บทที่ 372

บทที่ 372

เมื่อเห็นว่าถังหยินพูดไม่ออกเป็นเวลานาน หยวนอู่และหยวนเปียวก็ไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไป ทั้งคู่ก้าวไปข้างหน้าพร้อมจ้องไปยังฮัวหลง ก่อนที่จะดึงดาบของพวกเขาออกมาและพูดว่า “นายท่านขอรับ !”

ถังหยินเงยหน้าขึ้นมองไปยังสองพี่น้องฉางกวนและส่ายหัว “พวกเจ้าออกไปก่อน !”

“นายท่าน… ?”

“ออกไป !”

ถังหยินไม่เปิดโอกาสให้ทั้งสองพูดและตะโกนอย่างเย็นชา ทำให้สองพี่น้องฉางกวนมองหน้ากันอย่างช่วยไม่ได้ และได้แต่เก็บดาบที่พวกเขาหยิบออกมากลับเข้าไปอย่างข่มอารมณ์ ก่อนที่ในเวลาเดียวกันพวกเขาจะจับจ้องไปยังฮัวหลงและเดินออกไป

ถังหยินมองไปที่ชิวเจิ้นและทหารคนอื่น ๆ จากนั้นจึงพูดอย่างไร้ความรู้สึก “พวกเจ้าก็ด้วย !”

ไม่มีใครรู้ว่าถังหยินกำลังวางแผนจะทำอะไร แต่เมื่อเห็นว่าดวงตาทั้งสองของเขากำลังกะพริบถี่รัว มันก็ทำให้ไม่มีใครกล้าถามอันใดรวมถึงชิวเจิ้นด้วย …พวกเขาพากันเดินออกจากคลังสมบัติไปอย่างเงียบ ๆ

“ดูเหมือนว่าท่านถังต้องการความเป็นส่วนตัว… พวกเจ้าออกไปก่อน !” ฮัวหลงหันกลับไปกล่าวกับสาวใช้สองคนที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

มุมปากของพวกนางกระตุกเป็นพัก ๆ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงฟังคำสั่งของฮัวหลงและเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ ก่อนที่จะปิดประตูเสียสนิทเมื่อก้าวเดินออกไปพ้นห้องแล้ว

เวลานี้มีเพียงถังหยินและฮัวหลงเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในคลังสมบัติที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ ก่อนเป็นถังหยินที่เหล่ตาและถามช้า ๆ “เจ้าเป็นใครกันแน่ ?”

“แน่นอนว่าเป็นฮัวหลงน่ะสิ ท่านนี้ขี้ลืมจังเลยนะ !” เมื่ออยู่กับถังหยินตามลำพัง ท่าทีของฮัวหลงก็กลับมาดูสบาย ๆ เสียยิ่งกว่าเดิม

นอกจากนี้หญิงสาวยังมีออร่าของสาวงามที่ไม่สามารถปกปิดได้ อย่างไรก็ตามนางนั้นแตกต่างจากคนอื่น ๆ มาก ด้วยหญิงสาวมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มากกว่านางสนมคนอื่น ๆ ราวกับไม่ว่าจะเผชิญกับสถานการณ์แบบใด หญิงสาวก็สามารถรับมือกับมันได้อย่างสบาย ๆ!

ถังหยินอยากรู้เกี่ยวกับตัวตนของหญิงสาวตรงหน้า และหลังจากที่มองฮัวหลงอยู่นาน ทันใดนั้นเขาก็ได้ร้องถามออกไปว่า “ต้องการอะไรจากข้า อิสรภาพ ? หรือว่าเพชรพลอยมีค่า ?”

“คิก ๆๆ!” ฮัวหลงอดไม่ได้ที่จะปิดปากขณะที่นางหัวเราะและกล่าวว่า “ข้านั้นใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เงินและเครื่องประดับมีไม่เคยขาด ส่วนอิสระข้าก็มีแล้ว …แบบนี้ข้าจะยังต้องการอะไรแบบนั้นอีกอย่างนั้นเหรอ ?”

ถังหยินยังหัวเราะและถาม “แล้วเจ้าต้องการอะไรกันแน่ ?”

“ท่าน !”

“ข้า ?”

