ส่วนที่ 1 ภาคเมื่อครั้งเป็นนักเรียน ตอนที่ 76 หนุ่มน้อยที่ไม่เลวนัก

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

ได้ยินเสียงของเฉินฉางเซิง ท่าทางของโก่วหานสือพลันจริงจังและหนักแน่นขึ้นมา

“ผีภูเขาแบ่งหินผา!”

“ตะขอดาวขวางทิวา!”

“น้ำค้างแย้มเกร็ดถง!”

เขาเอ่ยสามคำต่อเนื่องกัน

นั่นคือสามกระบวนท่า

สามกระบวนท่าในเคล็ดวิชาเพลงกระบี่เขาหลีซาน

พวกเขาทั้งสองไม่ได้มองถังซานสือลิ่วและชีเจียนในสนาม ไม่ได้มองท่าทางแปลกประหลาดของฝูงชนบนบันไดหินหน้าตำหนัก

พวกเขาต่างจ้องมองกันและกัน พลางเอ่ยกระบวนท่าออกมา

ในความเป็นจริง เมื่อเฉินฉางเซิงเอ่ยกระบวนท่าแรกออกมา โก่วหานสือก็เริ่มตอบโต้

กระบวนท่าที่สองของเฉินฉางเซิง เป็นการโต้กลับการตอบโต้ของโก่วหานสือ

เสียงของพวกเขาทั้งสองล่องลอยอยู่ด้านหน้าตำหนักที่เงียบสงัด ล่องลอยอยู่ท่ามกลางสนามและความมืดยามราตรี

เสียงของพวกเขาไม่ได้ดังกึกก้อง ทว่ากลับชัดเจน โดยเฉพาะในหูของถังซานสือลิ่วและชีเจียน ประหนึ่งเสียงฟ้าผ่าดังสนั่นหวั่นไหว!

ท่าทางของชีเจียนนอบน้อม โอบอุ้มกระบี่ยืนหยัด ร่างกายที่ผอมบางอยู่ในความมืดดึงเอาเงาที่แตกแยกออกมา

ตรีเพชรในมือของเขาดำขลับ ทำลายสายลมยามค่ำคืน เงียบเชียบไร้เสียง ราวกับดวงจิตของภูตผีปีศาจที่นำหินผามาทำเป็นขนมอบ

ผีภูเขาแบ่งหินผา!

ท่าทางถังซานสือลิ่วหวาดกลัวฉับพลัน ถือกระบี่ไว้ด้านหน้าร่างกาย โก่วหานสือกล่าวกระบวนท่าที่สองตะขอดาวขวางทิวาต่อ เขาไม่รู้ว่ากระบวนท่านั้นคืออะไร เหมือนกับกระบวนท่าผีภูเขาแบ่งหินผาหรือไม่ แต่ก็สามารถรู้สึกได้รางๆ ว่าเวลานี้ชีเจียนใช้กระบวนท่าที่สามออกมา เป็นกระบวนท่าที่ต่อเนื่องกัน ดึงอานุภาพออกมา เพิ่มพลังขึ้นเป็นชั้นๆ!

ถ้าหากเขาใช้วิธีของตนเอง คงจะสามารถรับกระบวนท่าแรกเริ่มสองกระบวนได้ ทว่ากลับไม่มั่นใจสามารถรับกระบวนท่าที่จู่โจมแข็งแกร่งสุดท้ายได้หรือไม่

เสียงของเฉินฉางเซิงยังคงดังก้องอยู่ในหัวสมองของเขา

คำทั้งสี่ชัดเจนอย่างยิ่ง กระบวนท่ากระบี่ที่เขาคุ้นเคยยิ่งนัก

เวลานี้ เขาไม่มีเวลาครุ่นคิดเพราะเหตุใดเฉินฉางเซิงถึงรู้เพลงกระบี่ของตระกูลตน จิตใต้สำนึกก็ทำตามคำพูดของเฉินฉางเซิง ยกกระบี่ในมือขึ้น

พริบตาเดียวที่เขายกกระบี่เวิ่นสุ่ยขึ้นมา เขาเพิ่งคิดออกมาว่าเรื่องราวเหล่านี้ไม่ถูกต้อง

…กระบวนท่าทั้งสี่นี้จะเชื่อมต่อกันได้อย่างไร!

