ตอนที่ 396 ไม้กาทองสร้างเรือ

พันธกานต์ปราณอัคคี

คำพูดของมู่ซีเหนียนทำให้ทุกคนตึงเครียด สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ผืนน้ำด้วยความร้อนแรง ในใจเกิดความคิดตีสลับซับซ้อน 

 

 

ผ่านไปนานเฉิงหรูยวนที่สวมใส่ชุดสีแดงเข้มจู่ๆ ก็พูดขึ้นว่า “อยากจะออกไปมีเพียงวิธีเดียว” 

 

 

“วิธีอะไร” ทุกคนหันไปมองเฉิงหรูยวนเป็นตาเดียว 

 

 

“สร้างเรือ” เฉิงหรูยวนพูดออกมาสองคำ  

 

 

สยงสี่ถอนหายใจ “พี่เฉิง วิธีนี้ใช้ว่าจะไม่เคยคิดมาก่อน แต่วัสดุที่จะนำมาสร้างเรือที่สามารถรองรับป้องกันน้ำหลากได้จะไปหาได้อย่างไร แล้วท่ามกลางคนของพวกเรามีใครที่ชำนาญวิชาการสร้างเรือบ้างเล่า” 

 

 

สร้างเรือไม่สามารถเทียบกับอย่างอื่นได้ หากว่าสร้างไม่ดีทำของลอกเลียนแบบขึ้นมาถึงเวลาเรือพลิกขึ้นมาต้องน่าเวทนาเป็นแน่  

 

 

เฉิงหรูยวนยิ้ม “ที่จริงเพื่อที่จะเดินทางในพื้นที่ลับครั้งนี้ตัวข้าสกุลเฉิงนำเรือติดตัวมาด้วยลำหนึ่ง แต่วัสดุของเรือนั้นไม่อาจใช้ได้ เกรงว่าคงจะรับมือน้ำหลากนี้ไม่ไหว หากพูดถึงวัสดุสร้างเรือไม่ทราบว่าใช้ไม้กาทองได้หรือไม่” 

 

 

 “ไม้กาทอง?” มีหลายที่ส่งเสียงตกใจพร้อมกัน  

 

 

ไม้กาทองเป็นวัสดุในการสร้างเรือที่ดีที่สุดชนิดหนึ่ง เรือที่สร้างขึ้นจากไม้กาทองความเร็วไม่ถือว่ามาก แต่กำลังการป้องกันกลับแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก  

 

 

คนที่พอเข้าใจสถานการณ์คิดได้ว่าตระกูลเฉิงเกี่ยวข้องกับการค้าทางทะเล การที่เฉิงหรูยวนมีไม้กาทองก็พอจะเข้าใจได้  

 

 

 “พี่เฉิงมีไม้กาทองช่างดีเหลือเกิน แต่คนสร้างเรือจะไปหาจากที่ใด ไม่ทราบว่าท่ามกลางสหายเต๋าทุกท่านมีใครชำนาญวิชาการสร้างเรือหรือไม่” สายตาสยงสี่ร้อนแรง มองพิจารณาพวกเฉิงหรูยวน เขารู้ดีว่าสมาชิกกลุ่มตนเองไม่มีใครมีความสามารถด้านนี้  

 

 

ผ่านไปนานผู้บำเพ็ญเพียรสกุลจ้าวของฝั่งเผยสิบสามถึงเอ่ยปากขึ้นมา “ข้าน้อยสามารถลองได้ แต่ต้องอธิบายก่อนว่าข้าน้อยไม่อาจถือว่าชำนาญ เพียงแต่เคยเข้าร่วมการสร้างเท่านั้น” 

 

 

แท้จริงแล้วก็มีความรู้เท่าหางอึ่ง 

 

 

แต่ในตอนนี้ทำได้เพียงเห็นม้าตายแต่รักษาดุจม้าเป็น มีคนที่มีความรู้เท่าหางอึ่งก็ถือว่าโชคดีแล้ว ทุกคนรีบพยักหน้า เฉิงหรูยวนนำไม้กาทองออกมา  

