ตอนที่1257 สองจังหวะรวด

 

“ไปเร็ว!”

เย่หยวนหาคิดลังเลไม่ เสี้ยวพริบตาตัดสินใจได้เบ็ดเสร็จ เขานำตัวเองและลี่เอ๋อหนีเข้าสู่เจดีย์เลื่องสวรรค์ทันทีและให้อิ้งหมัวหู่เป็นคนพกติดตัวไป

เขากับอิ้งหมัวหู่ไม่จำเป็นต้องสื่อสารอะไรกันมาก กล่าวได้ว่าแค่มองตาก็เข้าใจ

ยามนี้อิ้งหมัวหู่ไม่พูดพร่ำทำเพลง พร้อมใช้สำแดงวรยุทธเคลื่อนที่ถึงขีดสุดสับฝีเท้าทะยานหนีสุดชีวิต!

แม้ว่าอิ้งหมัวหู่จะไม่มีวิชาข้ามมิติแบบเย่หยวน แต่ความเร็วของเขาก็มิได้ช้ากว่าเย่หยวนมากนัก

นามขานประมุขน้อยแห่งเผ่าพยัคฆ์ขาวคลื่นวาตะในปีนั้นหาใช่เรื่องเล่นๆไม่

 

ปัจจุบัน แม้แต่หลีกุยยังคาดไม่ถึงว่า เย่หยวนจะตัดสินใจเด็ดขาดและเลือกที่จะหนีเช่นนี้จริงๆ

มันถึงกับยืนงงอยู่ครู่หนึ่งด้วยความตะลึงใจ

 

“ฮิฮิ เจ้าเด็กนี่มันของจริง! ยามใดแข็งยามใดอ่อนรู้จักเลือกใช้ตามสถานการณ์! มิได้เหมือนกับเจ้าโง่จู่เก๋อฉิงซวน มีแต่กำลังกลับไร้สมอง!”

หลังจากที่พลันประหลาดใจเล็กน้อย หลีกุยถอนหายใจด้วยความชื่นชมอยู่หนึ่งคำ ก่อนเคลื่อนออกไปไล่ติดตามอิ้งหมัวหู่ ร่างนี้แปรสภาพกลายเป็นสายฟ้าวูบวาบโฉบแล่นไล่หลังมาติดๆ มันเร็วกว่าอิ้งหมัวหู่อย่างเห็นได้ชัด

 

อิ้วหมัวหู่ที่เหลียวหลังเห็นดังนั้นถึงกับตื่นตระหนกยกใหญ่ เร่งเอ่ยปากถามไถ่เย่หยวนในเจดีย์เลื่องสวรรค์ว่า

“อย่างไรดีพี่ใหญ่? เจ้านั้นมันเร็วมาก!”

“ไม่ต้องไปสนใจ! ยามนี้หนีไปให้ไกลที่สุด แล้วรอคำแนะนำของข้าอีกที!”

เย่หยวนเอ่ยขึ้นเสียงเข้ม

เขาในตอนนี้กำลังฟื้นฟูร่างกายอย่างหนักภายในเจดีย์เลื่องสวรรค์อยู่

 

อิ้งหมัวหู่กัดฟันฮึด สับฝีเท้าสุดกำลังตรงเข้าสู่ส่วนลึกของเขตพระเจ้าต้องห้ามไป

การไล่ล่าครั้งนี้กินเวลายาวนานถึงสองชั่วยาม มีเพียงสวรรค์ที่ทรงทราบว่า ทั้งสองวิ่งไล่กันมาไกลเท่าใดแล้ว

 

“ฮิฮิ เด็กน้อย,ความเร็วของเจ้าก็ไม่เลว ทว่าต่อหน้าพระเจ้าผู้นี้ เจ้าก็ไม่ต่างอะไรกับทารกแสดงทักษะต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญ!”

หลีกุยพรายเสียงหัวร่อชวนขนลุกออกมา ยามนี้ระยะห่างระหว่างมันกับอิ้งหมัวหู่อยู่ประมาณหนึ่งแสนฉื่อเศษ

 

“อิ้งหมัวหู่!”

ในเสี้ยวอึดใจนั้นเอง จู่ๆร่างประกายแสงสีขาวของอิ้งหมัวหู่พลันอันตรธานหายวับ สีหน้าการแสดงออกของหลีกุยพลันเปลี่ยนไปทันที พร้อมสังหรณ์ใจสุดอันตรายหอบใหญ่ที่ถาโถมสู่จิตใจ!

