ช่วงเวลาเดียวกันกับที่กู่ฉิงซานพูดจบ รัศมีแสงสีม่วงก็พวยพุ่งขึ้นไปบนฟากฟ้า

เหล่าผู้คนโดยรอบต่างแหงนมอง

อย่างไรก็ตาม กลับเห็นแค่เพียงเหล่ากลุ่มคนลึกลับที่ถูกรั้งไว้โดยเสี่ยวเหมียว ทำการประสานฝ่ามือเข้าหากัน เชื่อมต่อกันและกันเป็นวงกลม

แสงสีม่วงเรืองรองอาบข้ามผ่านร่างกายของพวกเขา ก่อรูปแบบเป็นรัศมีแสงสาดเข้าไปในมิติที่ว่างเปล่าอันไร้ที่สิ้นสุด

เสี่ยวเหมียวเฝ้ามองแสงประหลาดสีม่วงด้วยความสนใจ “พี่ชาย ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นคำสาปส่งจิตวิญญาณที่มีชื่อเสียงนะ”

ก่อนที่แบรี่จะทันได้ตอบเธอ หัวหน้าของกลุ่มคนลึกลับก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน “แบรี่ ถึงพวกเราจะไม่สามารถเอาชนะเจ้าได้ แต่จงจดจำเอาไว้ให้ดี ว่าอย่างไรเสีย เจ้าก็ไม่สามารถต่อกรกับพระเจ้าของพวกเราได้อยู่ดี”

“พระเจ้าพวกของแก? พระเจ้าที่มีชีวิตอยู่ได้แค่ไม่กี่วินาทีนั่นน่ะหรือ?” แบรี่ดูหมิ่น

และประโยคดังกล่าว ดูเหมือนว่าจะทำให้ชายคนนั้นโกรธจริงๆ

“แบรี่ เจ้าทรงพลังก็จริง แต่เจ้าจะสามารถปกป้องโลกใบนี้ได้ตลอดเวลารึเปล่า?”

“เห็นประกายแสงสีม่วงนี่ไหม? ขอแค่มีมันพวกเราก็ไม่เกรงกลัวอะไรอีกแล้ว”

หัวหน้าเผยรอยยิ้มแปลกประหลาดและกล่าวต่อ “มาฆ่าพวกเราเสียสิ! และจากนั้น เมื่อไหร่ที่พวกเราฟื้นคืนชีพ พวกเราจะนำคนจำนวนมากกลับมาแก้แค้นอย่างแน่นอน!”

ประโยคดังกล่าวทำให้ทุกคนจมลงสู่ความเงียบ

กระทั่งแบรี่ก็ยังขมวดคิ้ว

เห็นได้ชัดว่า แม้กระทั่งเจ้าตัวก็ยังรู้สึกได้ถึงปัญหา

“ผมขอถามอะไรหน่อยสิ เมื่อกี้เขาบอกว่าถ้าพวกเขาตาย พวกเขาจะสามารถฟื้นคืนชีวิตได้อีกครั้งงั้นเหรอ?” ซางหยิงฮ่าวถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ

เสี่ยวเหมียวอธิบาย “ใช่ เพราะจิตวิญญาณของคนเหล่านี้ถูกสาป ทำให้เมื่อพวกเขาตาย จิตวิญญาณก็จะถูกดึงกลับไปยังสถานที่หนึ่งโดยตรง เพื่อทำการเปลี่ยนกายหยาบ และฟื้นคืนชีพในที่นั่นอีกครั้ง”

“เพราะความสามารถในการฟื้นคืนชีพของพวกเขานี่แหละ ที่ทำให้ผู้คนในโลกเก้าร้อยล้านชั้นเริ่มที่จะหวาดกลัวกับพวกคนบ้ากลุ่มนี้”

เมื่อเห็นว่าท่าทีของฝูงชนโดยรอบสงบลง กลุ่มคนที่ถูกจับก็เริ่มใจชื้น แสดงออกถึงความภาคภูมิใจในตน

หัวหน้ามองไปทางกู่ฉิงซานและกล่าว “เมื่อครู่ ดูเหมือนเจ้าจะบอกว่าอยากแก้แค้นให้ใครบางคนเช่นนั้นสินะ?”

