ตอนที่1258 ลุ่มแม่น้ำมรณะ

 

ฉากเบื้องหน้าของพวกเขาคล้ายพื้นที่หนองลุ่มแม่น้ำทอดยาวสุดสายตาไกล สภาพแวดล้อมสงัดเสงี่ยมเปลี่ยวร้าง

ช่างเป็นความอ้างว้างเจือไอเหงาเย็นโดยแท้ ถึงขั้นที่ว่าสรรพสิ่งใดส่งเสียงล้วนถูกกลืนหายท่ามกลางความเงียบ

ซึ่งความเงียบชนิดนี้กลับทำให้ผู้คนรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก

 

ก่อนหน้านี้อิ้งหมัวหู่สับฝีเท้าหนีโดยมิได้ดูท่าดูทางอันใด ทิศทางไหนไม่ทราบขอเพียงตีระยะห่างรอดออกมาเป็นพอ ไม่เพียงความเงียบสงัดเปลี่ยวร้างชวนขนลุก รอบข้างตามทางยังมีหมอกทมิฬหนาปกคลุมจนไม่เห็นเส้นทางชัดเจน เมื่อรู้สึกตัวอีกที พวกเขาก็ตกอยู่ในพื้นที่หนองลุ่มสีดำแห่งนี้เสียแล้ว

 

วูบบ!

ร่างเย่หยวนแปรสภาพเป็นสายหนึ่ง พร้อมเข้าสำรวจโดยรอบทันที แต่จู่ๆสีหน้าการแสดงออกของเขาพลันบิดเบี้ยวน่าเกลียดในบัดดล

 

“พี่ใหญ่! นี่ไม่ถูกต้องแล้ว! เราจะกลับไปยังทางที่มาอย่างไรดี?”

อิ้งหมัวหู่กระเดือกน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก พลางกล่าวขึ้น

อิ้งหมัวหู่รู้สึกวิตกไม่น้อย แม้พวกเขาจะมีพละกำลังความแกร่งกล้าคิดตัวไม่น้อย แต่นี่ยังสัมผัสได้อย่างชัดแจ้งว่า สถานที่แห่งนี้อันตรายยิ่งยวด นี่มิใช่หนองลุ่มแม่น้ำธรรมด่ทั่วไปแน่นอน

 

เย่หยวนถอนหายใจพลางกล่าวตอบว่า

“ย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว! ภายในหนองลุ่มแม่น้ำแห่งนี้ เรากลับไม่สามารถแยกแยะได้เลยว่า ทางใดทิศเหนือทางใดทิศใต้ หากเดินทางผิดทิศ นั้นจะยิ่งทำให้เราพลัดหลงจากทางที่เข้ามาไปใหญ่!”

 

อิ้งหมัวหู่ตื่นตกใจยิ่งเมื่อได้ฟัง ทันทีทันใด เขาเริ่มเปิดญาณสัมผัสทั้งหมดเพื่อทดลอง ก่อนพบว่าเป็นจริงอย่างที่เย่หยวนกล่าวไป เขาไม่สามารถแยะได้เลยว่าทางใดทิศเหนือ,ใต้,ออกหรือตก

 

“พี่ใหญ่ เช่นนี้เราควร…”

อิ้งหมัวหู่โพล่งกล่าวขึ้นทันทีอย่างอดกังวลมิได้

แต่ในขณะนั้นเอง เย่หยวนรู้สึกราวกับจิตใจถูกรบกวนเล็กน้อย เขาปลดปล่อยซือโปเทียนออกมาทันที

 

“นายท่าน!”

ซือโปเทียนดูตื่นตระหนกร้อนใจยิ่ง

 

“หรือท่านทราบว่าที่แห่งนี้คือที่ใด?”

เย่หยวนเอ่ยถาม

 

“หากข้าเดาไม่ผิด ที่แห่งนี้ควรเป็นลุ่มแม่น้ำมรณะในตำนาน!”