“ใช่” ฮัวหลงกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “อนาคต ท่านจะขึ้นเป็นอ๋อง และข้าก็ต้องการที่จะได้เป็นหนึ่งในชายาของท่าน”

ตามธรรมเนียมของจักรวรรดิเฮาเตียน ผู้หญิงของท่านอ๋องจะประกอบด้วยภรรยาหลวงหนึ่งคน และภรรยานรองสามคน หรือก็คือรองจากภริยาของท่านอ๋องแล้ว คนที่เป็นอ๋องก็สามารถมีชายารองได้อีก 3 คน กับนางสนมอีก 9 คนด้วยกัน ซึ่งนี่ก็ยังไม่นับรวมไปถึงนางบำเรออีก 27 คนและหญิงรับใช้ส่วนตัวอีก 81 นางที่อยู่ลำดับล่างสุด !

ถังหยินตกใจในตอนแรก แต่หลังจากนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดัง ๆ เขาเป็นผู้ชายธรรมดา ดังนั้นจึงย่อมต้องหวังเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าถังหยินก็ไม่ใช่สัตว์ป่ากระหายราคะ ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะครอบครองผู้หญิงที่งดงามในทันทีที่เห็นหน้า แล้วจะนับประสาอะไรกับความจริงที่ว่าฮัวหลงคือชายาของอดีตอ๋อง ? หลังจากที่ซ่งเทียนเข้ามาในวัง ด้วยรูปลักษณ์ของนางแล้ว คงเป็นเรื่องยากนักที่อีกฝ่ายจะไม่สนใจนาง !

หลังจากหัวเราะ ถังหยินก็ลดสายตาลงเพื่อสำรวจเรือนร่างอันงดงามของนาง โดยในขณะเดียวกันนั้นเขาก็ได้พูดเบา ๆ ออกมาว่า “ถ้าข้าบอกว่าไม่ล่ะ ?”

ฮัวหลงกล่าวอย่างไร้เดียงสา “ถ้าอย่างนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ก็อาจจะถูกกระจายออกไป”

“หึ หึ ! ขู่ข้าอย่างนั้นเหรอ ?” ถังหยินเอื้อมมือของเขาออกไปแตะแก้มของฮัวหลงด้วยหลังมือเบา ๆ

เมื่อสัมผัส ชายหนุ่มก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าผิวหนังของฮัวหลงนั้นช่างงดงามไร้ที่ติ เรียบเนียน ยืดหยุ่น และเนียนนุ่มเหมือนไขมันของลูกแกะ

ภายใต้การสัมผัสของเขา แม้ว่าฮัวหลงจะไม่หลบ แต่ใบหน้าสีหยกของหญิงสาวก็เริ่มแดงระเรื่อขึ้นมาบ้างแล้ว ทำให้นางดูงดงามไม่น้อยในขณะที่กล่าวออกมาว่า “นี่ไม่ใช่การข่มขู่ นี่คือสิ่งที่เราแต่ละคนต้องการ ข้าสามารถช่วยเจ้าโน้มน้าว …และสนับสนุนเจ้าขึ้นให้เป็นอ๋องได้ !?”

หลังจากได้ยินคำเหล่านี้ ตาของถังหยินก็พลันสว่างขึ้นทันที “จริงหรือ ?” เพราะถ้าอีกฝ่ายทำได้ งั้นแล้วเส้นทางของเขาในฐานะอ๋องก็จะราบรื่นยิ่ง !!

“แน่นอน ? โอ้ะ…?” ฮัวหลงพูดได้เพียงสองคำเท่านั้น ส่วนคำคำพูดที่เหลือของนางนั้นติดอยู่ในลำคอของถังหยิน ก่อนที่ใบหน้าของนางจะแดงขึ้นอย่างไม่อาจควบคุม

รูปร่างของฮัวหลงดียิ่ง และเมื่อผนวกเข้ากับเสื้อผ้าที่สวมใส่ มันก็ทำให้สัตว์ร้ายในกายของชายหนุ่มตื่นขึ้นมาแล้ว !

