บทที่ 323 : ค่ายกลมรณะ

เจ้างูเหลือมตัวน้อยที่เติบโตขึ้นมาได้ในวันนั้นเพราะเจ้าของกระบี่เล่มนี้ ในวันนี้กลับกลายเป็นงูยักษ์ที่มีขนาดใหญ่มหึมาทำหน้าที่พิทักษ์น้ำลายมังกร..

หลิงหยุนไม่ได้ดูผิดหรอกที่เห็นปุ่มเล็กๆสองปุ่มที่หัวของมัน ในวันข้างหน้ามันจะเติบโตและกลายร่างได้สมบูรณ์หรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับพลังชีวิตในน้ำลายมังกร

ในนาทีที่ตู้กู่โม่กับกลุ่มของเขาพรวดพราดเข้ามาในถ้ำหินนั้น ได้สร้างความหวาดกลัวให้กับเจ้างูมหึมาตัวนี้เช่นกัน เพราะนานมากแล้วที่มันไม่เคยพบเห็นมนุษย์เช่นเดียวกับเจ้านายของมัน

และเพราะมันไม่ได้ติดตามเจ้านายของมันมาเป็นเวลานานมากแล้ว มันจึงไม่ค่อยมีท่าทีเป็นมิตรกับมนุษย์สักเท่าไหร่ อีกทั้งเมื่อชางกวนเจี๋วยเข้ามาพบงูเหลือมมหึมาตัวนี้เข้า ด้วยสัญชาติญาณทำให้เขาลงมือใช้ตะขอคู่ในมือฟันเข้าใส่ร่างของมันทันที

ตอนที่หลิงหยุนได้ยินเสียงคนร้องตะโกนว่าเกล็ดของงูยักษ์นี้แข็งมากตัดไม่ขาดนั้น ความจริงแล้วก็คือเสียงของชางกวนเจี๋วยนี่เอง

ส่วนตู้กู่โม่นั้น แม้จะมีวิทยายุทธที่เยี่ยมยอด แต่ความรู้เรื่องค่ายกลต่างๆนั้น หากจะเทียบกับหลิงหยุนแล้ว ต่างกันราวฟ้ากับดินทีเดียว!

คนจากตระกูลเก่าแก่และนิกายลับที่ลงมาพร้อมตู้กู่โม่นั้น บางคนก็มาด้วยกัน.. เช่นซีเหมินกังกับหนานกงเจี้ยน หรือบางคนก็มาคนเดียว.. เช่นตู้กู่โม่กับตงฟางถิง

ในการลงมาสำรวจก้นหลุมยักษ์ครั้งสำคัญนี้.. พวกเขาต่างก็ใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสองวัน เพราะที่ก้นหลุมยักษ์แห่งนี้มีทั้งถ้ำหินและหลุมศพ อีกทั้งหนทางก็ค่อนข้างซับซ้อน

อีกทั้งก่อนที่จะลงมาสำรวจก้นหลุมได้ ทั้งหมดก็ได้ปะทะกันหลายครั้งตั้งแต่อยู่ปากหลุมแล้ว วุ่นวายไม่ต่างจากฝูงแมลงวันเลยทีเดียว หลังจากที่ปะทะกันอยู่สองสามครั้ง ทั้งหมดจึงตกลงใจที่จะลงมาสำรวจพร้อมกันโดยมีตู้กู่โม่รวมอยู่ในกลุ่มด้วย

ตู้กู่โม่นับว่าเป็นเด็กหนุ่มที่มีพรสวรรค์อย่างมาก ความสามารถและกำลังภายในของเขานั้นก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว นอกจากตู้กู่โม่จะมีกำลังภายในที่สูงส่งและเพลงกระบี่ที่ล้ำเลิศแล้ว ความคิดความอ่านของเขายังอยู่เหนือความคิดทางโลกอีกด้วย อีกทั้งยังมีความรู้เรื่องแผนผังแปดทิศ และการทำนายที่เป็นเลิศเช่นกัน

