บทที่ 282 อันดับเลเวลใหม่

Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子]

บทที่ 282 อันดับเลเวลใหม่
บทที่ 282 อันดับเลเวลใหม่

หลิวเฉียงเหว่ยนั้นมีเรือนร่างที่งดงามแถมยังทั้งสวยและสูงเพรียว เสน่ห์ที่มองไม่เห็นของเธอช่วยสรรค์สร้างให้เกิดความงามแบบที่ไม่มีใครเทียบได้ออกมา ซึ่งด้วยเสน่ห์นี้เองที่ทำให้ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าที่จะมองข้ามเธอไป…

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้หลิวเฉียงเหว่ยกำลังสวมชุดนอนผ้าไหมตัวบางรัดรูปอวดรูปร่างของเธอเป็นอย่างดีด้วย ไม่เพียงเท่านั้น ความบางของชุดยังทำให้มันเหมือนเป็นผ้าโปร่งแสงในบางจุดด้วยอีก มันทำให้ใครก็ตามที่มองล้วนสามารถเห็นผิวที่ขาวนวลชวนสัมผัสภายใต้ผ้าไหมได้ แม้จะเห็นราง ๆ ก็ตามที

ทรวงอกที่อวบอิ่มและสวยได้รูปกระเพื่อมขึ้นลงเบา ๆ ในสภาวะที่หลิวเฉียงเหว่ยกำลังหายใจหอบถี่เช่นนี้ เหนือขึ้นไปจากจุดนั้นนิดหน่อย ใบหน้าที่แดงก่ำของหญิงสาวก็แสดงให้เห็นว่าตัวเธอนั้นกำลังเขินอายไม่ใช่น้อย

เธอดูเหมือนกับนางฟ้าตกสวรรค์ที่กำลังร้องขอให้คนอื่นช่วยก็มิปาน

อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้บรรยากาศภายในห้องนี้ร้อนรุ่มมากขึ้นก็คงหนีไม่พ้นกล่องถุงยางที่เธอโยนใส่เซียวเฟิง อันเป็นสาเหตุว่าทำไมหลิวเฉียงเหว่ยถึงมีท่าทีเหนียมอายขณะที่ใบหน้าสวยแดงไปทั้งหน้าเช่นนี้

ถุงยางรุ่นบางมาก ๆ? แถมยังตั้ง 18 ชิ้น?!!

เซียวเฟิงมองไปยังกล่องถุงยางดังกล่าวโดยที่สติแทบจะหลุดลอยไปเลย เขาค่อย ๆ เหลียวไปมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ ไม่คาดคิดเลยว่าผู้หญิงที่ดูสงบเสงี่ยมราวกับแม่ชีจะกล้าทำสิ่งนี้

การที่เซียวเฟิงเงียบนั้นมันทำให้หลิวเฉียงเหว่ยตีความว่าเจ้าตัวคงจะต้องพิจารณาข้อเสนอของเธอแล้วแน่ ๆ ดังนั้นหญิงสาวจึงเม้มปากอีกครั้งก่อนจะเริ่มคลายผ้าคาดของชุดผ้าไหมตัวบางด้วยมือที่สั่นเทา

“หยุดก่อนเลย”

ไม่รอให้ไปไกลเกินกว่านี้ เซียวเฟิงรีบบอกให้สาวเจ้าหยุดการกระทำก่อนด้วยท่าทีตื่นตระหนก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ได้สติกลับมาอยู่ดี

“ฉันต้องการเมืองแห่งความโศกเศร้านั่น! ไม่ว่าจะต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม!” หลิวเฉียงเหว่ยขบริมฝีปากร่างตนเองเบา ๆ ด้วยเพื่อให้ตนเองไม่ลืมความมุ่งมั่นที่ตั้งเอาไว้

“จริงเหรอ? ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตามสินะ?” เซียวเฟิงตอบรับเธอด้วยคำถามก่อนจะมองหลิวเฉียงเหว่ยตั้งแต่หัวจรดเท้า

ไม่ต้องพูดซ้ำก็คงจะรู้กันอยู่ว่าผู้หญิงตรงหน้านั้นสวยเพอร์เฟกต์จริง ๆ เธอเปรียบเสมือนผลงานชิ้นเอกของพระเจ้าที่รังสรรค์สร้างขึ้นมาเพื่อแต่งเติมสีสันให้โลกใบนี้ ความสวยและมนต์เสน่ห์ของเธอเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าเวทมนตร์ของความงามนั้นมีอยู่จริง!