ซือโปเทียนกล่าวตอบ

 

สีหน้าการแสดงออกของเย่หยวนเปลี่ยนไปอย่างมาก ก่อนอุทานขึ้นด้วยความตกใจว่า

“ท่านกำลังกล่าวว่า ที่นี่คือสุสานพระเจ้าที่รู้จักในนาม ลุ่มแม่น้ำมรณะ?”

 

ท่าทางของซือโปเทียนดูประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนกล่าวตอบว่า

“ปรากฏว่านายท่านเองก็เคยได้ยินตำนานของลุ่มแม่น้ำมาบ้างเช่นกัน ถูกต้องแล้วนายท่าน ลุ่มแม่น้ำมรณะคือสุสานของเหล่าเซียนอาณาจักรพระเจ้า มีเพียงสวรรค์ที่ทรงทราบ กี่ชีวิตแล้วที่เหล่าเซียนอาณาจักรพระเจ้าต้องสังเวยให้ในที่แห่งนี้!”

 

อิ้งหมัวหู่ที่ได้ฟังเช่นนั้น ใบหน้าพลันผลักสีในทันใด

“นั้นไม่อันตรายเกินไปหน่อยรึ? กระทั้งเซียนอาณาจักรพระเจ้ายังเอาชีวิตไม่รอด แล้วพวกเราจะไปเหลืออะไร?”

 

ซือโปเทียนกล่าว

“เหมือนว่ามีบางสิ่งส่วนตัวอยู่ในลุ่มแม่น้ำมรณะอยู่ แต่กลับไม่มีใครทราบว่านั้นเป็นอะไรกันแน่ เพราะทุกคนที่ย่างเท้าเข้าไปล้วนไม่มีใครเคยรอดชีวิตออกมา! แต่เท่าที่ข้าเคยได้ยินมา คนที่ปกครองลุ่มแม่น้ำมรณะแห่งนื้คือ พฤกษาวิญญาณมรณะในตำนาน!”

 

“พฤกษาวิญญาณมรณะ! สิ่งนั้นมีอยู่บนผืนพิภพจริงๆรึ?!”

เย่หยวนตกใจอย่างมากเมื่อได้ยินชื่อนี้จนอุทานเสียงดังลั่น

 

อิ้งหมัวหู่ได้แต่ยืนงงอยู่เคียงข้าง ขณะเอ่ยถามขึ้นว่า

“นี่กำลังกล่าวถึงสิ่งใดกัน? พฤกษาวิญญาณมรณะคืออะไร?”

 

สีหน้าการแสดงออกของเย่หยวนมืดทมิฬลงทันทีหลายส่วน ก่อนเอ่ยอธิบายขึ้นเจือเสียงเข้มว่า

“ข้าเคยอ่านเจอในบันทึกโบราณ พฤกษาวิญญาณมรณะชนิดนี้เป็นเหมือนกันพฤกษาคุนหวู พวกมันทั้งคู่ต่างเป็นสมุนไพรวิญญาณในตำนาน! ตำนานกล่าวขานไว้ว่า ในยุคบรรพกาล,มียอดเซียนอาณาจักรพระเจ้าผู้ไร้เทียมทานนับไม่ถ้วนตายลงพร้อมจิตอาฆาตที่ยังหลงเหลือ เมื่อพวกเขาล่วงลับไป จิตวิญญาณที่ยังเหลือห่วงและอาฆาตจะกระจุกตัวรวมกันบนท้องนภา พวกมันคล้ายพลังไร้สภาวะประหลาดที่ไม่มีวันสลายตัว เมื่อวันเวลาผ่านไป พวกมันก็ยิ่งมีมากขึ้นจนกลั่นตัวกลายเป็นพฤกษาวิญญาณมรณะ! หลังจากที่พฤกษาวิญญาณมรณะถือกำเนิด หลากหลายพื้นที่บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์พลันประสบเหตุการณ์แปลกประหลาด มันไล่สูบพลังชีวิตของเหล่าเซียนอาณาจักรพระเจ้าอย่างไม่เลือกหน้า และนั้นยิ่งทวีความแข็งแกร่งให้มันมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ! จากนั้นมันจะไล่ฆ่าศัตรูทั้งหมดที่ผูกใจอาฆาต! แถมตำนานยังกล่าวอีกว่า โดยไม่คำนึงถึงระดับพลังสูงต่ำ ตราบใดที่นักสู้เข้าใกล้ตัวมาเกินรัศมีหนึ่งแสนฉื่อ พฤกษาวิญญาณมรณะจะสูบจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ออกจากกายเนื้อได้โดยตรงซึ่งมิอาจตอบโต้ใดๆได้เลย!”

