ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 175
ที่นอกชานเมือง
เซียวท่าทำแผ่นจารึกแขวนไว้ที่ประตูนอกลานเรือน
มีคำสามคำเขียนบนแผ่นนั้นว่า “เรือนแสนสุข” เขาอยากทำป้ายนี้มาตลอด แต่เนื่องจากเรื่องยุ่งยากวุ่นวายก่อนหน้านี้ทำให้เขาไม่ได้ทำ ตอนนี้มู่หรงเจี๋ยก็ได้รักษาตัวอยู่ที่นี่ เขากับซูชิงทั้งคนสองคนเลยใช้โอกาสนี้ทำป้ายนี่ขึ้นมา
มู่หรงเจี๋ยสามารถเดินลงไปที่พื้นได้แล้ว แต่จื่ออานบอกเขาว่าอย่าเดินไปไกลจนเกินไป ให้เดินไปมาภายในลานเรือนเท่านั้น
“สตรีใจร้ายผู้นั้นล่ะ?” มู่หรงเจี๋ยเดินออกมา ก็เห็นทั้งสองคนกำลังแขวนป้ายอยู่ เลยกล่าวถาม
“เห็นบอกว่าจะไปเก็บยาที่ตีนเขา ไปได้ครึ่งชั่วยามแล้วยังไม่เห็นกลับมาเลย” เซียวท่ากล่าว
ซูชิงกล่าวต่อ “ไม่ต้องเป็นห่วง ละแวกนี้ทั้งหมดล้วนมีคนของพวกเราอยู่ ถ้านางไม่กลัวหนูและแมลงสาบ ก็ไม่มีอะไรต้องให้กังวลหรอก”
มู่หรงเจี๋ยขมวดคิ้ว “ใครบอกว่าข้าเป็นห่วงนาง? เร็วเข้า พวกเจ้ามานี่ ข้ามีของดีจะให้ชิม ”
“ของดีอะไรกัน?” ซูชิงที่ได้ยินว่ามีของดี เขาก็โยนค้อนทิ้งและเดินเข้าไปหา
เซียวท่ามองไปที่แผ่นป้าย เขายิ้มอย่างพึงพอใจและก็เดินตามเข้าไปหาของดีด้วยเช่นกัน
มู่หรงเจี๋ยหยิบชามมาสามชาม จากนั้นก็รินเหล้าจากไหใส่ชามทั้งสาม กลิ่นหอมของเหล้าเตะจมูก ทำให้คนรู้สึกกระชุ่มกระชวย
ซูชิงเห็นแล้วน้ำลายไหล แต่ก็ยังส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ได้นะ คุณหนูใหญ่สั่งห้ามไม่ให้ท่านอ๋องดื่มสุรา และก็ห้ามไม่ให้พวกเราดื่มด้วยเช่นกัน นางบอกว่าหากพวกเราดื่มท่านอ๋องก็ต้องดื่มด้วยแน่นอน”
เซียวท่าก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ฉวยสุราออกมา สองสามมาวันนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีเลย เห็นได้ชัดว่ามีไหสุราอยู่ แต่กลับไม่สามารถแตะต้องได้แม้เพียงสักครึ่งหยด ตรงกันข้ามกับท่านอ๋องที่ทุกวันสามารถใช้ฝ้ายจุ่มลงในสุราแล้วนำมาทาริมฝีปากให้ชุ่มชื่น เขานี่ช่างเป็นคนที่ตะกละเสียจริง
“เจ้าโง่ ใครใช้ให้เจ้าไปบอกนางเรื่องดื่มสุรากันเล่า?” เซียวท่าวิ่งเหยาะ ๆ ไปที่ครัว “เมื่อคืนนี้ยังมีถั่วฟานคั่วเหลืออยู่นี่ เอาไปกินแกล้มสุราสักหน่อย”
เขาวิ่งเข้าไปในครัวและมองหามัน เขาเห็นถั่วฟานคั่วของเมื่อคืนเหลืออยู่ครึ่งจาน และกำลังจะไปหยิบมันออกไป แต่แล้วเขาก็เห็นเซี่ยจื่ออานเข้ามาพร้อมกับปลาสองตัวในมือ ส่วนบนหลังก็แบกยาสมุนไพรสองสามอย่างไว้
“กลับมาแล้วเหรอ?” เซียวท่ามีทีท่าตกใจ “รวดเร็วกระไรเช่นนี้?”
“อืม มันใกล้มาก ท่านหิวแล้วเหรอ?” จื่ออานถามเมื่อเห็นเขาถือชามถั่วลิสงที่กินเหลือไว้เมื่อคืนนี้ เอาเถอะ พวกเขาเรียกว่าถั่วฟาน ก็ตามนั้นแหละ
เซียวท่าหยิบถั่วขึ้นมาหนึ่งกำมือแล้วใส่ในปากของเขา เคี้ยวพลางพูดพลาง “ใช่สิ ตอนกลางวันกินไม่อิ่ม ท่านจับปลาได้ด้วยเหรอ? เก่งขนาดนี้เชียวหรือ? แต่แค่สองตัวไม่พอหรอก ข้าคนเดียวก็กินสองตัวแล้ว อย่างนี้ดีไหมท่านไปจับเพิ่มให้เยอะขึ้นอีกสักหน่อย คืนนี้พวกเราจะได้ทานมื้อใหญ่กัน”
“พอแล้ว พวกองครักษ์จะต้องเอากระต่ายป่ากลับมาอยู่แล้ว ข้ากลับมาทำซาซิมิให้พวกท่าน” นางวางของลงแล้วเดินเข้าไปในเรือน
เซียวท่ารีบหยุดนาง “ซาซิมิ? ซาซิมิคืออะไร ทำอย่างไร? ท่านทำตอนนี้เลยได้หรือไม่ ข้าหิวแล้ว หิวมาก ๆ ไม่เหลือเรี่ยวแรงเลยสักนิด”
“รอหน่อยนะ ข้าจะเข้าไปเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ท่านอ๋อง” จื่ออานเดินผ่านเขาเข้าไปในห้อง
ในห้องมีกลิ่นสุราคละคลุ้งอยู่จำนวนมาก จื่ออานเปิดผ้าม่านออกทันที แต่กลับเห็นมู่หรงเจี๋ยนอนอยู่บนเตียง ยกเสื้อผ้าขึ้น ซูชิงถือไหสุราไว้ในมือ และจุ่มฝ้ายลงในสุราแล้วนำมาเช็ดบนบาดแผลของมู่หรงเจี๋ย พอเห็นนางเข้ามา เขาก็กล่าวอย่างใจเย็น “กลับมาแล้วเหรอ? ท่านอ๋องบอกว่ารู้สึกคันที่บาดแผลเล็กน้อย ข้าจึงทำแบบท่านเช็ดบาดแผลด้วยสุรา นี่เรียกว่าการฆ่าเชื้อใช่หรือไม่?”
เดิมทีจื่ออานต้องการเข้ามาเพื่อฆ่าเชื้อและทำความสะอาดบาดแผลของมู่หรงเจี๋ย เมื่อเห็นว่าซูชิง ทำได้พอไม่เลว นางก็กล่าว “อ๋อ เป็นแบบนี้นี่เองที่เหลือข้าจะจัดการเอง”
ซูชิงที่ถือไหสุราอยู่ก็ยืนขึ้น และกล่าว “ได้ ท่านจัดการเองดีกว่า มันทำให้ทั้งตัวของข้ามีกลิ่นสุรา ข้าไม่ชอบกลิ่นแบบนี้เลย แสบจมูกมาก”