บทที่ 285 เธอกำลังแข็งข้อ
บทที่ 285 เธอกำลังแข็งข้อ
“ระวังกิลด์กลอรี่? หมายความว่ายังไงน่ะ?” เซียวเฟิงถาม
“ต้นกำเนิดของกิลด์กลอรี่นั้นเป็นองค์กรใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในฟากใต้ ชื่อว่าแก๊งชิงหลง พวกนี้มันอำมหิตและไม่ปฏิบัติตามกฏหมาย ครั้งหนึ่งมีกิลด์ขนาดใหญ่เคยไปมีเรื่องกับกิลด์กลอรี่ในเกม จากนั้นแก๊งชิงหลงก็บุกเข้าไปยังที่ทำการของกิลด์นั้นในโลกจริง ๆ ภายในค่ำคืนนั้นเลย มันเป็นเรื่องที่สั่นสะเทือนโลกของเกมมากเลยทีเดียว! นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมกิลด์กลอรี่ถึงได้ยิ่งใหญ่ที่สุดในฟากใต้ เพราะว่ากิลด์อื่นเกรงกลัวอำนาจมืดของพวกเขายังไงล่ะ!” ดูมส์เดย์ก็อดพูดด้วยความผงาด
“นายกำลังจะบอกว่าพวกกิลด์กลอรี่อาจจะคิดทำร้ายฉันในโลกความจริงอยู่ใช่หรือเปล่า?” เซียวเฟิงแสดงให้เห็นว่าเขานั้นสนใจเรื่องนี้ขนาดไหน
“ไม่ใช่แค่นาย แต่รวมไปถึงมิดซัมเมอร์ด้วย!” น้ำเสียงของก็อดดูแล้วจะไม่ได้พูดเล่นเลย “ชื่อจริงของ บราเธอร์ไนน์ออฟกลอรี่คือ ซูเจี่ยว เขาเป็นคนใหญ่คนโตของแก๊งชิงหลงรุ่นนี้ ตามที่ฉันรู้มา เขาเป็นคนโหดเหี้ยมมาก ๆ การที่กิลด์มิดซัมเมอร์เกือบจะทำลายกิลด์กลอรี่ได้นั้น มันจะต้องเป็นการสร้างความเกลียดชังให้เขาเป็นอย่างมากแน่ ๆ! ฉันเคยติดต่อกับซูเจี่ยวอยู่บ้าง เขาคนนั้นดูเหมือนจะพยายามสืบหาข้อมูลของนายอยู่ เพราะเขารู้ว่านายน่ะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้กิลด์กลอรี่ต้องล่มสลาย ซูเจี่ยวจะต้องลงมือแน่ ๆ หากเมื่อไหร่เขาได้ข้อมูลของนายไปแล้ว! แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถหาข้อมูลของนายได้จริง ๆ เขาก็คงไม่อดทนรอนานนักหรอกตามนิสัยของเจ้าตัวเอง…ยังไงเสียเป้าหมายของเขาก็ยังมีมิดซัมเมอร์อยู่ด้วย!”
“เข้าใจแล้ว” เซียวเฟิงพยักหน้าและไม่พูดอะไรต่อ เขามองไปยังการก่อสร้างแคมป์ใหม่ของดูมส์เดย์ลีกก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น
“เจ้าแห่งฮีลเลอร์…” ก็อดเริ่มจะโล่งใจเมื่อเห็นเซียวเฟิงหันหน้าไปทางอื่น ตอนนั้นเองเขาก็นึกบางสิ่งบางอย่างได้ขึ้นมาจึงรีบเอ่ยเรียกออกไป
“มีอะไรอีก?” เซียวเฟิงถามโดยไม่หันหน้ากลับมามอง
“เอ่อ…นายพอจะช่วยคุยกับหัวหน้าของกิลด์มิดซัมเมอร์ได้หรือเปล่า ว่าพวกเราดูมส์เดย์ลีกอยากจะขอโทษกับเรื่องที่เคยก่อปัญหาให้ก่อนหน้านี้ พวกเราหวังว่าจะได้โอกาสปรองดองกับมิดซัมเมอร์อีกครั้ง…”
น้ำเสียงของก็อดแสดงออกถึงความช่วยไม่ได้อยู่นิดหน่อย ถึงแม้ว่าลอว์ก็อดที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จะรู้สึกขุ่นเคืองแบบสุด ๆ อยู่ก็ตาม เขาก็ทำได้เพียงเงียบฟัง เพราะตัวเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้เช่นเดียวกัน สถานการณ์ของกิลด์ตอนนี้สำคัญเสียยิ่งกว่าความแค้นส่วนบุคคลซะอีก
“ฉันจะบอกเธอให้ ส่วนคำตอบก็แล้วแต่เธอแล้วกันนะ” เซียวเฟิงไม่ได้อยู่ที่นี่ต่อ เขาเพียงพูดทิ้งท้ายแล้วเดินจากไป
“รีบเร่งมือก่อสร้างแคมป์เร็วเข้า! จากนั้นก็แจ้งทุกคนด้วยว่าต่อจากนี้พวกเขาสามารถเคลื่อนไหวอย่างอิสระได้แล้ว!”
