กู่ฉิงซานคว้าจับไม้เท้าแห่งการจองจำและกล่าว “ผมขอตัวไปต้อนรับพวกเด็กใหม่สักครู่ แล้วเดี๋ยวจะรีบกลับมา”
จากนั้น เขาก็เริ่มใช้ออกด้วยเทคนิคลับแห่งไม้เท้า ต้นกำเนิดแห่งความตาย
“ต้นกำเนิดแห่งความตาย ราชาภูตสามารถเดินทางไปยังนรกในแต่ละชั้นได้ และสามารถสื่อสารผ่านทางอากาศกับคนตายทั้งหมด นอกจากนี้ยังสามารถปลุกคนตายที่กำลังจมอยู่ในการหลับใหลให้ฟื้นตื่น คืนสติขึ้นมาได้ในทันทีอีกด้วย”
ในเสี้ยววินาที กู่ฉิงซานก็หายวับไปจากสถานที่เดิมที่เขาอยู่
หลายคนที่ไม่รู้เรื่องราวพอได้เห็นก็ตกใจ
“เห็นได้ชัดว่ากู่ฉิงซานไม่ได้ชำนาญในด้านเทคนิคมนตรามิติ แต่เขาสามารถหายไปจากสายตาของฉันได้เลยตรงๆ ดูเหมือนว่าจะเป็นเพราะพลังของไม้เท้ามนตราเมื่อครู่ใช่ไหม? นี่มันน่าสนใจจริงๆ” เสี่ยวเหมียวแสดงท่าทีสนอกสนใจออกมา
เย่เฟย์หยู “ที่เขาทำแบบนั้นได้ เพราะเขาเป็นราชาภูตแห่งปรภพ”
ซางหยิงฮ่าว “นรกคือบ้านของเขา ดังนั้นเลยสามารถไปกลับได้ตลอดเวลา”
สิ่งที่ทั้งสองพูด ได้กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของแบรี่เช่นกัน
แบรี่อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “ไม่ใช่ว่าในหกวิถี ปรภพมันเป็นสถานที่ของคนตายหรอกหรือ? แล้วทำไมกู่ฉิงซานถึงไปเป็นราชาภูตผีที่นั่นได้?”
ซางหยิงฮ่าว “คือเรื่องมันยาว…”
“ยาวก็ไม่เป็นไร ตอนนี้ฉันว่าง กำลังเบื่อๆ อยู่ หากมีเรื่องอะไรให้ได้ยินผ่านหูบ้างก็คงจะดี” เสี่ยวเหมียวกล่าว
“เข้าใจแล้ว คือเรื่องมันเป็นแบบนี้…” ซางหยิงฮ่าวเริ่มเล่า
แล้วเขาก็เริ่มเล่ามันทั้งหมด นับจากจุดเริ่มต้นของภัยพิบัติเยือกแข็ง
แบรี่หัวเราะ “ช่างเป็นวิธีการช่วยเหลือโลกที่เป็นเอกลักษณ์จริงๆ เหมาะสมแล้วที่เขาได้เป็นคนของสมาคมเรา”
แต่เสี่ยวเหมียวกลับตรงกันข้าม เธอจับได้ถึงประเด็นอื่นที่สำคัญยิ่งกว่า “พี่ชาย พี่เคยได้ยินเกี่ยวกับเทคนิคมนตราอะไรที่สามารถไปยังโลกของคนตายได้โดยตรงมาก่อนรึเปล่า?”