“ใช่” กู่ฉิงซานตอบ

หัวหน้าจ้องมองกู่ฉิงซานและกล่าวอย่างช้าๆ “พวกเราไม่สามารถเอาชนะแบรี่ได้ก็จริง แต่สำหรับเจ้าแล้ว มันต่างออกไปนะ ไอ้หนู”

“นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันถูกคุกคามโดยคนที่กำลังจะตาย” กู่ฉิงซานยิ้ม

สีหน้าของหัวหน้าเริ่มบูดบึ้ง คล้ายมีเมฆครึ้มเคลื่อนผ่าน “อันที่จริงแล้วข้าก็ไม่ได้ต้องการจะคุกคามเจ้าหรอก แต่ดูเหมือนว่าพวกเราจะประมาทมดตัวจ้อยมากเกินไป ทำให้แผนของเรามันไม่เหมือนเดิม”

“โห? แล้วพวกแกวางแผนจะทำอะไรกันล่ะ?” กู่ฉิงซานยิ้ม

ผู้นำไม่ตอบ แต่สวนกลับไป “ข้าตระหนักได้ว่าไม่มีผู้ใดเลยในโลกใบนี้ที่จะสามารถออกไปจากที่นี่ได้ยกเว้นแต่เจ้า”

คราวนี้รอยยิ้มของกู่ฉิงซานแข็งค้างไปอย่างกะทันหัน

นั่นเพราะเขาสามารถเข้าใจได้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังหมายถึงอะไร

หัวหน้ากล่าวต่อ “เจ้าต้องรู้ไว้นะว่าแบรี่น่ะไม่สามารถปกป้องโลกใบนี้ได้ตลอดไปหรอก วันหนึ่ง วันที่เขาพลั้งเผลอ พวกเราจะกลับมาสังหารทุกคนบนโลกใบนี้ และนำดวงจิตของพวกเขาไป และแน่นอนโดยเฉพาะดวงจิตของคนที่เจ้าห่วงใย!”

“เพื่อที่เจ้าจะได้รู้สึกเสียใจไปตลอดกาลที่มารบกวนสถาบันเทพของพวกเรา!”

“และเจ้า แบรี่ อีกไม่นานเจ้าก็จะรู้ว่าอำนาจส่วนตนเพียงอย่างเดียวมันไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าพระเจ้าของพวกเรา พวกเราจะทำให้เจ้าต้องรู้สึกเจ็บปวด เข้าใจลึกซึ้งถึงความสิ้นหวังของการไร้ซึ่งอำนาจ!”

แบรี่แสยะยิ้ม เขาง้างกำปั้นขึ้นและกล่าว “งั้นฉันก็จะคอยเฝ้าดูโลกใบนี้ตลอดเวลา ส่วนขยะอย่างพวกแก ก็ตายมันเสียตอนนี้”

ก่อนที่จะทันได้เหวี่ยงกำปั้นออกไป เขาก็ถูกหยุดเอาไว้โดยกู่ฉิงซานเสียก่อน

“มีไม่กี่คนหรอกนะที่กล้าใช้โลกใบนี้มาข่มขู่ผม” กู่ฉิงซานเปล่งเสียงกระซิบ

“ไม่ต้องกังวลไป ฉันจะจัดการพวกมันด้วยหมัดเดียวเอง” แบรี่กล่าว

“ในเมื่อพวกเขาสามารถฟื้นคืนชีพได้ ทำแบบนั้นไปมันคงไร้ประโยชน์ ให้เวลาผมสักครู่ ผมอยากจะยืนยันอะไรบางอย่างเสียก่อน” กู่ฉิงซานกล่าว

แบรี่จึงถอนกำปั้นของตัวเองกลับมา

หัวหน้าหัวเราะ “พวกเราไม่กลัวตาย! ต่อให้แบรี่จะมาคอยขัดขวางอีกกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง พวกเราก็จะกลับมาจนกว่าโลกใบนี้จะถูกทำลายลง!”

