บทที่ 178 ไม่กดดาวน์โหลด

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

บทที่ 178 ไม่กดดาวน์โหลด

เสียงพูดของเด็กหนุ่มยังไม่ทันจางหาย

ร่างของชายคนหนึ่งก็กระโดดขึ้นมาจากกองซากศพ และพยายามพุ่งออกไปที่ประตูด้วยความเร็วสายฟ้าฟาด

หลินเป่ยเฉินถึงกับยืนตกตะลึงอยู่ตรงนั้น

อะไรกันครับเนี่ย?

มีคนแกล้งตายอยู่จริงๆ ด้วยหรือ

เมื่อสักครู่ เขาแค่พูดออกไปเล่นๆ เท่านั้นเอง

แต่ว่าชายคนนั้นได้รับพิษอยู่ก่อนแล้ว กระโดดออกไปได้เพียงไม่กี่ก้าว ร่างกายก็เซถลา

หลินเป่ยเฉินใช้วิชาตัวเบาวิหคดั้นเมฆ เพียงพริบตาเดียวก็พลิ้วกายมาถึงข้างตัว

ผลั่ก!

เขาวาดเท้าเตะชายฉกรรจ์คนนั้นจากด้านหลัง

“อย่าฆ่าข้าเลยนะ…”

ชายฉกรรจ์หันหน้ากลับมาร่ำร้องด้วยความหวาดกลัว “ข้าถูกหมายหัวจากวิหารแล้ว ข้ายินดีกลับไปพร้อมกับเจ้าและรับการลงโทษจากวิหารทุกประการ…”

ฟู่!

คมดาบเป็นประกายวูบ

ไม่ต้องรับการลงโทษจากวิหารหรอก รับการลงโทษจากฉันก่อนนี่แหละ

ฝันไปเถอะถ้าคิดจะหนีรอดจากที่นี่

หลินเป่ยเฉินใช้ดาบศีลธรรมตัดศีรษะชายฉกรรจ์ผู้นั้นทันที

เมื่อมองเสื้อคลุมของชายฉกรรจ์ หลินเป่ยเฉินก็มั่นใจว่าฝ่ายตรงข้ามมีสถานะระดับผู้นำในสมาคมแน่นอน

ถ้าก่อนหน้านี้ไม่ได้ถูกพิษเล่นงาน เกรงว่าคงหลบหนีไปนานแล้ว

หลังจากนั้น เด็กหนุ่มก็เดินไล่แทงหัวใจและตัดศีรษะซากศพทุกคนที่อยู่ในห้องโถง

มีแต่ทำเสร็จแล้วเท่านั้น หลินเป่ยเฉินถึงสามารถถอนหายใจออกมาได้อย่างโล่งอกเต็มที่

ในที่สุดทุกอย่างก็จบสิ้นแล้ว

แม้ว่าเขาเกือบจะต้องพ่ายแพ้ให้แก่หัวหน้าใหญ่ของสมาคมนักล่าอสูรก็ตาม

แต่โชคดีที่สุดท้ายผลการต่อสู้ออกมาน่าพอใจ

ถือว่าคราวนี้เขาโชคดีมาก

ยาพิษของผู้เฒ่าหมื่นพิษเปรียบเสมือนของรางวัลจากสวรรค์ ช่วยอำนวยความสะดวกในการกำจัดคนชั่วให้แก่หลินเป่ยเฉินได้มากมายนัก

ถ้าเขาไม่ได้พบผู้เฒ่าหมื่นพิษเร็วขนาดนี้ เรื่องทุกอย่างก็คงไม่ได้ง่ายดายถึงขั้นนี้

ต่อให้หลินเป่ยเฉินจะมีความสามารถในการใช้วงแหวนวารีรักษาอาการบาดเจ็บของตัวเองก็ตาม แต่อย่างไรเขาก็เป็นมนุษย์ไม่ใช่เครื่องจักรกล เขาไม่มีทางทำเช่นนั้นได้ตลอดเวลา

และถ้าหัวหน้าใหญ่ของสมาคมนักล่าอสูรไม่ได้ถูกยาพิษเล่นงาน หลินเป่ยเฉินก็คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแน่ๆ

เมื่อรวมเข้ากับนายใหญ่ลำดับต่างๆ ในสมาคมอีกหลายคน ต่อให้มีหลินเป่ยเฉินอีกสิบคน เขาก็คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนเหล่านี้เด็ดขาด

“ดูเหมือนสวรรค์จะเข้าข้างเราอยู่ไม่น้อยเลยนะ”

หลินเป่ยเฉินพูดกับตัวเองขณะสวมใส่ถุงมือหนังกวางและเริ่มตรวจค้นซากศพของหัวหน้าใหญ่

มีสถานะเป็นถึงนายใหญ่ทั้งที คงไม่ได้ยากจนข้นแค้นเหมือนคนอื่นๆ หรอกกระมัง?