ในทันทีชายหนุ่มเข้าคว้าจับหลังคอของนางอย่างหยาบคาย เขาก็ได้ก้มศีรษะลง พร้อมกับกลืนกินเสียงร้องและถ้อยคำของหญิงสาวตรงหน้าเข้าไปอย่างตระกะตระกราม

ในเวลานี้นางสนมที่อยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่ม ดูยากที่ชายใดจะสามารถจะต้านทานเสน่ห์ได้ และถังหยินก็เป็นผู้ชายเช่นกัน ดังนั้นแน่นอนว่าเขาเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นที่ว่า ชายหนุ่มไม่รอช้า จับหญิงสาวตรงหน้ายกขึ้นในทันทีด้วยมือเพียงข้างเดียว

เช่นเดียวกับที่เขาจินตนาการไว้ ต้นขาของฮัวหลงเรียบบเนียนและเรียวยาว ไม่มีเนื้อส่วนเกินแม้แต่นิดเดียว นี่เป็นเรื่องที่หายากยิ่งนัก จนแม้แต่ถังหยินก็คาดไม่ถึง ทว่าเขาไม่มีเวลาคิดอย่างรอบคอบอีกต่อไปแล้ว ด้วยความคิดของชายหนุ่มถูกเบี่ยงเบนไปในทันทีเมื่อเจอเข้ากับผิวอันงดงามของฮัวหลง ที่มันนุ่มนิ่มราวกับว่าสามารถบดขยี้ได้ด้วยแรงเพียงเล็กน้อย

….ในเวลานี้ดวงตาของถังหยินเต็มไปด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า

ขณะที่ถังหยินกำลังจะทำตามขั้นตอนสุดท้าย จู่ ๆ เขาก็รู้สึกเจ็บที่ริมฝีปาก จากนั้นก็เป็นฮัวหลงที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาที่ผลักตัวออกไปอย่างแรง

ถังหยินเลียหยดเลือดที่หยดจากมุมริมฝีปาก จากนั้นจึงหันมองไปที่ฮัวหลงด้วยความตกใจ

ดูเหมือนหญิงสาวจะหายใจไม่ทันขณะหอบหายใจระหว่างที่ปลดกระดุมบริเวณคอเสื้อ หลังจากพักฟื้นสักพัก นางก็เงยหน้าขึ้นจ้องตอบชายหนุ่ม

…รอยแดงบนใบหน้าของหญิงสาวไม่ได้จางหายไปเมื่อตอนที่นางกล่าวว่า “เจ้ายังไม่ได้สัญญา…”

จิตใจของถังหยินเต็มไปด้วยความปรารถนา เขาไม่ตอบสนองต่อคำพูดของอีกฝ่าย และถามไปว่า “สัญญาอะไร… ?”

“ให้ข้าเป็นชายาของเจ้า หลังจากที่เจ้าขึ้นเป็นอ๋อง !”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไฟราคะในกายของถังหยินก็พลันดับมอดราวกับโดนน้ำเย็นสาดเข้าใส่ เขามองไปที่ฮัวหลงและไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าร่างกายของนางมีเสน่ห์อย่างมากจนถึงขั้นทำให้ผู้ชายคลั่งไคล้ แต่แค่นี้ยังไม่เพียงพอที่ถังหยินจะทำเช่นนั้น !

เพราะถึงแม้ถังหยินจะสามารถตกหลุมรักผู้หญิงหลายคนได้พร้อมกัน แต่คนที่เขารักมากที่สุด คนที่ตราตรึงลึกที่สุดในใจเขามีเพียงคนเดียวเท่านั้น ทว่าคนที่ถังหยินรักมากที่สุดก็กลับกลายเป็นคนที่เขาไม่มีวันเอื้อมถึงเสียได้ !!!

เมื่อมองไปยังแก้มที่แดงระเรื่อของฮัวหลงและคิดถึงร่างกายของนาง เปลวไฟในดวงตาของถังหยินก็พลันสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง เขาก้าวไปข้างหน้าและพูดแผ่วเบา “ข้าจะคิดดูอีกที แต่ตอนนี้… ?”

โดยไม่รอให้พูดจบ ฮัวหลงก็ได้หัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนที่ร่างบางจะหลุดออกจากอ้อมกอดของถังหยินไปได้ “ถ้าอย่างนั้น ท่านก็กลับไปคิดให้ดีก่อนก็แล้วกัน” ในขณะที่พูด นางก็ได้เดินไปที่ทางเข้าคลังสมบัติ ก่อนที่จะเคาะประตูนั่น และมีคนรับออกไป

ยัยจิ้งจอกเจ้าเล่ห์นี่ ! เมื่อมองไปยังร่างที่กำลังจากไปของฮัวหลงไฟในกายของถังหยินกลับไม่ได้ดับลง แต่กลับยิ่งลุกโชนขึ้น ! ด้วยตอนนี้เขาได้สัมผัสถึงเสน่ห์ของนางแล้ว และเข้าก็ต้องการที่จะสัมผัสมันให้มากกว่านี้ !