“ใช่ ทุกอย่างเลย!”

ได้ฟังคำถามเซียวเฟิง หลิวเฉียงเหว่ยก็รีบตอบรับด้วยใบหน้าที่แดงมากขึ้นกว่าเดิม เธอไม่กล้ามองเขาตรง ๆ และเลือกที่จะเหลียวมองทางอื่นแทน

“โอเค ถ้างั้นก็ออกไปจากห้องของฉันแล้วปิดประตูซะ เดี๋ยวนี้เลย”

ชายหนุ่มเอนตัวกลับไปนอนบนเตียงและมองหาหมวกสำหรับเล่นเกม เขาไม่รอช้าที่จะคว้ามันขึ้นมาและสวมใส่ไปทันที

“ได้ งั้นฉันจะถอด…เอ๊ะ? ฮะ?”

หลิวเฉียงเหว่ยผู้ที่กำลังคล้อยตามยั้งมือตนเองไว้ขณะที่กำลังจะปลดผ้าคาดของชุดนอนตัวบางที่สวมใส่อยู่ หญิงสาวตระหนักได้แล้วว่าเธอต้องเข้าใจอะไรผิดแน่ ๆ เพราะไม่มีทางที่เซียวเฟิงจะพูดผิด ท่าทีของเซียวเฟิงที่ประจักษ์ชัดตรงหน้านั้นทำเอาใบหน้าสวยนี้ถึงกับแสดงความประหลาดใจออกมาทันที แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเขินอายอยู่ตลอดก็ตาม

“ออกไปเดี๋ยวนี้เลย ห้ามรบกวนเวลาเล่นเกมของฉัน” เซียวเฟิงพูดย้ำด้วยความไม่แยแสแถมไม่หันไปมองหลิวเฉียงเหว่ยอีกด้วย

“อ่ะ โอเค้”

เห็นได้ชัดเลยว่าหลิวเฉียงเหว่ยเหมือนถูกสะกดด้วยคำพูดของเซียวเฟิง เธอเดินออกจากห้องไปโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

ปัง!

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เซียวเฟิงจะได้เริ่มเกม ประตูก็ถูกเปิดออกเสียงดังอีกครั้ง และครั้งนี้สิ่งที่เปิดนั้นไม่ใช่มือ หากแต่เป็นเท้าที่ถีบเข้ามาเต็มแรงจนประตูกระแทกผนังห้องด้วย

“คราวนี้ใครอีก ฮะ?” เซียวเฟิงละสายตาออกมาดูทางประตูด้วยความหัวเสีย เมื่อไหร่ผู้หญิงพวกนี้จะหยุดระรานเขาสักทีนะ?

“ไอ้เจ้าบ้าเอ้ย! นี่แกสั่งให้ลูกพี่ลูกน้องฉันทำเรื่องแบบนั้นอีกแล้วเรอะ!?” หญิงสาวที่เข้ามานั้นคือซือเยี่ยจิ๋งที่กำลังโกรธจัด ฟังจากที่พูดแล้วเหมือนเธอกำลังโกรธแทนหลิวเฉียงเหว่ยอยู่

และเช่นเดิม เซียวเฟิงไม่อยากจะพูดหรือแม้แต่มองก็ไม่อยาก

“นายข่มขู่เธออีกแล้ว!” ทว่าซือเยี่ยจิ๋งที่วิ่งเข้ามาก็ต้องชะงักไปอีกคนเมื่อเธอเห็นกล่องถุงยางที่เซียวเฟิงโยนไว้บนเตียง หญิงสาวแสดงความเขินอายแต่ก็ยังไม่วายดึงหน้าโกรธเอาไว้

“นายมันไอ้งี่เง่า! สารเลว! สวะ! กล้าดียังไงถึงมาข่มขู่ให้ญาติของฉันทำเรื่องพรรค์นี้ฮะ! นายยังมีความเป็นมนุษย์อยู่ไหม! หรือกลายเป็นหนูที่วัน ๆ คิดแต่จะสืบพันธุ์ไปแล้ว!”