ดังนั้นระหว่างที่ยืนสำรวจภูมิประเทศรอบๆอยู่บนเขาหยกด้านใต้ ตู้กู่โม่ก็สามารถบอกได้ว่าสถานที่แห่งนี้คือค่ายกลมังกรหยินหยาง

ตู้กู่โม่เองก็ไม่ได้ต้องการจะเอาตัวเข้าไปวุ่นวายกับยอดฝีมือพวกนี้ แต่เขารู้ว่าที่ก้นหลุมยักษ์แห่งนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เขาคิด ไม่เพียงแค่มีค่ายกลที่ซับซ้อน แต่ยังมีสัตว์ประหลาดที่ดุร้ายมากมายหลายประเภท หากเขาลงมาสำรวจที่นี่เพียงคนเดียว คงเป็นเรื่องที่เหนื่อยยากและลำบากจนเกินไป

หลังจากที่ตู้กู่โม่ชั่งน้ำหนักระหว่างข้อดีกับข้อเสียดูแล้ว เขาจึงตัดสินใจที่จะลงมาสำรวจค่ายกลมังกรหยินหยางแห่งนี้พร้อมกับยอดฝีมือคนอื่นๆ

ถ้าเช่นนั้นเหตุใดหลิงหยุนจึงไม่พบกับดักใดๆเลยระหว่างที่ทำการสำรวจหลุมยักษ์แห่งนี้ แต่กลับพบเพียงสัตว์ประหลาดไม่กี่ตัวเท่านั้น

นั่นเพราะว่าหลิงหยุนเคยศึกษาเรื่องค่ายกลมาก่อน เขาจึงมีความรู้เรื่องค่ายกลหลากหลายและลึกซึ้ง จึงทำให้คุ้นเคยกับโครงสร้างและกับดักของค่ายกลมังกรหยินหยางได้เป็นอย่างดี

หลิงหยุนจึงเลือกที่จะใช้ถ้ำหินถ้ำที่สามเป็นเส้นทางเข้าไปสู่ดวงตามังกรหยิน และตัดสินใจเลือกเข้าทางประตูแห่งความตาย ยอมผ่านถ้ำค้างคาวดูดเลือด เพื่อตรงไปสู่บริเวณดวงตามังกรหยินที่จะมีพลังหยินบริสุทธิ์สูงสุด แต่เมื่อพบว่ายังไม่ใช่จุดที่เป็นดวงตามังกรหยินจริงๆ หลิงหยุนก็ตัดสินใจที่จะเดินหน้าต่อ และในที่สุดเขาก็สามารถไปถึงจุดที่เป็นดวงตามังกรหยินจริงๆได้

แต่หากหลิงหยุนเลือกที่จะเข้าทางประตูแห่งชีวิต เพื่อใช้เป็นเส้นทางมุ่งสู่ดวงตามังกรหยินแล้วล่ะก็ เขาจะต้องพบเจอกับสิ่งกีดขวางและกับดักอีกมากมาย

และเมื่อไปถึงตำแหน่งดวงตามังกรหยินแล้ว หลิงหยุนก็เริ่มลงมือฝึกวิชาพลังลับหยินหยางทันที จากนั้นจึงมาพบกับกลุ่มของตู้กู่โม่!

ซีเหมินกัง ชางกวนเจี๋วย และคนอื่นๆ ล้วนอยู่ภายใต้การนำของตู้กู่โม่ซึ่งนับว่าเป็นผู้รู้เรื่องค่ายกล ทั้งหมดได้ผ่านความยากลำบากมามากมาย อีกทั้งยังฆ่าสัตว์ประหลาดมานับไม่ถ้วน จนยอดฝีมือที่ร่วมเดินทางมาด้วยนั้น ได้เสียชีวิตไปแล้วเจ็ดถึงแปดคน