แบรี่ “เรื่องนี้พี่เองก็ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่เท่าที่นึกออก คิดว่านอกเหนือไปจากผู้ศรัทธาของเทพแห่งความตายแล้ว ก็ไม่น่าจะมีคนอื่นสามารถใช้เทคนิคพวกนี้ได้อีกแล้วนะ”
“นั่นสิ โลกหกวิถีช่างมหัศจรรย์ ด้วยวัฏจักรของพวกเขาที่เป็นแบบปิด เกรงว่าแม้กระทั่งอำนาจของเทพแห่งความตายก็ยังไม่สามารถเข้ามาควบคุมไม่ให้ใช้เทคนิคเกี่ยวกับความตายได้” เสี่ยวเหมียวกล่าว
แบรี่เอ่ยอีกเรื่อง “แล้วพี่เองก็เห็นชัดเจนเหมือนกัน ว่าเพลงดาบที่กู่ฉิงซานใช้มันไม่ใช่วิชาต้องห้าม แต่เป็นการแหกกฎเกณฑ์จากเทคนิคมนตราวิญญาณโดยตรง แล้วไหนจะตะขอที่สามารถเกี่ยวดวงวิญญาณ และไม้เท้ามนตราที่สั่งการนรกของกู่ฉิงซานอีก พลังเหล่านี้ล้วนไม่ใช่อะไรที่สิ่งประดิษฐ์เทวะทั่วๆ ไปจะสามารถบรรลุได้เลย”
เสี่ยวเหมียวพยักหน้าและกล่าว “อืม หลังจากที่ได้เห็นเรื่องราวเมื่อกี้นี้ น้องก็เกิดความรู้สึกชัดเจนเลยว่า กฎเกณฑ์แห่งหกวิถีมันทรงพลังมากเกินไป ไม่ว่าจะเทียบเปรียบกับโลกใดก็ตาม”
“ถูกอย่างที่น้องว่า พี่เองก็จินตนาการไม่ออกจริงๆ ว่าในตอนที่เหล่าทวยเทพสร้างโลก พวกเขาจะยังสร้างอาวุธแบบนั้นออกมาด้วย” แบรี่ถอนหายใจ
…
อีกด้านหนึ่ง
ในปรภพ
เขตนรก
กู่ฉิงซานกุมไม้เท้าแห่งการจองจำ สั่งนึกคิดในจิตใจ เพื่อทำการสัมผัสถึงทุกสายลมและหย่อมหญ้าที่เคลื่อนไหวอยู่ในนรกทั้งสิบแปดขุม
ในขุมนรก สิ่งมีชีวิตนับล้านที่กำลังทุกข์ทรมานปรากฏขึ้นในจิตใจของเขา
แต่กู่ฉิงซานก็สามารถค้นหาคนจากสถาบันเทพได้อย่างรวดเร็ว
พวกเขามีกันทั้งสิ้นห้าคน ไม่มีคนใดหนีไปได้สำเร็จแม้แต่คนเดียว ทั้งหมดถูกโยนมาทิ้งไว้ในนรก
กู่ฉิงซานจึงค่อยคลายใจลง
ด้วยสกิลของแหกกฎของฉานนู่ สกิลตกวิญญาณของตะขอเกี่ยววิญญาณ และสกิลของไม้เท้า ทั้งสามสิ่งประดิษฐ์เทวะนี้ ส่งผลให้สามารถจับกลุ่มคนลึกลับทั้งหมดมาได้สำเร็จ
อันที่จริงแล้ว กู่ฉิงซานเองก็ไม่ได้อยากจะใช้ตะขอเกี่ยววิญญาณ และปล่อยให้พวกมันหนีไปอยู่เหมือนกัน เพื่อที่จะได้รู้ว่าจิตวิญญาณของพวกมันมาจากโลกหกวิถี หรือโลกใดที่อยู่ภายนอกกันแน่
อย่างไรก็ตาม ต้นกำเนิดของคนเหล่านี้มันแปลกและอันตรายเกินไป และกู่ฉิงซานเองก็ไม่เต็มใจที่เสี่ยงใดๆ เพราะหากพวกมันสามารถกลับไปแจ้งข่าวได้ คงจะมีปัญหาไม่น้อยเลยที่จะตามมา ดังนั้นกู่ฉิงซานจึงเลือกใช้งานตะขอเกี่ยววิญญาณ ตกวิญญาณของพวกเขามาด้วยตัวเองเลยโดยตรง
“…อยู่ในนรกเยือกแข็งงั้นเหรอ?”
