ตอนที่ 42 มิติฟาร์ม

ซูหวานหว่านกำลังหย่อนตัวเองลงไป และทันใดนั้นก็เห็นแสงส่องออกมาจากเบื้องล่าง ซึ่งตัวนางก็รู้เพียงแค่มันเป็นสีเขียว ก่อนเด็กสาวจะพบว่ามันคือดวงตาของสิ่งบางอย่าง

ทันทีที่นางหย่อนตัวลงไปอีกครั้ง สิ่งนั้นก็รีบกระพือปีกขึ้นมา

ค้างคาวดูดเลือด!

ซูหวานหว่านรู้สึกกระสับกระส่ายเล็กน้อย ทว่าโชคดีที่จำนวนของมันไม่ได้มีมากและพวกมันไม่ต้องการกินนาง

เด็กสาวยังคงหย่อนตัวเองลงไปอย่างต่อเนื่อง ทว่าพลันใดก็ได้ยินเสียงสายน้ำไหล และเมื่อทราบเช่นนั้น มันก็ทำให้หัวใจของนางรู้สึกเงียบสงบขึ้นมา

จากนั้นก็เกิดเสียงตู้ม เด็กสาวตกลงไปในน้ำ ก่อนจะตามมาด้วยความรู้สึกอุ่นร้อน! จึงตระหนักได้ว่ามันน่าจะเป็นบ่อน้ำพุร้อน!

เมื่อซูหวานหว่านโผล่พ้นน้ำก็พบว่าภายในที่นี้มีแสงสว่างไสวราวกับเป็นเวลากลางวัน เด็กสาวตกลงมาในบ่อน้ำพุร้อนทรงกลม ที่ด้านข้างของบ่อน้ำพุร้อน มีหัวมังกรเก้าหัวที่ถูกแกะสลักด้วยหยก มันมีสีสันที่สวยงามมาก มังกรทั้งเก้าหัวกำลังพ่นน้ำออกมา ตามลักษณะ สูง ต่ำ ทีละน้อยตามที่พวกมันได้ถูกจัดเรียงวางเอาไว้ เมื่อกระแสน้ำหมุน ตำแหน่งของน้ำก็จะเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทำให้เกิดภาพอันงดงามดั่งภาพวาดของจิตกรเอก

ซูหวานหว่านตกตะลึงกับฝีมืออันยอดเยี่ยมนี้ไปอยู่สักพักหนึ่ง นางรู้สึกอยากลุกขึ้นยืน แต่ก็พบว่าร่างกายของตัวเองกำลังเจ็บปวดอย่างมาก ภายใต้ความเจ็บปวดนี้มันเหมือนตัวเองกำลังถูกเข็มทิ่มแทงเข้าไป และดูเหมือนว่ามีคนสองคนกำลังนำเข็มฝังเข้าไปในตัวนางอยู่จากภายในสู่ภายนอก และจากภายนอกสู่ภายใน

ซูหวานหว่านลังเลที่จะลุกขึ้นยืน นางหันไปมองดูรอบ ๆ ทว่ากลับพบว่ามีเส้นทางซึ่งทำจากหินทอดยาว และนางก็ไม่รู้ด้วยว่าปลายทางข้างหน้ามีสิ่งใดอยู่ เด็กสาวจึงตัดสินใจนั่งพักอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่จะเดินทางต่อ ทว่านางก็ได้ผล็อยหลับพักไป ก่อนจะฟื้นขึ้นมาพร้อมกับความอ่อนล้าที่ถูกชะล้างไปจนหมด พลันใดนั้นนางหันไปดูมือของตัวเองที่ถูกเถาวัลย์หรือวัชพืชบาดก่อนหน้านี้ ทว่าในตอนนี้บาดแผลมันได้หายดีแล้ว

น้ำพุร้อนนี้มีประสิทธิภาพมากกว่ายาราคาแพงที่ซูหวานหว่านเคยใช้เสียอีก!

