ตอนที่ 180 เราจะก้าวหน้ากันแล้ว!
หยุนเชวี่ยไม่ได้เดินขึ้นไปตามทางบนภูเขาดังเช่นทุกครั้ง ทว่ากลับแบกตะกร้าไว้บนหลังและเดินลัดเลาะเลียบไปตามต้นน้ำลำธารที่ไม่มีผู้ใดสัญจรผ่าน
เหอยาโถวยังคงมองหยุนเชวี่ยด้วยความงุนงง ส่วนหยุนเชวี่ยเลือกทำเลที่เหมาะสมก่อนวางตะกร้าลงบนก้อนหินทรงเรียบแบนริมแม่น้ำ จากนั้นจึงหยิบหม้อดินเผายื่นให้เหอยาโถวพร้อมกล่าว “นำไปล้างให้ข้าที อย่าลืมเก็บฟืนแถวนั้นติดมือมาด้วยล่ะ”
“เจ้าต้องการทำ… ต้มซุปปลาหรือ?” มีหม้อ มีฟืน ทั้งยังเลือกทำเลบริเวณริมแม่น้ำ เหอยาโถวคาดเดาสิ่งใดไม่ออกนอกจากการทำต้มซุปปลานอกสถานที่เท่านั้น
หยุนเชวี่ยนั่งยอง ๆ อยู่บนหินก้อนหนึ่งก่อนเหลือบมองเหอยาโถวพร้อมกลอกตาด้วยความเหนื่อยหน่าย “ขอทีเถอะ… พวกเราล้วนทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ร่วมกันมาตลอด จะทำเรื่องเล็กน้อยเช่นการปรุงอาหารอย่างเดียวหรืออย่างไรกัน? ใจคอจะคิดเพียงเรื่องกินเช่นนั้นรึ?””
“หากเป็นเช่นนั้นแล้วข้าต้องทำสิ่งใดบ้าง?”
“นำหม้อไปล้างทำความสะอาดอย่างไรล่ะ!”
…
เหอยาโถวล้างหม้อดินเผาจนสะอาดเอี่ยมและกลับมาพร้อมไม้ฟืนกองหนึ่ง จากนั้นจึงนั่งนิ่งมองหยุนเชวี่ยซึ่งกำลังทุบก้อนหินสีดำก้อนหนึ่งเข้ากับหินสีแดงอ่อนอีกก้อน
“ตุบ! ตุบ!”
“ตุบ! ตุบ!”
หยุนเชวี่ยออกแรงทุบหินทั้งสองก้อนด้วยความอดทนและใช้จังหวะที่สม่ำเสมอ นางบดส่วนที่แตกจนละเอียดให้กลายเป็นผงก่อนหยุดการกระทำของตนและขยับแขนข้างที่ออกแรงด้วยความเมื่อยล้า
เนื้อแท้ของหินเกลือชิ้นนี้มีความบริสุทธิ์สูง ภายในมีสิ่งสกปรกเจือปนเพียงเล็กน้อย ครั้นหยุนเชวี่ยตระหนักรู้ถึงข้อนี้สีหน้าจึงแปรเปลี่ยนเป็นปีติยินดีและเผยรอยยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ
เหอยาโถวเท้าคางมองอีกฝ่ายอยู่เป็นเวลานาน เมื่อเห็นว่าหยุนเชวี่ยสามารถสกัดเนื้อหินเป็นผงละเอียดกองย่อม ๆ ได้จึงเอ่ยถาม “เชวี่ยเอ๋อ นี่คือสิ่งใดหรือ?”
