บทที่ 177 กระบี่กระดูกเหล็ก

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

บทที่ 177 กระบี่กระดูกเหล็ก

“กระบวนท่าโฉมงามจันทราเต็มดวง!”

หลินเป่ยเฉินยืนตั้งหลัก กุมด้ามจับดาบด้วยสองมือ ก่อนที่จะยกดาบขึ้นมาตั้งท่าแนวขวางและแสดงกระบวนท่าที่สามของวิชากระบี่รักนิรันดร์ออกมา

กลีบดอกไม้โปรยปราย

คมดาบเป็นประกายราวแสงจันทร์

เมื่อคมดาบพุ่งออกไป มันก็เปล่งแสงสว่างราวกับพระจันทร์เต็มดวง พร้อมด้วยภาพมายาของกลีบดอกไม้ร่วงโรย

ดูสวยงามและน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน

นี่คือวิชากระบี่ที่สามารถใช้ได้ทั้งการโจมตีและการป้องกัน

วิชากระบี่รักนิรันดร์มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 กระบวนท่า

กระบวนท่าเหล่านั้นประกอบไปด้วย ‘ชวนโฉมงามชมบุปผา’ ‘เด็ดบุปผาใต้แสงจันทร์’ ‘โฉมงามจันทราเต็มดวง’ และกระบวนท่าสุดท้าย ‘โฉมงามสะบั้นจันทรา’

จากคำอธิบายของอาจารย์ใหญ่หลิงไท่ซวี กระบวนท่าทั้ง 4 นี้เป็นตัวแทนเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างบุรุษหนุ่มกับหญิงสาว ที่แรกเริ่มก็ต้องทำความรู้จักกัน สนิทสนมกัน ตกหลุมรักกัน และสุดท้ายก็ต้องเลิกรากันไปในที่สุด

เช่นเดียวกับความรัก

ใน 4 กระบวนท่านี้ 2 กระบวนท่าแรกแยกออกเป็นกระบวนท่าจู่โจมและกระบวนท่าตั้งรับอย่างละหนึ่ง

กระบวนท่าที่ 3 สามารถใช้ได้ทั้งสำหรับการโจมตีและตั้งรับ

ส่วนกระบวนท่าที่ 4 มีไว้ใช้เพื่อโจมตีอย่างรุนแรงเท่านั้น

อาจารย์ใหญ่หลิงไท่ซวีอธิบายเอาไว้ในคัมภีร์ว่า คนเราเมื่อเลิกรากัน ก็จะมีความรู้สึกทุกข์ทรมานเสมือนคนที่กำลังจะตายทั้งเป็น ดังนั้นกระบวนท่าที่ 4 จึงมีความอันตรายในการใช้งานมากที่สุด เหมาะสมสำหรับการต่อสู้แบบแตกหักมากที่สุด

หลินเป่ยเฉินยังไม่อยากใช้กระบวนท่าระดับสูงเช่นนี้กับหัวหน้าใหญ่ของสมาคมนักล่าอสูร

ดังนั้น เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจใช้กระบวนท่าที่ 3

แต่ระดับพลังของเขาไม่ได้แข็งแกร่งเท่าชายชราผมเทา

ผู้เป็นหัวหน้าใหญ่มีพลังอยู่ในขั้นปรมาจารย์ระดับที่ 4 แล้ว

แถมยังมีพลังปราณธาตุดินอีกด้วย

ตู้ม!

พลังลมปราณโลหิตสลายคมดาบของหลินเป่ยเฉินหายไปหมดสิ้น

ตัวของเด็กหนุ่มลอยกระเด็นไปด้านหลัง

ต้องกระอักเลือดออกมาจากปากอีกหลายครั้ง

บัดนี้ หลินเป่ยเฉินลอยไปกระแทกกับประตูหินเหมือนเป็นตุ๊กตาหุ่นฟางตัวหนึ่ง

ผลั่ก!