 

อิ้งหมัวหู่ที่ได้ยินแบบนั้นยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่

“นี่…นี่มันไม่เกินไปหน่อยรึ? กระทั้งจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเซียนอาณาจักรพระเจ้ายังถูกสูบออกมา นี่มิใช่ว่าไร้เทียมทาน?”

 

แต่ขณะนั้นเอง ซือโปเทียนก็กล่าวแทรกขึ้นว่า

“นายท่านกล่าวถูกต้องแล้ว พฤกษาวิญญาณมรณะทรงพลังกว่าที่เจ้าจจินตนาการนัก! บางที…มันอาจมีระดับชั้นเกินกว่าอาณาจักรพระเจ้าไปแล้ว!”

 

เย่หยวนสูดไอเย็นแช่มลึกเต็มปอดอย่างช้าๆ ก่อนกล่าวกับทั้งคู่ว่า

“เช่นนั้นพวกเจ้าคุ้มกันข้าก่อน ตัวข้าจำต้องใช้เวลาสักระยะเพื่อฟื้นฟูพลัง จากนั้นเร่งออกไปจากที่นี่โดยเร็ว! หื้ม? ระวัง!!”

ก่อนหน้าที่สำแดงใช้เสียงแห่งจอมเทพมังกรไป มันค่อนข้างกินพลังงานเย่หยวนเป็นพอสมควร ดังนั้นเขาจำต้องใช้เวลาพักฟื้นอยู่สักครู่ใหญ่ แต่ดูเหมือนว่าลุ่มแม่น้ำมรณะแห่งนี้จะไม่ยอมหยิบยื่นโอกาสนี้ให้

 

ปุด.. ปุด…

 

กลางลุ่มแม่น้ำปรากฏฟองอากาศจำนวนหนึ่งลอยขึ้นเหนือผิวแม่น้ำดำ พร้อมทำลายความเงียบสงัดของสถานที่แห่งนี้ไปโดยสมบูรณ์

เย่หยวนหันเข้าจับจ้องกลางลุ่มแม่น้ำด้วยความสงสัยว่ามีสิง่ใดซ่อนตัวอยู่ภายใน

 

ซู่ววว!

เงาสีเทาขนาดมหึมาพุ่งออกมาเหนือผิวน้ำในทันใด พร้อมตรงไปหาเย่หยวน!

 

จระเข้ยักษ์!

จระเข้ตัวนี้อ้าปากกว้างเผยให้เห็นคมเขี้ยวคล้ายใบเลื่อยคมกริบ มันพุ่งงับเย่หยวนอย่างรวดเร็ว

 

สีหน้าการแสดงออกของเย่หยวนผันเปลี่ยนกะทันหัน เขตแดนจักรพรรดิแห่งดาบแผดขยายกางออก เคล็ดสมบัติศักดิ์สิทธิ์กายาเต่าดำโคจรเร็วจี๋เผยปราการป้องกันชั้นหนาเขาปกคลุมอย่างพร้อมเพรียง!

 

บูมมม!

