บทที่ 318 : หลวงจีนกายเพชร
ยิ่งเข้าใกล้ตำแหน่งดวงตามังกรหยางมากขึ้นเท่าไหร่ หลิงหยุนยิ่งสัมผัสได้ถึงพลังหยางบริสุทธิ์ที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าอุณหภูมิจะสูงมาก แต่เขากลับรู้สึกกำลังอุ่นสบาย
และนี่คือประโยชน์ยิ่งใหญ่ของวิชาพลังลับหยินหยางซึ่งเป็นเทคนิคการบ่มเพาะชั้นสูงอย่างหนึ่งของโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ ไม่เช่นนั้นแล้วเขาคงไม่ลงทุนไปกับการฝึกฝนวิชามากมายถึงเพียงนี้
ดูเหมือนการฝึกบ่มเพาะของเจ้าขาวปุยจะเหมาะสมกับพลังหยางบริสุทธิ์นี้มากกว่า ต่างกับเมื่อตอนที่อยู่ในตำแหน่งดวงตามังกรหยิน มันรู้สึกไม่สบายเหมือนกับอยู่ที่นี่
เดินไปข้างหน้าอีกราวหกสิบเมตร หลิงหยุนก็เข้าไปถึงตำแหน่งดวงตามังกรหยาง
ที่นี่ต่างจากถ้ำดวงตามังกรหยินที่ใหญ่โต เพราะทางเข้าดวงตามังกรหยางนั้นเล็กกว่าหลายเท่านัก ภายในถ้ำก็สูงเพียงหกหรือเจ็ดเมตรเท่านั้น และพื้นที่ข้างในก็ค่อนข้างเล็ก
“อู้ว.. ด้านในมีอารามด้วยหรือนี่?!” เมื่อเดินเข้าไปหลิงหยุนก็พบกับอารามหลังเล็กๆที่สร้างด้วยหินอยู่ด้านใน เขาจึงอุทานออกมาอย่างแปลกใจ
อารามที่อยู่ด้านในนี้สร้างอย่างเรียบง่าย.. ไม่มีแม้กระทั่งป้ายอาราม และไม่มีอาสนะสำหรับให้นักบวชนั่ง แต่หลิงหยุนก็ดูออกว่าสิ่งปลูกสร้างนี้คืออาราม!
แต่สิ่งที่เห็นทำให้หลิงหยุนถึงกับตกใจอย่างมาก!
“สวรรค์!! นี่มัน..”
หลิงหยุนยืนอยู่ห่างจากอารามเล็กๆนั่นเพียงยี่สิบเมตร เขาจึงสามารถมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน เขามองเห็นหลวงจีนรูปหนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ จึงได้เข้าไปดูใกล้ๆ และดวงตาของหลิงหยุนก็เป็นประกายขึ้นมาทันที..
“นี่คือกายเพชรตามตำนานที่เล่าขานกันมา เป็นกายที่เกิดจากการปฏิบัติถึงขั้นสูงสุดตามแนวทางพุทธศาสนา!”
หลิงหยุนตกใจจนถึงกับอ้าปากหวอและนิ่งไปครู่หนึ่ง!
สิ่งที่เขาเห็นคือภาพหลวงจีนกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนอาสนะหิน แสงจากไข่มุกราตรีตกกระทบมือสองข้างที่วางซ้อนกันอยู่บนตก ร่างทั้งร่างของหลวงจีนรูปนี้เป็นสีทองประกายเจิดจ้า หลิงหยุนยิ้มออกมาอย่างดีใจ
‘หลวงจีนรูปนี้นั่งอยู่ที่นี่มานานเท่าไหร่แล้วนะ?’ หลิงหยุนครุ่นคิดอยู่ในใจเงียบๆ
หลังจากที่หายจากอาการตกใจอยู่นาน หลิงหยุนก็ยกมือขึ้นไหว้สักการะพระรูปนั้น
แม้แต่ในครั้งที่อยู่ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ หลิงหยุนเองก็ไม่เคยพบเห็นหลวงจีนที่มีชื่อเสียงรูปใหนที่มรณะภาพในท่านั่งเช่นนี้มาก่อน และดูเหมือนว่าหลวงจีนรูปนี้คงจะเข้าสู่สภาวะนิพพานที่บริสุทธิ์อันมีผลต่อจิตใจของมนุษย์แล้วอย่างแน่นอน
“โอ้.. นั่น.. นั่น..!!!”
หลิงหยุนรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังได้ยินเสียงระฆัง เสียงกลอง และเสียงสวดมนต์คล้ายกำลังมีการทำวัตรเช้า และหลิงหยุนเองก็รู้สึกดื่มด่ำราวกับอยู่ในพิธีนั้นด้วย
หลิงหยุนยืนอยู่ตรงหน้าหลวงจีนชรารูปนี้ สีหน้าของเขาสงบนิ่ง และดวงตาคู่สวยของเขาก็เปล่งประกายเจิดจ้า จิตใจของหลิงหยุนตื่นขึ้น และสายตาของเขาก็เต็มไปด้วยความหนักแน่น หลิงหยุนรู้สึกราวกับได้ชำระล้างบาปทั้งหลายออกจากจิตใจของตัวเอง
แต่จู่ๆ ดวงตาของหลิงหยุนก็กลับคืนสู่ความบริสุทธิ์ มุมปากของเขาปรากฏรอยยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ท่านอาวุโส.. เวลาผ่านมาเนิ่นนานเท่าไหร่ไม่อาจนับได้ แต่โชคชะตากลับพาให้เราได้มาพบเจอกันใต้ผืนดินที่ลึกกว่าห้าร้อยเมตรแห่งนี้ หากแม้เราจะเคยเป็นสหายร่วมเดินบนเส้นทางเดียวกันมาก่อน แต่ข้าก็มีทางเดินของตัวเอง จึงไม่อาจยอมรับเส้นทางของท่านได้!”
หลิงหยุนต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะหันหลังกลับไป และเมื่อหันกลับไปด้านหลัง เขาก็พบว่าเจ้าขาวปุยได้วิ่งไปที่ดวงตามังกรหยาง และเริ่มฝึกฝน!
หลิงหยุนได้ฝึกฝนวิชาลับหยินหยางสำเร็จแล้ว เขาจึงไม่จำเป็นต้องนั่งทำสมาธิเหมือนเช่นเคยอีก ร่างกายของเขาสามาถดูดซับพลังหยางบริสุทธิ์จากที่นี่ได้เอง
หลิงหยุนหันกลับไปสำรวจรอบๆต่อ เขาเดินเข้าไปในอารามเล็กๆที่แสนจะธรรมดานี้ แต่กลับสัมผัสได้ว่าภายในอารามที่เรียบง่ายแห่งนี้ล้วนเต็มไปด้วยพลังแห่งพุทธะ และบทสวดมนต์ก็ยังคงดังก้องอยู่ในหู จนเขาเองก็แทบจะต้านทานไม่ไหว
หลิงหยุนรู้สึกว่าเขาไม่ควรอยู่ที่นี่นานนัก มิเช่นนั้นแล้ว หลังจากออกไปจากสถานที่แห่งนี้ เขาคงต้องออกบวชอย่างแน่นอน
หลิงหยุนรีบกวาดสายตาสำรวจไปรอบๆอาราม และเขาก็พบเพียงของใช้สำหรับหลวงจีน ไม่ว่าจะเป็นคฑา สร้อยประคำแขวนพระ บาตร ตะเกียงน้ำมัน และภาชนะรูปน้ำเต้า
หลิงหยุนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงหยิบเอาตะเกียงน้ำมันและภาชนะรูปน้ำเต้าเก็บเข้าไปในแหวนพื้นที่ และเตรียมตัวที่จะกลับออกไป
แต่ในจังหวะที่หลิงหยุนกำลังหันเพื่อเดินกลับออกไปนั้น สายตาของเขาก็ไปสะดุดเข้ากับลูกประคำขนาดเท่าเม็ดถั่วในมือของหลวงจีน
หลิงหยุนใจสั่น และค่อยๆเอื้อมมือออกไปหยิบสร้อยปะคำในมือของหลวงจีนขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
ลูกประคำนี้ไม่มีประกายแวววาว แต่กลับเป็นสีเทาธรรมชาติ และมีขนาดเท่าเม็ดถั่วขนาดใหญ่
“นี่มันอะไรกัน? ก็ไม่มีอะไรแปลกประหลาดนี่นา…” หลิงหยุนพึมพำในขณะที่จับสร้อยประคำหมุนไปหมุนมา
หลังจากที่สังเกตุอย่างละเอียดอยู่นาน สีหน้าของหลิงหยุนก็เปลี่ยนไปทันที เขาสังเกตุเห็นบนลูกประคำสีเทาพื้นๆนั้น กลับมีลายเส้นที่ลากเชื่อมต่อกันเป็นรูปพระพุทธองค์ที่เปี่ยมด้วยเมตตา
ลายเส้นรูปพระพุทธองค์นี้ ผิวเผินอาจดูเหมือนเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่หากสังเกตให้ดี จะเห็นว่าเป็นฝีมือการแกะสลักของยอดฝีมืออย่างแน่นอน
ลายเส้นที่เป็นรูปพระพุทธองค์นั้นช่างแกะสลักได้อย่างเป็นธรรมชาติ และเผยให้เห็นเสน่ห์แห่งเซ็นที่ไม่อาจอธิบายได้ หลิงหยุนถือไว้ในมือและสัมผัสได้ถึงพลังพุทธะที่อยู่รายล้อม เสียงแห่งพุทธะนั้นก้องกังวานชัดเจนราวกับเสียงระฆัง และตรงเข้าสู่จิตใจของหลิงหยุน..
