ตอนที่ 623 ปักหลัก
“ฮี้!”
เหล่าไป๋โน้มต่ำลงถึงกีบหน้า เชิดตั้งสะโพกสะบัดส่ายอย่างเอาใจ มันที่โดนดึงหูไว้ไม่กล้าหนีเลย ได้แต่ร้องเสียงเบาและพยายามทำให้นายท่านหายโกรธ
หนุ่มน้อยผิวคล้ำที่มองเสียจนตาค้างไปวิ่งตามมา มองม้าประหลาดที่มีพลังวิญญาณมากนัก แล้วมองหนุ่มน้อยชุดแดงที่เปื้อนฝุ่นขี้เถ้าไปทั้งตัว ขยับปากไม่รู้จะพูดอะไรดี
“ครั้งหน้าหากเจ้ากล้าเห็นสาวงามแล้วตื่นเต้นเสียจนเกินขอบเขต ข้าจะตอนเจ้าซะ”
เฟิ่งจิ่วหรี่เสียงลงพูดข้างหูเหล่าไป๋เบาๆ น้ำเสียงนั้นมีกลิ่นอายอันตรายบางส่วน เย็นเยียบ และเต็มไปด้วยเจตนาตักเตือน
เพียงเห็นเหล่าไป๋ได้ยินแล้วเหงาหงอยทันที สะโพกที่ส่ายสะบัดไม่กล้าขยับอีกต่อไป มันหมอบลงบนพื้นอย่างเป็นระเบียบ พร้อมทั้งร้องเสียงเบา
“หึ!”
เฟิ่งจิ่วแค่นเสียงเย็นถึงจะปล่อยมือที่ดึงหูมันออก ปัดๆ ฝุ่นขี้เถ้าบนตัว แล้วเหลือบมองหนุ่มน้อยที่ยืนอึ้งข้างๆ บอกว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าโรงเตี๊ยมไหนไม่เลวนะ? ตั้งอยู่ที่ใด? นำทางไปซิ!”
“โอ้ ได้ๆ อยู่ข้างหน้าไม่ไกล คุณชายตามข้ามาเลย” หนุ่มน้อยได้สติกลับมาก็รีบเอ่ยไป เห็นคุณชายชุดแดงจูงม้าเอง เขาจึงนำทางอยู่ข้างหน้า
ความเชื่อในสิ่งที่เห็นก่อนหน้านี้ เห็นคุณชายชุดแดงในความเสเพลรักอิสระยังมีความเกียจคร้านบางส่วน เดิมนึกว่าเป็นคุณชายจากในตระกูลใหญ่ ต้องมาลงชื่อสมัครที่สำนักศึกษาหมอกดาราแน่ๆ แต่เมื่อเห็นภาพก่อนหน้านี้ เขาก็ทิ้งความเป็นไปได้นั้นไปทันที
คุณชายชุดแคงคนนี้หน้าตาหล่อเหลาโดดเด่น เขาอยู่เมืองซิงอวิ๋นมาหลายปียังไม่เคยเห็นชายคนไหนเทียบกับหน้าตาอันงดงามของเขาได้ แต่ภาพที่โดนตบเสียจนหัวซุกหัวซุนนั้นทำให้เขาเสียภาพลักษณ์ไปมากจริงๆ
อย่างไรเขาก็นึกไม่ถึงว่าคุณชายท่าทางสูงส่งเช่นนี้จะทำเรื่องน่าขายหน้าเช่นนั้นได้ เดาว่าถึงอยู่ในตระกูลก็คงเป็นแค่ลูกชายผู้ลากมากดีที่ไร้การศึกษา
“คุณชาย เป็นที่นี่แหละ”
หนุ่มน้อยผิวคล้ำพาเฟิ่งจิ่วมาถึงหน้าโรงเตี๊ยมที่หรูหรา บอกว่า “โรงเตี๊ยมนี้มีชื่อเสียงในเมืองฝั่งตะวันออก พื้นที่ด้านในค่อนข้างใหญ่ ซ้ำยังมีเรือนให้คนในโรงเตี๊ยมสามารถดื่มชาพูดคุย ข้างในพักได้สะดวกสบายยิ่ง แต่ราคาก็สูงมากเช่นกัน”
“อืม” เฟิ่งจิ่วขานรับ พร้อมทั้งมองโรงเตี๊ยมนั้น
เห็นว่ามาแขกมาผู้ช่วยด้านในจึงออกมาต้อนรับ “คุณชายจะพักโรงเตี๊ยมหรือขอรับ? รีบเชิญด้านใน”
“ดูแลม้าข้าอย่างดีด้วย”
เธอยื่นเชือกม้าให้ผู้ช่วย ถึงจะบอกกับหนุ่มน้อยผิวคล้ำที่คอยอยู่ข้างๆ ว่า “เจ้ากลับไปเถอะ! ไม่ต้องนำทางข้าแล้ว” ตอนนี้เธอแค่อยากจะไปอาบน้ำและพักผ่อนสักพัก