คว่ำกุณฑีทองเป็นกระบวนท่าลำดับที่เจ็ดในเคล็ดเพลงกระบี่หยวนเฟิง จมไอสมุทรเป็นกระบวนท่าลำดับที่สิบเอ็ดของเพลงกระบี่ไคจง หน้าต่างเงาโคมเป็นกระบวนท่าที่สามของเคล็ดเพลงกระบี่หยวนเฟิง แขวนกระบี่ปลูกพนาเป็นท่ามือของเพลงกระบี่ไคจง!

ชัดเจนว่าเป็นกระบวนท่าของเพลงกระบี่สองชุด แล้วจะใช้ร่วมกันได้อย่างไร เพลงกระบี่และการขับเคลื่อนปราณแท้ก็ไม่สอดคล้องกันอย่างสิ้นเชิง แล้วจะนำมาเชื่อมโยงกันได้อย่างไร ไม่กลัวว่าปราณแท้จะได้รับอันตรายหรือ ตั้งแต่เยาว์วัยเขาศึกษาเพลงกระบี่ตระกูลถังกับอาจารย์ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยได้ยินวิชาเพลงกระบี่ของตระกูลตนสามารถใช้เช่นนี้ได้!

แม้งุนงงไม่เข้าใจมากยิ่งขึ้น ทว่าเวลานี้กลับไม่มีเวลาไปครุ่นคิดสิ่งเหล่านี้

กระบี่ของชีเจียนมาอยู่ตรงหน้าของเขา หลังจากอานุภาพที่น่าเกรงกลัวของกระบวนท่าผีภูเขาแบ่งหินผา ยังเปลี่ยนรูปร่างไปด้วยวิชาตะขอดาวขวางทิวา!

ถังซานสือลิ่วตัดสินใจ นำกระบี่ออกกระบวนท่าคว่ำกุณฑีทอง!

ตามด้วยจมไอสมุทร!

ปราณแท้ของเขาเคลื่อนไหวตามชีพจรไปถึงข้อมือ หลังจากนั้นจึงจมลงฉับพลัน เคลื่อนย้อนกลับไปตามหนทางที่แต่ไหนแต่ไรไม่เคยทดลอง

มีเพียงเช่นนี้ ถึงจะสามารถเปลี่ยนจากคว่ำกุณฑีทองมาเป็นจมไอสมุทร

ถังซานสือลิ่วเคลื่อนพลังย้อนกลับไป ในใจได้เตรียมรับการบาดเจ็บจนกระอักเลือดออกมาไว้แล้ว

ทว่า…เรื่องราวใดๆ ล้วนแต่ไม่เกิดขึ้น

ปราณแท้ของเขากลับไหลไปอยู่จุดชุนกวนบริเวณข้อมืออย่างสบาย ดำลึกเข้าไปในชีพจรหยางหมิง!

ไม่เพียงแต่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ความรู้สึกปลอดโปร่งโล่งหาสิ่งใดเปรียบทำให้เขายินดีจนอยากจะร้องตะโกนออกมา!

ความมั่นใจของถังซานสือลิ่วเพิ่มมากขึ้น ออกกระบี่ราวสายลม ทะลุทะลวงกระบี่ของชีเจียนที่อยู่ในท้องฟ้ายามราตรี เคลื่อนจากกระบวนท่าจมไอสมุทรเป็นหน้าต่างเงาโคม!

ยังคง…ไม่มีปัญหาใดๆ!

การขับเคลื่อนปราณแท้ของเขาปลอดโปร่งเป็นพิเศษ ถึงขนาดที่เขารู้สึกว่ากระบวนท่ากระบี่ทั้งสองเดิมทีไม่ใช่เนื้อหาของเคล็ดเพลงกระบี่ทั้งสองชุด แต่ควรจะเคล็ดวิชาที่เชื่อมต่อกัน!