หลังจากดั้นด้นเดินทางกันอยู่สามวันสามคืน คนที่เหลือจึงสามารถฝ่ากับดักต่างๆมาได้หมด เรียกได้ว่าเลือดตาแทบกระเด็นกันเลยทีเดียวกว่าจะมาถึงค่ายกลมังกรหยินหยางแห่งนี้ได้

แต่เมื่อพวกเขามาถึงตำแหน่งหัวใจมังกรได้แล้ว ยังไม่ทันที่จะได้พักหายใจอย่างโล่งอก ก็ต้องเผชิญหน้ากับงูยักษ์ตัวมหึมา จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายคนจะพากันกรีดร้องออกมาเมื่อถูกมันโจมตีเข้า!

ในกลุ่มยอดฝีมือเหล่านั้น ชางกวนเจี๋วยเป็นคนเดียวที่ส่งเสียงดังตลอดการสำรวจ และเมื่อเจ้างูยักษ์เห็นคนพวกนั้นเขา มันจึงรู้สึกโมโหและพุ่งเข้าโจมตีทันทีที่คนพวกนั้นปรากฏตัว

ในจังหวะนั้น.. ทั้งหลิงหยุนและเจ้าขาวปุยต่างก็เร่งรีบเช่นกัน และในตอนนั้นหลิงหยุนเองก็ไม่รู้ว่ากระบี่มังกรดำในมือของเขานั้น ที่แท้เป็นกระบี่โลหิตแดนใต้ และสามารถฟันร่างเจ้างูยักษ์นั่นได้อย่างสบาย เขาจึงเลือกที่จะหลบเจ้างูยักษ์แทนการจู่โจม และรีบพาเจ้าขาวปุยหาที่หลบซ่อนตัว

สำหรับเจ้างูยักษ์มหึมาที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางรอบตัวถึงสองเมตรนั้น ในสายตาของมันแล้ว หลิงหยุนเป็นเพียงแค่เศษเนื้อ จึงไม่สะดุดสายตาของมันเท่าไหร่นัก มันจึงเลือกที่จะพุ่งเข้าใส่กลุ่มของชางกวนเจี๋วยแทน

จนกระทั่งซีเหมินกังร้องตะโกนพร้อมกับกระโดดหลบการจู่โจมของงูยักษ์ และพุ่งเข้าไปขวางหน้าหลิงหยุนไว้ คนอื่นๆและเจ้างูยักษ์จึงค่อยหันมองมาทางหลิงหยุน

เป็นเวลานานมากแล้วที่เจ้างูเหลือมยักษ์ได้ลืมเลือมเจ้านายของมันซึ่งเป็นเจ้าของกระบี่วิเศษเล่มนี้ แต่มันยังจดจำกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือของหลิงหยุนได้อย่างแม่นยำ!

หลังจากที่หลิงหยุนใช้กระบี่ในมือฟันอาวุธของยอดฝีมือทั้งสามคนจนขาดสองท่อน ทุกคนที่ได้เห็นความแข็งแกร่งของกระบี่เล่มนี้ ต่างก็ไม่มีใครกล้าขวางทางหลิงหยุนอีกเลย เขาจึงเดินตรงไปที่ประตูศิลาทีละย่างก้าว โดยที่มือขวากำกระบี่โลหิตแดนใต้ไว้แน่น ส่วนมือขวาก็แอบกำตะปูไว้ด้วย

แม้ชางกวนเจี๋วยและซีเหมินกังอยากจะพูดอะไรออกมา แต่ก็เลือกที่จะปิดปากเงียบ และยอมให้หลิงหยุนเดินตรงไปที่ประตูศิลาโดยที่ไม่สามารถหยุดยั้งเขาได้ เพราะหลิงหยุนเพิ่งจะฟันอาวุธของพวกเขาทั้งสองคนหัก หากหลิงหยุนต้องการทำร้ายพวกเขาทั้งคู่ พวกเขาก็คงไม่มีทางหนีรอดแน่..