ในเวลานี้ ต่อให้เป็นเซียวเฟิงที่กำลังอารมณ์ดี ก็คงจะห้ามตนเองไม่ให้รู้สึกโกรธไม่ได้ “เธอ…แล้วก็ญาติของเธอต่างหากที่เอาแต่ข่มขู่ฉัน! เป็นบ้ากันไปหมดแล้วหรือไง?!!”

“ไอ้ขยะเปียก! ไอ้ปีศาจ! กล้าทำสิ่งชั่วร้ายแบบนี้ลงไปได้ยังไงกัน!”

แต่ซือเยี่ยจิ๋งก็ยังไม่หยุดด่าแถมยังรุนแรงมากขึ้นไปอีก และในท้ายสุดเธอก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมาขณะที่ปากก็ยังต่อว่าเซียวเฟิงไปด้วย “ฉันมองนายผิดไปจริง ๆ ! ไม่รู้มาก่อนเลยว่านายเป็นคนลามกอนาจารแบบนี้! นายมันน่ารังเกียจ!”

การที่ต้องเป็นฝ่ายโดนต่อว่าอยู่ฝ่ายเดียวนั้นทำให้เซียวเฟิงไม่อยากจะโต้ตอบเธอมากกว่านี้ เขายื่นมือไปกระชับหมวกเล่นเกมให้แน่นขึ้นก่อนจะกดปุ่มเริ่มเกมไปโดยไม่สนใจอะไรอีก

“สารเลวนี่! ถ้ามีอะไรก็มาลงที่ฉันสิวะ! ปล่อยญาติของฉันไป! นายก็แค่อยากจะปลดปล่อยตัณหาใช่ไหมล่ะ! เอามันมาลงที่ฉันเลย! ฉันจะทำให้นายพอใจเอง! แล้วก็อย่าไปข่มขู่ญาติของฉันอีก!” มีเพียงซือเยี่ยจิ๋งเท่านั้นที่ยังคงต่อว่าเขาอยู่อย่างไม่หยุดยั้งเช่นเดียวกับหยาดน้ำตาที่ยังไหลออกมาเรื่อย ๆ

“จิ๋งจิ๋ง เธอกำลังทำอะไรน่ะ?”

เพราะประตูที่ถูกสาวที่กำลังร้องไห้นี้ถีบไม่ได้ถูกปิดกลับคืนดี ๆ ดังนั้นด้วยเสียงร้องไห้ที่ดังไปทั่วเลยทำให้หลิวเฉียงเหว่ยที่ออกไปแล้วต้องวกกลับมาหาต้นเสียงอีกครั้ง และเพราะแบบนั้นเธอถึงได้เห็นว่าซือเยี่ยจิ๋งกำลังร้องไห้ขณะที่เตะเตียงของเซียวเฟิงไปด้วยอยู่ภายในห้องนั้น

อย่างไรก็ตาม ที่หมวกเล่นเกมของเซียวเฟิงนั้นมีไฟเขียวสว่างขึ้นพร้อมกับคำว่า ‘เปิด’ สว่างให้เห็นเด่นชัด เขาเข้าเกมไปแล้ว ดังนั้นไม่มีทางที่จะได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกแน่ ๆ

“พี่เซียว! พี่อยู่ไหนน่ะ? เดี๋ยวฉันจะไปหาถึงที่เลย!”

เซียวเฟิงล็อกอินเข้ามายังเมืองแห่งความโศกเศร้า และทันทีที่ล็อกอินเข้าเกมได้ เขาก็ได้รับสายโทรเข้าจากเฉียนโตวโตวอย่างไม่ทันตั้งตัว

“ฉันอยู่ที่เมืองแห่งความโศกเศร้า เธอก็มาที่นี่โดยตรงผ่านจุดเทเลพอร์ตในเมืองหลักที่อยู่ด้วยสิ”

เขาเปิดดูการตั้งค่าของเมืองแห่งความโศกเศร้า จากนั้นก็พบจุดตั้งค่าของแท่นเทเลเพอร์ต เซียวเฟิงเพิ่มชื่อของเฉียนโตวโตวเข้าไปยังรายชื่อผู้ที่สามารถใช้เทเลพอร์ตเข้ามายังเมืองนี้ได้ และภายในหนึ่งนาที ที่จุดเทเลเพอร์ตภายในเมืองแห่งความโศกเศร้าก็ปรากฏกลุ่มแสงสว่างขึ้นดวงหนึ่ง ก่อนแสงนั้นจะกลายเป็นร่างของเฉียนโตวโตวในภายหลัง

“โอ้พระเจ้า! พระเจ้าาาาา!”