หลินเป่ยเฉินอดคาดหวังไม่ได้

แต่ในไม่ช้า ความคาดหวังของเขาก็เปลี่ยนเป็นความสงสัย

ความสงสัยเปลี่ยนเป็นความผิดหวัง

เพราะในตัวหัวหน้าใหญ่มีเหรียญทองคำเพียง 50 เหรียญเท่านั้นเอง

“หรือว่าตาลุงนี่จะเป็นหัวหน้าตัวปลอมวะ”

หลินเป่ยเฉินสบถออกมาด้วยความหงุดหงิด

สำหรับการต่อสู้ครั้งนี้ เขาต้องสูญเสียกระบี่โดรานกับมีดเจิ้งอี้ ซึ่งเป็นอาวุธวิเศษที่ผ่านการลงนามโดยฝีมือของท่านอาจารย์ฟานซูอัง ถ้าเอาไปขายในท้องตลาดก็จะได้ราคามากกว่า 1000 เหรียญทองคำ นับว่าเป็นความเสียหายที่ใหญ่หลวงนัก

เด็กหนุ่มหวังว่าในตัวชายชราผมเทาน่าจะพกอะไรที่มีค่ามากกว่านั้นอยู่บ้าง

แต่ความเป็นจริงกลับไม่เป็นไปตามที่หวัง

นับว่าการลงทุนทุกครั้งมีความเสี่ยงจริงๆ

“อะฮ้า นึกออกแล้ว ตาแก่นี่ต้องเก็บของมีค่าเอาไว้ในห้องเก็บสมบัติแน่นอน”

หลินเป่ยเฉินดวงตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้น

สำหรับกับกลุ่มกองโจรเช่นนี้ จะต้องมีห้องเก็บสมบัติที่รวบรวมของมีค่าทุกอย่างอยู่แน่นอน

ห้องเก็บสมบัติที่เต็มไปด้วยเหรียญทองคำ ซึ่งเป็นของที่พวกมันปล้นมาได้ตลอดระยะเวลาหลายปี

ทรัพย์สมบัติที่กองเป็นภูเขาเลากา

หลินเป่ยเฉินยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น

เด็กหนุ่มอดชื่นชมความฉลาดของตัวเองไม่ได้

แต่ปัญหาสำคัญก็คือ

ห้องเก็บสมบัตินั่นมันอยู่ที่ไหนกันล่ะ?

หลินเป่ยเฉินหันหน้ากวาดสายตามองรอบตัว

ไม่ว่ามองไปทางไหนก็เจอแต่ศพคนตาย

คนตายที่พูดไม่ได้

เด็กหนุ่มเดินกลับไปหาหัวของชายชราผมเทา ก่อนจะหยิบหัวของอีกฝ่ายขึ้นมา ถามตะกุกตะกักว่า “นี่เจ้า…ยังพอพูดได้อยู่หรือไม่? ตอบข้าหน่อยสิ”

แน่นอนว่าหัวคนตายจะไปตอบได้อย่างไร

ตอนนั้นเอง เด็กหนุ่มถึงได้นึกเสียใจว่า ถ้าตนเองไว้ชีวิตฝ่ายตรงข้ามสักคน เพื่อเอาไว้ถามหาห้องเก็บสมบัติก็คงดี

แต่หลังจากคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน หลินเป่ยเฉินก็เลิกล้มความตั้งใจ

เพราะว่าก่อนหน้านี้ เขาสังหารทุกคนจนแน่ใจว่าพวกมันตายไปกับมือของเขาแล้ว ไม่มีใครจะลุกขึ้นมาตอบคำถามของเขาได้อีก

ต่อให้เอาหัวมาต่อกลับคืนหรือเย็บหัวใจให้เข้ารูปเดิม ก็คงมีแต่เทพเจ้าเท่านั้นที่จะชุบชีวิตคนตายขึ้นมาได้อีกครั้ง

และถ้าหากมีเทพเจ้าอยู่ที่นี่จริงๆ หลินเป่ยเฉินเกรงว่าคงเป็นเขาเองนี่แหละที่ต้องตกตายเป็นคนแรก

“เรานี่มันโง่จริงๆ เลยนะ…”

คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจใส่ตัวเอง

หลินเป่ยเฉินนั่งทำใจอยู่สักครู่ ก็เริ่มตรวจค้นซากศพของหัวหน้าใหญ่ต่อไป

“เอ๊ะ หินก้อนนี้หน้าตาคุ้นๆ ดีแฮะ”

เด็กหนุ่มพบหินก้อนนั้นอยู่ในถุงเก็บของประจำตัวหัวหน้าใหญ่ มันเป็นก้อนหินรูปไข่มีขนาดเท่ากับกำปั้นมือผู้ใหญ่ มองทีแรกจะนึกว่าเป็นไข่ห่าน เพียงแต่ว่าเมื่อเทียบกับขนาดของมัน ถือว่าเป็นก้อนหินที่มีน้ำหนักเยอะผิดปกติทีเดียว

หินก้อนนี้มีสีดำ

แล้วหลินเป่ยเฉินก็นึกออกขึ้นมาในทันที

ตอนที่อาจารย์ฉู่นำตัวเขาไปที่วิหารเทพกระบี่ ชายชราได้นำก้อนหินลักษณะแบบเดียวกันนี้ออกมาเป็นของสักการะเทพเจ้า เพื่อเริ่มทำพิธีเปิดจุดก่อกำเนิดพลังปราณธาตุในร่างกายให้แก่เขา

ของแบบนี้…

น่าจะมีราคาไม่น้อยหรอกมั้ง?

ถ้าเอาไปขาย น่าจะได้เหรียญทองคำกลับมาพอสมควร

เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลินเป่ยเฉินก็อารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย

ต่อจากนั้น เด็กหนุ่มก็ตรวจค้นถุงเก็บของอย่างละเอียด แล้วเขาก็พบคัมภีร์ฝึกวิทยายุทธ์อีกสองเล่ม มีตัวอักษรเขียนอยู่บนหน้าปกว่า ‘วิชาโลหิตกระชากวิญญาณ’ และ ‘วิชาฝ่ามือเทพเจ้า ร้อยก้าวสู่ปรภพ’

หลินเป่ยเฉินลองเปิดอ่านอยู่สักครู่หนึ่ง รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า

“ที่แท้วิชาที่หัวหน้าใหญ่ใช้ก็คือวิชาโลหิตกระชากวิญญาณนี่เอง มันสามารถเปลี่ยนเลือดในร่างกายให้เป็นอาวุธโจมตีคู่ต่อสู้ ดังนั้นต่อให้ไม่เหลืออาวุธติดตัวอยู่อีกแล้ว ก็ไม่ถือว่าสิ้นไร้ไม้ตอกเสียทีเดียว…”

วิชานี้มีประโยชน์มาก

เป็นทีเด็ดเอาไว้ใช้ยามคับขันได้ดี

ยิ่งไปกว่านั้น หลินเป่ยเฉินได้รับประสบการณ์โดยตรงมากับตัวเองว่า วิชาโลหิตกระชากวิญญาณมีความอันตรายอย่างไรบ้าง ดังนั้น เขาจึงรู้แล้วว่ามันมีวิธีการทำงานอย่างไร

แต่ปัญหาใหญ่ก็คือวิชาโลหิตกระชากวิญญาณใช้พลังลมปราณค่อนข้างมาก

ไม่สามารถใช้ในการต่อสู้ระยะยาว

และร่างกายของมนุษย์ก็มีขีดจำกัด

เมื่อใช้วิชาโลหิตกระชากวิญญาณ ร่างกายจะเสียเลือดเป็นจำนวนมาก

ด้วยเหตุนี้ ผู้ฝึกยุทธ์ที่ใช้งานวิชาโลหิตกระชากวิญญาณจำนวนไม่น้อย จึงต้องป่วยด้วยภาวะร่างกายขาดเลือดเรื้อรัง

แต่ปัญหานั้นจะไม่เกิดขึ้นกับหลินเป่ยเฉิน

เพราะว่าร่างกายของเขาไม่เหมือนคนอื่น…

ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าเด็กหนุ่มไม่กลัวการเสียเลือดต่างหาก

เพราะว่าเขามีพลังวงแหวนวารี

หลินเป่ยเฉินสามารถใช้พลังวงแหวนวารีรักษาตัวเองได้รวดเร็วยิ่งกว่าการรับบริจาคเลือดจากสภากาชาดเสียอีก