ตอนนั้นเอง ก็อดก็รู้สึกเบาใจเป็นอย่างมาก เขาดูผ่อนคลายลงก่อนจะตะโกนออกมาเสียงดัง
“ท่านหัวหน้า ไม่ใช่ว่าพวกเราต้องหลบให้พ้นจากสายตาของกิลด์มิดซัมเมอร์เหรอครับ? ถ้าขืนพวกนั้นมาเจอว่าเราตั้งแคมป์อยู่ที่นี่ พวกเราจะไม่โดนทำลายกันหมดเหรอ?” ลอว์ก็อดถามด้วยความกังวล
“ไม่เป็นไร นายไม่ได้ยินที่เจ้าแห่งฮีลเลอร์พูดเหรอว่าเขาจะช่วยพูดให้? ดูเหมือนว่าข่าวทั้งสองเรื่องนั้นจะสำคัญกับเขามาก ๆ อย่างน้อยมันก็ช่วยแลกเอาความสงบสุขของดูมส์เดย์ลีกส์กลับคืนมาได้นะ” ก็อดยิ้มขณะตอบ
“เอ่อ…แต่แค่เจ้าแห่งฮีลเลอร์ปล่อยเราไป มันไม่ได้หมายความว่ามิดซัมเมอร์จะปล่อยพวกเราไปด้วยไม่ใช่เหรอครับ? เขาแค่พูดเองว่าจะพูดให้ เขาไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะช่วยแก้ปัญหา…” ลอว์ก็อดยังคงกังวลอยู่
“นี่นายไปนอนอยู่ใต้ต้นองุ่นต้นไหนมาถึงได้ตกข่าวแบบนี้น่ะ? เขาลือกันให้ทั่วว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์กำลังเดตกับเทพธิดาอันดับหนึ่งแห่งเขตฮัวเซียที่อยู่ในกิลด์มิดซัมเมอร์อยู่ ตราบใดก็ตามที่เจ้าแห่งฮีลเลอร์กับเธอคนนั้นมีความสัมพันธ์แบบนี้ มิดซัมเมอร์จะต้องยอมใจอ่อนให้พวกเราแน่ ๆ อย่างน้อย ๆ ก็เพื่อรักษาหน้าของเขาไว้ เข้าใจหรือยัง?” ดูมส์เดย์ก็อดมองไปยังลอว์ก็อดด้วยความเหนื่อยใจที่ลูกน้องของเขาคนนี้ช่างไม่ตามข่าวเอาเสียเลย
“เอ๊ะ…ผมก็สงสัยอยู่แล้วเชียว ทั้ง ๆ ที่พวกเราดูมส์เดย์กับมิดซัมเมอร์ต่างก็ออกหมายล่าหัวเจ้าแห่งฮีลเลอร์พร้อม ๆ กัน แต่มิดซัมเมอร์กลับเลือกที่จะไปอยู่ข้างเจ้าแห่งฮีลเลอร์เสียได้ การเปลี่ยนแปลงกระทันหันแบบนี้ทำเอาผมงงเป็นไก่ตาแตกเลย ทั้งหมดเป็นเพราะแบบนี้นี่เอง…หัวหน้าของมิดซัมเมอร์เป็นเทพธิดาอันดับหนึ่งในเขตนี้…ถ้างั้นผมเข้าใจเหตุผลที่ท่านหัวหน้าพูดแล้วครับ ความรักนี่มันช่างงดงามจังเลยน้า…” ลอว์ก็อดที่คิดตามมองเห็นภาพทุกอย่างชัดเจน
“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบ ๆ รวมทีมแล้วออกหาทรัพยากรต่อเลย! พวกเรามีปัญหาเรื่องนี้กันอยู่นะ!”