บนร่างกายเกิดบาดแผลฉกรรจ์หลายตำแหน่ง

แต่หลินเป่ยเฉินเตรียมตัวอยู่นานแล้ว เขาใช้วงแหวนวารีรักษาตัวเอง 5 ถึง 6 ครั้ง จากที่บาดเจ็บสาหัสอยู่เมื่อสักครู่ ร่างกายก็เริ่มกลับมาเคลื่อนไหวได้แล้ว

ดังนั้น หลินเป่ยเฉินจึงสามารถหมุนตัวหลบหลีกฝ่ามือของชายชราได้อย่างเฉียดฉิว

แต่ม้วนตัวไปมาได้ไม่นาน เขาก็ถูกพลังลมปราณของหัวหน้าใหญ่ กระแทกเข้าไปอีกหลายครั้งติดๆ

กร๊อบ กร๊อบ กร๊อบ!

เสียงกระดูกแตกหักดังขึ้นไม่หยุด

“ฟู่…”

หลินเป่ยเฉินกระอักเลือดออกมาจากปากอีกคำใหญ่

ด้วยช่องว่างระหว่างพลังที่เยอะเกินไป ถึงแม้เด็กหนุ่มจะยกดาบขึ้นมาปัดป้องอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไม่อาจรอดพ้นการโจมตีจากชายชราได้อยู่ดี

แต่โชคดีที่หลินเป่ยเฉินมีความสามารถพิเศษ สามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ ดังนั้น ร่างกายของเขาจึงฟื้นตัวขึ้นมาทันเวลาเสมอ

“นี่เรา…กลายเป็นกระสอบทรายไปแล้วใช่ไหมเนี่ย?”

หลินเป่ยเฉินคิดด้วยความเศร้า

“อย่าต่อยหน้าสิโว้ย เดี๋ยวเสียโฉมหมด”

เขาแผดเสียงใส่ชายชราผมเทา

บัดนี้ สีหน้าของชายชราเต็มไปด้วยความประหลาดใจที่ซ่อนเอาไว้ไม่มิด

ทำไมเด็กหนุ่มถึงได้แข็งแรงขนาดนี้?

ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น เมื่อเผชิญหน้าผู้มีพลังขั้นปรมาจารย์ระดับที่ 4 อย่างเขา คงได้ตัวระเบิดกระจายเป็นม่านหมอกเลือดไปตั้งแต่กระบวนท่าแรกๆ แล้ว

หรือถ้าไม่ตาย อย่างน้อยก็ต้องพิการ

แต่สำหรับกับหลินเป่ยเฉิน นอกจากกระอักเลือดออกมาเป็นระยะ เด็กหนุ่มก็ไม่มีอาการบาดเจ็บอื่นใดอีกเลย

มิหนำซ้ำ ในดวงตายังปรากฏความสะใจขึ้นมาอีกด้วย

แล้ววงแหวนสีเขียวบนหัวเจ้าหนุ่มนี่คืออะไรกัน?

เวทมนตร์อย่างนั้นหรือ?

มิน่าเล่าถึงหายเจ็บได้เร็วนัก

ชายชราผมเทารู้สึกร้อนรนอยู่ในหัวใจ จึงรีบระเบิดพลังลมปราณออกจากฝ่ามือไม่หยุดพัก

ผลั่ก ผลั่ก ผลั่ก ผลั่ก!

หลินเป่ยเฉินลอยกระเด็นไปทางนั้นทีทางนี้ที เหมือนกับกระสอบทรายที่มีชีวิต

เวลาผ่านไปชั่วชงน้ำชาหนึ่งถ้วย

แล้วในทันใดนั้น

“ติ๊ง!”

เสียงสวรรค์ก็ดังขึ้นในหัวของหลินเป่ยเฉิน

“นายท่านเจ้าคะ การฝึกวิชากระบี่เร้นกายขั้นพื้นฐานฉบับสมบูรณ์ลุล่วงเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้ นายท่านจึงเลื่อนขึ้นมาอยู่ในขั้นกระบี่กระดูกเหล็กแล้วเจ้าค่ะ” น้ำเสียงที่อ่อนหวานของเสี่ยวจี้ดังขึ้นในหูของเขา

แล้วในพริบตาต่อมานั้นเอง

กร๊อบ!

เสียงกระดูกแตกหักดังขึ้นอีกครั้งและอีกครั้ง

หลินเป่ยเฉินพลันรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ร่างกายมีพลังงานกลุ่มใหม่ก่อกำเนิดขึ้นมาไหลเวียนตามกระดูกและอวัยวะทุกสัดส่วน ราวกับเป็นน้ำบาดาลที่ผุดขึ้นมาจากบ่อน้ำใต้ดินอย่างไรอย่างนั้น

ว่าแต่ว่า…มันจะช่วยเพิ่มพลังการต่อสู้บ้างไหมนะ?