 

“กรรรร!”

เสียงมังกรคำรามสนั่นสิบทิศแผดสะท้านภพ คลื่นพลังทำลายล้างขนาดมหึมาพุ่งเข้าอัดหลีกุยโดยตรง!

 

ท่าทางการแสดงออกของหลีกุยไสวแปรปรวนเล็กน้อย ก่อนเอ่ยอุทานลั่นว่า

“ตรามังกรศักดิ์สิทธิ์! เจ้ายังเป็นประมุขเผ่ามังกร! เจ้าหนู,ช่างน่าประทับใจนัก!”

สมแล้วที่หลีกุยผู้นี้เคยเป็นถึงเซียนอาณาจักรพระเจ้าในปีนั้น ขอบเขตความรู้นับว่ากว้างใหญ่ไพศาล ปราดตาเดียวย่อมทราบ มันคุ้นเคยกับตรามังกรศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างดี

ทว่าหลีกุยหาได้ตื่นตะหนกใดๆ สองมือร่ายพัลวันวาดยันต์อาคมบนกลางอก ทันทีทันใดศาสตร์แห่งสวรรค์อันทรงพลังพลันถูกควบแน่นลงในยันต์อาคมนี้

 

“ยันต์ร่ายผี!”

 

บูมมมม!

 

คลื่นพลังโจมตีสายยักษ์จากตรามังกรศักดิ์สิทธิ์พวยพุ่งแหวกเมฆาพร้อมเสียงหอนคำรามดัง ในทางตรงข้าม หลีกุยร่ายพัลวันยันต์อาคมเตรียมต้านรับไว้แล้วเช่นกัน!

สายพลังโหมปะทุเข้าชนสุดแรงกล้า

แม้ยันต์ร่ายผีของหลีกุยจะทรงพลังยากทัดเทียม กว่าก็ถูกแรงระเบิดเป่ากระเด็นออกไป อวัยวะเครื่องในปั่นปวนไปหมด

 

“ตรามังกรศักดิ์สิทธิ์ช่างแกร่งกล้ายิ่งนัก! แต่น่าเสียดาย…เจ้ายังคงอ่อนแอเกินไป!”

หลีกุยกล่าวสบถ

 

“เช่นนั้นรึ?”

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด เสียงเอ่ยเรียบไร้ระลอกพลันดังขึ้นข้างหูหลีกุย มันถึงกับเสียวสันหลังวูบวาบ

หลีกุยตกตะลึงอย่างยิ่ง เย่หยวนเคลื่อนเข้าใกล้ตัวมันตั้งแต่ตอนไหน?

 

ทว่าอย่างไร เย่หยวนมิรอแช่มเปิดโอกาส เสียงมังกรคำรามเปล่งสะท้านกึกก้องฉีกห้วงเวหาผงาดเสียดฟ้า!

เสียงแห่งจอมเทพมังกร!

 

เย่หยวนอยู่ห่างจากหลีกุยเพียงหนึ่งร้อยฉื่อเท่านั้น

ระยะแค่นี้คำเดียวที่สามารถอธิบายได้คือ วินาศ!

 

 

ทั่วร่างของหลีกุยสั่นกระตุกอย่างแรงจจนตาเหลือกกลายเป็นสีขาว

อย่างไรก็แล้วแต่ ครั้นหนึ่งหลีกุยเคยเป็นถึงเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าขั้นสุด กระนั้นเองหากยามนั้น มันต้องเผชิญหน้ากับเสียงแห่งจอมเทพมังกรของเหล่าบรรพชน มันเองก็ไม่สามารถต่อกรรับมือได้โดยสมบูรณ์

ปัจจุบัน ผู้สำแดงใช้คือเย่หยวน แม้หลีกุยจะไม่สามารถหยิบใช้ขุมพลังแห่งอาณาจักรพระเจ้าได้ แต่จุดแข็งของมันก็ยังเหนือชั้นกว่าฟางเทียน!

สุดท้ายนี้ หลีกุยก็เคยเป็นถึงเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าขั้นสุด!