เมื่อหลิงหยุนเดินฝ่าวงล้อมของยอดฝีมือเหล่านั้นไปแล้ว ทุกคนต่างก็เดินตามหลังหลินหยุนไปเงียบๆ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเหล่ายอดฝีมือจะแตกแยกออกเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย..

กลุ่มแรกมีซีเหมินกัง หนานกงเจี้ยน และชางกวนเจี๋วย อีกลุ่มคือเถี่ยเจิ้งผิงกับเหลยเวิ่นซิง ส่วนตงฟางถิงนั้นอยู่ตัวคนเดียวไม่เข้ากลุ่มกับใคร

เห็นได้ชัดว่าชางกวนเจี๋วยพยายามยุยงให้ทุกคนจัดการกับหลิงหยุน แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองจากยอดฝีมือคนอื่นๆ เพราะในเวลานั้นต่างคนต่างก็เริ่มคิดเห็นแตกต่างกัน

ยอดฝีมือเหล่านี้ต่างก็ไม่ได้มาด้วยกันตั้งแต่แรก พวกเขาเพียงแค่รวมตัวกันชั่วคราวเพื่อดูแลกันและกันระหว่างสำรวจก้นหลุมเท่านั้น ความสามัคคีกลมเกลียวของพวกเขาจึงเบายิ่งกว่าเม็ดทราย

ตอนนี้ทุกคนต่างก็สามารถเข้ามาจนถึงตำแหน่งหัวใจมังกรได้ และทุกคนย่อมรู้ว่าสมบัติล้ำค่าต่างๆกำลังรออยู่ตรงหน้า ในเวลาที่ต่างคนต่างคิดเห็นไม่ตรงกันนั้น ทุกคนต่างก็เริ่มทำตามความต้องการของตนเอง

แม้จะไม่ได้หันหลังกลับไปมอง หลิงหยุนก็สัมผัสบรรยากาศด้านหลังของเขาได้อย่างชัดเจน และรู้ดีว่าคนพวกนั้นต่างรอคอยให้เขาทลายประตูศิลา เพื่อที่พวกเขาจะได้วิ่งเข้าไปหยิบสมบัติที่อยู่ด้านหลังประตูนี้ แต่หลิงหยุนไม่ใส่ใจ..

เพราะหลังจากทดสอบฝีมือเล็กๆน้อยๆแล้ว หลิงหยุนก็รู้ว่าสองคนในกลุ่มนี้ไม่มีทางที่จะหยิบอะไรไปได้อย่างแน่นอน

ไม่นานนัก.. หลิงหยุนก็เดินไปถึงที่หน้าประตูศิลาที่อยู่ทางด้านซ้ายมือ เขาสำรวจดูที่ประตูอย่างละเอียด แต่ก็ไม่พบปุ่มหรือกลไกใดๆอยู่บนประตู เขาลองใช้มือผลักประตูศิลา แต่ก็ไม่ขยับเขยื้อน..

หลิงหยุนลองใช้วิชาพลังลับหยินหยาง รวบรวมกำลังภายในทั้งหมดที่มีอยู่ และออกแรงผลักประตูศิลาอย่างสุดกำลัง แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้ประตูศิลาขยับได้แม้แต่น้อย เขาขมวดคิ้วพร้อมกับคิดว่าจะสามารถใช้กระบี่ในมือพังประตูเข้าไปได้หรือไม่?

ระหว่างนั้น ตู้กู่โม่ก็พุ่งเข้าไปหาหลิงหยุนที่อยู่หน้าประตูศิลา และช่วยเขาสำรวจที่ประตูอยู่เป็นเวลานาน และลองกระโดดเหยียบลงไปบนพื้น แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น..

“น่าแปลก.. ในเมื่อมีประตู เหตุใดจึงไม่มีกลไกหรือปุ่มเปิด? ไม่สมเหตุสมผลนัก..”

