บทที่ 322 : กิตติศัพท์แห่งกระบี่มาร
จู่ๆชางกวนเจี๋วยแห่งตระกูลชางก็โพล่งขึ้นมา เขาคือชายหนุ่มที่ใช้ตะขอคู่เป็นอาวุธ ชางกวนเจี๋วยพูดยิ้มๆด้วยใบหน้าที่ไม่เป็นมิตร
“หลิงหยุน.. ในเมื่อเจ้าบอกว่าเจ้าไม่ใช่คนของนิกายมาร แล้วเจ้าฝึกวิทยายุทธจากสำนักใหน? อาจารย์ของเจ้าเป็นใคร? หากเจ้าบอกกับพวกเรา พวกเราก็จะพักเรื่องนี้ไว้ก่อน รอออกไปข้างนอกค่อยสะสาง!”
หลิงหยุนคิดในใจว่า ‘ข้าฝึกวิทยายุทธจากสำนักใหนงั้นรึ?’ หลิงหยุนนึกขึ้นมาได้ในเวลานั้นจึงบอกไปว่า
“ข้าฝึกวิชาจากสำนักหมอสวรรค์ แล้วข้าก็ไม่จำเป็นต้องบอกชื่ออาจารย์ของข้าให้เจ้ารู้!”
“สำนักหมอสวรรค์?”
ทุกคนที่ได้ยินต่างพึมพำออกมาพร้อมกัน และต่างคนต่างก็หันไปมองหน้ากันไปมาด้วยสายตาที่ว่างเปล่า สายตาและสีหน้าของแต่ละคนต่างบอกว่า ไม่เคยมีใครได้ยินชื่อสำนักหมอสวรรค์มาก่อน
หมัดเทวะ-เถี่ยเจิ้งผิงถึงกับพูดออกมาว่า “ข้าเคยได้ยินแต่สำนักหมอหุบเขาเทวะ แล้วก็สำนักเบญจพิษ แต่สำนักหมอสวรรค์ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน?!”
สายตาของชางกวนเจี๊วยจับจ้องอยู่ที่หลิงหยุนและไม่ยอมละสายตาไปใหน เขากำลังจับผิดคำพูดของหลิงหยุนว่าเป็นความจริงหรือเรื่องหลอกลวงกันแน่? แต่หลังจากนิ่งฟังอยู่อนาน เขาก็พูดขึ้นว่า
“สำนักหมอสวรรค์งั้นรึ? พวกข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน เจ้าช่วยบอกรายละเอียดของสำนักนี้ให้ฟังหน่อยจะได้ไม๊?”
หลิงหยุนได้ตอบคำถามของพวกเขาไปแล้ว แต่เมื่อเห็นชางกวนเจี๋วยยังคงต้องการจะขุดคุ้ยให้ลึกขึ้น ในที่สุดหลิงหยุนก็หมดความอดทน เขาพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“เจ้าคิดบ้างหรือไม่ว่าคำถามของเจ้านั้นช่างไร้สาระสิ้นดี?”
จนถึงตอนนี้.. ร่างกายของหลิงหยุนยังคงดูดซับพลังชีวิตจากน้ำลายมังกรอย่างไม่หยุดหย่อน เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาราวกับเป็นหลุมที่ไม่มีก้นหาที่สิ้นสุดไม่ได้ ไม่ว่าจะดูดซับพลังชีวิตเข้าไปมากเท่าไหร่ ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเต็มเสียที
พลังชีวิตที่ทรงพลังนี้ไม่เพียงดูดซับเข้าไปทั่วร่างกายของเขา แต่ยังไหลเข้าสู่เส้นลมปราณหลัก และตรงเข้าจุดตันเถียนของเขา อีกทั้งยังหมุนเวียนอยู่ด้านในไม่หยุดหย่อน
หลิงหยุนแอบเดินวิชาพลังลับหยินหยางอยู่เงียบๆ พร้อมกับชูกระบี่โลหิตแดนใต้ขึ้น แล้วชี้นิ้วไปทางชางกวนเจี๊วยและซีเหมินกังที่อยู่ตรงหน้า
“เจ้าสองคนอย่าพล่ามมัวแต่พล่าม.. ถ้าต้องการจะสู้กับข้าก็เข้ามาได้เลย แต่ถ้าไม่.. ก็หลีกทางซะ! ต่างคนต่างไม่ยุ่งเกี่ยวกันจะดีกว่า!”
ต้องนับว่าหลิงหยุนสุภาพและใจเย็นมากที่สุดแล้ว หากหันไปมองหน้าตู้กู่โม่ตอนนี้ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วนกับการกระทำของคนพวกนี้
พูดจบ.. หลิงหยุนก็ก้าวเท้าออกเดินตรงไปข้างหน้าอย่างไม่เกรงกลัว!