“รอสักครู่ อีกประเดี๋ยวเราจะได้เห็นปาฏิหาริย์กันแล้ว!” หยุนเชวี่ยถูฝ่ามือด้วยความตื่นเต้น ดวงตาเปล่งประกายด้วยความกระตือรือร้น “มาเร็ว ช่วยข้าจุดไฟที”
เหอยาโถวยังไม่เข้าใจกระจ่างว่าหยุนเชวี่ยหมายความว่าอย่างไรกัน ทว่าเมื่อหยุนเชวี่ยขอความช่วยเหลือเขาจึงยินดีทำตามและรีบพับแขนเสื้อขึ้นเพื่อให้คล่องตัว
ผ่านไปพักใหญ่เสื้อผ้าของทั้งสองก็ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเพราะความร้อน ใบหน้าของพวกเขาแดงก่ำเพราะไอที่ระเหยจากกองไฟที่ลุกโชน
หยุนเชวี่ยใช้น้ำสะอาดสำหรับละลายผงเกลือและแยกสิ่งสกปรกให้ตกตะกอนออกจากกัน จากนั้นจึงนำส่วนที่ใช้ได้ลงไปต้มในหม้อและใช้กิ่งไม้เป็นอุปกรณ์สำหรับใช้กวนเข้าด้วยกัน
ส่วนเหอยาโถวเสาะหาใบไม้ขนาดใหญ่สองใบในบริเวณใกล้เคียงมาพัดให้ตนเองและหยุนเชวี่ยเพื่อคลายร้อน ทั้งยังคงซักถามอีกฝ่ายราวเด็กน้อยขี้สงสัยต่อไป
“เชวี่ยเอ๋อ นี่เรากำลังต้มหินอยู่หรือ?”
“หากไม่ใช่แล้วจะเป็นสิ่งใดได้เล่า?”
“เหตุใดเจ้าจึงดูสนใจกับการทำสิ่งแปลกประหลาดพรรค์นี้นัก?”
“หากสุกแล้วจะเป็นอย่างไรรึ? ขอข้าดูหน่อย…”
เหอยาโถวชะเง้อคอมองสิ่งที่อยู่ในหม้อดินเผา ทว่ายังไม่ทันสังเกตเห็นมันอย่างชัดเจนกลับถูกควันไฟตีเข้าใบหน้ากระทั่งหายใจไม่ออกแทบสำลัก
“ก่อนต้มน่ะเป็นหิน ทว่าเมื่อต้มเสร็จสิ้นแล้วหินจะแปรเปลี่ยนเป็นเงิน!” หยุนเชวี่ยกล่าวด้วยคำแฝงนัย
“เจ้าว่าอย่างไรนะ?! หินชนิดนี้สามารถหลอมเป็นเงินได้เช่นนั้นรึ?! หากเจ้ามีทักษะพิเศษเช่นนี้แล้วจะมัวเร่ขายบ๊วยดองไปด้วยเหตุใดกัน? เพียงเดินขึ้นมาเก็บหินบนภูเขาทุกวันก็ร่ำรวยแย่แล้ว!” เหอยาโถวเบือนหน้าหนีทันที เขาไม่เชื่อเรื่องไร้สาระข้อที่ว่าหินธรรมดาจะสามารถแปรเปลี่ยนเป็นเงินตราได้
“ข้าพูดความจริง” หยุนเชวี่ยจ้องมองหม้อดินเผาที่มีวัตถุดิบถูกต้มอยู่ภายใน แววตาสดใสคู่นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง
“เจ้าไม่ต้องการขายบ๊วยดองแล้วหรือ?” เหอยาโถวพึมพำด้วยความเสียดาย “อันที่จริงแล้วการค้าขายแบบปลีกย่อยก็สามารถสร้างรายได้ให้เราได้ไม่น้อยเลย”
“เจ้าอยากเดินเตร่ไปตามถนนและร้องตะโกนขายบ๊วยดองไปตลอดชีวิตกระนั้นรึ?” หยุนเชวี่ยเอ่ยถามพลางเหล่ตามอง
“ไม่อย่างแน่นอน! ข้าต้องการมีกิจการขนาดใหญ่ที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ ทั้งยังเอื้อประโยชน์แก่คู่ค้าทั้งสี่ฝ่ายเช่นเดียวกับกั๋วต้าฉาน!”
“เจ้าช่างทะเยอทะยานเสียจริง!”
เหอยาโถวถลึงตาทันควัน “นั่นถือเป็นคำชมงั้นรึ?”
“ฟังดูแล้วไม่เหมือนคำชมอย่างงั้นหรือ?” หยุนเชวี่ยถามกลับ
“จริงรึ?”
หยุนเชวี่ยพยักหน้าอย่างหนักแน่น
“หมายความว่าข้ายังไม่ไร้ประโยชน์ใช่หรือไม่?”
