บทที่ 317 : ขั้นปรับร่างกาย-4
พลังอมตะสีทองกลางหน้าผากซึ่งเปรียบเหมือนดวงตาที่สาม ได้ไหลเข้าสู่จุดตันเถียนของหลิงหยุน และในเวลาเดียวกันนั้นปราณมังกรก็ได้ไหลจากพู่กันจักรพรรดิเข้าสู่จุดตันเถียนด้วยเช่นกัน!
‘นี่มันเกิดอะไรกันขึ้นกันแน่?!’
ในเวลานี้หลิงหยุนได้ใช้ตัวช่วยทุกอย่างที่มีจนหมดแล้ว และสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับหลิงหยุนในตอนนี้ทำให้เขาตกใจจนแทบช็อค!
แม้หลิงหยุนจะนับว่าเป็นนักบ่มเพาะที่เก่งกาจและมีพรสวรรค์ แต่สถานการณ์ที่เขากำลังเผชิญอยู่นี้ เป็นสิ่งที่เขาเองก็ไม่เคยพบเจอหรือได้ยินมาก่อนเช่นกัน!
พลังอมตะสีทอง และปราณของมังกรทองได้ไหลเข้าสู่จุดตันเถียนของหลิงหยุนในเวลาพร้อมกัน และได้พุ่งโจมตีพลังอมตะสีขาวอย่างรุนแรง!
จุดตันเถียนของหลิงหยุนที่เต็มไปด้วยพลังอมตะสีดำก็เริ่มล่าถอย และหดตัวลงเหลือเพียงแค่ครึ่งหนึ่งของพื้นที่ในจุดตันเถียน พร้อมกับหยุดการกลืนกิน..
ในนาทีนั้น.. ปราณมังกรและพลังอมตะสีทองได้หลอมรวมกันเป็นหนึ่ง และกลายร่างเป็นมังกรที่ทอแสงสีทองเปล่งประกายอยู่ตรงกึ่งกลางของจุดตันเถียน แล้วพลังอมตะสีดำและพลังอมตะสีขาวต่างก็แยกตัวออกจากัน!
ความกดดันและความโกลาหลวุ่นวายเมื่อครู่มลายหายไป ดวงตาของหลิงหยุนในเวลานี้เป็นประกายสวยงาม และเริ่มมีสมาธิกับการฝึกวิชาพลังลับหยินหยางต่อไป
พลังหยินจำนวนมากยังคงไหลเข้าสู่จุดตันเถียนของหลิงหยุนอย่างบ้าคลั่ง แต่พลังอมตะสีดำและพลังอมตะสีขาวต่างก็หดตัวลงอย่างทันทีทันใด!
เพียงไม่นาน.. พลังอมตะสีดำและพลังอมตะสีขาวก็หดตัวลงจนเหลือเพียงแค่จุดเล็กๆสีดำและสีขาวเท่านั้น ภายในจุดตันเถียนของหลิงหยุนตอนนี้ พลังอมตะสีทองและปราณมังกรที่หลอมรวมกันเป็นร่างมังกรนั้น ทำให้ดูราวกับมีกลุ่มหมอกสีทองกำลังหมุนวนด้วยความเร็วสูงสุด
พู่กันจักรพรรดิเริ่มหยุดถ่ายเทปราณมังกรให้หลิงหยุน แต่เปลี่ยนมาเป็นถ่ายเทพลังอมตะลงไปแทน!
พลังอมตะที่ไหลจากพู่กันจักรพรรดิเข้าสู่ร่างกายหลิงหยุนในเวลานี้ ไม่ได้ไหลไปตามเส้นลมปราณหลักทั้งสิบสองเส้น แต่กลับไหลไปตามเส้นลมปราณตู (หรือเรียกอีกอย่างว่าเส้นลมปราณหยาง) ซึ่งเป็นเส้นลมปราณที่อยู่กลางลำตัวด้านหลัง และตรงเข้าสู่จุดตันเถียนของหลิงหยุน
พลังอมตะที่ไหลผ่านเส้นลมปราณตูเข้าสู่จุดตันเถียนนี้ เข้าไปกดจุดสีดำเล็กๆที่อยู่ในจุดตันเถียนให้กระจายตัวกลายเป็นกลุ่มหมอกสีดำทันที และในเวลานี้พลังหยินก็ได้ครอบคลุมพื้นที่ครึ่งหนึ่งของจุดตันเถียน
พลังหยินที่ถูกบีบให้กระจายตัวกลายเป็นหมอกนั้น ค่อยๆเคลื่อนไปทางด้านข้างของจุดสีขาวเล็กๆที่เกิดจากการหดตัวของพลังอมตะสีขาว และพลังหยินที่กระจายตัวอยู่นี้ ก็ไม่ได้ดูดกลืนพลังอมตะสีขาวอีกเพียงแค่กระจายตัวอยู่รอบๆเท่านั้นเอง
เรียกได้ว่า.. พลังอมตะจากพู่กันจักพรรดิโอบรอบจุดดำ และพลังหยินก็โอบรอบจุดขาว!
