บทที่ 248
“สหายน้อย ทำไมถึงได้ปฏิเสธไปล่ะ อย่างน้อยช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยได้รึเปล่า ?” จินเอี๋ยนหยู่เริ่มขึ้นเสียงสูงเล็กน้อย น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความเลือดเย็น เห็นได้ชัดเลยว่าคุณชายรองจินตอนนี้เริ่มโมโหแล้ว

เฉินโม่หยุดไปสักพัก ก่อนจะหันกลับมามองไปยังจินเอี๋ยนหยู่อย่างเย็นชา พลางพูดอย่างราบเรียบว่า “คุณกลับไปถามจินโจงรุ่น สิ คนอย่างเฉินโม่ ทั้งชีวิตนี้จำเป็นจะต้องอธิบายอะไรให้คนอื่นฟังด้วยหรือ ?”

“จะจองหองอะไรขนาดนี้ ! แถมมันยังเรียกชื่อของคุณท่านจินออกมาตรง ๆ ด้วย !”

“ไอ้เด็กนี่มันจะไม่เห็นหัวใครเลยหรือ สิ่งนี้ต้องทำให้คุณชายรองจินโมโหแน่ ชื่อของคุณท่านจินไม่ใช่ว่าใครที่ไหนจะพูดขึ้นมาได้ !”

เหล่าลูกเศรษฐีต่างก็ส่ายหัว มองไปยังเฉินโม่อย่างเยาะเย้ย

ว่านเหวินโยวไม่มีข้อสงสัยใด ๆ อีก เขามองไปยังเฉินโม่อย่างดูถูก ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเฉินโม่อาจจะยังมีอะไรบางอย่างที่ซ่อนเอาไว้อยู่ แต่ต่อให้มีไพ่ตายอะไรเก็บไว้มันก็ไม่มีทางที่จะใช้สู้กับตระกูลจินได้ เขาไม่เห็นหัวของคุณท่านจินอยู่ในสายตา มันคือความหยิ่งผยองโดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าความตายเป็นอย่างไร

ฉือรุ่ยปิงอีกนิดเดียวก็เกือบจะฉี่ราดไปแล้ว เขาแอบเหลือบมองไปยังแววตาของคุณชายรองจิน ก่อนจะรีบถอยหลังออกไป เขาพยายามที่จะรักษาระยะห่างกับเฉินโม่เอาไว้ เพราะหวังว่าคุณชายรองจินจะไม่ระบายความโกรธใส่เขา

สีหน้าของเวินฉิงเองก็เป็นกังวล คว้ามือทั้งสองของเฉินโม่ไว้ด้วยความประหม่าจนเหงื่อไหลไปทั่วฝ่ามือ เธอพยายามขยิบตาให้เฉินโม่ไม่หยุด แต่ทว่าเฉินโม่กลับทำเหมือนกลับมองไม่เห็น จนทำให้เวินฉิงรู้สึกเหนื่อยหน่ายใจ

จินเอี๋ยนหยู่จ้องไปยังเฉินโม่ สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันราวกับว่าคิดอะไรบางอย่างออก จากนั้นสีหน้าเขาก็เต็มไปด้วยความตกใจ “เฉินไต้ซือ !”

จู่ ๆ จินเอี๋ยนหยู่ก็โค้งคำนับให้กับเฉินโม่ด้วยความเคารพ “ขออภัยด้วย จินเอี๋ยนหยู่ล่วงเกินไต้ซือมากเกินไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมต้องขอตัวก่อน รบกวนไต้ซือแล้ว !”

พูดจบ จินเอี๋ยนหยู่ที่ยังสร้างความสงสัยให้กับทุกสายตาทุกคู่ ก็รีบสาวเท้าถอยออกไป

เฉินโม่ไม่แสดงสีหน้าใด ๆ หันไปดึงเวินฉิง และเดินออกไปอย่างช้า ๆ

จินเอี๋ยนหยู่มองไปยังเฉินโม่ที่ค่อย ๆ เดินจากไป ก่อนจะหันไปประสานมือคำนับว่านเหวินโยว “สหายว่าน ผมมีธุระด่วน ครั้งหน้าค่อยคุยกันใหม่ ! ลาก่อน !”

