ตอนที่ 621 ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ
เยี่ยจิงมองหนุ่มน้อยชุดแดงที่ถูกเหวี่ยงมาด้วยความตะลึง โต้ตอบไม่ได้ในทันที เพียงรู้สึกว่าหัวสมองขาวโพลน ร่างก้าวถอยหลังคิดจะหลบหลีกตามสัญชาตญาณ แต่ไม่รู้ทำไมคล้ายว่าขณะที่ถอยหลังจะเหยียบโดนชายกระโปรงตัวเอง ร่างนางจึงล้มไปด้านหลังเล็กน้อยอย่างเสียสมดุล แต่ไม่รอให้นางประคองตัวได้ก็โดนหนุ่มน้อยที่พุ่งมากะทันหันชนจนล้มไปกับพื้น
“อื้ม!”
เสียงร้องอู้อี้สองเสียงดังขึ้นพร้อมเสียงอุทานรอบๆ ทันใดนั้นผู้คนโดยรอบแต่ละคนต่างนิ่งไป มองหนุ่มน้อยชุดแดงที่พุ่งชนเยี่ยจิงล้มลงพื้นอย่างตะลึงและตกใจ
เฟิ่งจิ่วโดนเหวี่ยงไปกลับไม่มีความรู้สึกเจ็บยามที่ล้มลงพื้น ใต้ร่างช่างอ่อนนุ่ม ซ้ำยังมีกลิ่นหอมหญิงสาวจางๆ ขณะกำลังจะลุกขึ้นกลับรู้สึกไม่ค่อยถูกต้องสักเท่าไหร่ เหมือนว่าสองมือจับของอะไรนุ่มๆ ไว้จึงขยับฝ่ามือบีบลงไปทันที
ทันใดนั้น ได้ยินเพียงเสียงสูดหายใจบริเวณรอบๆ ดังขึ้นพร้อมกับเสียงอุทาน เธอถึงกับไม่ทันได้คิดอย่างละเอียดว่าสัมผัสที่นุ่มนิ่มและเต็มไปด้วยความยืดหยุ่นในฝ่ามือคืออะไร ขณะเพิ่งเงยหน้าขึ้นก็สบเข้ากับใบหน้าหญิงสาวใต้ร่างที่ตกใจอึ้งและตื่นตระหนก
เธอมองหญิงสาวรูปโฉมงดงามใต้ร่าง และนึกถึงการกระทำที่นางช่วยเด็กน้อยไว้ก่อนหน้านี้ ดังนั้นจึงเผยรอยยิ้มออกมา “ไง…”
ยังไม่ทันเอ่ย ก็เห็นสีหน้าคนใต้ร่างเปลี่ยนจากขาวเนียนเป็นแดงก่ำ ระหว่างที่โกรธเคืองและเขินอายนางสะบัดฝ่ามือตบไปทางเฟิ่งจิ่ว ขณะเดียวกันก็ส่งเสียงตะโกนด่าว่า “เจ้าคนบ้ากาม!”
“เฮ้ ยะ… อย่าทำข้า!”
เฟิ่งจิ่วยกมือขึ้นขวางไว้ตามธรรมชาติ แล้วเปลี่ยนจากล้มบนร่างหญิงสาวกลายเป็นนั่งตรงช่วงเอวนางแทน พอลุกขึ้นนั่งถึงจะพบว่าสัมผัสอ่อนนุ่มตรงฝ่ามือที่เธอทั้งจับทั้งบีบและรู้สึกคุ้นเคยนิดหน่อย คือหน้าอกอวบอิ่มของหญิงสาวใต้ร่างที่นุ่มนิ่มที่สุด…
เธอนิ่งและตาค้างไปทันที
มิน่าสีหน้าหญิงสาวถึงแดงก่ำทั้งอายทั้งโกรธ หรือว่าเสียงสูดหายใจรอบๆ ที่ดังขึ้นพร้อมกับเสียงอุทาน เป็นเพราะเธอพุ่งชนสาวงามหนึ่งในสิบผู้มีพรสวรรค์แห่งสำนักศึกษาหมอกดารานามเยี่ยจิงต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้กลางถนน ซ้ำยังไม่ให้เกียรติหญิงสาว ทั้งจับทั้งบีบหน้าอกอวบอิ่มของหญิงสาวต่อหน้าทุกคน นะ นี่มัน…
“ข้าไม่ได้ตั้งใจ!”