เรียกได้ว่าเป็นการพึ่งพากันระหว่างหยินและหยาง!
และเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พู่กันจักรพรรดิก็เลิกถ่ายเททั้งปราณมังกร และพลังอมตะเข้าสู่ร่างกายของหลิงหยุนทันที
เมื่อพลังอมตะสีทองและปราณมังกรได้หลอมรวมเป็นร่างมังกรเข้าปกป้องไม่ให้พลังต่างๆดูดกลืนกันเองนั้น หลิงหยุนจึงเริ่มดูดซับพลังหยินเข้าไปอีกครั้ง และเริ่มฝึกวิชาพลังลับหยินหยางขั้นสุดท้าย
หลังจากที่ดูดซับพลังหยินเข้าสู่ร่างกาย หลิงหยุนก็จัดการเคลื่อนพลังหยินไปตามเส้นลมปราณเยิ่น (หรือเรียกอีกอย่างว่าเส้นลมปราณหยิน) และไหลลงสู่จุดตันเถียนของเขาเป็นจำนวนมาก
ตอนนี้หลิงหยุนกำลังใช้วิชาพลังลับหยินหยาง จัดการแปลงพลังอมตะที่จุดตันเถียนให้เป็นพลังหยางที่บริสุทธิ์ ในขณะเดียวกันก็ดูดซับเอาพลังหยินเข้าไปพร้อมๆกันด้วย เรียกว่าทำสองอย่างในเวลาเดียวกัน..
ตอนนี้.. พลังอมตะสีดำได้ถูกล้อมรอบไว้ด้วยพลังหยางจำนวนน้อย และพลังอมตะสีขาวก็ถูกล้อมรอบไว้ด้วยพลังหยินจำนวนน้อยเช่นกัน และในพลังหยินนั้นก็มีร่างมังกรที่เกิดจากการหลอมรวมตัวของปราณมังกรกับพลังอมตะสีทองคั่นอยู่ตรงกลาง แยกทั้งสองออกจากกันไม่ให้กลืนกินกันและกัน หลิงหยุนจึงไม่ต้องกังวลอะไรอีก
ไม่รู้ว่าใช้เวลาไปเนิ่นนานเพียงใด ในที่สุดหลิงหยุนก็สามารถแปลงพลังอมตะในจุดตันเถียนให้กลายเป็นพลังหยางที่บริสุทธิ์ได้ เขาควบคุมทุกอย่างได้ดีมาก และในเวลานี้พลังหยินที่ดูดซับเข้าไปนั้น ก็ถึงจุดที่สมดุย์กับพลังหยางที่บริสุทธิ์แล้ว
ในนาทีที่ถึงจุดสมดุลย์ระหว่างหยิน-หยาง หลิงหยุนก็ได้เข้าถึงสภาวะที่ไร้ซึ่งความอยาก และเขาก็ยังคงฝึกวิชาพลังลับหยินหยางต่อไป ตอนนี้เขาก็แค่รอเวลาบ่มเพาะที่สมบูรณ์เท่านั้นเอง
หลิงหยุนสัมผัสได้ถึงแรงระเบิดอยู่ภายใน พลังหยินและพลังหยางที่บริสุทธิ์ต่างก็ไหลตามกันเป็นวงกลม ราวกับปลาสีขาวและปลาสีดำที่กำลังว่ายงับหางหยอกล้อกันเล่นไปมา
ที่จุดตันเถียนของหลิงหยุนในเวลานี้ ราวกับมีร่างหยินและร่างหยางวิ่งหมุนวนอยู่อย่างรวดเร็ว
พลังงานหยินและหยางต่างก็หมุนวนอยู่ภายในจุดตันเถียนของหลิงหยุน และเริ่มกระจายเข้าสู่เส้นลมปราณหลักทั้งสิบสองเส้น และเส้นลมปราณพิเศษแปดเส้น!
‘ข้าฝึกวิชาพลังลับหยินหยางสำเร็จแล้ว!’
และเกือบจะในเวลาเดียวกัน หลิงหยุนก็ได้เข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-4 เรียบร้อยแล้วเช่นกัน และเขาก็สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก!
ใบหน้าของหลิงหยุนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง ประกายสว่างไสวเต็มไปด้วยความมั่นใจเจิดจ้าขึ้นในดวงตาของเขาทันที!