เมืองแห่งความโศกเศร้านี้ยังคงเป็นเมืองร้างอยู่ จะมีก็แต่เหล่า NPC กว่าสิบคนที่กำลังช่วยกันฟื้นฟูเมืองขึ้นมาใหม่ และเพราะแบบนี้ ทั่วทั้งเมืองจึงดูเงียบสงบและร้างผู้คนไปโดยปริยาย

ในทันทีที่เฉียนโตวโตวเข้ามาถึงที่นี่ แววตาของเธอก็ถึงกับเปล่งประกายทันที มันเต็มไปด้วยความสงสัยกับสนใจก่อนที่ร่างของเธอจะเริ่มเดินสำรวจโดยรอบของสถานที่ที่เธอตั้งเป้าจะให้เป็นภูเขาเงินภูเขาทองในอนาคต

“ฉันแต่งตั้งเธอให้เป็นรองเจ้าเมืองแล้ว เพราะงั้นฝากที่เหลือด้วยก็แล้วกัน”

เซียวเฟิงยังคงสำรวจหน้าเมนูตั้งค่าอย่างต่อเนื่อง เขาพบระบบชนชั้นก่อนจะแต่งตั้งให้เฉียนโตวโตวรับตำแหน่งรองเจ้าเมืองไปก่อน ตอนนี้คงทำได้เท่านี้ เพราะเซียวเฟิงนั้นเป็นเจ้าเมืองอย่างแน่นอนอยู่แล้ว…

เมืองแห่งความโศกเศร้าถือเป็นสมบัติมูลค่ามหาศาลจริง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นปัญหาสำหรับเซียวเฟิงด้วย นั่นเพราะเขาคงต้องเสียเวลาเป็นอย่างมากกับที่นี่ ซึ่งมันจะทำให้ความสำเร็จภายในเกมของตัวเองล่าช้าลง

“ไม่มีปัญหา! พี่ไว้ใจฉันได้เลย พี่เซียว!”

เฉียนโตวโตวพูดตอบด้วยความตื่นเต้นโดยที่ไม่มองเซียวเฟิงเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้เธอโดนมนต์เสน่ห์ของเมืองขนาดใหญ่แห่งนี้ล่อลวงไปเสียแล้ว

เห็นเช่นนั้นเซียวเฟิงก็ได้แต่ส่ายหน้าแล้วทิ้งเธอไว้ในเมืองนี้ เขาก้าวเข้าไปในจุดเทเลพอร์ตและเลือกที่จะไปยังสุสาน เขาตั้งใจจะผ่านดันเจี้ยนให้ได้ในวันนี้ และดันเจี้ยนแรกที่เขาเริ่มก็คือ สุสานนายพล

จนถึงตอนนี้ก็ยังมีดันเจี้ยนเลเวล 25 ภายในเขตฮัวเซียถูกเปิดไม่มาก หรือถ้าให้พูดก็คือ มันมีเพียงดันเจี้ยนสุสานนายพลเท่านั้นที่ถูกเปิดขึ้นมาสำเร็จ

ตัวเซียวเฟิงเองก็ไม่ได้สนใจจะเปิดดันเจี้ยนเพิ่มด้วย ส่วนสาเหตุที่เลือกมาดันเจี้ยนแห่งนี้นั้นก็ไม่ต้องสงสัย นั่นเพราะภายในสุสานนายพลมีมอนสเตอร์ที่คุ้นเคยอย่างอันเดดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากนั่นเอง

ขณะที่ชายหนุ่มกำลังเดินทางเข้าไปยังดันเจี้ยน เซียวเฟิงก็เปิดอันดับของสิ่งต่าง ๆ ภายในเขตฮัวเซียขึ้นมาตรวจสอบด้วย หลังจากที่จบภารกิจสมรภูมิลง อันดับหลายอย่างภายในเขตนี้เปลี่ยนแปลงไปมากจริง ๆ