เธอรีบร้อนเด้งตัวขึ้นมาส่งเสียงตะโกนลั่น ถึงกับรู้สึกผิดเพราะเหตุนี้และไม่กล้าลงมือกับหญิงสาว
หญิงชุดขาวคนข้างๆ คล้ายจะได้สติกลับมาจากความตกตะลึง ชี้เฟิ่งจิ่วอย่างเกรี้ยวกราดพลางตะโกนลั่น “เจ้าคนบ้ากาม! นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะกล้าจับนางกลางถนน จะ เจ้า… เจ้ารู้หรือไม่ว่านางคือเยี่ยจิง หนึ่งในสิบผู้มีพรสวรรค์แห่งสำนักศึกษาหมอกดารา!”
นางไม่พูดยังดีกว่า พอพูดไปเช่นนี้คนรอบข้างบางคนที่ไม่รู้จักเยี่ยจิงจึงพากันส่งเสียอุทาน
“ซี๊ด! ที่แท้นางคือเยี่ยจิงนี่เอง!”
“นางเป็นสิบผู้มีพรสวรรค์แห่งสำนักศึกษาหมอกดารา นอกจากรูปโฉมโดดเด่นวรยุทธ์ยังไม่เลว นึกไม่ถึงว่าจะโดนหนุ่มน้อยคนนั้นเอาเปรียบกลางถนน…”
ทันใดนั้น เสียงพูดคุยก็ดังขึ้นโดยรอบ สายตาแต่ละคนต่างมองหญิงสาวที่ลุกยืนขึ้นจากพื้นด้วยความอับอายและโกรธเคืองทั้งเบาตาแดงก่ำอย่างแปลกๆ
เฟิ่งจิ่วกลับไม่มองเยี่ยจิงที่ลุกขึ้นมา แต่เหลือบมองไปทางหญิงชุดขาวที่ประคองเยี่ยจิง
“เจ้าคนบ้ากาม! ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ถึงอย่างไรก็เป็นแค่สาวน้อยอายุสิบหก นางที่แม้นิสัยสุภาพอ่อนโยนทว่าแต่ไหนแต่ไรยังไม่เคยได้รับความอับอายแสนลำบากเช่นนี้ยังเบ้าตาแดงจัด ละอองน้ำเกาะกันในดวงตา พร้อมสะบัดฝ่ามือโจมตีไปทางหนุ่มน้อยชุดแดงที่ถอยไปข้างๆ
“เฮ้ อย่าตีๆ ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ”
………………………………………………….
ตอนที่ 622 เฟิ่งจิ่วโดนตบ
เฟิ่งจิ่วกระโดดออกอย่างรวดเร็ว และก้าวถอยหลังหลบไป
เห็นสาวน้อยนามเยี่ยจิงทั้งอายและโกรธเช่นนั้น ซ้ำยังโดนผู้คนรอบข้างชี้นิ้วพูดคุยกัน ในใจเธอเสียใจอย่างยิ่ง แม้เธอเป็นผู้หญิงแต่ตอนนี้ยังสวมชุดผู้ชาย ในสายตาคนอื่นเธอจึงเป็นหนุ่มน้อยที่เอาเปรียบผู้หญิง จะพูดอย่างไรล้วนไม่มีเหตุผล
เพราะก่อนหน้านี้เห็นสาวน้อยนามเยี่ยจิงคนนี้ช่วยเด็กคนนั้นไว้ ซ้ำยังเห็นว่ากลิ่นอายบนร่างนางสุภาพอ่อนโยนอย่างยิ่ง เธอชื่นชมเยี่ยจิงคนนี้บางส่วน แต่ตอนนี้เห็นนางทั้งอายทั้งโกรธและยังตาแดงเพราะฝืนทนไม่ให้น้ำตาไหล เห็นแล้วก็เสียใจยิ่งนัก
ดังนั้นขณะที่หลบเธอจึงชะลอความเร็วลงบางส่วน ระหว่างที่ฝ่ามือนางตบมาก็ถอยหลังกลิ้งล้มไปกับพื้นอย่างไม่ทิ้งร่องรอย ในความเป็นจริงกลับไม่ทำให้นางบาดเจ็บแม้แต่น้อย เพราะขณะที่เยี่ยจิงทั้งอายทั้งโกรธ ฝ่ามือสะบัดไปอย่างไร้แบบแผน เหมือนนางแค่ระบายอารมณ์ ด้วยเหตุนี้เธอจึงวางแผนซ้อนแผนยอมตามนาง
“ซี๊ด! ยะ อย่าตีเลย ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ อ๊ะ!”