“เป็นเช่นนั้นเสียเมื่อไรกัน?” หยุนเชวี่ยไม่คาดคิดว่าเหอยาโถวจะยังจดจำประโยคเหล่านั้นมาจนถึงวันนี้ ครั้นนึกถึงแล้วนางคิดเป็นกังวลว่าคำพูดของตนอาจบั่นทอนความภาคภูมิใจของอีกฝ่ายจึงกล่าวปลอบประโลม “แท้จริงแล้วเจ้าเป็นผู้ช่วยที่ดีทีเดียว”
“ต่อให้ที่ผ่านมาเจ้าไม่เคยแตะต้องงานหนักเฉกเช่นผู้อื่น ทว่าเจ้าก็มีไหวพริบและวาทศิลป์เป็นเลิศในด้านธุรกิจ ดังคำกล่าวที่ว่า… ไม้บรรทัดย่อมมีทั้งหน่วยยาวและหน่วยสั้น”
“เหอยาโถว ในอนาคตเจ้าจะต้องเจริญก้าวหน้าเช่นเดียวกับกั๋วต้าฉานอย่างแน่นอน ข้าเชื่อมั่นในตัวเจ้า…”
เพื่อปลอบโยนคำพูดที่อาจกระทบกระเทือนจิตใจ หยุนเชวี่ยจึงยกแม่น้ำทั้งห้ามาสรรเสริญเหอยาโถวพร้อมเอื้อมมือไปตบไหล่เขา
โดยที่หยุนเชวี่ยไม่รู้เลยว่าภาพลักษณ์ภายนอกที่เหอยาโถวแสดงให้เห็นเป็นเพียงการหลอกล่อให้ดูน่าสงสารเพียงเท่านั้น ครั้นเหอยาโถวได้ฟังถ้อยคำชื่นชมจนเป็นที่พึงพอใจแล้วจึงเผยรอยยิ้มอย่างเปี่ยมสุข “เชวี่ยเอ๋อ ข้าว่าสิ่งที่เจ้ากล่าวมาทั้งหมดนั้นสมเหตุสมผลยิ่งเชียว!”
หยุนเชวี่ย…
“วันข้างหน้า คนจากทั้งหมู่บ้านไป๋ซีจะต้องพึ่งพาเราสองคน!”
หยุนเชวี่ย…
“โอ้! นั่นไม่ถูกต้อง! ยังมีพี่สือยวินอีกคนหนึ่ง อนาคตคนในหมู่บ้านไป๋ซีจะต้องพึ่งพาเราทั้งสามคน!” เหอยาโถวผุดลุกขึ้นพลางกำมือแน่นและเหม่อมองไปยังฟากฟ้าไกลอย่างมุ่งมั่น
หยุนเชวี่ยยกฝ่ามือกุมขมับทันที เห็นทีนี่คงเป็นอาการไฟแรงช่วงวัยรุ่นตอนหนุ่มกระมัง!
ไม้ฟืนลุกไหม้อย่างต่อเนื่อง ควันสีขาวพวยพุ่งออกมาจากปากหม้ออย่างต่อเนื่อง ของเหลวในหม้อที่เดือดปุดระเหยออกไปจนหมดสิ้นกระทั่งไฟเริ่มมอดดับลง หยุนเชวี่ยจึงใช้กิ่งไม้ขูดผลึกสีขาวลักษณะโปร่งแสงออกมาจากก้นหม้อเป็นบางส่วน
“นี่คือสิ่งใดกัน?” เหอยาโถวเอ่ยถาม
“เจ้าลองลิ้มรสดูสิ”
เหอยาโถวได้ยินดังนั้นยิ่งเกิดความสงสัย
“อย่ากังวลไป มันไม่ใช่ยาพิษเสียหน่อย เจ้าลองชิมดูเถิด” หยุนเชวี่ยยื่นปลายกิ่งไม้ให้เหอยาโถวพร้อมขยิบตา
เหอยาโถวยื่นปลายนิ้วออกมาสัมผัสผงผลึกเหล่านั้นก่อนนำเข้าปากเพียงนิด ทันทีที่ลิ้นรับรู้รสชาติของผลผลึกดังกล่าวจึงขมวดคิ้วตาหยีทันที “นะ… นี่ หินก้อนนี้กลายเป็นเกลือได้อย่างไรกัน?!”