ร่างของกู่ฉิงซานวูบไหว เริ่มต้นการเคลื่อนย้ายไปมาระหว่างชั้นขุมนรก
ในสายตาของเขา บนหน้าต่างเทพสงคราม ปรากฏตัวอักษรขนาดเล็กกำลังเรืองแสงอย่างต่อเนื่อง
“คุณได้ฆ่าศัตรูห้าคน”
“คุณบรรลุใช้ความอ่อนแอสยบความแข็งแกร่งห้าครั้ง”
“ได้รับแต้มพลังวิญญาณหนึ่งหมื่นแปดพัน”
“ได้รับแต้มพลังวิญญาณหนึ่งหมื่นเจ็ดพัน”
“ได้รับแต้มพลังวิญญาณหนึ่งหมื่นสี่พัน”
“ได้รับแต้มพลังวิญญาณสองหมื่น”
“ได้รับแต้มพลังวิญญาณสองหมื่นเจ็ดพัน”
“เสร็จสิ้นการคำนวณ แต้มพลังวิญญาณหกร้อย ส่วนเกินของคุณคือเก้าหมื่นห้าพันสี่ร้อย”
แต้มพลังวิญญาณคือพลังเหนือธรรมชาติ และมันมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างยิ่งในช่วงเวลาวิกฤต
กู่ฉิงซานมองแต้มพลังวิญญาณของตนเอง ความมั่นใจในจิตใจของเขาก็เริ่มเอ่อล้นขึ้นมาทันที
อย่างไรก็ตาม คนเหล่านี้ดูเหมือนว่าจะอ่อนแอยิ่งกว่า หากเทียบปีศาจจากแดนชำระล้างก่อนหน้านี้
งั้นเอาไว้หลังจากกลับไปยังโลกมิติอนันต์ เขาค่อยวานให้แบรี่กับเสี่ยวเหมียวจับหมูป่าแดนชำระล้างมาอีกครั้ง แล้วให้ตนเองเป็นคนจัดการมัน เพื่อเติมเต็มแต้มพลังวิญญาณสำรองเก็บเอาไว้ก็แล้วกัน
ขณะกำลังขบคิด โลกที่ฟุ้งไปด้วยหิมะและน้ำแข็งก็ปรากฏสู่สายตาของเขาในที่สุด
นรกเยือกแข็งไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังคงหนาวเหน็บ ทุกที่ขาวโพลนไปด้วยหิมะและน้ำแข็ง
กู่ฉิงซานบินไปตามแรงเหนี่ยวนำที่ส่งผ่านมาจากไม้เท้าแห่งการจองจำไปอย่างเงียบๆ บินไปยังหลุมที่ใช้ฝังคนตายของนรกเยือกแข็ง
หลังจากบินไปได้สักพัก กู่ฉิงซานที่ลอยอยู่เหนือท้องฟ้าที่ปกคลุมไปด้วยพายุหิมะก็ก้มลงมาเบื้องล่าง
เห็นแค่เพียงคนตายหน้าใหม่ไม่กี่คนกำลังหลับตาสนิท จมอยู่ในห่วงนิทราภายในหลุมน้ำแข็ง
มองไปยังลักษณะของพวกเขาที่ปรากฏ มันเหมือนกับคนของสถาบันเทพไม่มีผิดเพี้ยน
วิญญาณของพวกเขาได้รับกายหยาบของคนตาย
เพื่อที่เหล่าอาชญากรจะได้ทนทุกข์ทรมานในนรกได้อย่างสะดวก จิตวิญญาณของพวกเขาจึงได้รับกายหยาบของคนตาย
และกายหยาบที่ว่านี้ ก็จะเป็นเหมือนเช่นเดียวกันกับร่างกายจริงๆ ในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ของพวกเขา เพื่อที่จะสามารถรู้สึกเจ็บปวดจากทุกข์ชนิดของการลงทัณฑ์ได้
เอาล่ะ ตอนนี้ก็ได้เวลาเริ่มขั้นตอนต่อไปแล้ว
