บทที่ 281 ดยุคแห่งความมืด
บทที่ 281 ดยุคแห่งความมืด
ในโถงปราสาท จักรพรรดิหลงกำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ด้วยความเงียบสงบ ซึ่งเซียวเฟิงที่ยืนอยู่กลางห้องโถงเองก็เช่นกัน
ฝ่ายพลาธิการถูกเรียกตัวให้เข้ามาอยู่ภายในโถงปราสาทแห่งนี้ด้วย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อแห่งความกลัวที่ไหลพรากออกมา ทั่วทั้งร่างนั้นกำลังสั่นไหวด้วยความหวาดหวั่นอยู่ข้าง ๆ ชายหนุ่ม
เขาคือ NPC ที่เซียวเฟิงตามหาอยู่ตั้งนานก่อนหน้านี้!
แต้มความสำเร็จสมรภูมิในครั้งนี้มีของรางวัลมากมายรอให้เลือกอยู่ แน่นอนว่าของเหล่านี้ล้วนแต่เป็นของดี ๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น ชุดระดับทองเลเวล 30 ที่มีสกิลในตัวเพียบพร้อมอย่าง เกราะฮาวเบิร์กทองคำที่ราคากับความสามารถค่อนข้างเป็นมิตร
นอกจากนี้ก็ยังมีอาวุธระดับทองหลายชิ้น ม้าศึกระดับหายาก สุนัขที่เป็นสัตว์เลี้ยงระดับหายากมากมายละลานตาไปหมด โดยที่สิ่งที่สามารถแลกได้ทั้งหมดนี้ ถือเป็นมาตรฐานของจักรวรรดิอยู่แล้ว ซึ่งมันย่อมคุ้มค่าคุ้มราคาอย่างแน่นอน แค่มันมีไอเทมระดับทองคำให้แลกก็ถือว่าคุ้มมากแล้ว เพราะแม้แต่ในดันเจี้ยน การได้มาซึ่งไอเทมระดับทองยังยากกว่านี้อีกเยอะ
ทว่า ของเหล่านี้ไม่ได้ราคาถูกนัก แต่ละชิ้นเริ่มต้นที่ 100 แต้มสมรภูมิ ซึ่งการจะเก็บชุดเกราะสักชุดหนึ่งให้ครบมันจึงเป็นเรื่องยากสำหรับผู้เล่นทั่วไปมาก ๆ สงครามที่ผ่านมานั้น ผู้เล่นต่างก็ได้แต้มกันคนละนิดคนละหน่อย ตั้งแต่หลักสิบ มากสุดก็แค่หลักร้อย ถึงพวกเขาจะรวมแต้มเข้าด้วยกัน พวกเขาก็ยังมีแต้มไม่พอจะซื้อชุดเกราะทั้งเซ็ตอยู่ดี
หรือถ้าจะไม่มองไอเทม สิ่งที่ดีกว่านั้นก็ยังมีอยู่ หน้าตาทางสังคมภายในเกมอย่าง ฉายา ก็มีพร้อมให้แลกด้วยเช่นกัน
100 แต้มความสำเร็จสมรภูมิแลกรับฉายา ดีคูเรี่ยน (นายสิบ) 1,000 แต้มความสำเร็จสมรภูมิแลกรับฉายา เซนจูเรี่ยน (นายร้อย) รางวัลใหญ่ที่สุดคือ กัปตัน ที่ซึ่งต้องใช้ถึง 10,000 แต้มเลยทีเดียว!
ทว่านี่แหละคือปัญหา แต้มความสำเร็จของเซียวเฟิงนั้นมีหลักล้านแต้ม แต่ไม่สามารถใช้มันแลกรับฉายาได้ หรือถ้าจะให้พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เขาสามารถแลกได้เฉพาะไอเทมเท่านั้น
“ผมขอแลกชุดเกราะเฮอร์เบิร์ก 10,000 ชุดได้หรือเปล่าครับ?”