 

 

ในที่สุดมั่วชิงเฉินก็ได้เห็นหน้าตาไม้กาทองเสียที 

 

 

ไม้ยาวสีดำเงาวับหลายท่อนสะท้อนไอแสงทองอยู่เบาๆ ที่น่าแปลกคือไอแสงนี้ไม่ได้ครอบคลุมบนไม้กาทอง แต่เป็นวงสีทองที่ลอยอยู่บนเนื้อไม้สีดำจับใจคนอย่างมาก 

 

 

ผู้บำเพ็ญเพียรสกุลจ้าวรับไม้กาทองและวัสดุเสริมอื่นที่เฉิงหรูยวนส่งให้ไปอย่างระมัดระวัง ค้นหาบริเวณสูงและกว้างพอขึ้นไปนั่งขัดสมาธิ ร่ายม่านพลังปิดบังเริ่มสร้างเรือ  

 

 

ทุกคนไม่รู้ว่าจะสร้างสำเร็จเมื่อใด แต่กลับไม่มีทางอื่นทำได้เพียงเกาะอยู่บนกิ่งไม้เพียงลำพัง หรือมองเหม่อไปยังผิวน้ำสีดำสนิท หรือใช้กระแสจิตส่งเสียงคุยกันเป็นการส่วนตัว หรือหลับตาตั้งสมาธิ  

 

 

ที่จริงแล้วในบรรดาคนเหล่านี้คนที่สงบนิ่งที่สุดคือมั่วชิงเฉิน เพราะนางสามารถลอยตัวยืนกลางอากาศ ไม่เหมือนกับผู้บำเพ็ญเพียรเหล่านี้ ในเขตพื้นที่แปลกประหลาดบางส่วนในเขตไร้จนหากไม่สามารถใช้ของวิเศษบินลอยได้ก็ทำได้เพียงบื้อใบ้เท่านั้น  

 

 

เมื่อคิดเช่นนี้ข้อดีของผลเซียนบินช่างมากมายเหลือเกิน  

 

 

มั่วชิงเฉินสำนึกความโชคดีของตนเอง สายตากวาดมองทุกคนอยู่เงียบๆ  

 

 

ไม่รู้ว่าผู้บำเพ็ญเพียรสกุลจ้าวจะสามารถสร้างเรือขึ้นมาทันเวลาหรือไม่ หากต้นไม่ใหญ่ไม่อาจทนรับถึงเวลานั้นนอกจากเอาตัวรอดแล้วอย่างมากยังสามารถช่วยอีกคนหนึ่งได้ ก็คงจะเป็นถังมู่เฉินผู้นั้นกระมัง ส่วนคนอื่นได้แต่พูดว่าขอโทษ 

 

 

ไม่อยากคิดถึงสถานการณ์เลวร้ายที่สุด มั่วชิงเฉินหลับตาทั้งสองข้างเริ่มฝึกบำเพ็ญตบะ 

 

 

นางเป็นคนประเภทเวลาปกติคิดมากวุ่นวาย แต่เมื่อเริ่มฝึกบำเพ็ญตบะกลับจิตใจแน่วแน่ไม่วอกแวก ไม่นานเวลาก็ผ่านไปสามวันต้นไม้ใหญ่เริ่มส่งเสียงออดแอด ทุกคนไม่มีใครทำอะไรอย่างอื่นล้วนจ้องเขม็งไปยังจุดที่ผู้บำเพ็ญเพียรสกุลจ้าวอาศัยอยู่ อยากจะใช้สายตาอันร้อนแรงบีบบังคับให้เขาออกมา แต่นางกลับแน่วแน่ไม่ขยับไหวติงบำเพ็ญตบะต่อไป 

 

 

“เหตุใดสหายเต๋าจ้าวยังไม่ออกมาอีก” ผู้บำเพ็ญเพียรชุดเหลืองจากฝั่งสยงสี่เดินกลับไปมาบนต้นไม้ใหญ่ ต้นไม้ใหญ่ยิ่งส่งเสียวออดแอดบ่อยขึ้นเรื่อยๆ 

