ตอนที่ 43 มันคือถิ่นของข้า!

“นางไม่ใช่แม่ของพวกเรา”

ไม่ใช่งั้นหรือ?

ซูหวานหว่านตกใจ แต่ก็รู้สึกแปลกใจมากกว่า เหตุใดจิ้งจอกตัวเมียนั่นถึงต้องพูดแบบนั้นออกมาด้วย?

จิ้งจอกตัวน้อยยังพูดออกมาอีกว่า “พวกเราถูกนางผลักลงมา! นางจะเป็นแม่ของพวกเราได้อย่างไร!”

จากนั้นเด็กสาวก็ได้นั่งฟังจิ้งจอกน้อยทั้งสามตัวเล่าเรื่อง จึงได้รู้ว่าเมื่อ 1 ปีก่อนแม่ของพวกมันกับจิ้งจอกตัวเมียนั่นนับถือกันอย่างพี่สาวน้องสาวแท้ ๆ ทว่ากลับมาแตกคอกันตอนเจอกับพ่อของมัน

พ่อของพวกมันเหมือนจะจับปลาสองมือ ไม่เลือกให้แน่ชัดว่าชอบใคร แถมยังหลอกลวงแม่ของพวกมันกับจิ้งจอกตัวเมียนั่นด้วย หลังจากนั้นทั้งสองตัวก็ก่อสงครามแห่งการแย่งชิงขึ้น ทว่าพ่อของพวกมันนั้นดันไปตกหลุมรักจิ้งจอกตัวอื่น แม่ของมันกับจิ้งจอกตัวเมียจึงตกลงกันแล้วว่าจะอยู่ร่วมกัน ทว่าจิ้งจอกตัวเมียกลับไปร่วมมือกับฝ่ายตรงข้ามอย่างเงียบ ๆ และฆ่าแม่ของพวกมัน

หลังจากฟังแล้ว ซูหวานหว่านก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา ชีวิตของสัตว์ก็เหมือนกับชีวิตของมนุษย์ไม่ต่างกันเสียจริง ๆ

“แล้วพ่อของเจ้ากับฝ่ายตรงข้ามล่ะ?” ซูหวานหว่านได้ถามออกมา

“ไม่รู้” จิ้งจอกน้อยทั้งสามตัวส่ายหัวไปมา ไม่รู้หรือว่าไม่อยากพูดกันแน่ ซูหวานหว่านตัดสินใจไม่เซ้าซี้ถาม ทว่านางกลับรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับพฤติกรรมของจิ้งจอกตัวเมีย เหตุใดนางจะต้องให้มาช่วยชีวิตลูกของศัตรูด้วย? หรือว่าที่จิ้งจอกตัวเมียผลักนางลงมาก็เพื่อให้ตนมาดูให้แน่ใจว่าพวกมันตายไปรึยัง?

ซูหวานหว่านถึงกับยิ้มเยาะภายในใจ หากเป็นเช่นนี้แล้วแผนการของจิ้งจอกตัวเมียก็ช่างลึกซึ้งอะไรขนาดนี้

พลันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงข่วนเตียงน้ำแข็ง เมื่อซูหวานหว่านเดินไปดูและก็พบว่าจิ้งจอกน้อยทั้งสามกำลังเลียเตียงน้ำแข็งอยู่ และลิ้นของพวกมันได้ถูกแช่แข็งไปโดยทันที พวกมันกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

ซูหวานหว่านเองก็รู้สึกหิวขึ้นมาแล้วเช่นกัน นางจึงตัดสินใจคิดหาวิธีที่จะพาพวกมันออกไปจากที่นี่ก่อน แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ใช้เวลาคิดอยู่ตั้งนาน ซูหวานหว่านก็ไม่พบทางขึ้นหรือทางออกเลย แม้แต่ทางที่นางตกลงมาก็หาไม่พบแล้วราวกับว่ามันได้ถูกปิดไป

ซูหวานหว่านพยายามใช้ความคิด

เนื่องจากสิ่งนี้สร้างขึ้นโดยพลังอันยิ่งใหญ่ ในเมื่อนางสามารถเข้ามาได้ แปลว่านางอาจจะไม่สามารถกลับขึ้นไปได้

“ข้าไม่เคยเจอกับเจ้าบ้านคนไหนที่จะโง่เขลาได้เช่นนี้มาก่อน และไม่รู้ว่าท่านถูกเลือกมาได้อย่างไร!” จู่ ๆ ก็มีเสียงพูดดังขึ้นมา “นี่มันคือสถานที่ที่ข้ารับผิดชอบดูแล เจ้าบ้านคนใหม่ หากท่านต้องการออกไปทำไมถึงไม่ถามข้า!”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ซูหวานหว่านจึงตอบกลับภายในใจไปว่า “ในเมื่อเจ้ารู้ว่าข้าคือเจ้าบ้านคนใหม่ เหตุใดจึงไม่รีบพูดออกมาอีก?”