กู่ฉิงซานกุมไม้เท้าแห่งการจองจำ และเริ่มต้นใช้งาน ‘ต้นกำเนิดแห่งความตาย’
ท่ามกลางชั้นน้ำแข็ง หลายคนจากสถาบันเทพลืมตาตื่นขึ้นทันที
พวกเขาเบิกตากว้าง และหันไปมองรอบๆ ด้วยความสับสน
เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังตกใจกับสภาพแวดล้อมที่ปรากฏขึ้น
ผ่านไปสักพัก พอตั้งสติได้ ทั้งหมดก็เริ่มดิ้นรนสุดกำลัง
เปรี๊ยะ…
ชั้นน้ำแข็งที่ห่อหุ้มพวกเขาปริแตก
แล้วทั้งหมดก็เร่งกระโจนออกมาทันที
“หัวหน้า นี่มันที่ไหนกัน?” คนหนึ่งเอ่ยถาม
“ข้าเองก็ไม่แน่ใจ แต่ดูเหมือนว่าพวกเราจะไม่ได้กลับไปยังสถาบันเทพนะ” เสียงของหัวหน้าหม่นลง
หลายคนหันไปมองรอบๆ และเห็นว่านอกเหนือไปจากหิมะและน้ำแข็งไกลสุดลูกหูลูกตาแล้ว มันก็ไม่มีสิ่งใดอยู่อีกเลย
อีกคนกล่าว “ข้าจำได้ว่าหลังจากความตาย ยังรู้สึกได้ถึงการส่งผ่านมิติที่คุ้นเคย แต่ทำไมสุดท้ายพวกเราถึงถูกส่งมายังที่นี่?”
คนหนึ่งกล่าว “ตอนแรกพวกเรากำลังถูกส่งผ่านมิติจริงๆ แต่บางทีเจ้าอาจจะสิ้นสติไปในตอนท้าย เพราะช่วงไม่กี่พริบตาต่อจากนั้น ข้าสัมผัสได้ถึงแรงดึงอันแข็งกร้าวและมิอาจต้านทานได้”
คนต่อมากล่าว “ข้าเองก็รู้สึกถึงแรงดึงที่ว่านั่นเช่นกัน และคิดว่าคงจะเป็นแรงดึงนั่นที่ส่งพวกเรามายังสถานที่นี้”
หลายคนเงียบไป และเริ่มไตร่ตรองถึงความสำคัญของเรื่องนี้
กู่ฉิงซานเดิมกำลังจะร่อนลงไป แต่หลังจากได้รับฟังความคิดเห็นของแต่ละคน เขาก็เลือกที่จะหยุด
หลังจากขบคิดเล็กน้อย เจ้าตัวก็บินกลับขึ้นไปเหนือท้องฟ้าที่ปกคลุมไปด้วยพายุหิมะ และซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังหมอกเย็นยะเยือกอย่างเงียบๆ
ดูเหมือนว่าจิตสำนึกในช่วงที่พวกเขาตกตายลง มันจะไม่ชัดเจนนัก
ถ้างั้นก็เฝ้าดูปฏิกิริยาของพวกเขาไปก่อนก็แล้วกัน บางทีตนอาจจะสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์บางอย่างจากสถานการณ์ในตอนนี้ได้ก็ได้
เมื่อคิดถึงจุดนี้ กู่ฉิงซานเลือกที่จะซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบๆ
หลังจากนั้นไม่นาน
พอตรวจสอบถึงสภาพแวดล้อมโดยรอบจนแน่ใจ คนจากสถาบันเทพก็เริ่มพูดคุยกันอีกครั้ง
บางคนอุทานขึ้นมาอย่างกะทันหัน “หรือมันจะเป็นเพราะพวกเราทำภารกิจล้มเหลว ดังนั้นพระเจ้าเลยไม่พอใจ และส่งพวกเราตรงมายังสถานที่แห่งนี้?”