เริ่มตั้งแต่อันดับเลเวลของผู้เล่นในเขตฮัวเซีย ถึงแม้ว่าจะมีเพียงเซียวเฟิงเท่านั้นที่มีเลเวลถึง 30 และผ่านการเปลี่ยนคลาสที่ 2 มาแล้ว ทว่าผู้ที่มีเลเวลไล่ตามเขามาติด ๆ เองก็ดูเหมือนจะก้าวเข้าสู่เลเวล 30 ได้ในไม่ช้าเช่นกัน

อันดับที่ 1 xxx – เลเวล : 30 – คลาส : สังฆราชศักดิ์สิทธิ์ – สังกัด : เมืองแห่งความโศกเศร้า

อันดับที่ 2 ซีเหมินชุยเสวีย – เลเวล : 29 – คลาส : นักดาบ – สังกัด : แอนติควิตี้

อันดับที่ 3 นักธนูอายุ 17 ที่อยากจะนอนกับนักบวช – เลเวล : 29 – คลาส : นักแม่นปืน – สังกัด : ไดนัสตี้

อันดับที่ 4 เฟิงหยุนฉีชา – เลเวล : 29 – คลาส : เบอร์เซิร์กเกอร์ – สังกัด : เฟิงหยุน

อันดับที่ 5 ไนท์ คูนเนอร์ – เลเวล : 29 – คลาส : นักฆ่า – สังกัด : มิดซัมเมอร์

อันดับที่ 6 ซางกวน อาโอเชิน – เลเวล : 29 – คลาส : นักดาบ – สังกัด : แอนติควิตี้

อันดับที่ 7 พาลาดินแห่งการรักษา – เลเวล : 29 – คลาส : พาลาดิน – สังกัด : กลอรี่

อับดับที่ 8 เฟทัล ฟิวรี่ สเปเชี่ยล – เลเวล : 29 – คลาส : เบอร์เซิร์กเกอร์ – สังกัด : เดอะ วูล์ฟ

อันดับที่ 9 เพลิงอมตะ – เลเวล : 29 – คลาส : ผู้ควบคุมธาตุ – สังกัด : ไฟโลกันตร์

อันดับที่ 10 หานเฟิง – เลเวล : 29 – คลาส : พราน – สังกัด : เหมินกัง

บรรดาเหล่าผู้ที่ติดใน 10 อันดับเลเวลในเขตฮัวเซียนี้ นอกจากเซียวเฟิงแล้ว ผู้เล่นทุกคนก็ถึงเลเวล 29 เหมือนกันหมด อีกไม่นานพวกเขาก็คงจะเริ่มเปลี่ยนคลาสที่ 2 กันแล้วเป็นแน่

นอกจากนี้ภายในอันดับยังมีผู้เล่นระดับสูงจากหลาย ๆ กิลด์ปรากฏให้เห็นอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ซีเหมินชุยเสวีย และซางกวน อาโอเชินจากแอนติควิตี้ นักธนูอายู 17 จากไดนัสตี้ ไนท์ คูนเนอร์จากมิดซัมเมอร์ และพาลาดินแห่งการรักษาจากกลอรี่

ผู้เล่นระดับสูงเหล่านี้เปรียบเสมือนตัวแทนของแต่ละกิลด์ เป็นกระบอกเสียงเพื่อแสดงความยิ่งใหญ่ของกิลด์นั้น ๆ เพื่อที่จะดึงดูดคนให้เข้าไปสมัครในกิลด์ได้

ไม่เพียงเท่านั้น หลังจากที่เซียวเฟิงได้กลายมาเป็นผู้ครอบครองเมืองแห่งความโศกเศร้า เมืองที่เขาครอบครองอยู่ก็ยังปรากฏขึ้นที่ท้ายชื่อด้วย สิ่งนี้มันทำให้ฟอรั่มประจำเขตฮัวเซียเริ่มมีการพูดคุยกันเกิดขึ้น โดยเฉพาะในหมวดกิลด์