เซียวเฟิงถามด้วยความไม่แน่ใจ ในบรรดาไอเทมเหล่านี้ ชุดเกราะดูจะมีค่ามากที่สุดแล้ว เพราะยังไงมันก็มีส่วนช่วยผู้เล่นได้มากที่สุดเวลาต้องใช้ร่างกายเข้าปะทะ หากเขาสามารถซื้อได้ในจำนวนหนึ่งหมื่นชุดสำเร็จได้ก็คงจะโชคดีไม่น้อย
ด้วยราคาตลาดภายในเขตฮัวเซียปัจจุบันนี้ ชุดเกราะระดับทองเลเวล 30 นั้นมีมูลค่าหลายหมื่นหากเทียบเป็นเงินจริง บางทีเขาอาจจะสามารถสร้างเงินระดับพันล้านหยวนได้จากการขายชุดเกราะระดับทองจำนวนหมื่นชุดนี้
“อืม…”
เหงื่อบนใบหน้าของฝ่ายพลาธิการปรากฏให้เห็นมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินสิ่งที่เซียวเฟิงต้องการ
“ฮ่า ๆๆ ท่านอาร์คบิชอป ท่านจะต้องล้อข้าเล่นอยู่แน่ ๆ ชุดเกราะเฮอร์เบิร์กทองน่ะมันสำหรับนายพล หรือไม่ก็เจ้าหน้าที่ระดับสูงภายในสังกัดจักรวรรดิแห่งนี้ ข้าไม่สามารถหาชุดพวกนี้ถึงหมื่นชุดตามที่ท่านขอได้หรอก”
จักรพรรดิหลงหัวเราะออกมาและพูดกับเซียวเฟิงด้วยความขี้เล่น
“แบบนั้นแล้วผมทำอะไรได้บ้าง? ผมหวังว่าท่านคงจะไม่ได้ริดรอนสิทธิ์ในการแลกของรางวัลของผมหรอกนะ!” เซียวเฟิงกอดอกแล้วแสดงท่าทีไม่ยอมคนออกมา
“ฮ่า ๆๆ แน่นอนว่าข้าไม่ทำเช่นนั้นแน่ ท่านเป็นถึงผู้ที่ขจัดกำลังหลักของเหล่าทัพแห่งความมืดเลยนะ แถมยังเป็นผู้ที่มีแต้มความสำเร็จเยอะมาก ๆ อีก ไหนจะเป็นแม่ทัพใหญ่แห่งทัพสัมพันธมิตรที่ช่วยนำพาชัยชนะมาให้แก่พวกเรา เรื่องนี้ไม่มีทางที่จักรวรรดิจะลืมได้ และด้วยเหตุนี้ข้าจึงอยากจะตอบแทนท่านด้วยของรางวัลที่มันสมน้ำสมเนื้อเท่าที่ข้าจะสามารถจัดให้ได้!” จักพรรดิหลงยังคงหัวเราะ
“โอ๊ะ งั้นเหรอครับ? รางวัลที่สมน้ำสมเนื้องั้นเหรอ? ของสิ่งนั้นคืออะไรกันครับ?” ได้ยินเช่นนั้นเซียวเฟิงก็แอบประหลาดใจขึ้นมาครู่หนึ่ง
“ไม่ต้องรีบร้อน หลังจากที่ข้าได้ไตร่ตรองเรื่องนี้ดีแล้ว ในที่สุดข้าก็ตัดสินใจได้แล้วว่า ข้าจะแต่งตั้งให้ท่านเป็น ‘ดยุก’ ที่ซึ่งมีระดับสูงเทียบเท่ากับแม่ทัพนายกองเลย ยิ่งไปกว่านั้น ข้าจะขอมอบเมืองแห่งความโศกเศร้าให้ถือเป็นศักดินา และในฐานะที่ท่านเป็นอัศวินผู้มีเกียรติแห่งเมืองนี้ ต่อจากนี้ท่านคือ… ดยุกแห่งความมืด!”
จักพรรดิหลงหยุดหัวเราะและพูดด้วยท่าทีจริงจังราวกับกำลังเชื้อเชิญเซียวเฟิงให้มาอยู่ฝั่งเขา
“หา!? ท่านจะยกเมืองแห่งความโศกเศร้าให้ผมงั้นเหรอ!?”