ศาสตร์แห่งสวรรค์ที่ปลดปล่อยออกมาช่างลึกลับเกินหยั่งถึงได้

 

เว้นเสียว่า ตอนนี้มันยังฟื้นคืนพลังได้ไม่สมบูรณ์

วิธีการรับมือของมันล้วนน่าเกรงขามพึงระวัง แต่ด้วยสภาพในขณะนี้กลับไม่สามารถป้องกันเสียงแห่งจอมเทพมังกรได้ทั้งหมด

ปัจจัยต่างๆเหล่านี้ เย่หยวนได้คำนวณคาดการณ์ไว้หมดแล้ว

ไม่ว่าจะมีวิธีปัดป้องบ่ายเบี่ยงอย่างไร อย่างน้อยที่สุดกระบวนโจมตีนี้ย่อมมีผลกระทบต่อมันบ้าง

ดังนั้น หลังจากที่เย่หยวนปลดปล่อยตรามังกรศักดิ์สิทธิ์ออกไป เขาใช้จังหวะทีเผลอให้เป็นประโยชน์ พร้อมใช้วิชาข้ามมิติพุ่งปราดมาเคียงข้างและอัดเสียงแห่งจอมเทพมังกรใส่โดยไม่ลังเล

 

หนึ่งอึดใจ!

สองอึดใจ!

 

“อิ้งหมัวหู่ ไปเร็ว!”

ผลัดไม้จากเย่หยวนเปลี่ยนเป็นอิ้งหมัวหู่ทันที อิ้งหมัวหู่ที่รับช่วงต่อเร่งความเร็วถึงขีดสุดและพุ่งไปยังส่วนลึกของเขตพระเจ้าต้องห้ามต่อโดยไว

ในที่สุดลูกตาดำก็เริ่มกลับคืนไหลลงมา หลีกุยค่อยๆดึงสติกลับคืนอย่างแช่มช้า ในตอนนี้ทั้งตาหูจมูกของมันปรากฏธารเลือดสีแดงสดไหลซิบลงมา เห็นได้ชัดว่ามันได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่น้อย

 

หากมองจากมุมหลังของอิ้งหมัวหู่ หลีกุยถึงกับปั้นหน้าหวาดผวายกใหญ่

“เสีงแห่งจอมเทพมังกร! ต้องเป็นเสียงแห่งจอมเทพมังกรแน่ๆ! ยอดวรยุทธในตำนานที่มีเพียงพวกบรรพชนแห่งเผ่ามังกรเท่านั้นที่ทราบ! แต่เจ้าเด็กนี่ไปได้รับถ่ายทอดมาจากที่ใด?”

หลีกุยเอ่ยปากอุทานขึ้นพร้อมเผยสีหน้าความกลัวไม่คลายอ่อน

 

“หึ! มีดีแต่พูดเยิ่นยอตัวเอง? มิใช่ว่าเจ้าสามารถฆ่ามันได้? แล้วเป็นอย่างไร? เจ้าเองก็เกือบเสร็จมันเช่นกัน!”

ปรากฏว่าจู่เก๋ฮฉิงซวนยังไม่ตาย ตอนก่อนหน้าเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัสจึงเข้าสู่สภาวะหลับลึก แต่ทันทีที่ตื่นขึ้น มันก็พบว่าหลีกุยเองก็เสียท่าให้เย่หยวนเช่นกัน ความอับอายครั้งใหญ่ระดับนี้ มีหรือที่มันจะไม่เย้ยเยาะ?

ทว่าอย่างไร มันเองก็ประหลาดใจไม่น้อยกับความล้มเหลวในคราวนี้ของหลีกุย

 

“หึ! แล้วเจ้ารู้อะไรบ้าง? กระบวนท่าเมื่อครู่มีนามว่า เสียงแห่งจอมเทพมังกร! นี่เป็นถึงสุดยอดวรยุทธต่อสู้ของเผ่ามังกรในตำนาน และได้หายสาบสูญไปเนินนานแล้ว! แต่เจ้าเด็กนั้นสามารถใช้มันออกมาได้จริงๆ ช่างท้าทายสวรรค์เกินไป!”

หลีกุยกล่าว

 

“อืมม.. ดูเหมือนว่า…เจ้ากำลังกลัว!”

จู่เก๋อฉิงซวนกู่หัวรอเย้ยหยันอย่างไร้ปราณี

 

“กลัวรึ? เหอะ! เจ้าเด็กนั้นทำลายความพยายามของข้ามานับล้านปี หากข้ามิได้สังหารมันลงกันมือ คงมิอาจระบายความโกรธที่อัดแน่นภายในใจนี้ได้!? ต่อให้เจ้าเด็กนั้นจะเป็นเซียนเต๋าสวรรค์กลับชาติมาเกิดใหม่ ข้าเองก็หาได้เกรงกลัวไม่! ข้าจจะส่งมันไม่ให้ผุดได้เกิดอีกเลยตลอดกาล!”