 

 

“เจ้ารีบนั่งลงเถิด เดินต่อไปต้นไม้จะยิ่งล้มเร็วขึ้น!” มู่ซีเหนียนพูดเสียงเย็น 

 

 

ผู้บำเพ็ญเพียรชุดเหลืองไม่พอใจ แต่ก็ดูหวาดระแวงต่อมู่ซีเหนียนจึงนั่งลงกลับไปด้วยความอึดอัดใจ 

 

 

แต่ในเวลานี้เองจู่ๆ ต้นไม้ก็สั่นไหวอย่างรุนแรง ทุกคนสั่นคลอนเหมือนจะตก 

 

 

“แย่แล้ว ต้นไม้ใกล้จะล้มลงแล้ว!” ทุกคนสีหน้าเปลี่ยนไป 

 

 

ภายในช่วงเวลาสั้นๆ ต้นไม้เริ่มเอนตัวไปยังทิศทางหนึ่งช้าๆ ทุกคนรีบวิ่งไปยังทิศทางตรงกันข้ามในฉับพลัน 

 

 

แม่นางจอมพิษเท้าลื่นทั้งร่างดิ่งตกลงไปข้างล่าง ในจังหวะที่จิตใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัวจู่ๆ ก็มีเถาวัลย์เส้นหนึ่งลอยเข้ามาพันกับเอวบางของนางเอาไว้ ทำให้ทั้งร่างลอยอยู่กลางอากาศ 

 

 

“สหายเต๋ามั่ว ขอบใจ” แม่นางจอมพิษเงยหน้าขึ้นมองมั่วชิงเฉิน สีหน้าแฝงความซาบซึ้งใจ 

 

 

มั่วชิงเฉินไม่ได้พูดอะไร กระตุกข้อมือดึงแม่นางจอมพิษให้มาอยู่ข้างกาย 

 

 

แต่ตามแรงของต้นไม้ที่เริ่มเอนเอียงช้าๆ น้ำหลากเข้ามาใกล้หน้าทุกคนจนแทบจะสัมผัสกันแล้ว 

 

 

ในเวลานี้นี่เองบริเวณที่ผู้บำเพ็ญเพียรสกุลจ้าวอาศัยอยู่มีคลื่นแสงวิญญาณลอยออกมา ค่อยๆ ปรากฎเป็นร่างของผู้บำเพ็ญเพียรสกุลจ้าว 

 

 

เขาตะโกนเสียงดัง “เรือมา!” 

 

 

  ของในมือถูกโยนออกมาในทันใด 

 

 

  ของสิ่งนั้นกรีดกรายวาดเส้นสีทองขึ้นกลางอากาศ จมหายไปในน้ำ 

 

 

  จากนั้นก็เห็นมีเรือลำเล็กค่อยๆ หมุนวนกลายร่างใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในน้ำ ไม่นานก็ขยายยาวกว่าสองจั้ง 

 

 

  พื้นที่เรือกาทองแม้จะไม่ใหญ่ แต่กาบเรือสูงเป็นอย่างมาก เหมาะสมกับสถานการณ์พิเศษตรงหน้าเป็นอย่างดี 

 

 

  ทุกคนเห็นเช่นนี้ก็รีบกระโดดลงจากต้นไม้ ทุกครั้งที่มีคนล่วงลงไปเรือกาทองจะสั่นดยกเล็กน้อย แต่กลับหยุดอยู่บริเวณเดิมไม่ไหวติง 

 

 

  กาทองมั่นคงและหนัก สมชื่อที่เล่าลือกันมา 

 

 

  “สหายเต๋าจ้าว เจ้าช่างมาทันเวลาเสียจริง” ทุกคนปลอดภัยไร้กังวล ล้วนแย้มยิ้มยินดี 

 

 

  ผู้บำเพ็ญเพียรสกุลจ้าวถึงได้มีเวลาปาดเหงื่อบนหน้าผาก “โชคดีที่ไม่เสียแรงเปล่า” 

 

 