เด็กหนุ่มจับด้ามดาบด้วยสองมือ

พลังลมปราณไหลเวียนไปทั่วร่างกาย

“เตรียมรับมือให้ดี”

ดาบถูกตวัดฟันออกไป

วูบ วูบ วูบ วูบ!

พลังฝ่ามือโลหิตสีแดงสดถูกตัดขาดกระจายหายไปในอากาศ

“นี่มันอะไรกัน?”

ชายชราผมเทาหรี่ตาลงด้วยความประหลาดใจ

วิชาฝ่ามือเทพเจ้า ร้อยก้าวสู่ปรภพถูกทำลายลงแล้วอย่างนั้นหรือ?

จังหวะนั้น ผู้เป็นหัวหน้าใหญ่ของสมาคมนักล่าอสูรพลันรู้สึกเจ็บจี๊ดที่หัวใจและปอด

แย่แล้ว

ยาพิษจากน้ำดื่มเริ่มออกฤทธิ์แล้วสิ

แต่นั่นยังไม่เลวร้ายมากพอ ชายชราผมเทาเพิ่งสังเกตเห็นว่าขณะนี้ ระดับพลังลมปราณของตนเองก็ลดน้อยลงไปมากเช่นกัน

ไม่ว่าจะเป็นวิชา ‘โลหิตกระชากวิญญาณ’ หรือวิชา ‘ฝ่ามือเทพเจ้า ร้อยก้าวสู่ปรภพ’ ล้วนเป็นวิทยายุทธ์ระดับ 3 ดาวทั้งสิ้น ดังนั้น จึงผลาญพลังลมปราณจำนวนมากในการใช้งานแต่ละครั้ง

โดยเฉพาะวิชาแรก

นอกจากทำให้เสียพลังลมปราณไปจำนวนมหาศาลแล้ว ยังทำให้ชายชราผมเทาต้องสูญเสียเลือดไปอีกจำนวนไม่น้อย

เมื่อต้องสูญเสียทั้งพลังลมปราณและเลือดไปพร้อมๆ กันเป็นระยะเวลานาน ร่างกายจึงเกิดอาการอ่อนล้าขึ้นมาแล้ว

เมื่อส่วนหนึ่งบาดเจ็บ ส่วนอื่นๆ ก็เริ่มบาดเจ็บตาม

หลินเป่ยเฉินอาศัยจังหวะนี้บุกเข้าโจมตีไม่รีรอ

เขาใช้วิชาตัวเบาวิหคดั้นเมฆ

บุกเข้าประชิดตัวฝ่ายตรงข้าม

ใช้วิชากระบี่สามพิฆาตโจมตีอย่างต่อเนื่อง

เด็กหนุ่มสามารถพัวพันชายชราได้หลายกระบวนท่า

“ยิ่งใหญ่กว่าขุนเขา เจ้าจอมปฐพี…”

บทเพลงถูกเปิดเล่นอยู่ในพื้นหลัง

“วิชามังกรคำรณ โฮก!”

หลินเป่ยเฉินอ้าปากส่งเสียงคำราม

ไม่ว่าจะเป็นพลังกายหรือพลังจิต เด็กหนุ่มก็ทุ่มออกมาสุดตัวแล้ว

ทั้งหมดนี้คือไพ่ตายของเขา

ตลอดการต่อสู้ที่ผ่านมา หลินเป่ยเฉินยังไม่เคยใช้พลังจิตเล่นงานคู่ต่อสู้มาก่อน

ดูจากสีหน้าของชายชราผมเทาแล้ว หลินเป่ยเฉินพอจะคาดเดาได้ว่าหัวหน้าใหญ่ของสมาคมนักล่าอสูร คงไม่เคยฝึกการใช้พลังจิตมาก่อน

แล้วคลื่นพลังจิตของเขาก็รวมตัวเป็นลำแสงสีฟ้าคราม มันหมุนวนกลายเป็นหัวมังกรขนาดใหญ่ พุ่งตรงเข้าไปหาชายชราผมเทาด้วยความเกรี้ยวกราด

ชายชราสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวที่คุกคามเข้ามา ร่างกายของเขาตอบสนองอย่างเชื่องช้ามากกว่าเดิมหลายเท่า

“กระบวนท่ากระบี่สลายสายน้ำ!”