ซูหวานหว่านถึงกับกลอกตามองบนแล้วฟังคำชี้แนะต่อ ก่อนที่นางจะได้เห็นภาพภูเขาและสายน้ำปรากฏขึ้นมาบนอากาศ

“ท่านเห็นรูปแบบการพ่นน้ำของหัวมังกรทั้งเก้าหัวหรือไม่ หากท่านเห็นรูปแบบที่เหมือนกับภาพที่เห็น ให้โยนสิ่งของที่อยู่ในมือของท่านลงไป มันจะทำให้ท่านเจอทางออกแล้วจากนั้นท่านก็จะสามารถออกไปได้”

อะไรนะ ?

ทำไมมันถึงลึกลับได้ขนาดนี้!

ซูหวานหว่านตกตะลึงไปชั่วขณะ หัวมังกรนั้นมีลวดลายมากเกินไป ใช้เวลานานมากกว่าจะมีรูปแบบที่ตรงกับภาพปรากฏขึ้นมา…นับว่าค่อนข้างเป็นเรื่องยากไม่น้อย!

ซูหวานหว่านหยิบหินออกมาและฝึกฝนอยู่ประมาณ 2-3 ครั้ง จากนั้นรูปแบบที่ตรงกับภาพก็ได้ปรากฏขึ้น นางจึงรีบโยนออกไปด้วยความแม่นยำ

มีเสียง ‘ติ๊ง’ ดังออกมา ทุกอย่างพลันสั่นสะเทือน น้ำถูกดูดออกไปจนหมดภายในเวลาเพียงครู่เดียว และด้านล่างของสระก็ปรากฏเป็นภาพสิ่งใดสักอย่างขึ้น

ภาพต่าง ๆ ได้ถูกรวมเข้าด้วยกันแบบไม่มีรอยแตกแยก จากนั้นก็มีแรงสั่นสะเทือนเกิดขึ้นมาอีกครั้ง มันค่อย ๆ สั่นสะเทือนแรงขึ้น จนจิ้งจอกน้อยทั้งสามตัวแทบจะยืนทรงตัวไม่อยู่ ซูหวานหว่านจึงรีบอุ้มพวกมันขึ้นมาเอาไว้ในอ้อมกอด

ชั่วพริบตาภาพวาดก็ส่งซูหวานหว่านมายังสถานที่แปลก ๆ

เมื่อเห็นภาพ ซูหวานหว่านรู้สึกว่ามันเหมือนลิฟต์ที่ทันสมัย จนอดสงสัยไม่ได้ว่านักพรตผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นอาจจะเป็นคนที่ทันสมัยมากแน่!

อย่างไรก็ตามเมื่อถามถึง จิตวิญญาณแห่งแหวนนี้ดูเหมือนว่าจู่ ๆ มันจะเงียบไปเสียเฉย ๆ ซะอย่างงั้น!

ท้องฟ้าข้างนอกมืดครึ้ม ซูหวานหว่านไม่รู้ว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่ใด นางต้องการที่จะไปส่งจิ้งจอกน้อยทั้งสามตัวกลับบ้าน ทว่าจิ้งจอกน้อยทั้งสามไม่ฟังและยังคงไม่ยอมปล่อยให้ซูหวานหว่านไปไหน

“พี่สาวมนุษย์ อย่าทิ้งพวกเราเอาไว้ ในเมื่อตอนนี้พวกเราออกมาได้แล้ว หากจิ้งจอกตัวเมียนั่นรู้เข้าจะต้องหาวิธีที่ฆ่าพวกเราอีกแน่ ๆ!”

“ใช่! และพ่อของพวกเราก็ไม่ได้สนใจอะไรพวกเราอีกแล้ว ภูเขาลูกนี้เต็มไปด้วยหมาป่า หากพวกเราหนีไม่พ้นพวกเราอาจจะถูกกินได้…”

“…”

ซูหวานหว่านรู้สึกเห็นอกเห็นใจ แต่ถ้านางนำจิ้งจอกน้อยทั้งสามกลับบ้านไปด้วย ก็ยากต่อการที่จะดูแลเลี้ยงดู ดังนั้นแล้วควรจะเอามันไปไว้ที่ไหนดีนะ?

พลันใดนั้นเสียงจิตวิญญาณของมิติฟาร์มก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ยินดีด้วยเจ้าบ้าน ท่านได้ใช้ความพยายามในการออกจากหลุมสำเร็จ ได้รับคำชื่นชมเป็นคะแนน 3 แต้ม ท่านสามารถวางสัตว์ตัวเล็กทั้งสามเข้ามาอยู่ในมิติฟาร์มและสามารถเลี้ยงดูพวกมันเอาไว้ได้”

เมื่อนึกถึงคำพูดของจิตวิญญาณที่เคยเอาพูดไว้ ที่บอกว่าต้นไม้นั้นสามารถโตเต็มที่ได้ภายใน 1 วัน นั่นย่อมหมายความว่าเวลาในมิติฟาร์มเร็วกว่าเวลาภายนอกถึง 10 เท่า ดังนั้นซูหวานหว่านจึงรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาอีกครั้ง นางวางจิ้งจอกน้อยทั้งสามตัวเข้าไปข้างใน คงไม่ใช่ว่าผ่านไป 1 ปีพวกเจ้าจะมีอายุ 10 ปีกันแล้วนะ?