เรื่องนี้มันทำเอาเจ้าตัวช็อกไปเลย ก่อนหน้านี้เขาก็คิดมาบ้างแล้วว่าแต้มความสำเร็จกว่าล้านแต้มนี้จะต้องเปิดโอกาสอะไรให้เขาบ้างแน่ ๆ เขาเชื่อว่าตนเองจะได้รับรางวัลที่ยิ่งใหญ่แต่ไม่คาดคิดว่าจะได้รับฉายา ดยุก เช่นนี้ มันเป็นเรื่องที่เกินคาดพอ ๆ กับตอนที่ได้รับฉายา ‘อาร์คบิชอป’ มาเลย ซึ่งตอนนี้เซียวเฟิงก็ได้เรียนรู้แล้วด้วยว่าการมีฉายาสูง ๆ มันมีข้อดีอย่างไร
นอกจากนี้สิ่งที่เขาไม่คาดคิดเลยจริง ๆ นั้นคือการที่จู่ ๆ จักรพรรดิหลงจะยกเมืองหลักให้เขาเป็นของรางวัลเช่นนี้ด้วย!
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เมืองแห่งความเศร้าจะเคยเป็นฐานที่ตั้งสำคัญของเผ่าพันธุ์แห่งความมืด และถึงแม้ว่าตอนนี้จะกลายเป็นเมืองร้างไปแล้วหลังจากที่ผู้อยู่อาศัยเก่าถูกกำจัด มันก็ยังคงเป็นเมืองหลักอยู่เช่นเดิม ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่ามูลค่าของมันจะสูงขนาดไหน
[ท่านได้รับฉายา ‘ดยุกแห่งความมืด’ !]
[ท่านได้รับ ‘เมืองแห่งความโศกเศร้า’ เป็นของรางวัล!]
“ดะ…เดี๋ยวก่อนนะ!” เซียวเฟิงรีบหยุดบทสนทนาไว้ก่อนเมื่อเขาเห็นเฉียนโตวโตวออนไลน์พอดี เจ้าตัวไม่รอช้าที่จะโทรหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
“พี่เซียว เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
มันเกือบจะเช้าแล้ว แต่เฉียนโตวโตวก็ยังคงออนไลน์อยู่ เธอรับสายเซียวเฟิงทันทีพร้อมถามด้วยความสงสัย
“เธอพอจะรู้เรื่องเกี่ยวกับเมืองแห่งความโศกเศร้าไหม?” เขาถามไปตามตรง
“เมืองแห่งความโศกเศร้าเหรอ? มันใช่เมืองที่เป็นสถานที่ที่จัดภารกิจสมรภูมิประจำเขตฮัวเซียเมื่อคืนนี้หรือเปล่านะ? ถ้าใช่ล่ะก็ ฉันก็พอรู้เรื่องอยู่นะ พี่อยากถามเรื่องอะไรล่ะ?” หญิงสาวนึกย้อนก่อนจะถามกลับด้วยความสงสัย
“ถ้างั้นก็ช่วยประเมินค่าเมืองนี้แล้วบอกฉันทีว่ามันมีมูลค่าขนาดไหน?” เซียวเฟิงเองก็ไม่อ้อยอิ่งที่จะพูดออกไปเช่นกัน
“ประเมินค่า? พี่เซียว พี่กำลังจะซื้อเมืองหลักเหรอ? ไม่มีทาง เมืองหลักน่ะไม่ขายหรอกนะ… เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะ! หรือว่าพี่เซียวได้เมืองแห่งความโศกเศร้ามาแล้ว!?” เฉียนโตวโตวเป็นผู้หญิงฉลาด ดังนั้นเธอจึงพอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ใช่ จักรพรรดิตัดสินใจที่จะยกเมืองแห่งความโศกเศร้าให้ฉันเป็นรางวัลสำหรับภารกิจสมรภูมิ เธอแค่ประเมินค่าแล้วตีเป็นราคาให้ฉันก็พอ” เซียวเฟิงพูด ในหัวชายหนุ่มตอนนี้มีเพียงขายเมืองหลักเมืองนี้แล้วเปลี่ยนเป็นเงินเท่านั้น
“พระเจ้า! พี่เซียว! พี่จะเอาเมืองหลักมาตีราคาไม่ได้นะ! ยิ่งไปกว่านั้น นี่เรากำลังพูดถึงเมืองแห่งความโศกเศร้ากันเลยนะพี่เซียว! พี่ต้องพัฒนามันด้วยมือตัวเองสิ! ใช้ความยิ่งใหญ่ของพี่ขยายอาณาเขตของมันออกไปให้สมกับที่เป็นเมืองหลัก! มองยังไงนี่ก็ภูเขาทองชัด ๆ! มูลค่าของร้านค้ามหาสมบัติเทียบกับเมืองหลักแห่งนี้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ! หากเมืองนี้ถูกยกิลด์อย่างไดนัสตี้เจอล่ะก็ มีหวังพวกเขาสู้ตายเพื่อที่จะชิงมันมาแน่ ๆ!”