ในความมืดยามราตรีก่อเกิดเสียงกระบี่กังวานใสนับไม่ถ้วน

ผู้คนที่ชมการประลองอยู่บนบันไดหินหน้าตำหนัก เห็นเพียงแค่ฝีมือของถังซานสือลิ่วแปรเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาด ราวกับหุ่นกระบอกที่เชือกได้ขาดลง

ไม่ว่าอานุภาพกระบี่ของชีเจียนจะแกร่งกล้าอย่างไร ตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดกลับหมดหนทางคุมขังเขาไว้ในนั้น

หลังจากเสียงกระบี่นับไม่ถ้วน กระบี่ของชีเจียนในที่สุดก็ใช้มาถึงกระบวนท่าน้ำค้างแย้มเกร็ดถง

นี่ก็เป็นกระบวนท่าสุดท้ายที่โก่วหานสือเอ่ยออกมา

นี่เป็นกระบวนท่าที่รุนแรงที่สุดในเคล็ดลับเพลงกระบี่เขาหลีซาน รับเอากลุ่มเทือกเขาที่เปลี่ยนเป็นสีขาว ความรู้สึกโดดเดี่ยวของต้นถง

ในความตระการตาของพลังกระบี่ ซุกซ่อนไปด้วยความปรารถนาในการสังหาร

ตรีเพชรราวกับกำลังปกคลุมไปด้วยน้ำค้างเย็น ทุกทิศทุกทางค่อยๆ ถูกบีบรัดเข้ามา

ราวกับความเย็นไหลเข้ามาในป่าก็มิปาน แม้ค่อยๆ คืบคลาน แต่กลับหมดหนทางที่จะกีดกั้น

ถ้าหากไม่ได้ยินเสียงของเฉินฉางเซิง เวลานี้ถังซานสือลิ่วคงจะเลือกกระบวนท่าที่ร้ายแรงที่สุด ลองตอบกลับคู่ต่อสู้ไปจนหมดกำลัง หรืออาจจะกล่าวว่าปะทะกับจุดอ่อนของชีเจียน ใช้วิธีเห็นดำเห็นแดงกันไปฝ่ายหนึ่งเสีย

แต่ตอนนี้ไม่ต้องใช้แล้ว

เขาใช้เพียงกระบวนท่าที่ง่ายดาย

“แขวนกระบี่ปลูกพนา!”

เป็นกระบวนท่าแรกเริ่มของเพลงกระบี่ตระกูลถัง

หากเปลี่ยนเป็นเวลาอื่น กระบวนท่าแรกเริ่มของเพลงกระบี่ตระกูลถังนี้ คงจะไม่มีประโยชน์ใดๆ เป็นแน่

แต่ก่อนหน้านี้ กระบวนท่าเพลงกระบี่ของถังซานสือลิ่วทัดเทียมกับกระบี่ทั้งสองของชีเจียน ในเวลาเดียวกันก็เป็นการเตรียมการให้กับเพลงกระบี่กระบวนท่าสุดท้าย

ไม่ว่าจะเป็นองศา ท่าทาง การขับเคลื่อนปราณแท้ รวมถึงจิตวิญญาณ การเตรียมตัวทั้งหมดได้เตรียมไว้แล้วทั้งสิ้น

ในผืนป่าราวกับถูกย้อมสีด้วยน้ำค้าง

เขาแขวนกระบี่ไว้ที่ต้นถงผู้โดดเดี่ยว

เขาตวัดข้อมือนำกระบี่ตั้งตรง

กระบี่เวิ่นสุ่ยทาบทับเสียดสีอยู่บนตรีเพชร ก่อเกิดประกายไฟ

กระบี่มิได้ทำอันตรายใดๆ ชีเจียน แต่กลับมีลมเกิดขึ้น

หลังจากสามลมยามค่ำคืนผ่านพ้นไป การจู่โจมของเขาปะทะกับมือที่กุมกระบี่ของชีเจียน

เกลี้ยงเกลาว่องไว ไม่พลาดสักนิด

เสียงปังดังขึ้นเบาๆ

ตรีเพชรคำรามไปในอากาศ ร่วงหล่นในความมืดยามราตรี

ถังซานสือลิ่วถอยหลังกลับสองก้าว นำกระบี่เก็บลงฝัก

ชีเจียนก้มหน้าลงจ้องมองมือขวาที่ว่างเปล่าของตน รู้สึกผิดหวังห่อเหี่ยวใจ เพียงชั่วครู่ถึงจะรู้ตัว…ตนพ่ายแพ้เสียแล้ว

