บทที่ 323 สองสาวผจญภัยโลกกว้าง
หลังจากฝนตก ทุกอย่างก็ดูสะอาดหมดจดเหมือนใหม่
ฉู่ชวิ๋นเตรียมตัวเดินทางไปที่ปราสาทจตุรเทพ
ก่อนไปเขากำชับให้พวกเหยียนชงพัฒนาฝีมือตัวเองให้ดี พัฒนาให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงของโลก ฝีมือของพวกเขามันธรรมดาเกินไป
ฉู่ชวิ๋นทิ้งหญ้าจิตวิญญาณไว้ให้อีกเป็นจำนวนมากและยื่นคำขาดว่าครั้งต่อไปที่เขากลับมา ถ้าวรยุทธ์ของผู้ใดไม่พัฒนาขึ้น คนผู้นั้นจะต้องถูกลงโทษ
ลูกศิษย์ของเหยียนชงแทบจะร้องไห้ เขาเห็นมากับตาว่าบทลงโทษของฉู่ชวิ๋นน่ากลัวมากขนาดไหน ถ้าจะต้องถูกลงโทษ ส่งพวกเขาไปสู้กับศัตรูยังจะดีเสียกว่า
หลังจากสั่งงานทุกอย่างเรียบร้อย ชายหนุ่มก็เตรียมตัวเดินทาง โดยที่มีหยานหวูซวงติดตามมาด้วย
แต่ไม่กี่นาทีก่อนออกเดินทาง ฉู่ชวิ๋นก็ได้รับโทรศัพท์สายตรงมาจากภูเขาเฉียนหลง
หลังวางสาย ฉู่ชวิ๋นก็ขมวดคิ้วด้วยความปวดหัว ทำไมทุกคนถึงสร้างปัญหาให้เขาได้มากมายขนาดนี้นะ?
ถางโร้วแอบหนีออกไปจากภูเขาเฉียนหลงพร้อมกับจิ่วโยว โดยไม่ทิ้งข้อความอะไรไว้เพิ่มเติม นอกจากบอกว่าอยากจะออกไปฝึกวิชาที่โลกภายนอก
หญิงสาวสองคนออกไปตามลำพังแบบนี้ ไม่แปลกใจเลยที่ผู้คนรอบกายจะเป็นห่วง หลิวหรานยื่นคำขาดว่าเขาต้องนำตัวถางโร้วและจิ่วโยวกลับมาให้ได้อย่างปลอดภัย ไม่อย่างนั้น ชายหนุ่มก็ไม่ต้องมาเรียกเธอว่าแม่อีกแล้ว
ในเมื่อเป็นคำสั่งของมารดา ฉู่ชวิ๋นก็ไม่มีทางเลือกอื่น อีกอย่างยังไงเขาก็ต้องออกตามหาอยู่แล้วแม้จะไม่มีใครมาบอกก็ตาม
“น้องหยาน รอฉันอยู่ที่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวฉันมา” ฉู่ชวิ๋นออกเดินทางไปเพียงลำพัง เพื่อไปพบกับหัวหน้าหมายเลข 1
หัวหน้าหมายเลข 1 เป็นแค่คนธรรมดาทำให้ตอนนี้มีผมสีดอกเลาพร้อมใบหน้าแก่ชรา ดูเหมือนว่าความเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดขึ้น จะทำให้เขาปวดหัวไม่ใช่น้อย
ฉู่ชวิ๋นอธิบายความต้องการของเขาให้ฟัง และขอให้หัวหน้าหมายเลข 1 ช่วยส่งกองทหารออกตามหาถางโร้วและจิ่วโยว
หญิงสาวหน้าตาดีมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองสองคน ไม่น่าจะหายากเท่าไหร่
หัวหน้าหมายเลข 1 รีบทำตามคำขอฉู่ชวิ๋นทันทีก่อนจะพูดออกมา