เฉียนโตวโตวดูจะตื่นเต้นกว่าเซียวเฟิงที่เป็นคนได้เมืองแห่งความโศกเศร้ามาเสียอีก เธอพูดเสียงโหวกเหวกผ่านการโทรครั้งนี้ราวกับว่าบ้านกำลังไฟไหม้เสียอย่างนั้น
“งั้นเหรอ? ” เซียวเฟิงพูดเบา ๆ เขาไม่ได้สนใจที่จะพัฒนาเมืองนี้ด้วยพลังของตัวเองอยู่แล้ว ดูเหมือนว่าไอ้การชอบเดินทางไปเรื่อยของเขามันจะฝังลึกจนกลายเป็นนิสัยไปแล้ว
“ฮ่า ๆๆ ท่านอาร์คบิชอป ท่านพอใจกับของรางวัลของข้าหรือเปล่า?” จักรพรรดิหลงมอบรอยยิ้มที่เป็นกันเองพร้อมเอ่ยถาม
“พึงพอใจมาก ๆ เลยครับ” ยังมีอะไรที่เซียวเฟิงสามารถพูดได้อีก? เขารีบวางสายจากเฉียนโตวโตวแล้วพยักหน้ารับคำ
“ฮ่า ๆ ยอดเยี่ยมไปเลย เช่นนั้น แม่ทัพเหลาหู่ ข้าจะมอบหมายให้เจ้าคอยดูแลการส่งมอบเมืองแห่งความโศกเศร้านี้ให้ถึงมือดยุกแห่งความมืดจนกว่าจะเรียบร้อยดีก็แล้วกันนะ!” จักรพรรดิหลงโบกมือพร้อมอกคำสั่งให้แม่ทัพเหลาหู่ต่อ
“รับทราบครับ องค์จักรพรรดิ! ได้โปรดมากับข้าด้วยครับ ท่านดยุกแห่งความมืด!”
แม่ทัพเหลาหู่เชื้อเชิญก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับเซียวเฟิง
การส่งมอบเมืองนั้นเป็นไปด้วยความเรียบง่าย แม่ทัพเหลาหู่บอกให้เซียวเฟิงไปรอยังจุดเทเลพอร์ตขณะที่ตัวเขานั้นแยกไปนำกลุ่มของ NPC ที่มีหน้าที่จัดการเกี่ยวกับพื้นที่ภายในปราสาทกว่าสิบคนมาสมทบอีกทีหนึ่ง NPC เหล่านี้ได้รับคำสั่งให้ตามเซียวเฟิงไปจนกระทั่งถึงเมืองแห่งความโศกเศร้าผ่านจุดวาร์ป ไม่นานนักเมืองแห่งความโศกเศร้าก็กลายเป็นของเซียวเฟิงในที่สุดด้วยฝีมือของ NPC ที่มากับเขา
หลังจากที่เผ่าพันธุ์แห่งความมืดถูกกำจัดไป จุดเทเลพอร์ตเก่าก็ถูกทำลายไปด้วย ดังนั้นในตอนนี้จุดเทเลพอร์ตแห่งใหม่ที่สร้างขึ้นจึงเป็นของจักรวรรดิที่จะมีเพียงคนของจักรวรรดิเท่านั้นที่จะใช้มันได้ และด้วยการที่เซียวเฟิงได้กลายมาเป็นดยุกแล้ว จุดเทเลพอร์ตแห่งนี้จึงตกเป็นความรับผิดชอบของเขาไปโดยอัตโนมัติ เขาคือผู้ที่จะกำหนดว่าใครสามารถใช้งานมันได้บ้าง
เซียวเฟิงยืนอยู่เหนือปราการเมืองแห่งความโศกเศร้า มองไปยังทิวทัศน์ที่เงียบสงบของเมืองร้างตรงหน้าที่ก่อนหน้านี้ยังเต็มไปด้วยความวุ่นวายจากภารกิจสมรภูมิอยู่ เขาไม่รู้ว่าเวลาแบบนี้ควรจะพูดอะไรดี เพราะงั้นแล้วหลังจากที่สั่งให้ NPC ที่มาด้วยช่วยกันฟื้นฟูสภาพเมืองอย่างง่ายแล้ว เจ้าตัวจึงตัดสินใจออฟไลน์ออกไปในทันที
ค่ำคืนแห่งการทำภารกิจสมรภูมิลากยาวมาจนถึงเช้า ตอนนี้เป็นเวลาอาหารเช้าแล้ว
“พี่เซียว!”
แม้เซียวเฟิงจะลืมตาแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่ได้ถอดหมวกเล่นเกมออกให้เรียบร้อยดีนัก เสียงที่คุ้นเคยก็ดังสวนเข้ามาให้ได้ยิน ผู้ที่เข้ามาใหม่นั้นคือเฉียนโตวโตวที่สวมชุดนอนตัวสั้นกำลังพุ่งเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็วบนเตียง
“ไปคิดถึงวิธีจัดการกับเมืองแห่งความโศกเศร้าเลยไป” เซียวเฟิงยกขายันอีกฝ่ายเอาไว้เสียก่อน จากนั้นถึงได้ลุกแล้วไปเปลี่ยนเสื้อผ้าของตน
เพราะเขาไม่รู้ว่าจะจัดการกับเมืองแห่งความโศกเศร้าอย่างไรดี ประสบการณ์ในด้านเกมของเขานั้นยังคงค้างอยู่ตั้งแต่เมื่อยุคที่ลงแข่งเกมเมื่อห้าปีที่แล้ว ดังนั้นจึงยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับเกมออนไลน์ในปัจจุบันมากนัก
“ไม่มีปัญหา! ฉันสัญญาเลยว่าจะเปลี่ยนเมืองแห่งความโศกเศร้าให้กลายเป็นภูเขาทองให้ได้เลย!” เฉียนโตวโตวให้สัญญาพร้อมตบไปที่หน้าอกก่อนจะหันหน้าแล้วมุ่งหน้ากลับไปยังห้องของตนเองโดยไม่สนใจที่จะกินข้าวเช้าเลยด้วยซ้ำไป
เซียวเฟิงไม่ได้ใส่ใจเธอมากนัก หลังจากที่เขาพาตัวเซียวหลิงที่ตื่นยากตื่นเย็นออกจากห้องของเจ้าตัวได้แล้ว ทั้งสองก็พากันลงไปนั่งทานข้าวเช้าอยู่ในห้องรับประทานอาหาร
ภายในห้องนั้นมีหนิงเคอเค่ออยู่ด้วย และมันก็ทำให้เขาเห็นได้ชัดว่าเด็กทั้งสองคนนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง ในขณะที่หนิงเคอเค่อตื่นตั้งแต่ตี 5 เพื่อมาเตรียมอาหารเช้าทั้งหมด เมื่อเตรียมอาหารเช้าเสร็จแล้วเซียวเฟิงก็ยังเห็นเด็กสาวคนนี้วุ่นอยู่กับการทำงานบ้านตรงนู้นทีตรงนี้ทีอยู่ตลอดเวลา และทุก ๆ ครั้งที่หนิงเคอเค่อเผลอหันมาพบเซียวเฟิง เธอก็เพียงกล่าวทักทายด้วยคำว่า ‘นายท่าน’ แล้วหันกลับไปทำงานบ้านต่ออย่างขยันขันแข็งอีกด้วย
ตัดภาพมาที่เซียวหลิง ที่ซึ่งตามปกตินั้นแทบจะไม่ลุกจากเตียงด้วยตนเองเลยในทุกเช้า บ่อยครั้งที่ต้องมีคนไปตามเธอลงมาทานข้าวเช้าเมื่อเห็นว่าสายแล้ว โดยเฉพาะพักหลังนี้ เจ้าตัวเอาแต่เล่นเกมจนดึกจนดื่น… ไม่งั้นแล้วล่ะก็ แม่ตัวเล็กนี้คงจะแอบย่องเข้ามานอนในห้องเซียวเฟิงทุกเช้าหากเธอตื่นก่อนแน่ ๆ
พักใหญ่ ๆ ซือเยี่ยจิ๋งก็เดินลงมาพลางฮัมเพลงด้วยท่าทีสดใสไปด้วย เธอคนนี้เองก็สวมเพียงชุดสบาย ๆ ตัวสั้นเช่นกัน… สั้นทั้งเสื้อทั้งกางเกงเลย ดูเหมือนจะลืมไปแล้วว่าเซียวเฟิงก็ยังอยู่ในห้องอาหารนี้ด้วย เห็นได้ชัดว่าซือเยี่ยจิ๋งนั้นอารมณ์ดี แสดงว่าเมื่อคืนนี้เธอต้องฟาร์มได้เยอะมากอย่างแน่นอน…
ด้วยการที่เซียวเฟิงขอให้เธอไปช่วยเก็บไอเทมที่ดร็อป ตัวเขาเองก็ค่อนข้างมั่นใจว่ามอนสเตอร์ที่ตัวเองกำจัดไปนั้นต้องมีไม่ต่ำกว่าแสนตัวแน่ ๆ และท่ามกลางมอนสเตอร์เหล่านี้ หลายตัวก็เป็นบอสเสียด้วย ตราบใดก็ตามที่เธอรวดเร็วพอ การฟาร์มของเธอจะต้องเต็มไปด้วยความตื่นเต้นไม่หยอกเลยทีเดียว
“อ๊ะ! นายมองอะไรอยู่น่ะ?”