และไม่คาดคิดเลยจริงๆ ว่าคำพูดของเขาจะได้รับการยอมรับจากทุกคนอย่างง่ายดาย
หัวหน้าผงกหัว “ดูนั่นสิ มีจิตวิญญาณมากมายถูกแช่แข็งอยู่บนพื้น และทั้งหมดก็แลดูเจ็บปวด ข้าเดาว่าสถานที่นี้จะต้องเป็นสถานที่ทรมานตนแห่งใดแห่งหนึ่งเป็นแน่”
“น่าจะไม่ผิดพลาดแล้ว น่ากลัวว่าจะเป็นพระเจ้าที่ลงโทษพวกเราจริงๆ”
“ถูกต้อง”
“ข้าเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”
“แล้วพวกเราจะทำอย่างไรกันดี?”
“อนิจจา ในเมื่อภารกิจล้มเหลว ฉะนั้นก็คงต้องน้อมรับการลงโทษด้วยความเต็มใจ”
“คงได้แต่อธิษฐานให้พระเจ้ายกโทษให้พวกเราโดยเร็วที่สุด และมอบหมายงานใหม่เพื่อไถ่ความผิดพลาดนี้ของพวกเรา”
หัวหน้ากล่าวเสียงหม่น “มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดมากไปกว่านี้ ตั้งแต่ที่พระเจ้าได้ส่งเรามาที่นี่ นั่นหมายความว่าท่านย่อมสามารถรับรู้ได้ถึงปฏิกิริยาของพวกเรา ดังนั้นพวกเราจะต้องน้อมรับโทษจากท่านอย่างจริงจัง”
หลายคนนิ่งงันไป แต่หลังจากขบคิดดูแล้ว ต่างก็ลงความเห็นกันว่านั่นคือสิ่งที่ควรจะเป็น
พวกเขาฝังตัวเองลงในชั้นน้ำแข็งอีกครั้ง ให้เหมือนเช่นเดียวกันกับคนตายคนอื่นๆ
ในหลุมน้ำแข็ง หลายคนสั่นสะท้านด้วยความหนาวเหน็บ
ถึงแม้ว่านรกเยือกแข็งจะไม่มีการทรมานโดยการเปลื้องผ้าออกจากร่างกายก็ตามที แต่ความเย็นของมัน จะเสียดแทงเข้าไปในแก่นจิตวิญญาณโดยตรง ดังนั้นการทรมานของมันจึงไม่ได้เลวร้ายไปกว่านรกขุมอื่นๆ เลย
หลังจากพยายามได้ไม่กี่นาที บางคนก็อดทนต่อไปไม่ไหวอีกต่อไป
“หัวหน้า นี่มันหนาวมากเกินไปแล้ว ทำไมพระเจ้าถึงต้องการ” เขาอุทาน
หัวหน้าตวาด “หุบปากเสีย! พระเจ้ากำลังเฝ้ามองพวกเราอยู่ อยากให้ท่านลงทัณฑ์ที่มันรุนแรงยิ่งกว่านี้รึไง?”
ชายคนนั้นเงียบไป ไม่เอ่ยคำใดอีกเลย
และหลายคนก็เริ่มอดทนต่อการทรมานของนรกเยือกแข็งอย่างเงียบๆ อีกครั้ง
กู่ฉิงซาน “…”
ถึงแม้ว่าคนเหล่านี้จะค่อนข้างโง่เล็กน้อย แต่เหตุผลสำคัญที่ทำให้พวกเขาคิดแบบนี้ นั่นก็เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นนรกในโลกปรภพมาก่อน
แต่มันก็เป็นเรื่องยากจริงๆ นั่นแหละที่จะได้พบเจอกับพลังอันยิ่งใหญ่เช่นนี้
อาจกล่าวได้เลยว่านอกเหนือไปจากพระเจ้าของพวกเขาแล้ว คนอื่นๆ จากสถาบันทวยเทพย่อมไม่เคยพานพบกับสถานการณ์และอำนาจแบบนี้มาก่อนอย่างแน่นอน
แม้กระทั่งตัวตนทรงอำนาจอย่างแบรี่กับเสี่ยวเหมียวก็คงจะไม่เคยได้รับประสบการณ์เช่นนี้มาก่อนเหมือนกัน
ดังนั้นการตัดสินใจและความคิดที่คนเหล่านี้ ที่แสดงออกมาเมื่อครู่ก็ยังพอเข้าใจได้
แต่การสนทนาของพวกเขา กลับทำให้คิ้วของกู่ฉิงซานค่อยๆ ขมวดเข้าหากัน
เหมือนแบรี่จะบอกว่าพระเจ้าอะไรนั่นของพวกเขาน่ะมีชีวิตอยู่แค่ครู่เดียวไม่ใช่เหรอ?