กู่ฉิงซานไม่สนใจเขาอีกต่อไป

“ฉานนู่” เจ้าตัวเรียก

ดาบขุนเขาเทวะหกโลหะผลุบออกมา และเปลี่ยนเป็นหญิงในชุดคลุมฟ้า

“ข้าอยู่นี่ นายน้อย”

“ข้ามีคำถามบางอย่าง”

“นายน้อยโปรดกล่าว”

กู่ฉิงซานหันไปมองฉานนู่ แต่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาสักคำ

ขณะเดียวกัน คนที่รอก็รู้ว่าเขากำลังใช้วิธีสื่อสารทางความคิดกับจิตแห่งดาบอยู่

หลังจากนั้นไม่กี่ลมหายใจ ฉานนู่ที่กำลังมองกู่ฉิงซานก็พยักหน้า

กู่ฉิงซานหันไปทางเย่เฟย์หยูทันที “ให้ตะขอเกี่ยววิญญาณออกมา”

“ข้าอยู่นี่ กู่ฉิงซาน เจ้าต้องการอะไรงั้นหรือ?” มันเอ่ยถาม

ฉานนู่เป็นคนพูดแทน “เจ้าพอที่จะสามารถตกดวงวิญญาณของผู้คนก่อนจะตกลงสู่สายธารได้หรือไม่?”

“แม้จะมีคำกล่าวที่ว่า อะไรก็ตามที่ลงไปในสายธารแห่งการหลงเลือน แม้แต่ฝุ่นก็ไม่หลงเหลือ แต่ตัวข้า ในฐานะอาวุธแห่งสายธารแห่งการหลงเลือน เรื่องที่เจ้าเอ่ยถามมา ย่อมสามารถกระทำได้อย่างง่ายดาย”

“งั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาแล้ว”

กู่ฉิงซานพยักหน้า

ทันทีที่เสียงของเขาตกลง

ระหว่างช่วงเวลาฉุกละหุก

ฉานนู่ได้หายวับไปอย่างกะทันหัน กู่ฉิงซานคว้าจับดาบขุนเขาเทวะหกโลกา และโฉบไปยังทิศทางกลุ่มคนจากสถาบันเทพอย่างรวดเร็ว

เทคนิคลับแห่งดาบ ฝ่าวารีเชี่ยว!

ด้วยพื้นฐานวรยุทธ์ของกู่ฉิงซานในปัจจุบันนี้ ผสานไปกับการระเบิดโจมตีออกไปอย่างเต็มกำลัง ส่งผลให้อำนาจของเทคนิคลับนี้ไร้ที่เปรียบ

ขณะที่เป้าหมายของเขา เหล่าผู้คนถูกเสี่ยวเหมียวขังไว้โดยสมบูรณ์ แน่นอนว่าความสามารถในการต่อสู้ก็ถูกจำกัดเอาไว้เช่นกัน ดังนั้นตลอดทั้งร่างกายจึงไร้ซึ่งการป้องกัน ไม่สามารถแม้กระทั่งจะเคลื่อนไหว

รัศมีดาบกระแทกเข้าใส่ร่างกายของพวกเขา

กายเนื้อของพวกเขาถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ อย่างร้ายแรง กลายเป็นฝุ่นผงไปทันที!