บางทีอาจจะเป็นเพราะรู้สึกได้ว่าเซียวเฟิงกำลังมองอยู่ ซือเยี่ยจิ๋งจึงกรอกตาไปมองเซียวเฟิงกลับโดยที่ไม่ได้โวยวายอะไร เจ้าตัวเพียงแค่ดึงสายคาดไหล่ขึ้นมาให้เรียบร้อยเท่านั้น ผิวของซือเยี่ยจิ๋งนั้นขาวนวลเหมือนน้ำนมที่นุ่มลื่น ควบคู่กับร่างกายที่เพรียวบางแล้วมันแอบเข้าคู่กับชุดที่เธอสวมใส่อยู่ไม่น้อยเลย
เซียวเฟิงไม่ได้อยากจะพูดอะไรมากนัก จึงหยุดมองไปยังอีกฝ่าย หลังจากที่ทานข้าวเช้าเสร็จแล้ว เขาก็พบว่าทั้งเฉียนโตวโตวและหลิวเฉียงเหว่ยนั้นยังไม่ได้ลงมาด้านล่างเลย แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้คิดจะนั่งรออะไรอยู่แล้ว เมื่อทานข้าวเสร็จ เซียวเฟิงจึงนำถ้วยชามของตนไปเก็บในครัวก่อนจะกลับเข้าไปในห้องเพื่อพร้อมจะเล่นเกมต่อ
ปัง!
ทว่าเมื่อกลับขึ้นไปนอนบนเตียง เซียวเฟิงยังไม่ทันจะได้หยิบหมวกเล่นเกมมาสวมใส่ ประตูก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง
ผู้ที่เปิดประตูเข้ามานั้นคือหลิวเฉียงเหว่ยในชุดนอนผ้าไหมบาง ๆ เธอเดินปรี่เข้ามาในห้องพร้อมกับลมหายใจที่ดูถี่เร็ว จ้องมองเจ้าของห้องก่อนจะพูด
“ฉันต้องการเมืองแห่งความโศกเศร้า!”
“กล้ามากนะเธอน่ะ คิดว่าเมืองหลักเป็นอะไรกัน?” เซียวเฟิงหลุดหัวเราะออกมาหลังได้ยินเช่นนั้น นี่เจ้าหล่อนบุกเข้ามาในห้องเขาเพียงเพื่อจะเล่าเรื่องตลกพรรค์นี้งั้นเหรอ?
แผละ!
ไม่รอช้า หลิวเฉียงเหว่ยโยนแพ็คอะไรบางอย่างให้เซียวเฟิงด้วยท่าทีมุ่งมั่น
“ฉันต้องการเมืองแห่งความโศกเศร้า! นายจะใช้พวกมันมากขนาดไหน หรือจะไม่ใช้เลยก็ได้ ฉันโอเค! ไม่ว่านายจะขออะไรก็จะไม่ขัดข้องเลยด้วย! แลกกับเมืองแห่งความโศกเศร้านั่น!”
เซียวเฟิงงุนงงกับคำพูดของสาวเจ้าก่อนจะหันไปมองสิ่งที่เธอโยนมาให้
เดี๋ยวก่อนนะ! นี่มันกล่องถุงยางรุ่นบางมาก ๆ ด้วยงั้นเหรอ? แถมข้างในยังมีตั้ง 18 ชิ้นเลยนะ….