หลังจากผ่านการฝึกฝนที่ยากลำบาก จุดตันเถียนของหลิงหยุนก็ขยายใหญ่ขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นถึงยี่สิบเท่า และแน่นอนว่าเส้นลมปราณทั่วร่างกายของเขาก็ขยายใหญ่ขึ้นด้วยเช่นกัน
ภายในจุดตันเถียนของหลิงหยุนตอนนี้มีขนาดใหญ่เท่าลูกปิงปอง และพลังอมตะสีขาวและสีดำนั้นก็ไม่ได้หายไปใหน แต่เปลี่ยนเป็นกลุ่มหมอกสีดำและสีขาวที่มีขนาดเท่าเม็ดงาอยู่ในจุดตันเถียนนั่นเอง
แม้ว่าหลิงหยุนจะไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในได้ แต่เขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่วิเศษในบริเวณจุดตันเถียน ช่างเป็นจุดตันเถียนที่แปลกและวิเศษสุดๆ และยังมีพลังมากอีกด้วย
“ลบคือบวก.. บวกคือลบ.. พลังหยินและหยางสามารถเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้ และจากนี้ไปข้าจะมีความสมดุลย์ของหยินหยางไปตลอดกาล.. นี่ต่างหากคือผลลัพธ์ที่แท้จริงของวิชาพลังลับหยินหยาง!”
หลิงหยุนยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น มือของเขายังคงวางอยู่บนหน้าตัก แม้ขาจะชา แต่เขาก็พึมพำออกมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
สำหรับหลิงหยุนแล้ว.. นี่คือการก้าวสู่ขั้นปรับร่างกายช่วงกลางได้สมบูรณ์แบบอย่างที่เขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆ!
หลิงหยุนฝึกฝนอยู่ในที่ที่ไร้แสงอาทิตย์และแสงจันทร์ เขาดื่มด่ำอยู่กับการฝึกฝนจนลืมวันลืมคืน และไม่รู้ว่าได้ใช้เวลาไปกับการฝึกฝนนานเท่าไหร่แล้ว
หลิงหยุนเรียกโทรศัพท์ออกมาจากแหวนพื้นที่เพื่อดูเวลา แต่โทรศัพท์กลับแบตหมดและดับไปแล้ว
หลิงหยุนค่อยๆขยับร่างกายและข้อต่อต่างๆ และไม่อยากสนใจอะไรอีก เพราะตอนนี้เขารู้สึกหิวมากและท้องก็ร้องเสียงดัง
หลิงหยุนมองออกไปไกลๆ และพบว่าร่างของเจ้าขาวปุยนั้นหนาวจนแข็งไปหมด เขานึกขอโทษมันอยู่ในใจ และรีบกระโดดออกไปทันที
“นี่เจ้านั่งดูแลความปลอดภัยให้ข้างั้นรึ? แข็งไปหมดแล้วสิท่า!”
ตั้งแต่ที่หลิงหยุนเริ่มฝึก เจ้าขาวปุยก็ฝึกบ่มเพาะเพื่อสู้กับความเย็นที่รุนแรงของพลังหยิน และไม่ยอมขยับไปใหนแม้แต่ก้าวเดียว
สำหรับหลิงหยุนนั้น เขามาที่นี่เพื่อฝึกวิชาพลังลับหยินหยาง จึงไม่หวาดกลัวต่อความหนาวเย็นของพลังหยิน แต่เจ้าขาวปุยนั้นมีระดับกำลังที่ต่างจากเขา ดังนั้นหลังจากผ่านไปนาน ร่างของมันจึงแข็งไปทั้งร่าง
หลิงหยุนรีบอุ้มมันขึ้นมาในอ้อมแขน จากนั้นก็เรียกยันต์อัคนีออกมาและโยนไปรอบๆพร้อมกับตะโกนสั่ง และลูกไฟสิบกว่าลูกก็ติดขึ้นพร้อมๆกัน
เจ้าขาวปุยซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของหลิงหยุน ปล่อยให้เขากอดมันไว้แน่นและไม่ยอมขยับเขยื้อน
หลิงหยุนโยนยันต์อัคนีออกไปเพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับเจ้าขาวปุย และเมื่อร่างของเจ้าขาวปุยค่อยๆอุ่นขึ้น หลิงหยุนจึงพูดขึ้นว่า “ออกจากที่นี่ แล้วไปหาที่นั่งกินอะไรกันดีกว่า..”
หลังจากนั้นหลิงหยุนก็ใช้เท้าทองคำหมื่นลี้พาร่างของเขาและเจ้าขาวปุยออกไปไกลถึงสามสิบเมตร มุ่งหน้าไปยังถ้ำที่จะนำไปสู่ดวงตามังกรหยาง
แม้หลิงหยุนไม่มีพลังชีวิตเหลืออยู่อีก แต่เขาก็ได้เข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-4 แล้ว และการฝึกวิชาพลังลับหยินหยางก็ประสบความสำเร็จ พลังชี่ภายในร่างกายก็ยังมีเหลือเฟือ เขาจึงไม่ต้องพึ่งพาพลังชีวิตอีก..