ผู้คนมักจะเป็นเช่นนี้ ยิ่งพวกเขาไม่ได้มันมาไว้ในครอบครอง พวกเขาก็ยิ่งอยากจะครอบครองมันมากขึ้นเท่านั้น และฮัวหลงเอง นางก็ดูจะรู้วิธีใช้ประโยชน์จากจุดนี้เป็นอย่างดี !

เมื่อฮัวหลงพาสาวใช้ทั้งสองออกไป ชิวเจิ้น พี่น้องฉางกวน และคนอื่น ๆ ก็รีบเข้าไปในคลังสมบัติ ซึ่งเมื่อพวกเขาเห็นถังหยินยืนอยู่ที่นั่นด้วยความงุนงง ทุกคนก็พากันรู้สึกว่ามันแปลก

ทว่าเมื่อเดินเข้าไปใกล้ พวกเขาก็พบว่าที่ริมฝีปากของชายหนุ่มนั้นบวมแดง ทำให้ชิวเจิ้นและคนอื่น ๆ ต่างตกตะลึงในพลัน

แต่ทว่าพวกเขาก็เข้าใจได้ในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น และเร่งแสร้งเป็นก้มหัวยุ่งอยู่กับสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเอง ทำเป็นมองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น ฮัวหลงเป็นอดีตพระสนมของท่านอ๋องคนก่อน หมายความว่าถ้าเรื่องนี้รั่วไหลออกไป ใครจะรู้ว่ามันจะทำให้เกิดความปั่นป่วนมากขนาดไหน !!!

ในกลุ่มมีเพียงหยวนเปียวเท่านั้นที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ เมื่อเห็นเลือดไหลออกจากมุมปาก เขาจึงร้องถามด้วยความตกใจ “นายท่าน ทำไม… ปากท่านเป็นแบบนั้นล่ะขอรับ ?”

ถังหยินฟื้นคืนความรู้สึกของเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ใบหน้าชายหนุ่มจะแดงระเรื่อและพูดแก้ตัวไปอย่างลวก ๆ ว่า “ข้าเผลอกัดปากตัวเอง…”

“น่าแปลกนะขอรับ ถึงจะตั้งใจกัด แผลก็ไม่น่าจะมีลักษณะเช่นนี้นะขอรับ”

เส้นสีดำสามเส้นปรากฏบนหน้าผากของถังหยิน ชิวเจิ้น หยวนอู่และทหารยามรอบ ๆ ทันที

ก่อนเป็นหยวนอู่ที่ออกปากตำหนิ “หยวนเปียว เจ้าหยุดพูดไร้สาระได้แล้ว ยังมีสมบัติอีกมากที่เราต้องไปขน มาช่วย ๆ กันก่อนเร็ว !”

“แต่ข้าคิดว่า นายท่านน่าจะโดนกัดมากกว่านะ” หยวนเปียวพึมพำขณะที่เขาเดินไปหาหยวนอู่

“อุก !” ทุกคนแทบจะกระอักเลือดออกมารวมทั้งตัวถังหยินเองด้วย

อีกด้านหนึ่ง ฮัวหลงก็กำลังเดินทางกลับห้องพร้อมกับสาวใช้ทั้งสองคน ก่อนเป็นสาวรับใช้ทางซ้ายที่มองไปรอบ ๆ เพื่อยืนยันว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ และถามเบา ๆ ออกมา “นายหญิง ท่านกับท่านถังหยิ…?”

“มันไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด !” ก่อนที่จะพูดจบ น้ำเสียงเย็นชาของนายหญิงพวกนางก็ได้ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน

…ตอนนี้สีแดงบนใบหน้าของนางหายไปแล้ว เช่นเดียวกับเสน่ห์เย้ายวนบนใบหน้าที่เลือนหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ !

“ถังหยิน… เขา… กวนใจท่านอย่างนั้นหรือเจ้าคะ ?” สาวใช้ถามเสียงต่ำ

“เขาไม่ธรรมดาจริง ๆ” ฮัวหลงส่ายหัวช้า ๆ ไม่ตอบคำอื่นใดอีก