เฉินโม่พาเวินฉิงขึ้นรถแท็กซี่
“เสี่ยวโม่ เฉินไต้ซือคนนั้นเป็นใครหรอ ?” เวินฉิงสีหน้าสงสัย
เฉินโม่พูดอย่างยิ้มแย้มว่า “จะมีใครได้อีกล่ะ ก็ผมไง ! ผมนี่แหละเฉินไต้ซือ”
เวินฉิงกลอกตาไปหาเฉินโม่ “ไม่บอกก็ช่างมันเถอะ ขนาดฉันยังจะปิดบังอีก !”
เฉินโม่ยิ้มอย่างฝืน ๆ ไม่ได้อธิบายอะไร เขารู้ว่าต่อให้อธิบายไปยังไงเวินฉิงก็ไม่เชื่อเขา
“ใช่แล้ว แล้วนายไปเรียนยิงธนูมาจากไหนกันล่ะ ? ทำไมถึงเก่งขนาดนี้ !” เมื่อนึกถึงความสง่างามจากการยิงธนูสามดอกของเฉินโม่ หัวใจของเวินฉิงก็เต้นรัว
เฉินโม่ยิ้มออกมาเล็กน้อย “ถ้าผมบอกว่าไม่มีใครสอนพี่ก็คงไม่เชื่อหรอก แน่นอนว่าต้องเป็นปรมาจารย์นักธนูท่านหนึ่งยังไงล่ะ”
“ดูแล้วเสี่ยวโม่ของเราจะโชคดีไม่น้อย ถึงมีโอกาสได้เจอกับคนเก่งขนาดนั้นได้ !” เวินฉิงเอียงศีรษะของเธอ ดวงตาน้อย ๆ ของเธอเรียวโค้งจนคล้ายกับพระจันทร์เสี้ยว แม้ว่าเฉินโม่จะไม่อยากบอก เวินฉิงก็ไม่ถามเซ้าซี้ ในใจของเธอมีเฉินโม่เป็นที่หนึ่งมาโดยตลอด
ไม่นาน พวกเขาก็กลับมาถึงโรงแรมที่เฉินโม่พักอยู่
เมื่อส่งเฉินโม่กลับห้อง เวินฉิงก็บอกลา “เสี่ยวโม่ นายรีบกลับมาจากอู่โจว ยังไม่ทันได้พักผ่อนก็ต้องไปการประชุมสูงสุดเป็นเพื่อนฉันแล้ว วันนี้คงเหนื่อยแย่แล้วล่ะ คืนนี้พักผ่อนเยอะ ๆ รอให้ท่านประธานกลับมาแล้วฉันจะโทรหานะ”
“ที่บริษัทจะไม่มีคนอยู่ไม่ได้ งั้นฉันรีบกลับบริษัทก่อนแล้วกัน อยู่ด้วยไม่ได้แล้วนะ” เวินฉิงใบหน้าแฝงไว้ด้วยความรู้สึกเสียใจ
เฉินโม่เองก็รู้สึกไม่อยากจากกัน แต่ก็รู้ว่าที่เวินฉิงพูดมานั้นคือเรื่องจริง “ได้เลย พี่กับแม่ต่างก็ยุ่งกันอยู่ตลอด ส่วนผมก็ว่างที่สุดเลย ครั้งนี้ผมจึงได้เตรียมของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้พี่กับคุณแม่ไว้ด้วย อ่ะ นี่”
เวินฉิงสีหน้าดูคาดหวัง “เป็นครั้งแรกเลยที่นายให้ของขวัญฉันกับท่านประธาน มันคืออะไรหรอ ? ขอดูหน่อยสิ !”
เฉินโม่ยื่นกำมือออกไป ใช้ความคิดเปิดแหวนเก็บของออกมา หยกแขวนมงคลอันน้อย ๆ โผล่ออกมาบนฝ่ามือของเขา
หยกแขวนเนื้อใส ภายในเหมือนกับมีประกายเรืองแสงขยับไปมา แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่ของธรรมดา
“เสี่ยวโม่ หยกแขวนชิ้นนี้คงแพงแน่เลยใช่ไหม ? นายเอามาจากไหนน่ะ ?” เวินฉิงตกตะลึงเล็กน้อย
เฉินโม่ใช้ด้ายสีแดงเอามาพันหยกแขวนเอาไว้ จากนั้นคล้องมันไว้กับคอขาว ๆ ของเวินฉิง ก่อนจะกำชับอย่างจริงจังว่า “สิ่งนี้ผมใช้เวลาถึงหนึ่งปีกว่าจะเอามันมาจากมือของอาจารย์ได้ มันสามารถรักษาความเยาว์วัยปกป้องอันตรายต่าง ๆ ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม ห้ามถอดมันออกเด็ดขาด แม้แต่ตอนอาบน้ำก็ไม่ได้ !”
เวินฉิงหน้าแดง อยากจะดุเฉินโม่ที่พูดอะไรออกมาเรื่อยเปื่อย แต่เมื่อเห็นว่าเขาพูดด้วยความจริงจัง เธอก็เข้าใจได้ทันทีว่าเฉินโม่ไม่ได้ต้องการแกล้งเธอ จึงพยักหน้ากลับไป “อืม ฉันเข้าใจแล้ว ความรู้สึกนี้พี่รับไว้แล้วล่ะ !”
เฉินโม่ย้ำอีกครั้ง “ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ห้ามถอดมันออก กินข้าว อาบน้ำ หรือว่านอนก็ต้องใส่เอาไว้ จำไว้ด้วยนะ !”
เวินฉิงยิ้มอย่างฝืน ๆ ออกมา “เข้าใจแล้ว ของขวัญของนายชิ้นนี้ ฉันจะไม่ทำให้ผิดหวัง ฉันจะใส่มันไว้ตลอดเวลา”
“อืม กลับไปเถอะ เดินทางปลอดภัยนะ !” เฉินโม่สีหน้าอบอุ่นขึ้นมา เมื่อมีหยกแขวนชิ้นนี้อยู่ เวินฉิงก็จะมีชีวิตเพิ่มขึ้นมาอีกชีวิตนึง
เวินฉิงโบกมือลา เดินไปได้สองก้าว จู่ ๆ ก็หยุดลง หันกลับมามองเฉินโม่ รอมยิ้มราวกับมวลดอกไม้ “เสี่ยวโม่ นี่เป็นของขวัญปีใหม่ที่ดีที่สุดของฉันเลย !”
…….
กลางดึก บุคคลลึกลับสี่คนเดินเข้ามายังถนนคนเดินเมืองฮ่านหยาง ดึงดูดสายตาของทุกคนไม่น้อย
ในสี่คนนั้น มีสาวสวยอยู่ด้วยสองคน กับนักพรตคนหนึ่ง และวัยรุ่นธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ซึ่งก็คือพวกของเฉินโม่
ครั้งเพิ่งมาถึงฮ่านหยาง เฉินโม่เลยไม่ได้ฝึกฝนต่อ จนถึงระดับชั้นสามแดนรวมพลัง ซึ่งเป็นเส้นแบ่งเขต ซี่ทิพย์ที่เขายังต้องการนั้นมากเกินไป หากใช้แค่การฝึกฝนธรรมดาในแต่ละวัน ก็จะเปรียบได้กับเอาน้ำหนึ่งแก้วไปดับไฟ แทบจะใช้ไม่เพียงพอด้วยซ้ำ ไม่สู้คงออกไปเดินดูรอบ ๆ บ้าง เผื่อว่าจะโชคดี ได้เจอกับโอกาสอะไรดี ๆ เข้า