ยังไม่ทันรอให้ว่านเหวินโยวพูดอะไร จินเอี๋ยนหยู่ก็รีบนำคนของเขาออกไป

ว่านเหวินโยวรอจนกระทั่งสีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความสงสัย พวกเขาได้ยินจินเอี๋ยนหยู่พูดว่าเฉินไต้ซือ แต่พวกเขาไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่าอย่างไร ?

หลังจากนั้นพวกเขาก็เห็นจินเอี๋ยนหยู่รีบขอโทษเฉินโม่ ก่อนจะเดินจากไป

“เฉินไต้ซือเป็นใคร ? ดูเหมือนว่าคุณชายรองจินจะมีท่าทีหวาดกลัวมาก ๆ”

“ไม่แน่ใจเหมือนกัน เป็นไปได้รึเปล่าที่จะเป็นอาจารย์ของไอ้เด็กนั่น ?”

“เป็นไปได้ ไม่งั้นนั้นคุณชายรองจินจะไปขอโทษไอ้เด็กนั่นทำไมกัน ? ทักษะการยิงธนูของไอ้นั่นเก่งกาจขนาดนั้น เฉินไต้ซือคนนี้จะต้องเก่งมากแน่ ๆ !”

ว่านเหวินโยวแอบเก็บเอาไปคิด และพูดกับลูกสมุนคนหนึ่งว่า “เอ็งไปตรวจสอบดูซิ ดูว่าช่วงนี้มีข่าวเกี่ยวกับเฉินไต้ซือออกมาบ้างหรือเปล่า”

ฉือรุ่ยปิงยังเต็มไปด้วยความสับสน “นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? ทำไมคุณชายรองจินถึงต้องขอโทษไอ้ขยะนั่นด้วย ? แล้วเฉินไต้ซือคือใครกัน ?”

ฉือรุ่ยปิงค่อย ๆ คิดอย่างรอบคอบ ไม่นานเขาก็ปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดได้ “เฉินไต้ซือจะต้องเป็นอาจารย์ของเฉินโม่ คาดว่าจะต้องเป็นคนที่สุดยอดมาก ๆ ขนาดคุณชายรองจินยังต้องให้ความเคารพ ถึงว่าทำไมเฉินโม่มันถึงได้จองหองมากขนาดนี้ ทั้งยังไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตา ที่แท้ก็มีอาจารย์ดีนี่เอง”

“ฮึ อาจารย์เก่งแล้วยังไงกัน ? ก็ไม่ใช่ตัวมันเองสักหน่อย ไอ้เด็กนี่มันอวดดีนัก หลังจากนี้มันจะต้องโดดเดี่ยว เติบโตขึ้นด้วยความยากลำบาก หลังจากกลับไปฉันจะนำเรื่องที่มันไม่สนใจคุณชายรองจินไปบอกท่านพ่อ ให้ท่านนำเสนอในประชุมกรรมการ เหล่ากรรมการจะต้องรู้สึกผิดหวังกับคนอย่างมัน”

หลังจากออกจากสโมสรไป จินเอี๋ยนหยู่ก็มองกลับไปด้วยแววตาเย้อหยัน “ได้ยินมาว่ากระประชุมสูงสุดได้รวบรวมคนรุ่นใหม่หัวกะทิในฮ่านหยางเอาไว้มากมาย แต่วันนี้ดูแล้วน่าจะเป็นการพูดเกินจริง เฉินไต้ซืออยู่ต่อหน้าพวกเขาแล้ว คนพวกนี้กลับใส่ใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง อยากทำความรู้จักกับฉัน มีตาหามีแววไม่ ดูไม่ออกเลยหรือ !”

“คนพวกนี้ไม่มีคุณสมบัติพอให้ทำความรู้จักด้วย กระประชุมสูงสุดนี้ คงไม่จำเป็นต้องมาเป็นครั้งที่สองอีกแล้ว”