“พูดตามตรงเลยนะ ฉู่ชวิ๋น ฉันคิดมาเสมอว่าคนธรรมดาไม่น่าไปเกี่ยวข้องอะไรด้วยได้ แต่ก็ยังมีคนกลุ่มหนึ่งพยายามตักตวงผลประโยชน์จากความเปลี่ยนแปลงของโลกนี้อยู่ดีแต่ดูสภาพฉันตอนนี้สิจะไปทำอะไรได้ พวกเรารู้จักกันมามากกว่า 10 ปี เธอยังดูหนุ่มแน่นเหมือนเดิม ส่วนฉันก็เป็นไม้ใกล้ฝั่งเข้าไปทุกทีแล้ว”
ฉู่ชวิ๋นก็รู้สึกไม่สบายใจช่นกัน ครั้งแรกที่เขาได้พบหัวหน้าหมายเลข 1 นายทหารชั้นผู้ใหญ่คนนี้มีท่าทางองอาจภูมิฐาน เป็นคนที่กุมอำนาจทั้งประเทศอยู่ในมือ สามารถสร้างผลประโยชน์ให้คนกลายเป็นมหาเศรษฐีได้ในพริบตา แต่ขณะนี้ หัวหน้าหมายเลข 1 กลับกลายเป็นเพียงแค่ชายชราไม้ใกล้ฝั่งคนหนึ่งเท่านั้นเอง
ความเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดขึ้น สัตว์ประหลาดที่ออกอาละวาด กลุ่มจอมยุทธ์ที่ตั้งตัวเป็นใหญ่ ทุกอย่างทำให้หัวหน้าหมายเลข 1 กลายเป็นคนไร้อำนาจไปในทันที
หลังจากที่ฉู่ชวิ๋นลองคิดทบทวนดูแล้ว เขาก็หยิบหญ้าจิตวิญญาณออกมากำมือใหญ่ พร้อมด้วยยาสลายจุดตันอีกสองเม็ด
“ของเหล่านี้สามารถเปลี่ยนชีวิตคุณได้” ฉู่ชวิ๋นพูด
แต่หัวหน้าหมายเลข 1 กลับปฏิเสธ “ทั้งชีวิตฉันอุทิศให้กับความเป็นอยู่ของประชาชน ชีวิตของฉันอยู่ที่ฟ้าดินกำหนด การเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าหมดเวลาของฉันแล้ว ฉันก็ยินดีรับความตายเสมอ ชีวิตนี้ฉันไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องเสียดายอีกแล้ว อีกอย่างฉันก็เหนื่อยล้าเหลือเกิน คิดเสียว่าฉันกำลังจะได้พักผ่อนก็แล้วกัน”
ฉู่ชวิ๋นตกตะลึงและยอมรับในจิตใจที่เที่ยงธรรมของหัวหน้าหมายเลข 1 นายทหารผู้ไม่เคยเกรงกลัวฟ้าดิน ไม่เคยไว้หน้าใครผู้ใดและยังมีจิตใจที่ปราศจากความหวาดกลัวอย่างแท้จริง
“เมื่อเกิดความเปลี่ยนแปลงของโลกขึ้นแบบนี้ ประชาชนยิ่งเดือดร้อน พวกเขาจะมาเสียคุณไปตอนนี้ไม่ได้” ฉู่ชวิ๋นส่งของเหล่านั้นให้กับชายชราและพูดต่อ “ยังมีประชาชนอีกจำนวนมากรอพึ่งพาคุณอยู่ ผมจะทิ้งสมุนไพรเหล่านี้เอาไว้ให้คุณ ถ้าคุณอยากจะใช้มันเมื่อไหร่ ก็ใช้ได้เลย”
“หัวหน้าครับ นายท่านฉู่พูดถูกนะครับ” ซื่อหวงและซงเหรินที่ยืนอยู่เงียบ ๆ มาตลอด พูดขึ้นมา
ฉู่ชวิ๋นหันหลังเดินกลับออกมาโดยไม่ได้พูดคำใดอีก เขาทิ้งหญ้าจิตวิญญาณเอาไว้ให้แล้ว ถ้าหัวหน้าหมายเลข 1 อยากจะรับประทานมัน
ซงเหรินที่อย่ข้าง ๆ คงให้คำแนะนำในการฝึกวิชาเบื้องต้นได้อย่างเหมาะสม