“ทราบแล้วครับ!”
…
เซียวเฟิงไม่ได้ตามหาร่องรอยของผู้คุ้มกันแห่งปราสาทใต้พิภพต่อหลังจากหาทั้งสี่แห่งที่ได้จากภารกิจไปแล้ว มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ตอนนี้เขาคงจะต้องยอมแพ้เรื่องนี้ไปก่อนชั่วคราวแล้วรอให้มีเบาะแสใหม่เข้ามาก่อนค่อยหาต่อ
นี่ก็ดึกมากแล้ว อันที่จริงมันเลยเที่ยงคืนมาแล้ว เรียกเช้าวันใหม่ที่ดวงอาทิตย์ยังไม่ขึ้นก็ได้ เขามองเวลาแล้วก็คิดว่าตนเองต้องพักบ้างเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับเวลาที่เหล่าดันเจี้ยนทั้งหลายจะรีเซ็ตตัวเองใหม่อีกครั้ง
เมื่อถอดหมวกเล่นเกมออกแล้ว เซียวเฟิงก็บิดซ้ายบิดขวายืดตัวนิดหน่อย เขานอนอยู่บนเตียงมาทั้งวันขณะเล่นเกม เพราะงั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติที่เส้นตามร่างกายมันจะยึด หลังจากที่ได้ยืดเส้นยืดสายบ้าง ร่างกายก็เริ่มผ่อนคลายลงอีกครั้ง
“แก๊งชิงหลงงั้นเหรอ…”
เขาทวนชื่อนี้เบา ๆ ก่อนส่ายหน้า หากแก๊งชิงหลงกล้าที่จะทำอะไรในโลกแห่งความจริง เขาก็คงจะไม่รังเกียจที่จะได้ออกกำลังกายแบบที่ไม่ได้ทำมาพักใหญ่แล้วหรอก ยังไงเสียเขาก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้วหากจะต้องประมือกับแก๊งใต้ดินขนาดใหญ่อะไรพวกนี้
ในเมื่อตัวเขาเองก็เป็นผู้ที่แฝงตัวอยู่ในความมืดมาตลอด โลกที่เขาอยู่นั้นไม่มีแสงสว่างใด ๆ ส่องลงไปถึงเลยด้วยซ้ำ ตลอดเวลามานี้เขาจำเป็นต้องข่มตัวเองอยู่เสมอเมื่ออยากจะทำอะไรสักอย่างเพราะไม่อยากเสี่ยงกับปัญหาใหญ่ที่จะตามมา
เพราะปัญหานั้นใหญ่ หากมันเกิด ชายหนุ่มจะกลายเป็นเป้าสายตาของเหล่าสิ่งที่เขาหลบเลี่ยงมาเนิ่นนาน การที่เซียวเฟิงไม่ยอมเปิดเผยตัวตนหรือปรากฏตัวต่อหน้าคนอื่นบ่อยนักก็เพราะแบบนี้ด้วยเช่นกัน
ตัวตนของเซียวเฟิงเรียกได้ว่าซับซ้อนมาก ๆ เมื่อใดที่มันถูกเปิดเผยล่ะก็ ไม่ว่าอย่างไรก็จะหนีปัญหามากมายก่ายกองไม่พ้นอย่างแน่นอน!
และบางปัญหามันก็ไม่สามารถแก้อะไรได้เลยนอกจากหนีมันต่อไป!
ยามใดที่เขาจนมุมกับปัญหานี้ นั่นหมายถึง ชีวิตที่สงบสุขของเขาจะถูกทำลายลงไปทันที แม้สิ่งที่เกิดนั้นจะแค่เริ่มต้นก็ตาม!