  พูดจบก็ไม่ได้สนใจพูดมากอีก ขัดสมาธินั่งลงฟื้นฟูพลังวิญญาณ 

 

 

  ทุกคนไม่มีใครไปรบกวนอีก เริ่มปรึกษาพูดคุยเรื่องการดำเนินการขั้นต่อไป 

 

 

  สยงสี่และพวกมาถึงเขตพื้นที่นี้ก่อน เฉิงหรูยวนและคนอื่นย่อมต้องฟังความเห็นของพวกเขาก่อน 

 

 

  สยงสี่มองไปยังมู่ซีเหนียน 

 

 

  “ซีเหนียนคิดว่าควรจะไปทางตะวันออก” มู่ซีเหนียนยืนอยู่บนหัวเรือ ผมขาวสะอาดดุจหิมะของเขาปลิวไสวตามลม ขับสะท้อนให้ผิวของเขายิ่งผิดแผกงดงาม 

 

 

  ทุกคนหันไปมองมู่ซีเหนียนไม่พูดจา รอคำอธิบายของเขา 

 

 

  มู่ซีเหนียนยิ้มน้อยๆ ชี้นิ้วไปทางทิศตะวันออก “หลายวันก่อนนี้น้ำหลากมาจากทิศตะวันออก หากพูดถึงทางออก เช่นนั้นบริเวณแหล่งต้นกำเนิดน่าจะมีความเป็นไปได้มากที่สุด” 

 

 

  คำพูดนี้มีเหตุผลอย่างมาก ทุกคนตัดสินใจในทันใด มุ่งหน้าไปทิศตะวันออก 

 

 

  ทั้งหมดสามกลุ่ม แต่ละกลุ่มทีสมาชิกอยู่ห้าคนล้วนยืนอยู่บนเรือกาทองทั้งหมดจนแน่นขนัด สามารถพูดได้ว่าไหล่ชนไหล่ แต่ตอนนี้จะมีใครมาสนใจเรื่องเหล่านี้ สองคนหนึ่งกลุ่มเริ่มหมุนเวียนบังคับเรือ 

 

 

  เดินทางอยู่เจ็ดวันเต็มในที่สุดก็มาถึงจุดปลายสายของทิศตะวันออก 

 

 

  ตรงนั้นมีภูเขาสูงตั้งอยู่ ทั้งๆ ที่เป็นพื้นดินเขียวขจี แต่น้ำตกที่อยู่ตรงกลางกลับเป็นสีดำ น้ำหลากเหล่านั้นมีแหล่งที่มาจากบริเวณนี้ 

 

 

  ทุกคนอดถอนหายใจไม่ได้ หากไม่ใช่เพราะเฉิงหรูยวนมีไม้กาทองพอดี ทางด้านเผยสิบสามก็พอจะมีคนเข้าใจเรื่องสร้างเรือ เช่นนั้นจะยังมีใครเดินผ่านเส้นทางอันยาวไกลถึงบริเวณนี้ได้ 

 

 

  พูดได้ว่าที่ยังสามารถยืนอยู่ตรงนี้ได้ในเวลานี้เป็นเพราะโชคและความพยายามอย่างละครึ่ง 

 

 

  “พวกเจ้าดูนั่น วงแหวนสีเขียว” แม่นางจอมพิษแย้มยิ้มประหนึ่งดอกไม้บาน แสดงท่าทีเหมือนเด็กสาวอออกมา นิ้วเรียวยาวชี้ตรงไปยังภูเขาด้านหน้า 

 

 

  เป็นไปตามที่คาดไว้บริเวณยอดเขามีแสงสีเขียวโดดเด่น มีวงแหวนกว่าสิบวงเรียงต่อกันประหนึ่งเมฆเขียวแผ่นใหญ่ งามงดแปลกตา 

 

 

  เรือค่อยๆ เข้าไปใกล้บริเวณตีนเขา เหตุเพราะความระแวดระวังสยงสี่หยิบร่างของอสูรปีศาจตัวหนึ่งจากในถุงเก็บวัตถุโยนขึ้นไป ผ่านไปนานก็ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงใด  