หนุ่มน้อยผิวคล้ำเกาหัวอย่างเกรงใจนิดหน่อย “ชะ เช่นนั้นสิบเหรียญเงินนี้…” เขาแค่นำทางมาหนึ่งช่วงถนน และเล่าเรื่องไปบ้างคร่าวๆ จะเอาเงินเขาไปสิบเหรียญเงินเหมือนจะไม่ค่อยดีเท่าไร
ได้ยินเช่นนี้เฟิ่งจิ่วก็ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ โบกๆ มือ “เจ้ากลับไปได้แล้ว” กล่าวจบก็จะสาวก้าวเดินเข้าโรงเตี๊ยม ยามนี้กลับเห็นหนุ่มน้อยผิวคล้ำยื่นของสิ่งหนึ่งมาให้
เธอหันมองไปเล็กน้อย เห็นหนุ่มน้อยคนนั้นเอ่ยยิ้มๆ อย่างเกรงใจ “นี่เป็นแผนที่เมืองซิงอวิ๋น ข้าวาดขายเอง สิ่งนี้ ข้าให้คุณชายไปแล้วกัน!” ระหว่างพูดหลังจากเขานำแผนที่ยัดใส่มือเฟิ่งจิ่วก็วิ่งไปโดยเร็ว
เห็นเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วก็เลิกคิ้วและหลุดยิ้มเล็กน้อย มองแผนที่ในมือแล้วส่ายหน้าก้าวเดินเข้าโรงเตี๊ยมไป หลังจากจ่ายเงินถึงจะตามผู้ช่วยไปยังห้องปีกด้านหลัง…
………………………………………………….
ตอนที่ 624 เม็ดบัวเขียวในท้อง
เฟิ่งจิ่วที่อาบน้ำเสร็จเข้ามายังห้วงมิติ ภายในห้วงมิตินอกจากหงส์ไฟน้อยยังมีอสูรกลืนเมฆา
หลังจากอสูรกลืนเมฆาโดนเฟิ่งจิ่วส่งเข้าห้วงมิติมาอยู่เป็นเพื่อนหงส์ไฟน้อย ความหยิ่งผยองแต่ดั้งเดิมก็โดนขัดเกลาจนไม่เหลือ ต่อหน้าสัตว์เทวะในตำนาน แม้มันจะบรรลุกลายเป็นสัตว์เทวะแล้ว ก็ยังต้องเป็นสัตว์เลี้ยงเชื่องๆ ตัวหนึ่ง
เมื่อเฟิ่งจิ่วที่เข้ามาห้วงมิติเห็นหงส์ไฟน้อยกำลังฝึกบำเพ็ญก็แปลกใจนิดหน่อย เจ้าหนูนี่ทำไมถึงว่าง่ายยอมเริ่มฝึกบำเพ็ญขึ้นมา? เธอนึกว่ามันจะยังแทะโสมอยู่ในนี้เสียอีก! ไม่นึกเลยว่ารอบนี้เธอไม่ต้องบอกก็ฝึกบำเพ็ญในห้วงมิติด้วยตนเองได้
เห็นเช่นนี้เธอนั่งขัดสมาธิในห้วงมิติ ชำเลืองมองอสูรกลืนเมฆาที่หมอบอยู่ข้างๆ อย่างซื่อสัตย์ภักดี แล้วกระดิกนิ้วเรียก “มานี่”
อสูรกลืนเมฆาเห็นก็รีบเร่งลุกขึ้นเดินเข้ามาตรงหน้านางอย่างเอาอกเอาใจ
“อยู่ที่นี่เจ้าถูกหงส์ไฟน้อยรังแกหรือเปล่า?” เธอเอ่ยถามยิ้มๆ พลางลูบเส้นขนแสนปุกปุยของอสูรกลืนเมฆา
อสูรกลืนเมฆาได้ยินก็มองไปทางร่างเล็กที่กำลังฝึกบำเพ็ญ จากนั้นเอ่ยปาก “นายท่าน ข้าออกไปอยู่กับเหล่าไป๋ได้หรือไม่?” แม้ข้างในนี้จะอุดมไปด้วยพลังวิญญาณ แต่สัตว์เทวะในตำนานตนนั้นอยู่ที่นี่ แรงกดดันแข็งแกร่งเกินไป มันอกสั่นขวัญแขวนตลอดคงฝึกบำเพ็ญได้ไม่ดี
ได้ยินเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วเหลือบมองมัน “เหล่าไป๋เพิ่งสร้างปัญหาให้ข้า หากเจ้าออกไปสัตว์สองตัวอยู่ด้วยกันเรื่องวุ่นวายจะยิ่งมาก” พูดจบเธอก็ลุกยืนขึ้น บอกว่า “ตั้งใจฝึกบำเพ็ญเถอะ!”