หลิงหยุนนำสร้อยประคำที่ห้อยอยู่บนโต๊ะหินขึ้นมาเทียบ และพบว่ามันมีสีที่คล้ายคลึงกัน แต่ไม่ใช่สิ่งเดียวกันอย่างแน่นอน
“ช่างน่าอัศจรรย์นัก! เอากลับไปสำรวจต่อที่บ้านดีกว่า..” หลิงหยุนตัดสินใจเก็บสร้อยประคำเข้าไปในแหวนพื้นที่ด้วย
หลังจากที่เก็บน้ำเต้า ตะเกียงน้ำมัน และสร้อยประคำไปแล้ว เสียงสวดมนต์ในอารามก็ดูเหมือนจะค่อยๆเบาลงในทันที หลิงหยุนยิ้มให้กับหลวงจีนชรารูปนั้นอีกครั้ง แล้วจึงก้าวออกจากอารามไป
‘โลกมนุษย์.. เป็นโลกที่ลี้ลับ และไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้จริงๆ!’หลิงหยุนถึงกับอึ้ง
หลังจากที่กวาดสายตาไปรอบๆถ้ำหิน และเมื่อเห็นว่าไม่มีทางทะลุไปที่อื่น เขาก็ส่งเสียงเรียกเจ้าขาวปุยที่กำลังฝึกอยู่ให้ออกไปจากที่นี่โดยเร็ว
หลิงหยุนมั่นใจว่าตัวเขานั้นไม่สามารถูกพลังพุทธะ และเสียงพุทธะทำอันตรายได้อย่างแน่นอน แต่สำหรับเจ้าขาวปุยนั้น หากอยู่ที่นี่นานเกินไปอาจจะเกิดปัญหากับมันอย่างแน่นอน
“รีบไปกันดีกว่า!” หลิงหยุนไม่สามารถอยู่ดูดซับพลังหยางที่นี่ได้ เขาบอกเจ้าขาวปุยแล้วรีบก้าวเท้าออกไปทันที
เจ้าขาวปุยนั่งลงมองหลวงจีนชราที่นั่งอยู่ในวัด และไม่ยอมขยับไปใหน
“อย่าทำเช่นนั้น..!” หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงรีบอุ้มเจ้าขาวปุยแล้วใช้มังกรพรางร่างกระโดดออกไปไกลราวห้าสิบเมตร และมุ่งหน้าไปยังถ้ำหินฝั่งตรงข้าม
“ขาวปุย.. ขาวปุย..?!” หลิงหยุนวางเจ้าขาวปุยลงบนพื้น แล้วส่งเสียงร้องเรียกสองสามครั้ง แต่เจ้าขาวปุยกลับเพียงแค่ลืมตามองเขา
แววตาที่งุนงงของเจ้าขาวปุยค่อยๆจางหายไป และเริ่มกลับสู่สภาพปกติ แต่มันกลับไม่สามารถร้องหรือแสดงอารมณ์ใดๆได้
“น่าแปลก.. ภาพของหลวงจีนอาวุโสที่มรณะภาพในท่าขัดสมาธินั้นเป็นของจริง หรือเป็นภาพลวงตากันแน่…”
หลิงหยุนพึมพำกับตัวเองอย่างงุนงง และดูเหมือนเขาจะลืมทุกสิ่งที่เพิ่งพบเห็นเมื่อครู่ไปจนหมดสิ้น
แต่ถึงอย่างไร ภาพของหลวงจีนชราที่นั่งขัดสมาธินิพพานพร้อมรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตานั้น ยังคงเป็นภาพที่มีคุณค่าต่อจิตวิญญาณของหลิงหยุน และมันยังคงตราตรึงอยู่ในจิตใจของเขา
หลิงหยุนนึกถึงตำนานเก่าแก่ลี้ลับที่เขาอ่านมาจากอินเทอร์เน็ต แล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า ‘หลวงจีนรูปนั้นเป็นใครกันนะ?!’
“ไม่แปลกที่จิตหยั่งรู้ในขั้นพลังชี่-9ของข้าในวันนั้นไม่สามารถสำรวจพบ..”