หลีกุยกรนเสียงคำรามด้วยความอาฆาต

 

 

……………………

 

 

“พี่ใหญ่ ไฉนท่านไม่ลงมือปลิดชีพมันให้สิ้นเรื่องไป?”

อิ้งหมัวหู่กล่าวถามเย่หยวน

ก่อนหน้านี้ หลีกุยตกอยู่ในสภาพอ่อนแอจัด โดยไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือโอกาสทองที่จะฆ่ามันทิ้ง แต่เย่หยวนกลับเลือกจากไปโดยไม่ลังเล

 

“ขุมพลังแห่งเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าขั้นสุดเช่นนั้น พวกเราจะสามารถเด็ดชีพโดยง่ายได้อย่างไร? ตอนนั้น ข้าเห็นท่านอาวุโสฟางเทียนสำแดงเดชในวันนั้น ก็ตระหนักทราบในทันที ขุมพลังระดับชั้นนี้น่ากลัวเพียงใด ส่วนความแกร่งกล้าของหลีกุยยังเหนือกว่าท่านอาวุโสฟางเทียน เช่นนั้นมันจะยอมจบชีวิตลงง่ายๆกระมัง?”

เย่หยวนกล่าวขึ้นพลางคลี่ยิ้มสุดขมขื่น

 

อื้งหมัวหู่ประหลาดใจอย่างมากเมื่อได้ฟังและกล่าวว่า

“แต่ยุคสมัยนี้ไม่มีศาสตร์แห่งสวรรค์แล้ว มันจะยังน่ากลัวเกินจินตนาการถึงขั้นนั้น?”

 

“แน่นอน! ผู้ที่สามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าหาใช่ชนชั้นกินเจกระมัง? หากต้องการที่จะเข้าใจศาสตร์แห่งสวรรค์ในระดับลึกซึ้งเท่ามัน จำต้องใช้ระยะเวลาถึงหนึ่งหมื่นปี! ดังนั้นแล้วนี่มิใช่ความแตกต่างเล็กๆน้อยๆเลย ต่อให้ข้าปลีกวิเวกเข้าเก็บตัวอย่างเต็มกำลัง แต่ข้าก็ยังไม่สามารถสำเร็จถึงขอบเขตนั้นได้ในเวลาอันสั้น นั้นจึงเป็นเหตุผลที่ข้าต้องเดินทางมายังหุบเขาเหวพระเจ้ายังไงล่ะ ถึงโอกาสรอดชีวิตจะมีน้อยนิด แต่นี่เป็นโอกาสเดียวที่จะทำให้เขาบรรลุขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้! มิฉะนั้น หาทั่วผืนพิภพนี้คงไม่มีใครเป็นคู่มือของข่านนั่วได้อีก!”

เย่หยวนกล่าวขึ้นพร้อมสีหน้าเคร่งขรึม

 

มีแค่อิ้งหมัวหู่เท่านั้นที่ทราบถึงความคิดความห่วงใยของเย่หยวน รวมไปถึงความน่าสะพรึงกลัวของข่านนั่ว

 

“พี่ใหญ่ เขตพระเจ้าต้องห้ามมีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลเกินไป แล้วเราจะไปหาพฤกษาคุนหวูจากแห่งหนใด? นอกจากนี้เอง…พวกเราก็ไม่เคยเห็นหน้าตาของมันมาก่อน!”

อิ้งหมัวหู่พลันตระหนักได้ทันที นี่มิใช่ปัญหาใหญ่สุดของพวกเขาหรอกรึ?

พฤกษาคุนหวูที่ว่า มันมีหน้าตาเป็นอย่างไร?

 

เย่หยวนที่ได้ฟังเช่นนั้นได้แต่คลี่ยิ้มแสนระทม กล่าวตอบพร้อมเสียงอันขมขื่นใจว่า

“เดินหน้าต่อไป ที่เหลือปล่อยให้โชคชะตานำพา!”

 

“หื้ม? พี่ใหญ่สังเกตหรือไม่? มีบางอย่างผิดแปลกออกไป! พวกเรา…พลัดหลงเข้ามายังสถานที่น่ากลัวยิ่ง!”

อึ้งหมัวหู่โพล่งกล่าวขึ้น