พูดอีกอย่างก็คือว่า.. หลิงหยุนสามารถไปที่ใหนก็ได้ในโลกใบนี้!
ในขั้นปรับร่างกาย-4นี้ สายตาของหลิงหยุนดีขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ด้วยแสงจากมุกราตรีตรงหน้าอก ทำให้หลิงหยุนสามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมรอบๆในระยะห้าสิบเมตรได้ชัดเจนมาก
และแม้ว่าจะไม่มีไข่มุกราตรี ในสภาพที่มืดมิดเช่นนี้ หลิงหยุนก็สามารถมองเห็นได้ชัดเจนในระยะสามสิบเมตร
เขาเรียกกระบี่มังกรดำออกมา และใช้มือขวาอุ้มเจ้าขาวปุยไว้ ทั้งคู่มุ่งหน้าไปทางเหนือ ผ่านหินก้อนใหญ่หลายก้อน และในที่สุดก็ไปใกล้บริเวณดวงตามังกรหยาง
ทันทีที่เข้าไปถึงบริเวณใกล้ดวงตามังกรหยาง อุณหภูมิก็เพิ่มขึ้นมากกว่าสามสิบองศาทันที หลิงหยุนมองหาที่แห้งและเรียกเจ้าขาวปุยมากินข้าวด้วยกัน
หลิงหยุนเรียกอาหารและน้ำแร่ที่เตรียมมาด้วยออกมาจากแหวนพื้นที่ และสั่งให้เจ้าขาวปุยกินให้อิ่ม
“อิ่มแล้วจะได้รีบไปเอาน้ำลายมังกรที่ดวงตามังกรหยางกัน!”
ตอนนี้หลิงหยุนและเจ้าขาวปุยอยู่ใต้หุบเขาที่อยู่ระหว่างเขาหยกด้านใต้และเขามังกร และทางด้านตะวันออกของที่นี่จะมีหญ้าน้ำลายมังกรอยู่
เจ้าขาวปุยไม่รู้สึกหนาวอีกแล้ว และกลับคืนสู่สภาพปกติเช่นเดิม..
หลังจากที่หลิงหยุนเข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-4 และฝึกวิชาพลังลับหยินหยางสำเร็จ ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นดวงตามังกรหยิน หรือดวงตามังกรหยางล้วนให้ผลกับเขาไม่ต่างกัน และแม้จะไม่มีพลังชีวิตเหลืออยู่ เขาก็ไม่ต้องเกรงกลัวอะไรอีก หลิงหยุนในเวลานี้ไม่ต่างจากนกน้อยที่บินออกจากกรง เขาชื่นชอบความรู้สึกที่เป็นอิสระเสรีเช่นนี้มาก..
หลิงหยุนอยากทดสอบความสามารถของตนเองในตอนนี้ จึงได้ทดลองใช้เท้าทองคำหมื่นลี้วิ่งอย่างสุดกำลัง และพบว่าความเร็วเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากเมื่อก่อน!
“ยอดเยี่ยมมาก..”
หลิงหยุนเปิดรูขุมขนทั่วร่างกาย และเริ่มดูดซับพลังหยางที่มีเพิ่มมากขึ้น และใช้พลังลับหยินหยางปรับสมดุลย์
“ขาวปุย.. เจ้าเคยมาที่นี่ไม๊?” หลิงหยุนถามเจ้าขาวปุยที่อยู่ข้างๆ
เจ้าขาวปุยส่ายหน้าแทนคำตอบ หลิงหยุนรู้สึกโล่งอก เพราะหากเจ้าขาวปุยเคยมาที่นี่แล้ว คนอื่นๆก็คงจะมาที่นี่ได้ไม่ยากนักเช่นกัน
ดวงตามังกรหยางอยู่ลึกจากแม่น้ำเส้นนั้นลงไปราวหนึ่งร้อยเมตร แม้เส้นทางจะต้องขึ้นๆลงๆ แต่ก็อยู่ไม่ไกลมาก ที่นี่เป็นค่ายกลมังกรหยินหยาง จึงไม่ใช่สถานที่ที่คนธรรมดาจะเข้ามาได้ง่ายๆ
แต่สำหรับหลิงหยุนแล้วมันเป็นเรื่องที่ง่ายมาก เขาเป็นปรมาจารย์ด้านค่ายกล และคุ้นเคยกับค่ายกลชนิดต่างๆ เขาจึงสามารถไปตามจุดหมายที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย!
หลิงหยุนยังคงอัตราความเร็วเช่นเดิมแม้ว่าอุณหภูมิจะสูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเข้าใกล้ดวงตามังกรหยาง อุณหภูมิจะสูงถึงสี่สิบองศา
“ด้านล่างของดวงตามังกรหยางต้องมีลาวาอย่างแน่นอน”