“ไปที่ตำแหน่งหัวใจกันดีกว่า..” หลิงหยุนอุ้มเจ้าขาวปุยมุ่งหน้าไปทางด้านตะวันออกอีกครั้ง และครั้งนี้เขาสัมผัสได้ถึงพลังของค่ายกลมังกรหยินหยาง
ไม่ว่าจะเป็นถ้ำค้างคาวดูดเลือด หรือโลงศพทองแดงสัมฤทธิ์ทั้งใหญ่และเล็กนั้น ยังไม่ดูลึกลับเท่ากับหลวงจีนชราที่นั่งมรณภาพในท่าขัดสมาธิ
หลิงหยุนได้สำรวจดวงตาของค่ายกลมังกรหยินหยางเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เขาจะเข้าไปเอาน้ำลายมังกร และทันทีที่ได้น้ำลายมังกรเขาก็จะกลับออกไปทันที
ดวงตามังกรหยิน และดวงตามังกรหยางนั้น เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของค่ายกลแห่งนี้ แต่ส่วนสำคัญหลักของค่ายกลแห่งนี้คือตำแหน่งกุญแจมังกร ที่จะทำหน้าที่กักขังมังกรไม่ให้ออกไปที่ทะเลสาปจิงฉู
ไม่รู้ว่าค่ายกลแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมายาวนานเท่าไหร่แล้ว หลิงหยุนไม่จำเป็นต้องเห็นมังกรตัวจริง แต่เขาก็มั่นใจว่าจะสามารถหาน้ำลายมังกรได้ เพราะในเมื่อมีหญ้าน้ำลายมังกร ด้านล่างก็ต้องมีน้ำลายมังกรเช่นกัน
ยิ่งหลิงหยุนเดินเข้าใกล้ทางด้านตะวันออกมากขึ้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายบางอย่าง หลิงหยุนต้องระมัดระวังให้มากขึ้น เพราะด้านหน้าของเขานั้นเป็นตำแหน่งหัวใจมังกรซึ่งเป็นศูนย์รวมของค่ายกลแห่งนี้
หลิงหยุนอาจติดกับดักที่นี่ได้หากไม่ระวัง และเขาเองก็ไม่ต้องการถูกกักขังอยู่ที่นี่เช่นเดียวกับหลวงจีนชรารูปนั้น
‘มังกรอาศัยอยู่ที่ใหนนะ? หรือจะอยู่ใต้แม่น้ำที่มืดมิดแห่งนั้น?’ หลิงหยุนเดินไปพร้อมกับครุ่นคิดอยู่ภายในใจ
‘หรือมังกรพวกนั้นจะหนีออกไปจากค่ายกลแห่งนี้ได้สำเร็จแล้ว เพาะในวันที่ฝนตกหนักจนเกิดหลุมยุบขนาดยักษ์แห่งนี้ ได้ทำลายค่ายกลนี้ไปแล้ว?’
หลิงหยุนเดินไปคิดไป และรีบถอยห่างออกมาจากถ้ำที่เชื่อต่อระหว่างดวงตามังกรทั้งสองข้าง หากตอนนี้เขาอยู่บนพื้นดินด้านบน หญ้าน้ำลายมังกรจะอยู่บริเวณถัดออกไปจากหุบเขาที่อยู่ระหว่างเขาหยกด้านใต้กับเขามังกร
หลิงหยุนเริ่มสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่ทรงพลังอย่างมาก เขารู้ได้ทันทีว่ามันคือพลังชีวิตที่กระจายออกมาจากน้ำลายมังกร
ในเมื่อการจะพบมังกรนั้นเป็นเรื่องที่ยากเย็น การจะได้พบน้ำลายมังกรจึงเป็นเรื่องที่ยากเย็นเช่นกัน พลังชีวิตจากน้ำลายมังกรนั้นมีความเข้มข้นกว่าพลังชีวิตที่กระจายออกจากร่างของมังกรเสียอีก หลิงหยุนจึงต้องรีบดูดซับเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“หวังว่าหลวงจีนชรานั่นจะไม่หยิบเอาน้ำลายมังกรของข้าไปนะ..” หลิงหยุนเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
หลวงจีนชราที่บรรลุรูปนี้ ไม่รู้ว่าอาศัยอยู่ในค่ายกลแห่งนี้มานานเท่าไหร่แล้ว และด้วยพลังภายในที่น่ากลัวของเขา หากไม่รู้จักน้ำลายมังกรนั้น หลิงหยุนไม่มีทางเชื่ออย่างแน่นอน
ถ้ำหินเริ่มสูงขึ้นและใหญ่ขึ้น แล้วก็ยิ่งใหญ่ขึ้น.. ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนหลิงหยุนรู้สึกว่าตัวของเขานั้นเล็กนิดเดียว
“สวรรค์!! นั่นมันอะไรกัน?!”
หลิงหยุนเดินเข้าไปจนสุด และสัมผัสได้ว่าพลังชีวิตจากน้ำลายมังกรนั้นเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เขาเห็นกำแพงที่วางขวางเป็นแนวนอนสีดำ
กำแพงสีดำ!!
กำแพงนี้ไม่ได้น่าหวาดกลัว แต่สิ่งที่ทำให้หลิงหยุนตกใจสุดขีดคือกำแพงค่อยๆเคลื่อนที่เองอย่างช้าๆ