต่ตอนนี้นางต้องปกป้องจีจิ่วเทียนที่อยู่ข้างหลัง! ดังนั้นนางจึงหลบไม่ได้มีแต่ต้องเผชิญหน้าเท่านั้น

 

 

ปัง!

 

 

เมื่อหมัดของนางปะทะเข้ากับเปลวเพลิงไฟก็หายไปทันที สัตว์อสูรศวายกกรงเล็บที่สะท้อนแสงแดดจนเป็นประกายเย็นเยียบคล้ายกริชแหลมคมขึ้นแล้วโจมตีนางอีกครั้ง

 

 

เมื่อจีจิ่วเทียนเห็นอวิ๋นลั่วเฟิงกำลังต่อสู้กับสัตว์อสูรศวาเขาก็กำหมัด ไม่รู้ว่าเพราะเขาออกแรงกำหมัดมากไปหรือเพราะเขากลัวสัตว์อสูรศวาเกินไปทำให้หมัดของเขาสั่นน้อยๆ

 

 

สัตว์อสูรศวาตัวนี้เป็นสัตว์อสรูขั้นเซียนปราชญ์ ถึงแม้ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงจะเป็นผู้ฝึกฌานขั้นราชันปราชญ์ระดับกลางแล้วแต่ความแข็งแกร่งระหว่างนางกับสัตว์อสูรก็แตกต่างกันมากดังนั้นไม่นานสัตว์อสูรศวาก็จะได้เปรียบ

 

 

ขณะนั้นเซี่ยงเฟยก็ดูเหมือนจะไม่พอใจความเร็วในการโจมตีของสัตว์อสูรศวาจึงเข้ามาร่วมสู้ด้วย! กลิ่นอายหนักแน่นเหมือนภูเขาของเขากดดันอวิ๋นลั่วเฟิงก่อนจะโจมตีนางอย่างแรง ในเวลาเดียวกันกระบี่คมที่สร้างจากพลังฌาณหลายเล่มก็พุ่งจากท้องฟ้าลงมาแทงนาง…

 

 

เด็กสาวยังคงใจเย็น นางมองกระบี่แหลมคมจำนวนมากที่พุ่งเข้ามานางอย่างไร้ความเกรงกลัว ดวงตาเป็นประกายจริงจัง

 

 

หรือว่า…วันนี้นางและจีจิ่วเทียนต้องมาตายที่นี่

 

 

ไม่มีทาง!

 

 

นางยังไม่ได้เจออวิ๋นเซียว นางจะมาตายที่นี่ไม่ได้!

 

 

ตอนที่นางเริ่มต่อสู้นางก็บังคับให้หั่วหั่วและสัตว์อสูรวิญญาณตัวอื่นๆ เข้าไปในมิติคัมภีร์เซียนแล้วตัดการติดต่อกับพวกเขา ดังนั้นสัตว์อสูรวิญญาณของนางจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอก…

 

 

“เฟิงเอ๋อร์!”

 

 

จีจิ่วเทียนกำหมัดที่วางอยู่บนต้นขาและดวงตาวิตกกังวลของเขาก็ลุกโชนไปด้วยความโกรธ

 

 

“บ้าเอ๊ย! เจ้ากลัวอะไรอยู่ เจ้าจะยืนดูเฟิงเอ๋อร์โดยสังหารไปต่อหน้าต่อตาเฉยๆ งั้นหรือ”

 

 

ถ้าอย่างนั้นเจ้าจะอธิบายเพื่อนเก่าของข้าในโลกหลังความตายได้อย่างไร

 

 

อาจจะเป็นเพราะความวิตกกังวลในจิตใจของเขา ในที่สุดจีจิ่วเทียนก็ก้าวเท้าไปข้างหน้าโดยไม่เสียเวลาคิด เขารีบพุ่งไปดึงตัวอวิ๋นลั่วเฟิงที่กำลังจะโดนกระบี่พวกนั้นแทงเข้ามาในอ้อมกอด

 

 

ปัง!

 

 

ลำแสงจำนวนมากพุ่งออกจากแขนเสื้อของเขาแล้วปะทะเข้ากับกระบี่พลังฌาน ทันใดนั้นกระบี่พลังฌานพวกนั้นก็สลายกลับไปเป็นพลังฌานแล้วหายไปกลางท้องฟ้า…

 

 

 

 

——

 

 

[1] ศวา หมายถึง สุนัข