ฉู่ชวิ๋นกลับไปที่วังมังกรเพลิงและสั่งให้เหยียนชงจองตั๋วเครื่องบินไปที่เมืองกู่เจียง จิ่วโยวและถางโร้วเพิ่งจะออกมาจากภูเขาเฉียนหลง น่าจะคงอยู่แถว ๆ เมืองกู่เจียงไม่ทันได้ไปไหนไกล
แต่ขณะที่ฉู่ชวิ๋นและหยานหวูซวงยังคงอยู่บนเครื่องบิน ถางโร้วกับจิ่วโยวก็กำลังตกอยู่ในอันตรายอย่างใหญ่หลวง
…
ถางโร้วไม่สามารถคัดค้านจิ่วโยวได้ พวกเธอจึงออกเดินทางมาจากภูเขาเฉียนหลงโดยอ้างว่าจะมาฝึกวิชา
แต่ทั้งสองสาวไม่กล้าพักอยู่ในเมืองกู่เจียงนานเกินไป เนื่องจากภายในเมืองกู่เจียงเต็มไปด้วยคนของฉู่ชวิ๋น
พวกเธอจึงจองตั๋วเครื่องบินและเดินทางไปยังเมืองพักผ่อนสำหรับฤดูร้อนที่อยู่ห่างไกลออกไปหลายพันกิโลเมตร
ที่นั้นก็คือ เมืองเซี่ยเฉิงเป็นเมืองโบราณที่มีประวัติอันยาวนาน
เมื่อเครื่องบินเดินทางมาถึงจุดหมาย จิ่วโยวก็ตื่นขึ้นมาพอดีหลังนอนหลับตลอดเที่ยวบิน เธอเคยเดินทางมาพร้อมกับฉู่ชวิ๋นหลายครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น หญิงสาวไม่มีอะไรให้ต้องเป็นกังวล ผิดกับถางโร้วที่เพิ่งจะเดินทางออกสู่โลกภายนอกครั้งแรก หลังเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกมนุษย์
ดังนั้น พวกเธอจึงตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อมองดูหญิงสาวทั้งสองคนแล้ว ถางโร้วมีผิวที่ขาวเนียนเหมือนหิมะ สวยงามราวกับนางฟ้าจากสรวงสวรรค์ ทางด้านจิ่วโยวก็มีผมสีม่วงสว่างไสว น่ารักน่าชังเหมือนตุ๊กตาที่มีชีวิต คำจำกัดความของพวกเธอ มีได้แค่เพียงคำเดียว ก็คือคำว่างดงาม
หญิงสาวทั้งสองคนตื่นเต้นและไม่เคยมีประสบการณ์เดินทางตามลำพังมาก่อน พวกเธอไม่รู้ตัวเลยว่ารูปลักษณ์ของตัวเองกลายเป็นจุดสนใจมากแค่ไหน
เมื่อไม่มีฉู่ชวิ๋นคอยควบคุม จิ่วโยวก็เป็นเหมือนม้าป่าคะนองศึก คอยฉุดลากถางโร้วเดินไปตามท้องถนน ตื่นตาตื่นใจไปกับทุกสิ่งทุกอย่างที่พบเห็น
ทุกคนรอบตัวกำลังจ้องมองพวกเธออยู่ แต่ถางโร้วเคยเป็นดาราดังมาก่อน เธอโด่งดังจนชินชากับสายตาพวกนี้แล้ว หญิงสาวเลยไม่สนใจเท่าไหร่นัก
พวกเธอท่องเที่ยวกันอย่างสนุกสนาน ในขณะที่ฉู่ชวิ๋นกำลังร้อนอกร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากตัวเขาเองมีศัตรูอยู่รอบสารทิศ
ฉู่ชวิ๋นออกคำสั่งให้บรรดาบริวารส่งคนออกมาตามหาพวกเธอ ไม่ว่าจะเป็นแบบเปิดเผยหรือไม่เปิดเผย และคอยจับตาดูศัตรูของเขาอยู่ตลอดเวลา