เมื่อเห็นว่าทางด้านนั้นมีเส้นทางให้เดินอยู่ ซูหวานหว่านจึงรู้สึกอยากจะไปสำรวจดู ทว่าจู่ ๆ น้ำจากหัวมังกรทั้งเก้าหัวพลันหยุดไหล ก่อนหันไปมาทางซูหวานหว่าน ปากของมังกรหยกไม่มีน้ำไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว ราวกับว่ามันกำลังจ้องมองไปที่นางอยู่

หลังเห็นดังนั้นซูหวานหว่านก็พลันโค้งคำนับเหมือนเป็นการเคารพพร้อมกล่าววาจาขออนุญาต “ขอโทษนะ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะเข้ามาที่นี่ และมารบกวนเจ้าเลย รอให้ข้าหาทางออกจากที่นี่ให้ได้เสียก่อนแล้วข้าจะออกไปเอง”

หัวมังกรทั้งเก้าดูเหมือนจะได้ยินสิ่งที่นางพูด จึงหันศีรษะกลับไปและพ่นน้ำออกมาอีกครั้ง ทว่าครานี้ซูหวานหว่านกลับเห็นว่าสายน้ำได้บรรจบกันกลายเป็นตัวหนังสือว่า——- รีบไป!

อะไร? หัวมังกรมีจิตวิญญาณอยู่เหรอเนี่ย?

ซูหวานหว่านตกตะลึง และพยายามที่จะพูดคุยกับพวกมันอีกครั้งด้วยพลังวิเศษของตัวเอง ทว่าหัวมังกรก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรเลย

ซูหวานหว่านก้าวเดินไปข้างหน้า

เมื่อเดินเข้าไปนางก็ได้เห็นฉากกั้นห้องที่ทำจากไม้กฤษณา โดยมีภาพวาดภูมิทัศน์ที่สวยงามวาดสลักเอาไว้ ซึ่งมันดูสง่างามและน่าดึงดูดใจมาก ซูหวานหว่านอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา เศรษฐีคนไหนที่จะมาสร้างและวางสิ่งของเหล่านี้ไว้ที่นี่กัน?

เมื่อมองสำรวจไปรอบ ๆ ซูหวานหว่านก็สังเกตเห็นว่าข้างในมีเตียงน้ำแข็งตั้งอยู่ และถูกปกคลุมไปด้วยความเย็นของน้ำแข็ง

ใครกันนะที่สามารถเพลิดเพลินกับสิ่งเหล่านี้ได้?

แช่ตัวในบ่อน้ำพุร้อนเสร็จแล้ว ถ้ายังรู้สึกร้อนอยู่ ก็สามารถมานอนบนเตียงน้ำแข็งนี้ได้

ทางด้านข้างของเตียงมีกระจกน้ำแข็งตั้งเอาไว้ มันสวยงามวิจิตรตระการตามาก ซูหวานหว่านจึงเดินเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนพบว่ามีกล่องกลม ๆ วางอยู่ด้านหน้าโต๊ะกระจก เด็กสาวจึงหยิบและเปิดมันออก ทว่ากลับพบว่าไม่มีของอะไรเลย

ในขณะที่นางกำลังวางมันลง นางก็ได้ยินเสียงสัตว์พูด

“คนนี้เขากำลังจะมาเอาแหวนที่อยู่ในกล่องหรือเปล่า?”

“แต่ดูเหมือนนางจะมองไม่เห็นแหวนที่อยู่ในกล่องนี้เลยนะ!”

“…”

ซูหวานหว่านถึงกับขมวดคิ้วมองลงไปอีกครั้ง จากนั้นใช้มือสัมผัสมันด้วยความงุนงง ทว่าคราวนี้นางกลับรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังสัมผัสโดนสิ่งใดบางอย่าง หากแต่นางก็มองไม่เห็นสิ่งของที่อยู่ภายในกล่อง แต่ซูหวานหว่านมั่นใจว่ามันจะต้องเป็นแหวนแน่ ๆ !

“นางหยิบมันขึ้นมาแล้ว!”

“พวกเราจะต้องคว้ามันเอาไว้ไหม”

“เราจะคว้ามันได้อย่างไร พวกเราไม่ใช่มนุษย์ พวกเราจะใส่สิ่งนี้ไปเพื่ออันใด!”

“…”

เมื่อได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง ซูหวานหว่านจึงหลับตาลงเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใจทำให้นางรู้สึกอยากจะสวมแหวนวงนี้ขึ้นมา ทว่านางคิดได้ว่า นางไม่ควรไปยุ่งกับของของคนอื่น ทว่าก็เหมือนมีเสียงมากระซิบอยู่ข้างหูว่า “สวมมัน…ใส่มันซะ…”

เสียงกระซิบนี้ดูเหมือนจะเป็นมนต์ขลังอะไรบางอย่าง มันทำให้ซูหวานหว่านรู้สึกปวดหัว ในขณะนั้นซูหวานหว่านกำลังจะวางแหวนลง ทว่าก็เหมือนจะถูกสะกดจิตไปชั่วขณะ นางจึงค่อย ๆ หยิบแหวนขึ้นมาสวมใส่ และการกระทำนั้นก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น!!