กลุ่มยอดฝีมือสามคนที่ยืนรออยู่ด้านหลังเป็นเวลานาน เมื่อเห็นว่าหลิงหยุนไม่สามารถเปิดประตูศิลาได้ ก็ได้แต่แอบผิดหวังอยู่ในใจ และจู่ๆทั้งสามคนก็นึกสนุกขึ้นมา พวกเขาต่างก็ไม่รอเฉยอีก ทั้งสามคนตรงไปยังประตูที่เหลืออีกสองบาน

“นี่หลิงหยุน.. ข้าว่าเจ้าแกล้งเปิดไม่ได้มากกว่า? ถ้าเจ้ากลัวว่าคนพวกนั้นจะเข้าไปเอาสมบัติแล้วล่ะก็ เจ้าสบายใจได้เลย ทันทีที่เจ้าเปิดประตูได้ ข้าจะยืนขวางประตูไว้ให้เจ้าเอง รับรองว่าพวกเขาเข้าไปเอาสมบัติไม่ได้แน่!” ตู้กู่โม่กระซิบบอกหลิงหยุน

ตู้กู่โม่เชื่อว่าในเมื่อหลิงหยุนสามารถมาถึงที่นี่เพียงลำพังได้ อีกทั้งยังมาถึงก่อนพวกเขาเสียอีก แสดงว่าหลิงหยุนต้องเข้าใจกลไกและกับดักของค่ายกลมังกรหยินหยางดีกว่าเขาแน่!

หลิงหยุนแอบยิ้ม คนพวกนั้นไม่อยู่ในสายตาของเขาแม้แต่น้อย หากเขาสามารถหาทางเปิดประตูได้ เขาก็จะรีบใช้มังกรพรางร่างขั้นสูงสุดพุ่งเข้าไปกวาดเอาสมบัติข้างในเก็บเข้าไปไว้ในแหวนพื้นที่จนหมดแน่

หลิงหยุนกระซิบตอบเสียงเบา “ฉันเปิดไม่ได้จริงๆ ประตูศิลานี่ถูกเชื่อมต่อกับกำแพงหินของถ้ำหินแห่งนี้ ประตูก็ถูกปิดไว้อย่างมิดชิด หาปุ่มหรือกลไกสสำหรับเปิดไม่พบเลย แสดงว่าวิธีเปิดประตูศิลานี้ต้องไม่ใช่การเปิดประตูแบบปกติแน่!”

ตู้กู่โม่ได้ฟังถึงกับทำสีหน้างุนงง แล้วพูดขึ้นมาว่า “ถ้าเจ้าหาปุ่มหรือกลไกสำหรับเปิดไม่ได้ ก็ใช้กระบี่วิเศษในมือทลายประตูซะสิ!”

หลิงหยุนฟังตู้กู่โม่แล้วกรอกตาไปมาพร้อมกับส่งกระแสจิตตอบไปว่า “ฉันไม่รู้ว่าพวกนายทั้งหมดลงมาที่นี่ได้ยังไง? นายคิดว่าค่ายกลมังกรหยินหยาง จะให้คนทลายประตูได้ง่ายๆงั้นเหรอ? ใช้สมองหน่อยสิ?”

ตู้กู่โม่และยอดฝีมือคนอื่นๆอาจจะไม่รู้สึกผิดปกติอะไร แต่หลิงหยุนสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่านอกเหนือจากพลังชีวิตจากน้ำลายมังกรแล้ว ยังมีอย่างอื่นที่แม้แต่หลิงหยุนก็ไม่สามารถอธิบายได้อีก..