กล่าวจบแล้วเหอยาโถวจึงรีบวิ่งไปนั่งริมแม่น้ำและวักน้ำขึ้นกลั้วคอหวังชะล้างความเค็ม “เชวี่ยเอ๋อ เจ้าเล่นแร่แปรธาตุได้อย่างไรกันแน่?!”
“รสชาติเป็นอย่างไรบ้าง?” หยุนเชวี่ยทำท่าทางตื่นเต้น
“จะเป็นอื่นไปได้อย่างไรเล่า! เค็มชะมัด! ให้ตายสิข้านึกว่าจะเป็นสิ่งหายากเสียอีก!” เหอยาโถวรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้หยุนเชวี่ยได้โอ้อวดสรรพคุณไว้ว่ามันจะกลายสภาพเป็นเงินตราไม่ใช่หรอกหรือ?!
หยุนเชวี่ยใช้ปลายนิ้วแตะเพื่อชิมรสชาติบ้าง นี่แหละเกลือที่แท้จริง! ไม่ว่าสีหรือเนื้อสัมผัสล้วนมีความบริสุทธิ์สูงไร้สิ่งเจือปนอื่น
“เหอยาโถว ครานี้กิจการของพวกเราจะก้าวหน้าอย่างแท้จริงแล้ว!”
“อย่างไรล่ะ?” เหอยาโถวยังไม่หันหลังกลับไปให้ความสนใจอย่างเต็มที่เพราะไม่เข้าใจสิ่งที่หยุนเชวี่ยต้องการสื่อ
“หินก้อนนี้ถูกค้นพบในถ้ำบนภูเขา ส่วนเกลือที่ได้ก็สกัดมาจากหินก้อนนี้อีกทีหนึ่ง จะว่าไปแล้วเกลือที่ผู้คนในจักรวรรดิต้าเหลียงใช้บริโภคในครัวเรือนนั้นอยู่ภายใต้การควบคุมปริมาณโดยตรงจากทางสำนักราชวัง ร้านค้าทั่วไปไม่ได้รับอนุญาตให้นำมาขายเพราะนับว่าฝ่าฝืนพระอาญา แต่ตอนนี้เราค้นพบเกลือจากพื้นที่ในเขตหมู่บ้านของเราแล้ว! ไม่แน่ว่ายิ่งขุดค้นลึกเข้าไปในภูเขาอาจพบหินเกลือเป็นจำนวนมากกว่านี้…”
ขณะกล่าวเสียงของหยุนเชวี่ยเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แสงสว่างวาบฉายผ่านดวงตาของนาง
แม้เหอยาโถวไม่รู้รายละเอียดเรื่องนี้มากนัก ทว่าเขาก็เข้าใจประเด็นสำคัญที่หยุนเชวี่ยต้องการเอ่ยถึง นั่นคือตราบใดที่พวกเขาถวายฎีกาแจ้งเรื่องการค้นพบหินเกลือในแหล่งธรรมชาติพร้อมด้วยวิธีการแปรรูปหินเกลือให้กลายเป็นผลึกเกลือที่ใช้ในการบริโภคแล้ว หยุนเชวี่ยอาจได้รับรางวัลตอบแทนจนชีวิตประสบความเจริญก้าวหน้า และตนในฐานะที่เป็นผู้ช่วยย่อมได้รับผลพลอยได้ในข้อนี้ด้วย!
“ยิ่งไปกว่านั้น!” หยุนเชวี่ยจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเหอยาโถว “ลองไตร่ตรองดูให้ดีเถิด หากทางราชสำนักส่งคนไปขุดเหมืองเกลือย่อมต้องประกาศรับสมัครแรงงานเพิ่ม ถึงเวลานั้นไม่เพียงคนในหมู่บ้านของเราที่จะมีรายได้ ยังรวมถึงผู้คนในหมู่บ้านใกล้เคียงที่จะเข้ามาทำมาหากินในพื้นที่ของเรา ประชากรที่นี่จะมีจำนวนมากขึ้น ซึ่งพวกเขาย่อมไม่พ้นการกินดื่มเพื่อประทังชีพ ส่วนพวกเราก็จะสามารถริเริ่มขยายกิจการอื่น ๆ ได้ นานวันเข้ามณฑลอันผิงไม่ว่าจะในเมืองหรือนอกเมืองก็จะกลายเป็นย่านมณฑลที่มั่งคั่ง!”