ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 174
แน่นอนว่าหวงไท่โฮ่วย่อมเข้าใจ แต่ว่านางกลับตำหนิเขาไปเล็กน้อย “เจ้าน่ะกังวลอย่างไร้เหตุผล ห่วงมากจนเกินไป เขาเร่งเดินทางทั้งวันทั้งคืนอย่างไม่หยุดหย่อน ไม่มีอะไรน่าสงสัยหรอก เป็นไปได้เหรอที่เขาจะรู้ว่าจะเกิดเรื่องกับอาเจี๋ยล่วงหน้า? เหลวไหล เขาต้องเดินทางกลับเมืองหลวงหลังจากได้รับข่าวเป็นแน่”
เมื่อซุนกงกงเห็นนางพูดเช่นนี้ เขาก็ไม่ได้อธิบายอะไรอีก แค่ทำให้นางได้ฉุกคิด
ตั้งแต่มีพระราชเสาวนีย์ให้กลับมา เวลามันดูรวดเร็วเกินไป จำเป็นต้องป้องกันไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขายังคงเป็นอ๋องหนานหวาย
อ๋องหนานหวาย ขึ้นไปบนม้าและมุ่งหน้าไปที่จวนผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิอย่างรวดเร็ว
เมื่อกุ้ยไท่เฟยเห็นบุตรชายที่ไม่ได้เจอกันเป็นเวลาหลายปี นางก็สะอื้นเรียก “เจ้ากลับมาแล้ว”
อ๋องหนานหวายผละออกจากนางเบา ๆ “เสด็จแม่ ร่างของเขาหายไปได้เช่นไร? ท่านไม่ได้ส่งคนให้ไปตามหาหรือ?”
“ตามหาแล้ว นำร่างกลับมาได้ก็ดี ไม่ได้ก็ช่าง อย่างไรเสีย พี่ชายของเจ้าก็ตายไปแล้ว แม่เห็นเขาตายด้วยตาของแม่เอง”กุ้ยไท่เฟยร้องไห้ด้วยความโศกเศร้า
อ๋องหนานหวานพอได้ยินว่าเห็นเขาตายด้วยตาของนางเอง ท่าทางเขาก็ดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย “ศพของเขาถูกขโมยไป ใครเป็นคนทำ? เสด็จแม่ไม่สงสัยเลยหรือ?”
“คนที่ทำน่าจะเป็นเซียวท่า เขาต้องการปกปิดข่าวการเสียชีวิตของพี่ชายเจ้า เพื่อรักษาความมั่นคงในราชสำนักและทำให้การเมืองมีเสถียรภาพ แต่ตอนนี้ทุกคนในเมืองต่างรู้เรื่องกันหมดแล้ว แม้ว่าเขาจะซ่อนศพก็ไร้ประโยชน์”
อ๋องหนานหวายพยักหน้า “เซียวท่าจำเป็นต้องป้องกัน ยังมีอีก เซี่ยจื่ออานผู้นั้นเป็นใครกันแน่? ตอนลูกอยู่นอกเมืองได้สั่งคนให้ไปสืบข่าว คนในเมืองหลวงต่างพูดกันว่าเซี่ยจื่ออานเป็นคนพาตัวเขาไป ”
“เซี่ยจื่ออาน บุตรีของมหาเสนาบดีเซี่ย…” กุ้ยไท่เฟยเล่าเรื่องที่มาที่ไป และเรื่องที่ได้ไปเกี่ยวข้องกับเซี่ยจื่ออานเมื่อเร็ว ๆ นี้ให้อ๋องหนานหวายฟังทั้งหมด และได้กล่าวปิดท้ายเพิ่มเติม” ไม่ว่าทักษะทางการแพทย์ของเซี่ยจื่ออานผู้นี้จะสูงส่งเพียงใดก็ไร้ประโยชน์ นางได้ตายไปแล้ว”
อ๋องหนานหวายไม่ได้สนใจเซี่ยจื่ออานมากนัก ยิ่งนางเป็นแค่บุตรสาวที่ไม่ได้รับความโปรดปรานจากจวนมหาเสนาบดีด้วยแล้ว สตรีอ่อนแอนางหนึ่งถูกมัดไว้ที่สุสาน ไม่มีทางจะมีชีวิตรอดได้อย่างแน่นอน
ความปีติยินดีได้ผุดขึ้นในหัวใจของเขา ในที่สุดสิ่งที่เขาวางแผนมาหลายปีก็ได้มาอยู่ในมือของเขาแล้ว
อย่างไรก็ตาม ความปีติยินดีของเขาก็คงอยู่เพียงชั่วขณะหนึ่ง เขากล่าวต่อ “ต่อไป เราต้องเปิดเผยให้ทุกคนรู้ว่าเหลียงไท่ฟู่กับองค์รัชทายาทสมรู้ร่วมคิดกันสังหารผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิของราชวงศ์ปัจจุบัน”
กุ้ยไท่เฟยกล่าวถาม “กองกำลังทหารของเจ้าล่ะ?”
อ๋องหนานหวายแสยะยิ้ม “พวกเขามาถึงแล้ว อยู่นอกเมืองไปสามสิบลี้ ตั้งมั่นอยู่ในป่าชั่วคราวเพื่อไม่ให้ใครพบเห็น ไม่กี่ปีมานี้ ข้าได้สร้างฐานอำนาจในเมืองหลวงมาโดยตลอด ดังนั้นในเมืองหลวงจึงมีคนของข้าอยู่ไม่น้อย ตอนนี้เพียงรอให้เรื่องการกระทำความผิดขององค์รัชทายาทถูกเปิดเผย คนจำนวนมากก็ต้องลุกฮือขึ้น”
กุ้ยไท่เฟยถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ดี ดีมาก แม่ฝากความหวังไว้ที่เจ้าแล้ว”
นางมองไปอ๋องหนานหวาย และกล่าวด้วยใบหน้าที่จริงจังว่า “แต่ว่าแม่มีหนึ่งคำขอ และเจ้าจะต้องรับปากด้วย”
อ๋องหนานหวายกล่าว “เสด็จแม่สั่งการมาได้เลย อย่าว่าแต่หนึ่งคำขอ ต่อให้เป็นสิบคำขอ ลูกก็จะรับปาก”
กุ้ยไท่เฟยกล่าวว่า “แม้ว่าพวกเจ้าสองคนพี่น้องจะไม่ลงรอยกัน แต่คราวนี้ข้าได้เสียสละพี่ชายของเจ้าเพื่อปกป้องเจ้า เมื่อเจ้าได้รับอำนาจ ต่อไปฝ่าบาทก็จะสิ้นพระชนม์ เจ้าจะได้ขึ้นเป็นองค์จักรพรรดิ เจ้าจะต้องพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้พี่ชายของเจ้าเป็นองค์จักรพรรดิด้วย เข้าใจไหม?”
อ๋องหนานหวายรับปาก “เสด็จแม่วางพระทัยได้ เสด็จพี่สละชีพเพื่อข้า แม้ว่าเมื่อก่อนข้าจะไม่พอใจเขามากนัก แต่ตอนนี้คนก็ตายไปแล้ว ความบาดหมางทุกอย่างก็ได้สลายหายไปเหมือนควัน ข้ายังคงระลึกไว้เสมอว่าเขาคือ พี่ชายของข้า ”
เขาพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้ได้ แต่จะให้มู่หรงเจี๋ยเป็นจักรพรรดิน่ะเหรอ? เขามีวาสนานี้หรือไม่?