เพียงแค่ชั่วพริบตา ดวงตาของเขาเปียกชื้น เศร้าโศกเสียใจเป็นทุกข์อย่างยิ่ง

เห็นท่าทางเช่นนี้ของเขา ถังซานสือลิ่วกระวนกระวายใจ เอ่ยว่า “มีสิ่งใดจะต้องเสียใจด้วยเล่า เจ้ายังคงแข็งแกร่งกว่าข้า เดิมทีข้าสู้เจ้าไม่ได้ เพียงแต่ว่า…สำนักฝึกหลวงไม่ได้พ่ายแพ้เท่านั้นเอง”

เขาเป็นคนที่เย่อหยิ่ง จะต้องเอ่ยวาจาให้ชัดเจน สำนักฝึกหลวงไม่ได้พ่ายแพ้ ไม่ได้หมายความว่าเขาชนะ

ชีเจียนเม้มริมฝีปากแน่น ไม่ยินยอมร้องไห้ออกมา กลั้นจนใบหน้าเล็กแดงก่ำ เอ่ยด้วยเสียงสะอื้นในลำคอ “ขอบคุณมาก”

หลังจากนั้นมองไปยังศิษย์พี่ที่เขาเคารพเชื่อมั่นที่สุด ปรารถนาจะกระจ่างแจ้ง แท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้น

โก่วหานสือกำลังจ้องมองเฉินฉางเซิง

ทั่วทั้งสนามเงียบเชียบเป็นเป่าสาก

ผู้คนทั้งหมดต่างมองเฉินฉางเซิงเป็นตาเดียวกัน

มีผู้คนจำนวนมากไม่เข้าใจว่าแท้จริงเกิดอะไรขึ้น ไม่แน่ถังซานสือลิ่วเองก็คงไม่ชัดเจนเช่นกัน

เวลานี้ทุกคนต่างย้อนกลับไปคิด กุญแจสำคัญอยู่ที่การฟาดฟันกระบี่ตอบกลับครั้งสุดท้าย เป็นการโจมตีที่ประณีตสมบูรณ์แบบ น่าทึ่งอย่างยิ่ง

แต่ใครก็รู้ดี จุดสำคัญของการโจมตีอยู่ที่กระบวนท่าก่อนหน้า

กระบวนท่าที่เฉินฉางเซิงเอ่ยออกมา

เหมาชิวอวี่มองเฉินฉางเซิง รู้สึกเหนือความคาดหมาย เฉินหลิวอ๋องมองเขา นัยน์ตาเต็มไปด้วยความชื่นชม ใบหน้าของสวีซื่อจีและผู้นำตระกูลชิวซานน่าเกลียดเป็นพิเศษ แต่ท่าทางของม่ออวี่สับสนอย่างยิ่ง นางก่อนหน้านี้ไม่เข้าใจมาตลอด เพราะเหตุใดเฉินฉางเซิงสามารถออกมาจากวังถงได้ ทว่าเวลานี้เพิ่งจะเข้าใจ เดิมทีผู้คนประเมินค่าหนุ่มน้อยผู้นี้ต่ำไป

ค่ำคืนนี้ เป็นครั้งแรกที่ผู้คนรู้จักเฉินฉางเซิงอย่างแท้จริง

รวมถึงสวีซื่อจีกับม่ออวี่ที่ก่อนหน้าเคยเจอเขามาก่อน

รอยย่นเต็มใบหน้าของมุขนายกสำนักการศึกษากลางแผ่ขยายออกไป กล่าวว่า “ไม่เลว ไม่เลว”

ทุกคนรู้ดีว่า เขากล่าวว่าไม่เลว ไม่ใช่ถังซานสือลิ่ว แต่เป็นเฉินฉางเซิง