แล้วทำไมพวกเขาถึงบอกว่าพระเจ้ากำลังเฝ้าดูอยู่กัน?
หรือว่านั่นมันจะเป็นเรื่องโกหก?
นี่มันชักจะน่าสนใจเสียแล้วสิ อย่าบอกนะว่าพระเจ้าของพวกเขาจงใจแกล้งทำเป็นตาย เพื่อที่จะหลบซ่อนตัว?
ว่าแต่การที่พระเจ้าตั้งใจทำแบบนั้นมันเพราะอะไรกัน?
กู่ฉิงซานยังคงไตร่ตรองอย่างต่อเนื่อง
คนเหล่านี้เข้ามาในโลกกระจัดกระจาย เพื่อต้องการจะค้นหาสุสานแห่งโลก
แต่สุสานแห่งโลกคือสถานที่ที่ถูกปกปิดไว้โดยเหล่าทวยเทพ สิ่งของภายในมันย่อมไม่สามารถระบุได้ และจะไม่มีใครล่วงรู้ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากทำการเปิดสุสานแห่งโลก
ยิ่งไปกว่านั้น ตลอดทั้งโลกเก้าร้อยล้านชั้นน่ะมีสุสานแห่งโลกอยู่มากมาย แล้วทำไมพวกเขาจะต้องออกมาตามหามันในโลกกระจัดกระจายกัน?
ไหนจะวิธีการที่ทำให้พวกเขาสามารถพบเจอที่นี่ได้อีก?
…แบบนี้ชักจะไม่ดีแล้ว จะต้องเค้นข้อมูลให้มันชัดเจนให้ได้
กู่ฉิงซานชี้ปลายไม้เท้าไปยังคนจากสถาบันเทพคนหนึ่งในนรกเยือกแข็ง
และเริ่มเปิดใช้งาน ‘กระจายวิญญาณ’
‘กระจายวิญญาณ ราชาภูตสามารถใช้อำนาจของไม้เท้า สังหารคนตายคนใดก็ตามที่ไม่เชื่อฟัง และวิญญาณของคนตายที่ถูกสังหารก็จะกระจายตัวออก แปรเปลี่ยนเป็นพลังงาน หนุนเสริมอำนาจให้แก่ตัวไม้เท้าได้’
วินาทีต่อมา
เห็นแค่เพียงในหลุมน้ำแข็ง คนตายคนหนึ่งจากสถาบันเทพ ตระหนักได้ถึงความหวาดกลัวบางอย่างขึ้นอย่างกะทันหัน
ในระดับจิตวิญญาณของเขา เริ่มรู้สึกได้ถึงการมาเยือนของอำนาจกฎเกณฑ์บางอย่าง
มันเป็นอำนาจทำลายล้างที่สามารถทำลายเขาได้อย่างสมบูรณ์!