จากนั้นชายหนุ่มก็ติดต่อไปที่เยวี่ยฟ๋านเตี๋ย ขอให้ปราสาทจตุรเทพช่วยส่งคนออกตามหาอีกแรง
ในขณะนี้ กองทหารออกค้นหาไปทั่วเมืองใหญ่ๆ ตามคำสั่งเรียบร้อยแล้ว
แต่ 10 ชั่วโมงผ่านไป ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า
“ถางโร้ว พวกเราหาที่พักกันก่อนดีกว่านะ” จิ่วโยวพูดหลังจากเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดมิด
“พวกเราหาอะไรมาคลุมหน้ากันหน่อยดีไหม หน้าตาเธอสวยเกินไป ดึงดูดความสนใจผู้คนมากไปแล้ว” ถางโร้วเริ่มคิดถึงปัญหาข้อนี้
จิ่วโยวก็เห็นด้วยเช่นกัน “ใช่ ๆ ! แต่เป็นเธอต่างหากที่สวยเกินไป เดี๋ยวไปสะดุดตาพวกคนเลวเข้าอีกนะ”
ในที่สุด ทั้งสองสาวก็เริ่มคิดหาผ้ามาคลุมหน้าตัวเองสักที
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะปกป้องเธอเอง” จิ่วโยวพูดด้วยน้ำเสียงแข็งขัน
“ฉันก็จะปกป้องเธอเหมือนกัน” ถางโร้วพูดด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น
ตอนแรกพวกเธอคิดจะหาผ้ามาปิดบังใบหน้า แต่เดินไปเดินมาสุดท้ายพวกเธอก็ลืมไปเลย ดังนั้น หญิงสาวทั้งสองจึงเดินหาโรงแรมที่พัก โดยไม่มีอะไรปิดบังใบหน้าที่แท้จริง
โรงแรมขนาดใหญ่แห่งนี้ นับเป็นหนึ่งในโรงแรมที่ดีที่สุดของเมืองเซี่ยเฉิง
ในเรื่องนี้ ถางโร้วเคยเป็นดารามาก่อน จึงพอมีความรู้อยู่บ้างว่าควรเลือกโรงแรมที่พักยังไง
แต่เมื่อพวกเธอเดินเข้าไปติดต่อขอเปิดห้อง ก็ต้องพบกับปัญหาอีกครั้ง
“จิ่วโยว เธอมีเงินติดตัวบ้างไหม?” ถางโร้วถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
จิ่วโยวสีหน้างงงัน เกือบจะถามกลับไปแล้วด้วยซ้ำว่าเงินคืออะไร? เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอติดตามฉู่ชวิ๋นไปมา ไม่ว่าจะเป็นของกิน ของใช้ หรือเรื่องที่พัก ชายหนุ่มก็เป็นคนจัดการให้ทั้งหมด เธอจึงไม่เคยต้องออกค่าข้าวสักเม็ดเดียวเลยด้วยซ้ำ
“เงินน่ะฉันไม่มีหรอก” จิ่วโยวตอบกลับไปด้วยความร่าเริงและถามว่า “ไหนเธอบอกว่าเธอเอาเงินมาด้วยไม่ใช่เหรอ”
“ฉันเอาเงินไปซื้อตั๋วเครื่องบินหมดแล้ว” ลืมตัวเพราะตอนที่เป็นดาราดังมีผู้จัดการทำเรื่องต่าง ๆ ให้ตลอด ถางโร้วจึงมีนิสัยไม่ค่อยพกเงินติดตัว
หญิงสาวที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ของโรงแรม กำลังจ้องมองมาที่ถางโร้ว ดวงตาของเธอเป็นประกายระยิบระยับ
“นี่ใช่คุณถางโร้วหรือเปล่าคะ?”