หลินเป่ยเฉินแทงดาบออกไป

นี่คือหนึ่งในกระบวนท่าโจมตีที่เขาสามารถใช้ได้ดีที่สุด มีความเหมาะสมต่อระดับพลัง ณ ปัจจุบันมากที่สุด ซ้ำยังเป็นวิชากระบี่ระดับสูงอีกด้วย

เหมาะสำหรับเป็นท่าไม้ตายอย่างยิ่ง

ภาพมายาของคลื่นน้ำปรากฏขึ้นเป็นพื้นหลังของมังกรวารีถาโถมเข้าใส่ร่างกายของชายชราผมเทา ผู้ซึ่งขณะนี้ขนลุกเกรียวไปทั้งตัวด้วยความหวาดกลัวสยองขวัญ

“ย๊ากกก…”

ชายชราพยายามรวบรวมพลังลมปราณ ระเบิดพลังตั้งรับการโจมตีอย่างสุดความสามารถ

แต่เขาก็ยังลงมือช้าไปก้าวหนึ่ง

คมดาบในมือหลินเป่ยเฉินแทงทะลุหน้าอกของเขาแล้ว

ตู้ม!

พลังลมปราณระเบิดตามติด

“อ๊าก…” ผู้เป็นหัวหน้าใหญ่ของสมาคมนักล่าอสูรกระอักเลือดออกมาจากปาก ตัวคนลอยกระเด็นไปไกลหลายวา กระแทกเข้ากับขั้นบันไดหินหน้าบัลลังก์ ตั้งแต่หัวจรดเท้าปกคลุมด้วยโลหิตสีแดงสด มือและเท้าหงิกงอผิดรูปผิดร่าง

พั่บพั่บพั่บ!

เสียงนกกระพือปีกพลันดังขึ้น

หลินเป่ยเฉินใช้วิชาวิหคดั้นเมฆเข้าไปประชิดตัวคู่ต่อสู้อีกครั้ง ดาบในมือเงื้อขึ้นสูง

นี่ยังคงเป็นกระบวนท่ากระบี่สลายสายน้ำของเคล็ดวิชากระบี่สายน้ำไหล

“อย่าฆ่าข้าเลยนะ…” ชายชราผมเทาตะโกน “ข้ามีความลับสำคัญจะบอก…”

ฟู่!

คมดาบเป็นประกายวูบ

ศีรษะของหัวหน้าใหญ่แห่งสมาคมนักล่าอสูรประจำชายแดนเหนือขาดกระเด็น

หลินเป่ยเฉินทิ้งตัวลงมายืนอยู่หน้าบัลลังก์หิน พูดเสียงดังว่า “ลูกไม้อ่อนหัดแบบนี้ ใช้กับข้าไม่ได้ผลหรอก”

ใครจะไปสนความลับอะไรนั่นกัน

ตัววายร้ายมันก็พูดไปเรื่อยเพื่อหวังรอดชีวิตเท่านั้นเอง

ในบรรดาพระเอกซีรีส์กำลังภายในจำนวนไม่น้อย ต้องพลาดท่าเสียทีให้แก่ตัวร้ายยามบาดเจ็บแบบนี้แหละ

หลินเป่ยเฉินไม่มีทางผิดพลาดแบบเดียวกันเด็ดขาด

เมื่อจ้องมองเห็นว่าชายชราผมเทาไม่กระดุกกระดิกร่างกายอีกแล้ว หลินเป่ยเฉินก็ไม่ลืมที่จะเดินเข้าไปใช้ดาบแทงเข้าไปที่หัวใจฝ่ายตรงข้าม

นี่คือขั้นตอนที่จะข้ามไปไม่ได้

เมื่อทำลายหัวใจศัตรูเรียบร้อยแล้ว หลินเป่ยเฉินถึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

หลังจากนั้น เด็กหนุ่มก็ค่อยๆ หันหน้ากลับมา ส่งเสียงพูดกับกองซากศพที่อยู่ข้างทางเดินว่า “เลิกแสดงละครตบตาได้แล้ว ข้ารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเจ้ายังไม่ตาย…”