เขาเริ่มตื่นตระหนก จิตใต้สำนึกตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ไม่นะ ข้ายังคงคอยเก็บรวบรวมดวงจิตเพื่อท่านอย่างซื่อตรง ดวงจิตทั้งหมดถูกจัดเก็บไว้ในห้องอธิษฐานส่วนตัวของข้า ในนั้นมีจิตวิญญาณกว่าเก้าหมื่นดวงซุกซ่อนอยู่ และข้าขออุทิศมันแด่พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ฉะนั้นท่านได้โปรด”
จากนั้นเสียงพูดของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยเสียงกรีดร้องของความเจ็บปวด
อำนาจอันยิ่งใหญ่ทำลายจิตวิญญาณของเขา ลงทัณฑ์เขาด้วยการทรมานที่น่าสะพรึงยิ่งกว่าการลงโทษจากนรก!
นี่คือการลงทัณฑ์ขั้นสูงสุดของนรกทั้งสิบแปดขุม ในฐานะราชาภูต เขาสามารถบงการชีวิตหรือความตายของคนตายทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย โดยแค่เพียงนึกคิดเท่านั้น!
ไม่นานนัก กายหยาบของคนคนนั้น กระทั่งจิตวิญญาณของเขาก็สลายไป หายไปจากหลุมน้ำแข็งโดยสมบูรณ์
เขากระจัดกระจาย เหือดหายไปโดยสิ้นเชิง และจะไม่มีวันปรากฏตัวขึ้นที่ใดอีกเลย
อีกหลายคนที่ที่มองเห็นถึงกระบวนการดังกล่าวผ่านรอยแตกของน้ำแข็งอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน
หัวหน้าตะโกน “เห็นหรือไม่ เขากล้าที่จะซุกซ่อนจิตวิญญาณมากกว่าเก้าหมื่นดวงจากพระเจ้า ไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใดพระเจ้าถึงสังหารเขา!”
“ใช่ คนแบบนั้นสมควรตายแล้ว!”
“เป็นผู้ศรัทธา แต่ทำแบบนั้นได้อย่างไร!”
“จิตวิญญาณทั้งหมดล้วนเป็นของพระเจ้า แต่เขากล้าที่จะเก็บมันเอาไว้ส่วนตัว ดังนั้นสมควรแล้วที่จะถูกลงทัณฑ์ร้ายแรง!”
หลายคนเร่งสนับสนุนคำพูดของหัวหน้า ปากอ้าตะโกนลั่น
ในช่วงเวลานั้นเอง สูงขึ้นไปเหนือท้องฟ้า ก็ปรากฏถึงเสียงที่ดังสะท้อนขึ้น
“ตามประสงค์ของพระเจ้า ข้าจะต้องสอบปากคำพวกเจ้า”
“และพวกเจ้าจำเป็นต้องตอบตามความจริง!”
เสียงอันน่าเกรงขามนี้ ได้เปิดเผยถึงความตั้งใจ และเอ่ยออกมาร้ายแรงว่าต้องการสอบสวนพวกเขา
คนที่เหลือเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้า
แต่กลับเห็นแค่เพียงหมอกเย็นที่ปกคลุมไปทั่ว ทุกสิ่งอย่างพร่ามัว มิอาจรับรู้ได้เลยว่าเสียงที่ดังมาจากระยะไกลนั้นคือสิ่งใด
อย่างไรก็ตาม คนตายจากสถาบันเทพก็สัมผัสได้ถึงอำนาจที่กำลังบีบให้พวกเขายอมจำนน เป็นอำนาจที่สามารถครอบงำโลกทั้งใบได้!
หากไม่ได้รับพรจากพระเจ้าแล้ว ยังจะมีผู้ใดอีกเล่าที่สามารถครอบครองอำนาจอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้?
หัวหน้ากลืนน้ำลายอึกใหญ่ เร่งกล่าวรายงานไปอย่างร้อนรน “ผู้น้อยไม่ทราบว่าเป็นผู้ใหญ่ท่านใดที่มาเยือน แต่ผู้น้อยสามารถสาบานได้เลยว่า พวกเรากำลังปฏิบัติตามเป้าประสงค์ของพระเจ้า ทำการตรวจสอบสุสานแห่งโลกที่พิเศษออกไปอยู่จริงๆ”
………………………………….