“เราอยู่ข้างนอกแบบนี้ จะให้ใครรู้ตัวจริงไม่ได้นะ” จิ่วโยวรีบกระซิบบอก ถางโร้ว
ถางโร้วพยักหน้าแล้วหันไปตอบว่า “คุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่ใช่ถางโร้วหรอกค่ะ”
ดูเหมือนหญิงสาวหลังเคาน์เตอร์จะเป็นแฟนคลับของถางโร้ว เมื่อได้ยินว่าไม่ใช่ เธอก็มีสีหน้าผิดหวังอยู่ไม่น้อย
“พวกเราไม่มีเงิน ใช้ของสิ่งนี้แทนได้ไหม?” จิ่วโยวซึ่งเป็นคนใจร้อนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เธอหยิบหญ้าจิตวิญญาณกำมือหนึ่งวางลงบนเคาน์เตอร์ แสงสีเขียวของหญ้าจิตวิญญาณเป็นประกายระยิบระยับ กลิ่นของยาสมุนไพรลอยฟุ้งในอากาศ เมื่อได้สูดดมเข้าไปแล้ว ร่างกายก็รู้สึกสดชื่นขึ้นอย่างมหัศจรรย์
หญิงสาวที่อยู่หลังเคาน์เตอร์จ้องมองหญ้าจิตวิญญาณ เธอนิ่งคิดไปเล็กน้อยอย่างตัดสินใจไม่ถูก
“รอสักครู่นะคะ” หญิงสาวพูดแล้วก็เดินหายไป
ไม่นานหลังจากนั้น เธอก็เดินกลับมาพร้อมด้วยชายชราหน้าตาใจดีคนหนึ่ง
“คุณผู้ชายท่านนี้คือผู้จัดการของพวกเรา มีนามว่าว่าเถ้าแก่เฟิง” หญิงสาวหลังเคาน์เตอร์แนะนำตัวชายชรา
ชายชราผู้มีนามว่าเฟิงเหิงหยิบหญ้าจิตวิญญาณขึ้นมาจากเคาน์เตอร์ สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย
“จะเอาหญ้าจิตวิญญาณมาจ่ายแทนค่าห้องใช่ไหม?” เฟิงเหิงพูด
“ได้หรือเปล่าล่ะ?” จิ่วโยวถามด้วยความหงุดหงิด
“ได้สิครับ พาคุณหนูสองคนนี้ขึ้นไปเปิดห้องพัก อย่าลืมนะว่าต้องเป็นห้องสวีทที่ใหญ่ที่สุดของเรา” เฟิงเหิงออกคำสั่ง
“คุณหนูทั้งสอง เชิญตามฉันมาค่ะ” หญิงสาวหลังเคาน์เตอร์พูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ
ตอนที่เฟิงเหิงจ้องมองหญิงสาวหลังเคาเตอร์เดินนำถางโร้วและจิ่วโยวเข้าไปภายในลิฟท์ ดวงตาของเขาก็เป็นประกายระยิบ ริมฝีปากของชายชราบิดตัวเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย ก่อนที่จะเก็บหญ้าจิตวิญญาณเข้าใส่กระเป๋า
“พวกแก ออกมา!”
พูดจบ ประตูห้องที่อยู่ด้านข้างก็เปิดออก ชายหนุ่มร่างสูงสองคนเดินออกมา มีพลังลมปราณขั้นปรมาจารย์แผ่ออกมาจากร่างกาย
“จับตาดูพวกเธอไว้ให้ดี อย่าให้หนีไปไหนได้” เฟิงเหิงออกคำสั่ง
ชายทั้งสองคนพยักหน้าและเดินกลับเข้าไปในห้องพร้อมกับชายชรา ภายในห้องมีหน้าจอจำนวนมากและหนึ่งในหน้าจอเหล่านั้นก็กำลังแสดงภาพของหญิงสาวจากหลังเคาน์เตอร์ กำลังพาถางโร้วกับจิ่วโยวขึ้นไปสู่ชั้นบนของตัวโรงแรม
“สวยอะไรขนาดนี้!” ชายคนหนึ่งกลืนน้ำลายเอื๊อก
“หน้าตาสวยเหมือนนางฟ้า แต่ชะตาชีวิตช่างแสนเศร้า ฉันไม่อยากทำแบบนี้เลยจริงๆ” ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงเสียดาย
เฟิงเหิงคิดอะไรบางอย่างอยู่ก่อนที่จะเรียกลูกน้องอีกคนนึงมาสั่งการว่า
“ตรวจสอบประวัติพวกเธอหน่อยซิ”
“รับทราบครับ” ลูกน้องคนนั้นรับคำสั่งทันที