เสียงกระซิบได้หายไปในทันทีเมื่อนางสวมแหวน ซูหวานหว่านกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง และรู้สึกว่าตัวเองมีอาการปวดที่มือซ้าย เด็กสาวจึงหันไปมองยังมือข้างที่ว่าของตัวเอง ที่ซึ่งสวมแหวนสีขาวใสเอาไว้บนนิ้วชี้ซ้าย

ราวกับว่าแหวนวงนี้มีพลังจิตวิญญาณอยู่ภายใน ซูหวานหว่านสามารถสัมผัสถึงมันได้ ทว่าบางครั้งก็แรง และบางครั้งก็อ่อน!

“…”

พลันใดนั้นซูหวานหว่านก็เห็นแหวนได้หดตัวลง ด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!

ยังหดลงได้อีก!

มันเจ็บปวดมาก!

ราวกับนิ้วของกำลังถูกกดทับด้วยอะไรบางอย่างอยู่!

ซูหวานหว่านร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด พยายามที่จะดึงแหวนออกอย่างแรง ทว่ากลับพบว่านางไม่สามารถทำอะไรได้

มือของนางเลือดไหลออกมาเต็มไปหมด แหวนจึงได้ถูกชุบกลายเป็นสีแดง จากนั้นมันก็ได้หายเข้าไปในกระดูกของนางแล้วก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย!

ปัง! ภายในหัวของซูหวานหว่านรู้สึกเจ็บปวดมาก นางหลับตาลง และทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงอยู่ภายในหัวของตัวเอง เป็นเสียงที่เคยหลอกล่อให้นางสวมแหวนนั่นเอง!

“ยินดีต้อนรับ เจ้าบ้านคนใหม่!”

อะไรนะ?!

นี่มันคือสิ่งใดกัน?

ดวงตาของซูหวานหว่านหันไปมองรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว จากนั้นนางก็เข้าใจทันที “เจ้าคือแหวนแปลก ๆ นั่นงั้นหรือ?”

“ไม่ใช่ ข้าเป็นจิตวิญญาณแห่งแหวน” เสียงนั้นดังขึ้น ก่อนจะเริ่มแนะนำซูหวานหว่าน ให้รู้จักกับหน้าที่และการใช้แหวน มีเพียงซูหวานหว่านเท่านั้นที่รู้ว่าแหวนนั้นเป็นสมบัติที่นักพรตผู้ยิ่งใหญ่ทิ้งเอาไว้ ภายในแหวนนี้มันมีพื้นทีกว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด ทว่าก็มีเพียงภูเขาเล็ก ๆ ที่แห้งแล้งที่ถูกเปิดเผยในขณะนี้ ขณะที่ส่วนอื่นถูกปกคลุมไปด้วยเฆมหมอก

ซูหวานหว่านเข้าใจวิธีการใช้แหวนอย่างรวดเร็ว และนางก็แอบคิดว่าอยากจะเข้าไปที่นั่น อยากจะขึ้นไปยังภูเขาเล็ก ๆ ที่แห้งแล้งที่ไม่มีเมฆหมอกปกคลุมลูกนั้น!

“ขอแสดงความยินดีด้วย! เจ้าบ้านคนใหม่ นับจากนี้เป็นต้นไป เจ้ามีหน้าที่ในการรับผิดชอบในการปลูกของในมิติฟาร์มนี้ เวลาภายในมิติฟาร์มนี้มีเวลาเร็วกว่าถึง 360 เท่า หนึ่งเดือนของมิติฟาร์มเทียบเท่ากับหนึ่งชั่วยามของโลกภายนอก และหนึ่งปีจะเทียบเท่ากับหนึ่งวัน ขอให้ทำงานอย่างมีความสุขนะ!”

“นี่…”

ทำไมนางถึงคิดว่าความผันผวนของชีวิตนางในครั้งนี้ ฟังดูเป็นเรื่องตลกไปหน่อย?

“ใช้มิติฟาร์มในการเพาะปลูก และเมื่อพืชผักได้โตเต็มที่แล้วเจ้าก็สามารถนำเอาออกมากินได้! หากเจ้าตั้งใจปลูกพืชด้วยแรงกายของเจ้า เจ้าก็จะได้น้ำที่เอาไว้เพิ่มพลังความแข็งแกร่งให้กับร่างกายตัวเองอีกด้วย!”

มีของแบบนี้ด้วยเหรอ?

ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้ว่าซูหวานว่านกำลังคิดอะไรอยู่ พลันใดขวดน้ำแร่สีแดงก็ได้ปรากฏขึ้นใต้เท้าของซูหวานหว่าน “นี่คือน้ำแร่ที่เอาไว้ดื่มเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย”

ซูหวานหว่านกำลังจะก้มลงและไปหยิบมันขึ้นมา ทว่าน้ำแร่กลับหายไปเสียอย่างงั้น

“ข้าต้องขออภัย เจ้าบ้านคนใหม่ของข้า เจ้ายังไม่ได้ฟื้นฟูภูเขาที่แห้งแล้งให้กลับฟื้นคืนมา และเจ้าก็ยังไม่ได้หลั่งหยาดเหงื่ออย่างหนักเพื่อที่จะปลูกมัน ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถมอบน้ำแร่ให้แก่เจ้าได้!”

ซูหวานหว่านถึงกับพูดไม่ออก นางอยากจะตีเจ้าวิญญาณนี่จริง ๆ!

จู่ ๆ ก็มีเสียงพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มออกมาว่า “เจ้าทำร้ายข้าไม่ได้หรอก! ถ้าเจ้าตีข้า มันหมายถึงเจ้ากำลังละเมิดกฎของการใช้มิติฟาร์ม!”

ดูเหมือนนักพรตผู้ยิ่งใหญ่คนนี้จะไม่มีอะไรทำ ถึงได้สร้างมิติฟาร์มแบบนี้ขึ้นมา แถมยังทำเหมือนว่าคนอื่นเป็นของเล่น!

ซูหวานหว่านรู้สึกโกรธมากจึงออกจากมิติฟาร์ม พร้อมกับหันมาสนใจโลกที่อยู่ภายนอกต่อ และพลันใดนางก็ได้เห็นจิ้งจอกน้อยสามตัว เดินอยู่รอบเท้าของตัวนาง

“ทำไมคนนี้ไม่เห็นจะขยับตัวเลย!”

“นางคงไม่ได้ตายไปแล้วใช่ไหม?”

“คงไม่ใช่หรอก! ตัวนางยังอุ่นอยู่เลย!”

“…”

เสียงนี้เป็นเสียงของสัตว์ที่นางได้ยินก่อนหน้านี้นิ!!

ขนตาของซูหวานหว่านกะพริบไปมา ก่อนดวงตาจะเบิกตากว้างเล็กน้อย …หรือว่าจะเป็นจิ้งจอกตัวน้อยพวกนี้!

พวกมันตกมาได้ลึกขนาดนี้ แถมยังมีชีวิตอยู่… นี่มันช่างเป็นเรื่องที่ดีจริง ๆ!

จู่ ๆ ซูหวานหว่านก็รู้สึกชาที่ขาของตัวเอง นางจึงได้ทำการขยับขาไปมาเล็กน้อย ทำให้จิ้งจอกสีขาวตกใจและวิ่งออกไปทีละตัว เมื่อเห็นดังนั้นซูหวานหว่านจึงเดินเข้าไปหาพวกมันทันที ก่อนจะใช้พลังวิเศษสื่อสารกับสัตว์พวกนั้น “พวกเจ้าไม่ต้องกลัว ข้ามาเพื่อช่วยพวกเจ้าทั้งสามออกไป”

จิ้งจอกน้อยสามตัวยังคงไม่พูดอะไร ซูหวานหว่านจึงพูดออกมาอีกครั้งว่า “เป็นจิ้งจอกด้านบนที่ขอให้ข้ามานำพวกเจ้าขึ้นไป”

เมื่อนางพูดถึงสุนัขจิ้งจอกตัวเมียนั่น ซูหวานหว่านก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย “แล้วนางก็ได้พูดอีกว่า ถ้าข้านำพวกเจ้ากลับขึ้นไปได้ ก็แล้วแต่ข้าเลยว่าจะฆ่าหรือทำอะไรกับนาง!”

สุนัขจิ้งจอกทั้งสามพลันวิ่งออกมาหาซูหวานหว่าน เมื่อแน่ใจแล้วว่าซูหวานหว่านไม่ได้คิดทำอันตรายพวกมัน พวกมันก็จึงพากันเดินมาอยู่ข้าง ๆ นางแล้วถามขึ้นว่า “จิ้งจอกที่ว่านั่นตัวสีขาวใช่หรือไม่?”

“ใช่” ซูหวานหว่านพยักหน้า

สุนัขจิ้งจอกทั้งสามตัวมองหน้ากัน แล้วพูดออกมาพร้อมกันว่า “แม่ของพวกเราตายไปนานแล้ว!”