ในพริบตาตั้งแต่กระบวนการทั้งหมดเริ่มต้นขึ้น หัวหน้าก็พลันตระหนักได้ถึงความตายที่มาเยือน

“รอก่อนเถอะ แล้วข้าจะกลับมาใหม่”

เขากล่าวอย่างสงบ

ฟิ้ว…

สายลมที่เกิดจากคมกล้าของดาบส่งเสียงหอนกระจายออกไป

กู่ฉิงซานล้างบางกลุ่มคนจากสถาบันเทพจนสิ้นในคราวเดียว

อย่างไรก็ตาม พริบตานั้นรังสีแสงสีม่วงพลันพวยพุ่งขึ้นอย่ารวดเร็ว และกระแทกเข้าใส่มิติที่ว่างเปล่าอย่างรุนแรง

ตามด้วยร่างเงาของมนุษย์หลายคนปรากฏอยู่ในแสงสีม่วงที่ว่านั่น

“มันคือจิตวิญญาณ!” เสี่ยวเหมียวร้องตะโกนเสียงต่ำ

เธอวาดสองมือออกไป ประกบ ผสานสัญลักษณ์อย่างต่อเนื่อง ครั้งแล้วครั้งเล่า การกระทำดังกล่าวนำมาซึ่งการกระเพื่อมไหวของชั้นมิติ จนเกิดระลอกคลื่นกระจายไปทั่ว แต่ในที่สุดเธอก็ยอมแพ้

“ไม่ไหว มันเป็นเทคนิควิญญาณที่ยากเกินกว่าจะทำความเข้าใจได้ ฉันหยุดมันไม่ได้เลย” เธอพึมพำ

แสงสีม่วงลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อร่างเป็นเสาแสงขนาดใหญ่

ดูเหมือนว่าในช่วงวินาทีต่อมา เสาแสงนี้ก็จะห่อหุ้มเศษซากเลือดเนื้อ รวมไปถึงจิตวิญญาณเหล่านั้นและข้ามผ่านมิติไป!

แต่นั่นก็เป็นช่วงจังหวะเดียวกันกับที่ร่างของกู่ฉิงซานทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า

“ฉานนู่!”

“ข้าพร้อมแล้ว!” ฉานนู่รับคำ

กู่ฉิงซานใช้ออกด้วยเทคนิคลับแห่งดาบ บินตรงไปยังทิศทางเสาแสงสีม่วง

พริบตานั้นเอง

พอกู่ฉิงซานมาถึงเสาแสงสีม่วงเขาก็

ลงมือทันที!

เสี้ยวพริบตา ดาบยาวก็กระตุกไหวดั่งสายฟ้าฟาด ฟาดเหวี่ยงเข้าตัดใส่เสาแสงสีม่วง

เทคนิคลับแห่งดาบ ตัดจันทรา!

เห็นแค่เพียงท่ามกลางท้องฟ้า รังสีดาบสีนวลผ่องขนาดใหญ่เฉือนตัดเข้าใส่เสาแสงสีม่วง ส่งผลให้ตลอดทั้งเสาแสงเกิดการสั่นสะเทือนอย่างไม่รู้จบ

“จงตัดมันเพื่อข้า!” กู่ฉิงซานตะคอกคำหนึ่ง

แล้วเขาก็สับอาวุธในมือตนด้วยกำลังทั้งหมดที่มี

เห็นแค่เพียงเขี้ยวจันทราที่ถูกวาดเป็นเส้นโค้งวิ่งข้ามผ่านผืนฟ้า

เขี้ยวจันทรากวาดกระแทกเข้าใส่เสาแสงสีม่วง

เปรี้ยง!

เสาแสงสีม่วงที่เชื่อมต่อระหว่างสวรรค์และโลกถูกตัดขาดออกจากกันโดยตรง!

ตลอดทั้งแสงสีม่วงสลายตัวลงอย่างรวดเร็ว เทคนิคมนตราวิญญาณถูกทำลายลงในพริบตา!

เสี่ยวเหมียวจ้องมองดาบยาวในมือของกู่ฉิงซานอย่างรอบคอบ ปากเอ่ยกล่าวด้วยความประหลาดใจ “นั่นมันวิชาลับต้องห้าม? ไม่สิ เป็นการทำลายกฎเกณฑ์ต่างหาก!”

กู่ฉิงซานเก็บดาบกลับคืน ตะโกนลงจากฟากฟ้า “จงมา!”