มองไปยังความมืดมิดด้านนอกหน้าต่าง เซียวเฟิงก็สงบเงียบอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงเดินไปเปิดประตูห้องเพื่อลงไปชั้นล่าง หลังจากที่ถูกความทรงจำแย่ ๆ ปลุกเร้าจนอารมณ์ไม่ดี เขาจึงอยากจะไปหาเครื่องดื่มที่แอลกอฮอล์สูง ๆ ในตู้เย็นอย่างเช่นไวน์มาดื่มซะตอนนี้เลย
“หือ?”
ทว่าเมื่อเซียวเฟิงลงมาถึงด้านล่าง เขาก็พบว่าโคมไฟภายในห้องอาหารนั้นถูกเปิดอยู่ ชายหนุ่มค่อนข้างมั่นใจมากว่าหนิงเคอเค่อน่าจะเข้านอนแล้วในเวลานี้
เขาเดินไปจนถึงห้องอาหารถึงได้พบว่าผู้ที่อยู่ในนั้นคือ หลิวเฉียงเหว่ยที่กำลังเอนกายแนบไปกับเก้าอี้ สิ่งที่อยู่ข้าง ๆ เธอคือไวน์แดง ซึ่งบางส่วนถูกรินใส่แก้วในมือเรียวงามนั้นไปบ้างแล้ว หญิงสาวแสดงให้เห็นว่าตนเองนั้นมีอาการเมามายเล็กน้อย
เซียวเฟิงเลิกระแวงเมื่อเห็นว่าผู้ที่อยู่ด้านในคือหลิวเฉียงเหว่ย เขาทำตามความตั้งใจเดิมที่จะเดินเข้าไปในครัว แต่ถึงอย่างนั้นมันก็อดไม่ได้ที่จะต้องปล่อยหลิวเฉียงเหว่ยไว้แบบนี้
เธอผู้นี้ดูเหมือนจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ผมสีดำราวกับหมึกที่ยาวสลวยนั้นแอบชุ่มชื้นอยู่เล็กน้อย สิ่งที่คลุมร่างอันงดงามอยู่นั้นคือเสื้อคลุมอาบน้ำสีขาวที่บางมุมก็เปิดช่องว่างขนาดใหญ่เผยให้เห็นผิวขาวนวลสวยภายในอย่างวับ ๆ แวม ๆ
โดยเฉพาะตรงอกที่ปกเสื้อเปิดไว้ค่อนข้างกว้างจนสามารถมองเห็นเนินอกสวยเนียนขาวประกบคู่กับร่องลึกที่ดูนุ่มนิ่มจนยากที่จะละสายตาได้
ส่วนท่อนล่างของเสื้อคลุมอาบน้ำนั้นแม้ปกติจะแหวกเหมือนชุดกี่เพ้า แต่ด้วยท่าทีของเธอที่กำลังนั่งพิงกับพนักพิงเก้าอี้พร้อมไขว้ขาอยู่ รอยแหวกนั้นจึงค่อนข้างจะเปิดเผยเรียวขางามไร้ซึ่งตำหนิจนแทบจะถึงสะโพกเลยทีเดียว
แววตาที่งดงามภายใต้แสงสลัวของหญิงสาวนั้น จ้องมองของเหลวสีแดงในแก้วด้วยอาการเหม่อลอย เธอไม่ได้คิดเลยว่าเซียวเฟิงจะออฟไลน์จากเกมและเดินผ่านห้องอาหารในเวลานี้ เพราะงั้นเมื่อเห็นว่าเขาอยู่ด้วย หลิวเฉียงเหว่ยก็ตกใจและพยายามขยับเนื้อขยับตัวเพื่อกระชับชุดคลุมนั้นให้ปกปิดในส่วนที่มันควรจะมิดชิดให้ดี
แต่เพราะท่าที่นั่งอยู่นั้น มันกลับยิ่งทำให้ชุดคลุมเปิดกว้างขึ้นอีก รอยแหวกที่ด้านข้างตอนนี้เองก็เกือบจะถึงเอวบางของเจ้าหล่อนแล้วด้วย