ทุกคนในเขตฮัวเซียรู้กันว่าผู้เล่นอันดับ 1 ในกระดานอันดับนั้นคือเจ้าแห่งฮีลเลอร์แน่ ๆ แต่เพราะตลอดมาเขาไม่ได้ขึ้นตรงกับกิลด์ไหนเลย แล้วจู่ ๆ วันหนึ่ง สังกัดของเขาก็เปลี่ยนไปเป็น เมืองแห่งความโศกเศร้า ผู้เล่นจำนวนมากจึงต่างพากันถามหากิลด์ที่ชื่อว่าเมืองแห่งความโศกเศร้ากันให้จ้าละหวั่น รวมถึงหาสมาชิกกิลด์ดังกล่าวคนอื่น ๆ ด้วย พวกเขาอยากจะเข้าร่วมกับกิลด์นี้และพบเจอกับเจ้าแห่งฮีลเลอร์เสียที

สิ่งที่ทำให้เซียวเฟิงประหลาดใจอีกเรื่องหนึ่งนั่นก็คือ หานเฟิงเองก็ติดอยู่ในอันดับเลเวลนี้ด้วย ถึงแม้ว่าคนคนนี้จะอยู่ในอันดับ 10 แต่มันก็คืออันดับ 10 จากผู้เล่นกว่าร้อยล้านคนในเขตฮัวเซีย เพราะฉะนั้นผู้ที่ติดสิบอันดับได้ จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งกันขนาดไหน

แล้วไหนจะกิลด์แปลก ๆ ที่ชื่อ ‘เหมินกัง’ นั่นอีก เซียวเฟิงไม่เคยได้ยินกิลด์ชื่อนี้มาก่อนเลย

หลังจากที่เสี่ยวเสวี่ยเลเวลอัปเป็น 30 แล้ว ความเร็วในการเคลื่อนที่ของมันก็สูงขึ้นจนน่าตกใจ ภายใน 2 นาที เซียวเฟิงก็เดินทางมาถึงทางเข้าสุสานนายพลแล้ว

ที่ด้านนอกดันเจี้ยนสุสานนายพลนี้ มีผู้เล่นจำนวนมากรวมตัวกันอยู่ด้วย แม้ฉากตรงหน้าจะไม่ได้น่ากลัวเช่นเดียวกับดันเจี้ยนเลเวล 15 แต่ในเมื่อมันเป็นดันเจี้ยนเลเวล 25 นั่นหมายถึงเลเวลของมอนสเตอร์เหล่านี้จะต้องสูงตามดันเจี้ยนไปด้วย แถมที่นี่ยังเป็นดันเจี้ยนหลักอีก สิ่งนี้ล่อให้ผู้เล่นมากมายมารวมตัวกันเพื่อทดสอบฝีมือ พวกเขาล้วนแต่เป็นผู้มีฝีมือ และเพราะแบบนี้พวกเขาจึงใฝ่หาดันเจี้ยนที่แข็งแกร่งมากขึ้นไปเรื่อย ๆ จะมีก็แต่พวกผู้เล่นฝีมือระดับล่างเท่านั้นที่ยังคงวนเวียนอยู่ที่ดันเจี้ยนเลเวล 15

กลุ่มผู้เล่นขนาดใหญ่ที่ด้านนอกดันเจี้ยนสุสานนายพลนั้นมาจากต่างกิลด์กัน นั่นเพราะมีเพียงกิลด์เท่านั้นที่ผู้เล่นจะสามารถจัดปาร์ตี้กันเพื่อลงดันเจี้ยนระดับสูงได้มากถึงครั้งละยี่สิบคน โดยที่สามารถร่วมมือกันได้อย่างสบายใจ ปาร์ตี้ที่จำนวนคนเยอะขนาดนี้ มันถือเป็นปัญหาอีกอย่างหนึ่งหากพวกเขาจะตั้งมันขึ้นมาจากใครก็ไม่รู้ที่ไม่รู้จักกันมาก่อน นี่จึงเป็นข้อได้เปรียบของผู้ที่มีกิลด์อยู่

ท่ามกลางปาร์ตี้จากกิลด์ต่าง ๆ กิลด์มิดซัมเมอร์ถือว่ามีผู้เล่นมาร่วมด้วยเยอะที่สุด นั่นเพราะมิดซัมเมอร์นั้นถือเป็นกิลด์แรกที่ผ่านดันเจี้ยนสุสานนายพลไปได้พร้อมกับเซียวเฟิงเมื่อครั้งนั้น ดังนั้นที่แห่งนี้จึงค่อนข้างคุ้นชินกับเหล่าผู้เล่นจากกิลด์มิดซัมเมอร์มากกว่ากิลด์อื่น ๆ เป็นไหน ๆ