ตะขอยาวสีเทาเหลืองโฉบขึ้นสู่เบื้องบนทันที

ตะขอเกี่ยววิญญาณแห่งสายธารแห่งการหลงเลือน!

ในอากาศที่ว่างเปล่าที่ไหนสักแห่งบนท้องฟ้า ปรากฏเสียง ‘ฉัวะ’ กังวานก้อง

ทันใดนั้น เห็นแค่เพียงหลายร่างเงามนุษย์ที่โปร่งแสงถูกเกี่ยวโดยตะขอยาว

‘สกิล ตกวิญญาณ!’

นี่คืออำนาจของสายธารแห่งการหลงเลือนที่สามารถสำแดงออกมาได้ผ่านทางตะขอเกี่ยววิญญาณโดยตรง!

ตะขอยาวลากดวงจิตเหล่านั้นมายังเบื้องหน้าของกู่ฉิงซาน

“ข้าจะส่งพวกเขาไปยังปรภพ เจ้าเตรียมการพร้อมแล้วจริงๆ หรือไม่?” ตะขอยาวถาม

“วางใจเถอะ พาพวกเขาไปได้เลย ที่เหลือก็ปล่อยให้ข้าเป็นคนจัดการเอง” กู่ฉิงซานพยักหน้า

“เข้าใจแล้ว”

ตะขอเกี่ยววิญญาณและเหล่าดวงจิตที่ถูกติดตรึงกับมัน พลันหายวับไปจากท้องฟ้า มิอาจมองเห็นได้อีกเลย

หลังจากที่ปรภพกับโลกมนุษย์ผสานรวมกัน สองโลกก็ถูกขวางกั้นกันและกันโดยแม่น้ำใหญ่ของสายธารแห่งการหลงเลือน

แต่ตะขอเกี่ยววิญญาณสามารถเจาะมิติ และกลับไปยังสายธารแห่งการหลงเลือนได้โดยตรง

กู่ฉิงซานร่อนลงจากฟากฟ้า

เสี่ยวเหมียวจ้องมองเขาและเอ่ยถาม “เมื่อครู่นี้คือสิ่งประดิษฐ์เทวะที่เกิดจากกฎเกณฑ์ของปรภพงั้นเหรอ? มันถึงสามารถรั้งจิตวิญญาณพวกนั้นเอาไว้ได้”

“ใช่” กู่ฉิงซานตอบ

เสี่ยวเหมียวถอนหายใจ “ฉันนึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่ากฎเกณฑ์แห่งหกวิถีมันจะร้ายกาจถึงขนาดนี้ กระทั่งเทคนิควิญญาณอันแสนร้ายกาจ ก็ยังต้องยอมสยบเมื่ออยู่ต่อหน้ากฎเกณฑ์นี้โดยสมบูรณ์”

แบรี่เอ่ยถาม “ถ้าคนพวกนั้นถูกส่งไปยังปรภพ ก็หมายความว่าพวกเขาจะต้องไปเกิดใหม่ในโลกใบนี้ใช่ไหม?”

“ไม่ พวกเขาจะไม่มีทางได้มาเกิดใหม่” กู่ฉิงซานกล่าว

“อ้าว ทำไมล่ะ? ฉันจำได้ว่าตามกฎเกณฑ์ของโลกหกวิถีแล้ว จิตวิญญาณของคนตาย หลังจากที่ถูกส่งไปยังปรภพ พวกเขาก็จะได้รับชีวิตใหม่ในหกวิถีไม่ใช่เหรอ?” เสี่ยวเหมียวงงเล็กน้อย

“แต่สำหรับพวกเขาน่ะไม่ เพราะพวกเขาทำให้ผมรู้สึกโกรธ” กู่ฉิงซานกล่าว

ว่าจบ เขาก็ยื่นมือออกไปในความว่างเปล่า

คว้าจับไม้เท้าแห่งการจองจำของราชาภูตที่ปรากฏออกมาไว้ในกำมือ

………………………………….