เธอโดนเตะกลิ้งลงพื้น ชุดสีแดงกลิ้นไปกับพื้นจนเปื้อนฝุ่นไปทั้งตัว พลางโบกมือร้องตะโกนอย่างขวัญหนีดีฝ่อ หลังจากลุกยืนขึ้นยังวิ่งให้นางไล่ตาม สภาพน่าอับอายตลกเสียจนทุกคนรอบๆ ที่ชี้นิ้วใส่เยี่ยจิงหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
“ดูหนุ่มน้อยคนนั้นสิ โดนตบเสียจนน่าอับอายนัก”
“สมน้ำหน้า ใครใช้ให้เขาเอาเปรียบแม่นางคนนั้นกัน”
“จริงด้วย ควรจะระบายอารมร์กับเขาเสียหน่อย”
“พวกเจ้าดูม้าของหนุ่มน้อยคนนั้นสิ มีนายเช่นไรย่อมมีม้าเช่นนั้นจริงๆ ยังจะบิดสะโพกส่ายหางน้ำลายไหลอยู่ตรงนั้นอีก!”
“จริงด้วย เมื่อครู่ข้าก็เห็นว่าม้าตัวนั้นบ้างวิ่งบ้างกระโดดพลางบิดสะโพก เป็นม้าที่ประหลาดนัก มองพันธุ์ไม่ออกเลย”
“เหอะๆๆ เห็นนายโดนตบมันยังทำท่าตื่นเต้นดีใจอยู่ตรงนั้นอีก น่าขำจริงๆ”
ได้ยินทุกคนเคลื่อนการชี้นิ้วพูดคุยจากเยี่ยจิงมาบนร่างเธอกับเหล่าไป๋ เฟิ่งจิ่วจึงล้มลุกคลุกคลานวิ่งกลับไปข้างกายเหล่าไป๋ด้วยสีหน้าตื่นตกใจ พร้อมลากเหล่าไป๋ที่ยังน้ำลายไหลฉีกยิ้มให้เยี่ยจิงคนนั้นออกไป
“เร็ว เหล่าไป๋ วิ่งไปเร็ว!”
เธอลากไปอย่างยากลำบากและเหมือนจะลากไม่ไป สีหน้าแดงก่ำทั้งร้อนรนและตื่นตระหนก เห็นเยี่ยจิงคนนั้นยังไล่ตามสะบัดฝ่ามือมาทางเธอ ก็ตกใจเสียจนสะดุ้งโหยง ปากอุทานเสียงหลง
“อ๊ะ! มาอีกแล้วๆ! อย่าตบข้าอีกเลย ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ…”
ระหว่างอุทานเธอก็หลบไปอีกข้างของเหล่าไป๋ทันที
เหล่าไป๋เห็นสาวงามไล่ตามมา ปากก็อ้าน้ำลายไหล มันพ่นลมหายใจ แลบลิ้นจะไปเลียหน้าสาวน้อยคนนั้น
เยี่ยจิงเห็นหนุ่มน้อยคนนั้นหลบไปข้างตัวม้าด้วยท่าทางน่าอับอายและสีหน้าตกใจ หลังจากสงบลงถึงรู้ว่าหนุ่มน้อยคนนั้นโดนม้าเหวี่ยงมา แค่นางนึกถึงตอนที่โดนหนุ่มน้อยคนนั้นลูบคลำ ในใจยิ่งอายและขุ่นเคืองอย่างยิ่ง
ทว่ายามนี้ถอนหายใจสงบจิตใจลง เห็นหนุ่มน้อยโดนตบไปหลายที ความโกรธก็ระบายไปไม่น้อย และเห็นม้าตัวนั้นที่ทั้งประหลาดทั้งหื่นกามไปบ้างยื่นลิ้นมาหานาง ก็ตกใจเสียจนถอยหลังไปหนึ่งก้าวทันที ถลึงตามองหนุ่มน้อยชุดแดงด้วยความขุ่นเคือง
“อย่าให้ข้าเห็นหน้าเจ้าอีก!”
เฟิ่งจิ่วชะโงกหัวออกมากะพริบตาอย่างไร้เดียงสา เห็นนางลากหญิงชุดขาวคนนั้นเร่งฝีเท้าจากไป ก้มหน้ามองตนเองที่สภาพกระเซอะกระเซิง ก็ส่ายหน้าหลุดยิ้มทันควัน ถอนหายใจเสียงเบาพร้อมตบๆ หลังหัวเหล่าไป๋และดึงหูมันไว้ทันที
“แกล้งนายท่าน? หืม? มีม้าที่แกล้งนายเช่นเจ้าด้วยหรือ?”
………………………………………………….