“ฮ่าฮ่า ถ้าเราสามารถใช้วิชาโลหิตกระชากวิญญาณได้ต่อเนื่อง ก็เหมือนกับเรามีปืนกลมืออยู่กับตัวเลยนะเนี่ย แค่คิดก็เจ๋งแล้ว อุ๊วะอิอิอิ รับรองว่าไม่มีใครจะมาเป็นคู่ต่อสู้ของเราได้เด็ดขาด”

หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข

สิ่งสำคัญคือเขาสามารถใช้วิชานี้ได้ในระยะยาว

ไม่มีวิชาไหนเหมาะสมกับหลินเป่ยเฉินมากไปกว่านี้อีกแล้ว

เด็กหนุ่มสั่งงานให้โทรศัพท์สแกนคัมภีร์โลหิตกระชากวิญญาณโดยไม่ลังเล หลังจากนั้น แอปพลิเคชั่นประจำวิชาก็ถูกสร้างขึ้นมา

แต่เมื่อลองกดดาวน์โหลด หลินเป่ยเฉินก็พบว่ามันเป็นคัมภีร์ฝึกวิทยายุทธ์ระดับ 3 ดาว ต้องใช้การโอนถ่ายข้อมูลถึง 40 GB ซึ่งพลังลมปราณในร่างกายของเขา ณ ตอนนี้ เหลืออยู่เพียง 35 GB เท่านั้น

“ไม่เป็นไร เก็บไว้ดาวน์โหลดทีหลังก็ได้”

หลินเป่ยเฉินยังคงมองโลกในแง่ดี

ส่วนคัมภีร์อีกเล่มหนึ่งมีชื่อว่า ‘ฝ่ามือเทพเจ้า ร้อยก้าวสู่ปรภพ’ เมื่อลองเปิดหน้ากระดาษอ่านดูเล็กน้อย หลินเป่ยเฉินจึงพบว่านี่เป็นคัมภีร์ฝึกวิทยายุทธ์ระดับ 3 ดาว และน่าจะใช้การโอนถ่ายข้อมูลไม่น้อยเช่นกัน

“น่าเสียดายที่ไม่ใช่วิชากระบี่เลยสักเล่ม”

หลินเป่ยเฉินคิดอยู่เล็กน้อยก็เก็บคัมภีร์เข้าไปในพื้นที่เก็บไฟล์ออนไลน์ของโทรศัพท์

แต่นอกจากนี้ ก็ไม่มีของมีค่าในร่างกายของหัวหน้าใหญ่อีกแล้ว

หลินเป่ยเฉินออกตรวจค้นซากศพทุกศพในห้องโถงใหญ่

แต่ก็ได้อะไรมาไม่มาก

เมื่อรวมเข้ากับเหรียญทองคำที่ได้จากตัวหัวหน้าใหญ่แล้ว หลินเป่ยเฉินก็ได้เหรียญทองคำมาทั้งหมด 190 เหรียญเท่านั้น

ส่วนข้าวของอื่นๆ เด็กหนุ่มไม่เสียเวลาสนใจแม้แต่น้อย

ยกเว้นชายฉกรรจ์คนที่แกล้งตายและถูกเขาสังหารเป็นคนสุดท้าย ปรากฏว่ากลับมีตัวตนเป็นถึงหัวหน้าสำนักกระบี่ไฟ นอกจากป้ายประจำตัวแล้ว ก็พกเหรียญทองติดตัวอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

แล้วก็ยังมีคัมภีร์อีกหนึ่งเล่มชื่อว่า ‘สุดยอด 36 วิธีวางแผนร้ายครองพิภพ’ ซึ่งประกอบไปด้วยเนื้อหาการวางแผนร้ายชนิดต่างๆ ที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ด้วยซ้ำ

“ฮึ ถึงกับพกของแบบนี้อยู่กับตัว ไม่แปลกใจเลยที่จะสอนลูกให้เป็นสาวกจอมปีศาจแบบนั้น สมควรแล้วล่ะที่จะถูกวิหารเทพกระบี่ตามล่าตัว..เจ้าพวกคนโฉดเอ๊ย”

หลินเป่ยเฉินสบถออกมาอีกหลายคำ ก็จัดการใช้โทรศัพท์มือถือสแกนคัมภีร์วางแผนร้าย และสร้างแอปพลิเคชั่นของมันขึ้นมาในแอปสโตร์ เขาต้องใช้การโอนถ่ายข้อมูลเป็นจำนวน 1 GB ในการดาวน์โหลด

แต่เด็กหนุ่มตัดสินใจยังไม่ดาวน์โหลดตอนนี้