 

 

  ทุกคนผ่อนลมหายใจออกมา ดูท่าภูเขาเขียวแห่งนี้ภายนอกภายในสอดคล้องตรงกัน เพียงแต่หลีกเลี่ยงน้ำตกสีดำก็พอแล้ว 

 

 

  ทุกคนทยอยกันขึ้นฝั่ง เก็บเรือกาทองปีนขึ้นไปบนยอดเขา 

 

 

  แม้จะไม่อาจใช้อาวุธเวทเหาะตัว แต่ทุกคนก็ยังเป็นถึงผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณ คุณสมบัติของร่างกายย่อมแข็งแกร่งกว่าคนอื่นไม่รู้กี่ร้อยเท่า ใช้เวลาไม่นานมากก็มาถึงยอดเขา 

 

 

  ทอดสายตามองออกไปไกลเห็นว่าน้ำหลากยิ่งรุนแรงมากขึ้น ไร้ซึ่งขอบเขต และตอนนี้ทุกคนกลับสามารถหนีออกไปได้แล้ว 

 

 

  ทั้งสามกลุ่มรวมตัวอยู่ด้วยกันแต่เดิมเป็นเพราะความบังเอิญของโชคชะตา สถานการณ์บีบบังคับ ในตอนนี้เมื่อเห็นว่ามีวงแหวนสีเขียวราวสิบวง ผู้นำกลุ่มทั้งสามคนก็เดินไปยังวงแหวนที่ต่างกันอย่างพร้อมเพรียงกัน แล้วยังตั้งใจเว้นระยะห่างเอาไว้พอสมควร 

 

 

  “สหายเต๋าทุกท่าน มีโอกาสแล้วพบกันใหม่” เผยสิบสามค้อมตัวน้อยๆ ให้เฉิงหรูยวนและสยงสี่ แล้วยังส่งยิ้มบางให้มั่วชิงเฉิน แล้วจึงเดินเข้าไปในวงแหวนสีเขียว 

 

 

  “พี่เผย รอก่อน” จู่ๆ สยงสี่ก็พูดขึ้น 

 

 

  เผยสิบสามชะงักฝีเท้า ยืนตัวตรงดุจไผ่เขียว มองสยงสี่ด้วยท่าทางอ่อนโยน “พี่สยงยังมีเรื่องอะไรหรือ” 

 

 

  เสียงของเขากังวานนุ่มทุ้มประหนึ่งเสียงสวรรค์ เหยียลีว์เยี่ยนอดหน้าแดงไม่ได้เพราะสายตาอันอบอุ่นของเขา 

 

 

  สยงสี่มองเผยสิบสาม และมองเฉิงหรูยวนอีกครั้ง เอ่ยปากพูดขึ้นว่า “ทั้งสองท่าน ตัวข้าสกุลสยงมีข้อเสนอหนึ่งอย่าง” 

 

 

  “พี่สยงพูดเถิด” เผยสิบสามยิ้มน้อยๆ 

 

 

  สายตาของเฉิงหรูยวนเป็นประกายเล็กน้อยเหมือนว่าเริ่มเดาคำพูดต่อไปนี้ของสยงสี่ได้            

 

 

“ท่านพี่ทั้งสอง พวกเราสามกลุ่มพบเจอกันที่แห่งนี้ ร่วมใจสมัครสมานผ่านอุปสรรคลำเข็ญมาถือเป็นโชคชะตาที่ไม่อาจเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ไม่สู้ว่าพวกเราตั้งข้อตกลงเอาไว้เป็นอย่างไร” 

 

 

“ข้อตกลง?” 