 

คล้ายจระเข้ยักษ์ชนเข้ากับแผ่นเหล็กกล้าเต็มแรงจนล้มตังลงกลางลุ่มแม่น้ำกลับไป

ทันทีที่เห็นฉากนี้ อิ้งหมัวหู่ระเบิดเสียงหัวเราะทันที

“ฮ่าฮ่าฮ่า! เจ้าโง่! กล้ากัดพี่ใหญ่ของข้าทั้งๆแบบนั้น! คงไม่รู้ว่าพี่ใหญ่ของข้าบ่มเพาะเคล็ดสมบัติกายาเต๋าดำติดตัว!”

อย่างไรก็ตาม อิ้งหมัวหู่กลับพบว่า มีเพียงเขาเท่านั้นที่หัวเราะออกคนเดียว

 

เย่หยวนปั้นหน้าเคร่งขรึมอย่างหาที่เปรียบไม่ พลางกล่าวขึ้นว่า

“นี่มันจระเข้ยักษ์วารีทมิฬ! ทรงพลังอะไรเช่นนี้! การโจมตีก่อนหน้าของมันไม่น่าอยู่ใต้ระดับชั้นสิบจอมราชันย์แม้แต่น้อย!”

 

อิ้งหมัวหู่รวนเรไม่แน่ใจนักว่านั้นหมายความอย่างไร ก่อนเอ่ยถามด้วยสายตาสุดฉงนว่า

“ก็แค่ระดับชั้นสิบจอมราชันย์ ไยพวกเราต้องกลัว?”

 

“หากมีแค่ตัวเดียวข้าเองย่อมไม่กลัว แต่ถ้ามีนับพันนับหมื่นตัวล่ะ? เป็นเจ้าจะกลัวหรือไม่?”

สีหน้าเย่หยวนแปรเปลี่ยนเป็นสีดำคล้านก้นหม้อไหม้เกรียม

เย่หยวนยังพูดไม่ทันขาดคำ หนองลุ่มแม่น้ำทอดยาวสุดสายตาพลันปรากฏกองอากาศปุดๆขึ้นตลอดแนว

 

ซู่วววว….

 

เสี้ยวอึดใจที่เห็นภาพฉากนี้ รอยยิ้มประดับใบหน้าอิ้งหมัวหู่ถึงกับแข็งค้างในบัดดล

ยามนี้ทั้งสามขนหัวลุกซู่ชูชันไม่หยุดหย่อน!

 

จระเข้ยักษ์วารีทมิฬจำนวนนับไม่ถ้วนโผล่ขึ้นเหนือลุ่มแม่น้ำ ไม่ว่าจะกวาดตามองไปทางไหนก็มีแต่จระเข้เต็มไปหมด

หากพินิจจากสายตาอย่างต่ำมีจำนวนกว่าหลายหมื่น!

หากมีใครบางคนแกร่งกล้าเทียบเทียมระดับชั้นสิบจอมราชันย์ พวกเขาทั้งสามสามารถจัดการได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ทว่ายามนี้กลับมีหลักหลายหมื่น ต่อให้พวกเย่หยวนจะมีสามขาหกแขน ก็เกรงว่าไม่น่าไหว!

 

 

“เจ้าพวกนี้ไม่มีทางจัดการหมดแน่! หนีเร็ว!”

เย่หยวนกรนเสียงสั่งการทันที

ทั้งสามหาได้ลังเลใจใดๆ พร้อมกลับลำสับฝีเท้าหนีให้ไว!

 

 

ครื้น! ครื้น! ครื้น!

ฝูงจระเข้ยักษ์วารีทมิฬมีหรือจะให้โอกาสพวกเขาหนี? ชั่วอึกใจต่อมาพวกมันไล่ล่าตามมาเป็นขบวนใหญ่

 

เย่หยวนพลิกฝ่ามือเรียกดาบพิชิตมารฟ้าออกมาทันที พร้อมซัดกระหน่ำบัวเพลิงปราณดาบพิโรธให้อย่างไร้ปราณี

 

บูมมมม!