เฟิ่งจิ่วออกจากห้วงมิติทันทีเพื่อไม่ให้มันพูดอะไรอีก ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ พลางส่ายหน้า ทอดถอนใจว่า “แต่ละตัวนี่อดห่วงไม่ได้เลย”
เธอไม่ได้ออกจากห้องแต่หลับอยู่ข้างในสักพัก กระทั่งท้องฟ้าค่อยๆ มืดลงจนค่ำคืนมาเยือนถึงจะออกจากโรงเตี๊ยม และไปเดินเล่นตามสถานที่บนแผนที่ จนดึกดื่นถึงจะกลับมาพักผ่อนที่โรงเตี๊ยม
เพียงแต่หลังจากกลับมาเธอยังไม่เข้านอน แต่นั่งสมาธิฝึกบำเพ็ญบนเตียง ทว่าเมื่อเธอเรียกรวมกลิ่นอายพลังวิญญาณให้ไหลเวียน กลับพบว่ากลิ่นอายพลังวิญญาณในร่างหายไปอย่างรวดเร็ว ราวกับถูกอะไรบางอย่างดูดซับไว้ พลังวิญญาณจึงไม่อาจก่อตัวกันได้
“เป็นไปได้อย่างไร?”
สีหน้าเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย คิ้วขมวดกันขึ้นมา เธอรวบรวมกลิ่นอายพลังวิญญาณต่อไปอย่างไม่เชื่อ แต่ลองอยู่หลายครั้งกลิ่นอายพลังวิญญาณในร่างล้วนไม่ก่อตัว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ามันจะไหลเวียนในร่าง
เพราะเหตุนี้เธอจึงเข้าไปห้วงมิติทันที นั่งสมาธิฝึกบำเพ็ญ แต่เมื่อดูดซับกลิ่นอายพลังวิญญาณที่อบอวลในห้วงมิติเข้ารวมในร่างกลับยังคงหายไปอย่างน่าแปลกใจ ลองติดต่อกันหลายต่อหลายครั้งล้วนเป็นเช่นนี้
“ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ?”
เธอตกตะลึงนิดหน่อย จับชีพจรตนเองกลับไม่มีปัญหาอะไร หนำซ้ำเธอยังลองใช้กลิ่นอายพลังเร้นลับ พบว่ามันยังก่อตัวได้ มีแต่กลิ่นอายพลังวิญญาณที่พอเข้าสู่ร่างก็คล้ายจะถูกบางอย่างดูดซับ ราวกับหลุมลึกไร้ก้นบึ้ง และหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“หรือว่าเป็นจุดตันเถียน? ก็ไม่น่าใช่!”
เธอพึมพำเสียงเบา พยายามสงบจิตใจ หลังจากทำให้กลิ่นอายมั่นคงก็ผ่อนคลายร่างกายและหลับตาลง ใช้ดวงจิตสำรวจจุดตันเถียนในร่างกาย
ทว่าเมื่อเธอเห็นจุดตันเถียนของตนเอง กลับอดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นด้วยความตกตะลึง สีหน้าเหลือเชื่อ
“เป็นไปได้อย่างไร? ทำไมถึงเป็นเม็ดบัวเขียวเม็ดนั้น?”
ตรงจุดตันเถียนเหมือนจะมีเม็ดบัวสีเขียวเม็ดหนึ่งนอนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบเชียบ แค่แวบเดียวก็จำได้ว่าเป็นเม็ดบัวสีเขียวบนข้าวต้มบัวที่ชายชรายกมาให้เธอในเวิ้งสวนท้อวันนั้น
ตอนนั้นเธอยังพยายามเคี้ยว แต่สุดท้ายกลับเคี้ยวอย่างไรก็ไม่แตก เพราะเม็ดบัวนั้นส่งกลิ่นหอมอบอวล เธอจึงกลืนลงไปทันทีอย่างไม่ให้เสียของ แต่ใครจะรู้ เม็ดบัวเม็ดนั้นที่เดิมควรจะย่อยไปตั้งนานแล้วกลับมาปรากฏอยู่ในจุดตันเถียนของเธออย่างคาดไม่ถึง!
………………………………………………….