 

 

“ใช่แล้ว หากว่าพวกเราและกลุ่มอื่นบังเอิญพบกับดอกสำลีตกสวรรค์พร้อมกัน พวกเราทั้งสามกลุ่มจะไม่โจมตีกันเอง ว่าอย่างไรเล่า” สยงสี่พูดขึ้น 

 

 

เฉิงหรูยวนยิ้ม “แล้วหากว่ามีเพียงพวกเราสามกลุ่มเล่า” 

 

 

  สยงสี่พูดออกมาตรงๆ “หากมีดอกสำลีตกสวรรค์มากพอ ย่อมต้องแบ่งกันออกไปตามที่ต้องการ หากไม่พอก็ต้องอาศัยความสามารถของแต่ละฝ่าย” 

 

 

  ข้อเสนอนี้ถือว่าได้เปรียบทั้งสองฝ่าย สามคนตกลงตั้งข้อสัญญาแล้วถึงได้นำสมาชิกในกลุ่มก้าวเข้าไปในวงแหวนสีเขียว 

 

 

  ทะลุผ่านวงแหวนสีเขียวไป มั่วชิงเฉินไม่ได้มีความรู้สึกตื่นเต้นเป็นกังวลเหมือนตอนที่เพิ่มเริ่มเข้ามาในเขตพื้นที่ใหม่เหมือนแต่ก่อน แต่กลับรักษาจิตใจนิ่งสงบและความระมัดระวังอย่างพอดิบพอดีเอาไว้ 

 

 

  เมื่อร่วงลงจากวงแหวนสีเขียว ครั้งนี้กลับเป็นสถานที่สวยงามเต็มไปด้วยเสียงนกและกลิ่นหอมของพฤกษชาติ 

 

 

  ทอดสายตามองออกไปไกลหญ้าเขียวเหมือนฟูก ทิวทัศน์งดงามสีสันหลากหลาย ผีเสื้อหลากสีสันร่ายระบำขยับปีก แม้แต่ลมเย็นที่พัดเข้าหน้าก็ยังมีกลิ่นหอมของดอกไม้ผสมมา 

 

 

  “นี่ถึงจะเป็นสถานที่ที่คนอยู่!” ถังมู่เฉินโบกพัดในมือ ดวงตาทั้งสองข้างหลับลงเล็กน้อยสูดดมกลิ่นดอกไม้หอมในชั้นอากาศ 

 

 

  เฉิงหรูยวนสีหน้านิ่งสงบแต่กลับไม่วางใจ มีบางครั้งที่สถานที่ยิ่งสวยงามก็ยิ่งอันตราย ทางเขาสูญเสียผู้บำเพ็ญเพียรสายพละกำลังระดับก่อแก่นปราณชั้นปลายไปแล้วผู้หนึ่ง ไม่อาจเกิดข้อผิดพลาดได้อีก 

 

 

  มั่วชิงเฉินกลับใจเต้นแรง ในนาทีที่นางตกลงบนพื้นที่แห่งนี้ จู่ๆ ก็รู้สึกได้ถึงการหนีอุตลุดอย่างวุ่นวายของผึ้งวิญญาณเลือดมรกตภายในถุงเก็บสัตว์วิญญาณ แทบจะทะลุถุงออกมา 

 

 

  หรือว่าดอกสำลีตกสวรรค์ที่ตามหาอย่างยากลำบากจะอยู่ในเขตพื้นที่นี้ 

 

 

  “น้องสาว ไปเถิด” หลายคนเดินไปข้างหน้าแล้ว แต่มั่วชิงเฉินกลับนิ่งไม่ขยับอยู่นาน ถังมู่เฉินหันมาเรียกนาง 

 

 

  “อย่าเพิ่งไป” มั่วชิงเฉินพูดออกมาด้วยท่าทีไร้เหตุผล 

 

 

  “เหตุใดหรือ” รู้ว่ามั่วชิงเฉินไม่ใช่คนที่คุยเรื่อยเปื่อย ทั้งสี่คนเดินกลับมา 

 

 

  มั่วชิงเฉินตบถุงเก็บสัตว์วิญญาณ ผึ้งวิญญาณเลือดมรกตจำนวนหนึ่งบินออกมา 

 

 

  ผึ้งวิญญาณเลือดมรกตหลายตัวบินวนไปมากลางอากาศด้วยความตื่นเต้น แล้วก็พากันบินไปยังทิศทางเดียวกัน