ไม่ว่าใครก็ตาม.. หากใช้กำลังทลายประตูศิลา ก็เท่ากับกระตุ้นให้ค่ายกลมรณะทำงาน และเมื่อถึงตอนนั้นทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนี้จะต้องตาย หากไม่สามารถหนีออกไปได้

คิดดูง่ายๆว่า.. ค่ายกลมังกรหยินหยางแห่งนี้ถูกออกแบบไว้เพื่อกักขังมังกร และในเมื่อแม้แต่มังกรยังถูกกักขังไว้ในค่ายกลแห่งนี้ได้ จึงไม่ต้องพูดถึงหลิงหยุนและคนอื่นๆที่อยู่ในนี้

ตอนนี้ทุกคนยังปลอดภัยดีอยู่ ก็เพราะยังไม่มีใครกระตุ้นให้ค่ายกลมรณะทำงาน!

“อะไรนะ? พวกนายใช้เวลาสามวันสามคืนเชียวเหรอ?! พวกนายลงมาที่นี่วันใหน?” หลิงหยุนหันไปถามตู้กู่โม่

“ก็ในคืนที่เราสองคนนัดปะลองกันนั่นล่ะ! ข้ามาตามสัญญาแล้ว และก็รออยู่ที่ผาพยัคฆ์ แต่ไม่เห็นเจ้ามาสักที อีกอย่างยอดฝีมือหลายคนต่างก็จะลงมาที่นี่ ข้าก็เลยรอเจ้าต่อไม่ได้!”

“ฉันรู้แล้ว.. ฉันเห็นข้อความของนายที่สลักไว้บนราวเหล็กแล้ว..”  หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับถามต่อว่า

“หลังจากที่ลงมาแล้ว เจ้าเห็นงูเหลือมตัวใหญ่มากบ้างไม๊?”

ตู้กู่โม่เกาศรีษะพร้อมกับครุ่นคิด “เจ้าหมายถึงตัวที่อยู่ก้นหลุมใช่ไม๊? ข้าพบมัน.. แล้วก็ฟันมันไปสองครั้ง..”

สองสามวันนี้ตู้กู่โม่เจองูเหลือมเยอะมาก งูพวกนั้นว่าใหญ่มากแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะมาเจอตัวที่ใหญ่ที่สุดที่นี่อีก!

“โธ่เอ๊ย.. นายฟันมันสองทีแล้วก็หนีออกมา มิน่า.. มันถึงโมโหใส่ฉันแทน! ว่าแต่วันนี้เป็นวันที่ 9 เมษายนสินะ?”

หลิงหยุนลงมาที่นี่ในคืนวันที่ 6 เมษายน และนี่ก็ผ่านมาสามวัน วันนี้ก็น่าจะเป็นวันที่ 9

หลิงหยุนไม่คิดว่าเขาจะใช้เวลาถึงสามวันสามคืนในการฝึกเพื่อให้เข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-4 เขาได้แต่มองเจ้าขาวปุยที่อยู่ข้างตัว ไม่รู้ว่ามันทนอยู่ได้อย่างไร?

ตู้กู่โม่ส่ายหน้า “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว แค่เดินสำรวจก้นหลุมก็กินเวลาไปหนึ่งวันเต็มๆแล้ว เพราะฉะนั้นวันนี้น่าจะเป็นวันที่ 10 เมษายน..”

“ห๊ะ..?!” หลิงหยุนร้องตะโกนเสียงดัง!

หลิงหยุนกับตู้กู่โม่มัวแต่คุยกัน จึงไม่ทันได้สังเกตุเห็นว่ายอดฝีมือในกลุ่มของซีเหมินกังทั้งสามคน ต่างก็ช่วยกันฟาดฝ่ามือด้วยกำลังภายในทั้งหมดที่มี ลงบนประตูศิลาที่อยู่ตรงกลางอย่างรุนแรง

“แย่แล้ว! นั่นพวกเจ้ากำลังทำอะไร?” หลิงหยุนร้องตะโกนออกมาอย่างตกใจ

ยังไม่ทันสิ้นเสียงของหลิงหยุน.. เสียงครืน!! ก็ดังสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณ และทุกคนในที่นั้นต่างก็ได้ยินกันเต็มสองหู