ด้วยเหตุนี้หลิวเฉียงเหว่ยที่รับรู้ได้จึงไม่กล้าที่จะขยับอะไรเพิ่ม เธอแอบมองเซียวเฟิงขณะที่ดวงตาก็มีสีของไวน์แดงตกกระทบอยู่ด้วย ซึ่งแสงที่ส่องผ่านแก้วไวน์นั้นไม่ได้ตกกระทบแค่ดวงตา แต่มันยังตกกระทบลงไปบนใบหน้าสวยจนแก้มนวลผ่องแดงระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด แต่ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้ว แก้มของเธอนั้นแดงเพราะแสงหรือเพราะอะไรกันแน่
เซียวเฟิงมองช่วงล่างของเสื้อคลุมอาบน้ำและพินิจพิเคราะห์ให้ดี ก่อนจะมั่นใจว่าตนเองไม่ได้เห็นอะไรนอกเหนือจากนี้แน่ ๆ เพราะเธอนั่งไขว้ขาอยู่ แม้มันจะวับ ๆ แวม ๆ แต่ก็ถือว่ามิดชิด จากนั้นเซียวเฟิงก็หันกลับไปด้วยความเสียดายนิดหน่อย เขามุ่งหน้าตรงไปยังห้องครัวเพื่อจะเปิดตู้เย็นตามที่ต้องการดังเดิม
หลิวเฉียงเหว่ยมองเซียวเฟิงจากไปด้วยความระแวดระวัง แม้เธอจะดูโล่งอก แต่กระนั้นก็แอบผิดหวังเล็กน้อย ปลายนิ้วเรียวค่อย ๆ กรีดกรายจับที่ฐานแก้วไวน์ช้า ๆ และส่ายไปมาเบา ๆ จากนั้นจึงค่อย ๆ ยกจิบด้วยริมฝีปากสีชมพูหวานเหมือนดอกซากุระ
“อ๊ะ ใช่สิ ดูมส์เดย์ลีกฝากข้อความมาให้เธอน่ะ พวกเขาอยากจะสงบศึกแล้วก็บอกให้ระวังแก๊งชิงหลงเอาไว้”
ตอนนั้นเอง เซียวเฟิงที่ควรจะเดินไปแล้วก็วกกลับมาอีกครั้งเพราะนึกอะไรออกได้พอดี
“เฮ้อ”
หลิวเฉียงเหว่ยถอนหายใจเล็กน้อยผ่านจมูกและไม่ได้พูดอะไรต่อ แววตาคู่สวยยังคงจ้องมองลงไปยังไวน์สีแดงที่อยู่ในแก้ว ใบหน้าอันงดงามนี้ดูเหมือนกำลังแดงระเรื่อเพราะฤทธิ์ไวน์อยู่นิดหน่อย
เซียวเฟิงออกจากห้องครัวอย่างรวดเร็วหลังได้วิสกี้มาขวดหนึ่ง ซึ่งมันน่าจะอยู่ในตู้เย็นมาตั้งแต่ที่เขาซื้อคฤหาสน์หลังนี้แล้ว บางทีอาจจะเป็นสิ่งที่เจ้าของคนเก่าทิ้งเอาไว้
ของเหลวในขวดนี้มีปริมาณแอลกอฮอล์ที่สูงมาก ยิ่งโดนแช่เย็นเช่นนี้มันก็ยิ่งช่วยทำให้สดชื่นมากขึ้นไปอีก เขาเปิดฝาและยกขวดขึ้นกระดกโดยตรงราวกับดื่มน้ำจนของเหลวสีใสนั้นไหลย้อยจากมุมปากลงมากลางอก เซียวเฟิงกระดกวิสกี้ขวดนั้นจนหมดโดยไม่พักหายใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว
มันทำให้เขารู้สึกสบายใจมากขึ้นจริง ๆ จากนั้นเจ้าตัวก็โยนขวดที่ไร้ซึ่งของเหลวก่อนหน้าแล้วลงถังขยะ และเตรียมจะกลับขึ้นชั้นบนไปดังเดิม
“เฮ้!”