ชางกวนเจี๋วย หนานกงเจี้ยน และคนอื่นๆต่างก็มองหน้ากันไปมา ความโหดร้ายปรากฏขึ้นในดวงตาของพวกเขาวูบหนึ่ง ระหว่างที่หลิงหยุนเดินผ่านไปนั้น ชางกวนเจี๋วยก็ยกตะขอคู่ในมือขึ้น เพื่อเตรียมพุ่งใส่แขนขวาของหลิงหยุน!
‘รนหาที่ตายสินะ!’ หลิงหยุนเตรียมพร้อมสำหรับการถูกโจมตีอยู่แล้ว เขาไม่แม้แต่จะหันหลังกลับไปมอง กระบี่โลหิตแดนใต้ที่หนักกว่าสี่สิบกิโลกรัมในมือของหลิงหยุนถูกตวัดไปทางด้านหลังทันที
เมื่อชางกวนเจี๋วยเห็นเช่นนั้น เขาก็รีบชักตะขอคู่ในมือกลับทันที ชางกวนเจี๋วยรู้ความน่ากลัวของกระบี่โลหิตแดนใต้เป็นอย่างดี เขาจึงไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้องกระบี่วิเศษเล่มนั้น แต่ก็พูดขึ้นมาเสียงดังว่า
“หมอนี่มีลับลมคมใน! ปากบอกไม่ใช่คนของนิกายมาร แต่ไนมือกลับถือกระบี่โลหิตแดนใต้ไม่ยอมวาง.. เจ้าจะอธิบายอย่างไร?”
หนานกงเจี้ยนรีบพุ่งออกมาทันที เมื่อเห็นว่าหลิงหยุนยังไม่ได้ดึงกระบี่กลับมาจากด้านหลัง และเห็นว่าสบโอกาสเหมาะ จึงรีบยกกระบี่ยาวในมือของตนเองจี้เข้าไปที่ลำคอของหลิงหยุน
หลิงหยุนยิ้มเยือกเย็น มือซ้ายของเขาพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เป้าหมายอยู่ที่กระบี่แหลมคมของหนานกงเจี้ยน ระหว่างนั้นก็โคจรดารกะดายันไปทั่วร่างเพื่อเป็นเกราะป้องกัน พร้อมกับใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางคีบกระบี่ที่พุ่งเข้ามาได้ทันท่วงที
“หนานกงเจี้ยน เพลงกระบี่ของเจ้าช้าไปนะ!”
หลิงหยุนเย้ยหยันในขณะที่นิ้วในมือซ้ายคีบกระบี่ของหนานกงเจี้ยนไว้แน่น และมือขวาของเขาก็ยกกระบี่โลหิตแดนใต้ฟันใส่กระบี่ในมือของหนานกงเจี้ยน ทันทีที่สิ้นเสียง เช้ง!! กระบี่ในมือของหนานกงเจี้ยนก็เหลือเพียงแค่ด้ามจับ
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะยกกระบี่วิเศษในมือขวาแทงเข้าไปที่แขนขวาของหนานกงเจี้ยน หนานกงเจี้ยนตกใจกลัวจนตัวสั่น และรีบพุ่งตัวหลบไปไกลถึงห้าเมตร
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ตะขอคู่ของชางกวนเจี๋วยก็พุ่งเข้าใส่ขาของหลิงหยุนอีกครั้ง คิ้วของหลิงหยุนขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เขาใช้มังกรพรางร่างเคลื่อนที่เข้าหาชางกวนเจี๋วยอย่างรวดเร็ว
ชางกวนเจี๋วยคาดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะสามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ จึงตั้งใจจะดึงตะขอคู่กลับมา แต่ช่างโชคร้ายที่ทุกอย่างสายไปเสียแล้ว เพราะตะขอคู่ของเขาได้ถูกหลิงหยุนฟันจนขาดออกเป็นสองท่อนเรียบร้อยแล้ว!
ชางกวนเจี๋วยหวาดกลัวจนต้องกระโดดหลบหนีออกไปอีกคน!
หลิงหยุนถือกระบี่โลหิตแดนใต้ยืนตระหง่านอยู่ในความมืดมิด พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังกังวาน
“ทุกคนเห็นแล้วใช่ไม๊? ปัญหาแก้ง่ายนิดเดียว.. ยังมีใครต้องการจะขัดขวางข้าอีกหรือไม่?”
เพียงแค่เคลื่อนไหวไม่ถึงห้าครั้ง อาวุธของชางกวนเจี๋วยและหนานกงเจี้ยนต่างก็ถูกหลิงหยุนฟันจนขาด แต่นี่นับว่าหลิงหยุนปราณีอย่างมากแล้ว ที่เพียงแค่ใช้กระบี่ฟันแค่อาวุธของผู้อื่นหักโดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย นี่ยังไม่นับว่าเป็นความปราณีของเขาอีกงั้นหรือ?