“เจ้าบ้าน ท่านไม่ต้องเป็นกังวลไป เหตุใดท่านถึงได้เป็นหล่าจี้*[1]แบบนี้ มิติฟาร์มยังไม่ได้รับการยกระดับตัวเองไปถึงขนาดนั้น มันยังคงต้องใช้เวลาในการปรับแต่งพัฒนามิติฟาร์มเป็นเวลาอีก 1 ปี”

“…”

ข้าหล่าจี้เหรอ?

ซูหวานหว่านโกรธมากจึงหยุดใส่ใจกับคำพูดเหน็บแนมของจิตวิญญาณ จากนั้นนางก็หันไปใส่จิ้งจอกน้อยสามตัว พาตัวพวกมันเข้าไปด้านใน

นางได้จุดคบเพลิงไฟและเริ่มออกเดิน แต่เมื่อเดินไปได้สักระยะหนึ่งก็ได้เดินมาถึงสถานที่ที่คุ้นเคย และพลันใดก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา “เจ้าออกมาได้แล้ว แล้วลูกของข้าล่ะอยู่ที่ไหน?”

เมื่อได้เห็นจิ้งจอกตัวเมียปรากฏอยู่ตรงหน้า ใบหน้าของซูหวานหว่านแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที พร้อมกับตอบออกมาว่า “พวกมันตายแล้ว!”

“จริงหรือ?”

ซูหวานหว่านจับได้ถึงน้ำเสียงแห่งความปีติยินดีในน้ำเสียงของจิ้งจอกตัวเมีย นางจึงอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาอย่างเย็นชา “หากเจ้าไม่เชื่อข้าล่ะก็ ข้าสามารถโยนเจ้าลงไปดูได้นะ เผื่อเจ้าจะอยากไปดูร่างของพวกเขา”

“ไม่จำเป็น” จิ้งจอกตัวเมียตอบกลับออกมาอย่างรวดเร็ว และซูหวานหว่านก็พูดอุทานออกมาว่า “เจ้าไม่มอบตัวให้กับข้าแล้วหรือ? เจ้าไม่ได้เป็นคนพูดเองหรือ ไม่ว่าข้าต้องการที่จะฆ่าหรือฟันเจ้า ข้าก็สามารถทำทุกอย่างที่ข้าต้องการได้?”

“เหอะ! เจ้าไม่ได้ช่วยพวกเขาออกมา!” จิ้งจอกตัวเมียพูด จ้องไปที่ดวงตาของซูหวานหว่านอีกครั้ง “ข้าจะบอกอะไรให้ อย่ามาอวดดีกับข้า! ที่นี่มันคือถิ่นของข้า!”

ตอนนี้ใครอวดดีกันแน่?

ไม่ใช่ตัวมันเหรอ?

ซูหวานหว่านเลิกคิ้ว จู่ ๆ นางก็คิดอะไรสนุก ๆ ขึ้นมาได้ เด็กสาวพลันดึงจิ้งจอกน้อยตัวหนึ่งออกมา เมื่อจิ้งจอกตัวเมียได้เห็นจึงต้องการจะจับจิ้งจอกตัวนั้น ทว่าจิ้งจอกตัวเมียกลับถูกซูหวานหว่านโยนเข้ามาที่เนินเขาแห้งแล้งในมิติฟาร์มแทน พอสุนัขจิ้งจอกน้อยสองตัวที่อยู่ในเห็นมิติฟาร์มเห็นเข้า มันต่างพากันตกใจ หลังจากนั้นครู่หนึ่งซูหวานหว่านก็พูดว่า “เจ้าสองตัวจัดการนางได้เลย! นางไม่มีวันหนีพวกเจ้าพ้น!”

จิ้งจอกน้อยทั้งสองต่างตกใจเล็กน้อย ทว่าเมื่อได้ยินแบบนั้น พวกมันก็รีบวิ่งเข้าไปจู่โจมจิ้งจอกตัวเมียทันที ทางด้านจิ้งจอกตัวเมียเองมันก็ไม่ได้รู้สึกกลัวและพยายามต่อสู้กลับเหมือนกัน

ซูหวานหว่านมองดูเหตุการณ์ข้างในของมิติฟาร์ม เลยได้เห็นว่าจิ้งจอกตัวเมียกำลังจะโจมตีจิ้งจอกน้อยสองตัว นางจึงได้หยิบจิ้งจอกน้อยสองตัวออกมา หลังจากนั้นก็โยนกลับเข้าไปอีกครั้ง

“เจ้าใช้เวทมนตร์อะไร?!” จิ้งจอกตัวเมียพูดออกมาอย่างหงุดหงิด

“ลองเดาดูสิ?” ซูหวานหว่านพูดพร้อมยิ้มออกมา “ตอนนี้เจ้าอยู่ในถิ่นของข้าแล้ว ดังนั้นอย่าคิดมาอวดดีกับข้า!”