ทว่าตอนนั้นเอง หลิวเฉียงเหว่ยที่นั่งพิงเก้าอี้อยู่ก็ส่งเสียงเรียกเขาขึ้นมา
“ว่า?” เซียวเฟิงที่กำลังรู้สึกสบายเนื้อสบายตัวหันกลับไปมองเจ้าของเสียงด้วยความประหลาดใจ
“นายเป็นบ้าอะไรไปน่ะ?”
หลิวเฉียงเหว่ยจ้องมองเซียวเฟิงด้วยดวงตาที่งดงามคู่เดิมพร้อมกับเอ่ยถามถึงบางสิ่งบางอย่างที่เซียวเฟิงไม่คาดคิด
หือ?
ชายหนุ่มชะงักไปครู่หนึ่งด้วยความงุนงง ตามปกติแล้วมันต้องเป็นเขาที่มักจะต่อว่าเธอทั้งสองคนนี้ไม่ใช่หรือไง? ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เธอคนนี้กล้าต่อว่าเขาเช่นนี้?
เธอกำลังแข็งข้อใส่เขาเหรอ?
“เธอพูดอะไรนะ?” เพื่อความชัดเจน เซียวเฟิงจึงจ้องกลับไปยังแววตาคู่สวยของหลิวเฉียงเหว่ยก่อนจะถามย้ำเผื่อว่าเขาจะได้ยินอะไรผิดไป
“ฉันพูดว่า นายเป็นบ้าอะไรไปน่ะ?”
อย่างไรก็ตาม หลิวเฉียงเหว่ยไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวในสายตานั้นของเขาเลย เธอสบตากลับไปโดยตรงและพูดทวนซ้ำ
“เฮ้!”
เซียวเฟิงยิ้มกว้าง นี่มันวันอะไรกันนะ? เธอคิดจะแข็งข้อใส่เขาจริงเหรอ?
“ทำไม? กิลด์เติบโตง่ายเกินไปจนหยิ่งผยองขึ้นมาหรือไง? อยากจะเติบโตลำบากหน่อยไหมล่ะ?” น้ำเสียงของเขานั้นไม่ค่อยจะดีเอาเสียเลย
“ไม่…” สายตาที่จับจ้องของหลิวเฉียงเหว่ยแสดงความตกใจไปครู่หนึ่งก่อนจะกลับมาจ้องมองเซียวเฟิงอีกครั้ง เธอค่อย ๆ บรรจงถามอย่างละเมียดละไมใหม่อีกครั้ง “ฉันกำลังบอกนายว่า นายมีปัญหากับความเป็นชายในตัวนายหรือไง?”
“หา?”
ประโยคนั้นยิ่งกระทบเซียวเฟิงมากกว่าประโยคก่อนหน้าอีก มันทำให้เขาชะงัก งุนงงขณะที่จ้องมองเธอกลับไป
“ยะ…อย่างน้อย ๆ ฉันก็มั่นใจในเสน่ห์ของฉันมากเลยนะ ทำไมนายถึงไม่รู้สึกอะไรบ้างเลย? ถ้านายมีปัญหาเรื่องนั้นจริง ๆ ฉันรู้จักโรงพยาบาลดี ๆ ที่รักษาอาการพวกนั้นได้อยู่…”
แก้มของหลิวเฉียงเหว่ยแดงมากขึ้น กระนั้นเธอก็ยังสั่งตัวเองให้มองเซียวเฟิงด้วยแววตาสวยคู่เดิม แม้ว่าตอนนี้มันจะรู้สึกแปลกนิดหน่อยก็ตาม
“ฉันโคตร…”
เซียวเฟิงจ้องไปยังหลิวเฉียงเหว่ย เขาเกือบจะคุมอารมณ์ของตนเองที่กำลังโกรธไม่ได้ ชายหนุ่มกัดฟันแน่นก่อนจะพูด “แล้วยังไง? อยากจะลองหรือไง?”
“ฉันไม่กลัวนายหรอกนะ”
ใบหน้าสวยของหลิวเฉียงเหว่ยที่ถูกย้อมด้วยสีแดงระเรื่อไม่ได้แสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมาเลย
ของเหลวสีแดงในแก้วที่เธอถือนั้นมันหมดไปแล้ว… ในขวดข้าง ๆ ตัวเองก็เช่นกัน…