เฟิงเหิงยิ้มกริ่ม ใบหน้าที่เคยเป็นตาแก่ใจดีแปรเปลี่ยนไปอย่างน่ากลัว เขาเดินมายืนหลบมุมและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาใครบางคนว่า “นายน้อย ผมมีของดีมาให้นายน้อยอีกแล้วครับ”
“ของดีจริงหรือเปล่า?” เสียงที่นุ่มนวลดังตอบกลับมาในโทรศัพท์ “รีบส่งตัวมาให้ฉันเร็วที่สุดเลยนะ จำเอาไว้ด้วยว่า ฉันไม่อยากได้ของมีตำหนิ”
“ได้เลยครับ” เฟิงเหิงกดวางสาย ดวงตาของเขาเป็นประกายแปลกประหลาด
เมื่อพาถางโร้วและจิ่วโยวมาส่งถึงห้องพักเรียบร้อย หญิงสาวจากหลังเคาน์เตอร์ก็ขอตัวกลับไปอย่างสุภาพ
“แปลกนะ” ถางโร้วขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้อยู่กันตามลำพัง
“อะไรที่ว่าแปลก?” จิ่วโยวมองห้องพักอันหรูหราด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“โรงแรมใหญ่ขนาดนี้ ทำไมไม่มีแขกเข้าพักเลย? ฉันแอบสังเกตดูตลอดทางที่เราขึ้นมา นอกจากเจ้าหน้าที่ของโรงแรมแล้ว ฉันไม่เห็นแขกคนอื่นเลยสักคน” ถางโร้วพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
จิ่วโยวตอบกลับอย่างไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ว่า “โลกเกิดความเปลี่ยนแปลงแบบนี้ ฉันว่าคนคงไม่ค่อยอยากมาเที่ยวเท่าไหร่มั้ง พวกเราอย่าไปสนใจเลยดีกว่า ลูกค้าคงน้อยมาก ๆ ไม่งั้นพวกเขาคงไม่รับหญ้าจิตวิญญาณแทนค่าห้องง่าย ๆ แบบนี้หรอก”
ปกติจิ่วโยวรับประทานหญ้าจิตวิญญาณเหมือนขนมขบเคี้ยว เธอไม่รู้เลยว่าหญ้าจิตวิญญาณสามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินทองได้มากมายมหาศาลขนาดไหน
เช่นเดียวกับถางโร้ว เธอเห็นว่าหญ้าจิตวิญญาณเป็นของที่มีอยู่เหลือเฟือ ทุกครั้งที่ฉู่ชวิ๋นเดินทางกลับมา เขาก็จะเอามันติดตัวมาเป็นจำนวนมากเสมอมากจนกองเป็นภูเขา
ทั้งสองสาวจึงไม่คิดอะไร พวกเธอสำรวจสิ่งที่อยู่ภายในห้องด้วยความตื่นตาตื่นใจจนเหนื่อยล้า
“ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ” ถางโร้วติดนิสัยรักความสะอาด อันที่จริง การฝึกวิทยายุทธ์จะช่วยขับไล่ความชื้นออกจากร่างกายอยู่แล้ว เธอไม่จำเป็นต้องอาบน้ำทุกวันเลยก็ได้ แต่มันก็เป็นสิ่งที่หญิงสาวติดจนเป็นนิสัยไปแล้ว
“ฉันก็อยากอาบน้ำเหมือนกัน” จิ่วโยวกระโดดลงมาจากเตียง
หญิงสาวทั้งสองคนเดินเข้าไปในห้องน้ำ ถางโร้วพูดว่า “ฉันเปิดน้ำในอ่างก่อนนะ”
ภายในห้องควบคุมกล้องวงจรปิด ชายทั้งสองคนจ้องมองถางโร้วและจิ่วโยวบนหน้าจอในความเงียบงัน แต่พวกเขากลืนน้ำลายอยู่ตลอดเวลา พร้อมกับหายใจออกมาฟืดฟาดหื่นกระหาย
สีหน้าของเฟิงเหิงเปลี่ยนไปแล้วในขณะที่จ้องมองภาพบนหน้าจอ เขาบอกตัวเอง “ในอีกไม่ช้าก็เร็ว พวกเธอจะต้องกลายเป็นของเล่นของนายน้อย แต่ว่าตอนนี้ ขอฉันยลโฉมเรือนร่างของพวกเธอให้เป็นบุญตาก่อนเถอะ”
ในห้องน้ำ จิ่วโยวพลันเงยหน้าขึ้นมา มองไปเห็นไฟสีแดงที่กระพริบอยู่วิบ ๆ ในโคมระย้าบนเพดานโดยไม่ได้ตั้งใจ
“นั้นมันไฟอะไรอะ?” เธอถามถางโร้วด้วยความใสซื่อ