หลังจากที่ใช้เวลาอยู่ใต้หลุมยุบขนาดใหญ่แห่งนี้ หลิงหยุนก็ได้เรียนรู้ถึงความลี้ลับและพลังของพื้นพิภพ ก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นพลังชี่ เขาจึงไม่ต้องการที่จะสร้างศัตรูที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้น
ตู้กู่โม่ได้เตือนเขาไว้แล้วว่า คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนของตระกูลเก่าแก่และนิกายลับ ดังนั้นไม่ว่าจะเพื่อความชอบธรรมหรืออะไร หลิงหยุนก็ไม่ต้องการฆ่าใครอีก ไม่เช่นนั้นแล้วจากนี้ไป วันๆเขาคงจะไม่ต้องทำอะไร นอกจากคอยรับมือกับศัตรูเหล่านี้
พัดของซีเหมินกังได้ถูกหลิงหยุนฟันขาดไปแล้ว ยังคงเหลือตงฟางถิงและหมัดเทวะเถี่ยเจิ้งผิงที่ยังคงไม่เคลื่อนไหว ส่วนเหลยเวิ่นชิงที่ดูลังเล เมื่อเห็นพลังและความแข็งแกร่งของหลิงหยุน จึงได้แต่เก็บปืนและปล่อยเขาไป
แน่นอนว่าตู้กู่โม่ไม่ต้องการที่จะขัดขวางหลิงหยุนตั้งแต่แรกแล้ว แต่ดูเหมือนตอนนี้เขาจะตกใจเสียมากกว่า เขาเพิ่งจะรู้ว่าเพราะอะไรหลิงหยุนจึงได้ยอมรับคำท้าของเขา หลิงหยุนไม่เพียงแค่ใช้สองนิ้วคีบกระบี่ของหนานกงเจี้ยนไว้ได้อย่างรวดเร็วและอาจหาญ ซึ่งน้อยคนนักที่จะสามารถทำเช่นนั้นได้!
‘หากเป็นกระบี่ของข้า หลิงหยุนจะสามารถใช้นิ้วคีบแบบนี้ได้หรือไม่นะ?’
หลิงหยุน.. ชายหนุ่มที่มิอาจหยั่งรู้ได้ ทุกคนที่อยู่ในนั้นต่างคิดเห็นตรงกัน!
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่มีใครสังเกตุเห็น.. ห่างไปราวสี่สิบเมตร เจ้างูยักษ์ที่ใช้ลำตัวโอบล้อมบ่อน้ำลายมังกรไว้พร้อมกับชูคอขึ้นสูงกว่าสิบเมตรนั้น ดวงตาสุกสว่างและมีมีขนาดใหญ่เท่าลูกบาสเก็ตบอลของมันกำลังจ้องมองมาทางหลิงหยุนที่ถือกระบี่โลหิตแดนใต้ไว้ในมือ แววตาของมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและเปี่ยมไปด้วยความเคารพ!
และนี่คือเหตุผลว่าเพราะเหตุใดเจ้างูยักษ์จึงหยุดการโจมตี!
หลายปีมาแล้วที่มันลืมเลือนเรื่องนี้.. งูเหลือมตัวน้อยได้เคยถูกกระบี่สีดำเล่มนี้สับเข้ากลางร่าง และกระบี่เล่มนี้ก็ได้ดูดเลือดของมันจนเกือบจะหมดตัว แต่เพราะความปราณีของเจ้าของกระบี่ มันจึงสามารถมีชีวิตรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้
หลังจากนั้น เจ้าของกระบี่เล่มนี้ก็ได้กลายมาเป็นเจ้านายของงูเหลือมตัวน้อย และมันก็ได้ติดตามเจ้าของกระบี่ไปอาศัยอยู่ในหุบเขาขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าไหร่ เจ้าของกระบี่ก็ได้เสียชีวิตลง แต่ตัวมันเองยังคงมีชีวิตอยู่มาจนถึงเวลานี้
หลังจากที่เจ้านายของมันเสียชีวิตลง มันก็ยังสามารถมีชีวิตรอด และมีอายุยืนยาวมันจนกระทั่งถึงตอนนี้ แรกๆมันก็เลื้อยเล่นไปรอบๆถ้ำแห่งนี้ แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป ตัวของมันก็เริ่มใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถไปใหนได้เหมือนเมื่อก่อนอีก มันจึงได้แต่อาศัยอยู่ในสถานที่แห่งนี้ และใต้แม่น้ำที่มืดมิดแห่งนั้น..