 

ขุมพลังสุดน่าสะเทอนขวัญระเบิดเข้าใส่ฝูงจระเข้ยักษ์เต็มแรง

แต่กระนั้นเอง สิ่งที่ทำให้ทั้งสามตกใจอย่างมากคือ บัวเพลิงปราณดาบพิโรธของเย่หยวนกลับทำเพียงผลักพวกมันร่นถอยออกไปเล็กน้อย

ปรากฏว่ากระบวนโจมตีนี้ไม่สามารถฆ่าพวกมันได้!

 

ด้วยความแกร่งกล้าของเย่หยวนในปัจจุบัน หากเขาสำแดงใช้บัวเพลิงปราณดาบพิโรธนี้ออกไป ต่อให้เป็นสิบจอมราชันย์ล้วนถูกสังหารได้ไม่ยาก

แต่การโจมตีอันทรงอนุภาพนี้กลับใช้ไม่ได้ผลกับพวกจระเข้ยักษ์วารีทมิฬ!

 

“พลังป้องกันของพวกมันสูงส่งนัก! ไปทางนั้น! แถวนั้นมีพวกมันน้อย!”

เย่หยวนกู่ร้องเรียกทั้งสอง

 

ส่วนฝูงจระเข้ยักษ์วารีทมิฬที่ไล่ตามมาด้านหลัง ยังคงหาช่องโหว่สบโอกาสโจมตีอย่างต่อเนื่อง ไม่ยอมปล่อยให้พวกเย่หยวนทิ้งระยะตีห่างออกไป

 

“วิถีดาบสารทิศ!”

ยามนี้ร่างกายของเย่หยวนเหนื่อยจัด เขาสามารถใช้ได้พลังปราณล้วนเข้าสกัดพวกมันเท่านั้น

ไม่คิดรั้งรอนออมมือแต่อย่างใด เย่หยวนหยิบใช้พลังที่เหลืออยู่ออกมาทั้งหมด

จิตสังหารแห่งดาบของเย่หยวนยังคมกล้า แสงคมดาบฟาดฟันฝูงจระเข้ยักษ์จนเนื้อหนังฉีกเป็นชิ้นๆ

 

พวกเขาทั้งสามกำลังมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ที่มีจระเข้ยักษ์น้อยๆ ยังดีวิถีดาบสารทิศของเย่หยวนยังช่วยถ่วงเวลาได้จนเริ่มทิ้งห่างจากฝูงจระเข้ยักษ์

ยามนี้กายเนื้อของเย่หยวนยังไม่ฟื้นตัวดี จึงจำต้องพึ่งพาพลังปราณเพียงอย่างเดียว แต่นั้นทำให้เขาไม่สามารถต่อสู้ได้นานเช่นกัน

ไม่รู้เลยว่าพวกเขาหนีไปไกลเพียงใด แต่ในที่สุดทั้งสามก็พ้นจากฝูงจระเข้ยักษ์วารีทมิฬได้สำเร็จ ยามนี้ไม้เห็นพวกมันแม้แต่เงา เห็นดังนั้นทั้งสามจึงหยุดฝีเท้าลง

 

สีหน้าของอิ้งหมัวหู่ซีดเซียวเหนื่อยหอบ เขากล่าวขึ้นว่า

“หากฝูงจระเข้น่าตายนั้นหลุดออกไปโลกภายนอกได้ ทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีหวังถูกทำลายไม่เหลือ! ข้าจนปัญญาจริงๆว่า หุบเขาเหวพระเจ้ามันเป็นสถานที่เช่นใดกันแน่? ไฉนถึงมีสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังทัดเทียมกับสิบจอมราชันย์มากมายมหาศาลถึงเพียงนี้!”

 

ยังไม่ทันที่เย่หยวนจะได้เอ่ยปากกล่าวอันใดตอบ จู่ๆญาณเหนือสัมผัสของเขาพลันสั่นระรัวดั่งเตือนภัยครั้งใหญ่อีกครั้ง!