ตอนที่ 295 ฉินหงเหยียนขอลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัท

เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)

ตอนที่ 295 ฉินหงเหยียนขอลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัท!
ซูมู่หลินเหมือนเป็นผู้ปกครองของซูมู่ชิง ในน้ำเสียงของเขาเด็ดขาดไม่ให้อีกฝ่ายได้ตั้งคำถาม

เย่เฉินยังไม่ทันได้ตอบ ซูมู่ชิงก็เป็นฝ่ายเก้อเขิน “มู่หลิน นานยพูดเหลวไหลอะไรน่ะ ใครบอก…ว่าฉันชอบเขา?”

ซูมู่ชิงค่อนข้างถือสาและติดใจในคำพูดที่คนอื่นจะพูดถึงตนเองและชายแปลกหน้าคนนี้

ถึงแม้ว่าหล่อนและเย่เฉินจะเคยมีลูกด้วยกัน แต่ทั้งสองคนไม่ค่อยได้รู้จักกันมากนัก กระทั่งเพื่อนยังไม่ใช่เลยด้วยซ้ำ

ซูมู่หลินมองซูมู่ชิงแล้วกล่าว “พี่ครับ พี่เลิกโกหกเถอะครับ ถ้าพี่ไม่ชอบเขา ก่อนนี้ทำไมต้องไปอยู่ที่ร้านกาแฟโทรมๆ ที่เขตชนบทของเทียนไห่นานนมขนาดนั้นด้วยล่ะ? แถมยังตั้งชื่อร้านกาแฟนว่าซือเฉิน ชื่อนี้มันก็น่าจะชัดเจนแล้วมั้ง? ผมเห็นทีไรก็ทนไม่ไหวทุกที เห็นกี่ครั้งก็อยากจะรื้อชื่อร้านทิ้งใจจะขาด!”

ซูมู่ชิงเขินอายจนหน้าแดง “ความหมายของซือชื่อร้านฉันไม่ใช่ซือเนี่ยน (คิดถึง) สักหน่อยแต่เป็น ซือ ที่มากจากอี้ซือ (ความหมาย) ต่างหาก อีกอย่างฉันก็ไม่ได้เป็นคนตั้งชื่อร้านนี้ด้วย”

ซูมู่หลินไม่ไว้หน้าพี่สาวตนเองแม้แต่น้อย “ต่อให้พี่จะไม่ได้เป็นคนตั้งชื่อ แต่ร้านมันเหลือมาถึงมือพี่ พี่ก็น่าจะมีสิทธิ์เปลี่ยนชื่อร้านจริงไหมครับ?”

เย่เฉินพอจะเดาออกว่าชื่อร้านการแฟซือเฉินที่ว่านี้ คนตั้งน่าจะเป็นพี่รองของเขา เย่เซวียนเป็นคนตั้งแล้วทิ้งร้านไว้ให้ซูมู่ชิง

แต่ว่าซูมู่ชิงใช้ชื่อนี้ไม่ยอมเปลี่ยนชื่อ แปลว่าอย่างน้อยๆ หล่อนไม่ได้เกลียดชังเย่เฉิน

หรือบางทีอาจจะไม่ติดใจเรื่องราวชู้สาวที่เคยเกิดขึ้นกับเขาด้วย

ซูมู่ชิงไม่รู้จะอธิบายว่าอะไร หล่อนกลัวว่ายิ่งอธิบายแล้วจะยิ่งเข้าตัวเลยกล่าว “นายอย่ามาจับคู่มั่วเลย เย่เฉินเขามีแฟนแล้ว อีกอย่างเป็นผู้หญิงเก่งที่โดดเด่นมากด้วย”

ซูมู่ชิงหัวเราะร่วน “พี่หมายถึงฉินหงเหยียนล่ะสิครับ? หล่อนไม่ใช่ปัญหาแล้วล่ะครับ พี่แต่งงานกับเย่เฉินอย่างสบายใจเถอะ”

เย่เฉินขมวดคิ้วแล้วมองซูมู่หลิน “นายหมายความว่ายังไง? นายทำอะไรฉินหงเหยียนหรือเปล่า?”

เย่เฉินสังเกตเห็นความผิดปกติ ซูมู่หลินเป็นลูกเศรษฐี เลยโอหังไม่กลัวใคร

เขายังกล้าแตะต้องภรรยาของเย่เฉิน ฉินหงเหยียนป็นผู้หญิงที่ไม่มีพ่อไม่มีแม่ ต่อให้ต้องสังหารหล่อนเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ ซูมู่หลินก็อาจจะกล้าทำเช่นนั้น!

ซูมู่หลินกำลังรอเย่เฉินถาม “เย่เฉิน อย่าบอกนะว่านายยังไม่รู้? คู่หมั้นของนาย อ้อ ไม่สิน่าจะต้องเรียกว่าแฟนเก่าแล้ว ฉินหงเหยียนแฟนเก่าของนายน่ะ กำลังจะแต่งงานกับเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองเสินเฉิง ฮ่าๆ!”

เพี้ยะ!

เย่เฉินฟาดฝ่ามือประทับลงบนหน้าของซูมู่หลิน

“ไอ้คนสารเลว แกมีสิทธิ์อะไรมาดูถูกคู่หมั้นของฉัน?”

เย่เฉินโกรธจัด เมื่อครู่เขายอมไว้หน้าซูมู่หลินเพราะเห็นแก่ซูมู่ชิง

แต่ว่าตอนนี้ซูมู่หลินกำลังพูดจาดูถูกคู่หมั้นของเขา บอกว่าฉินหงเหยียนกำลังจะแต่งงานกับสวี่ฉู่หมิง สร้างเรื่องโกหกที่ไร้สาระแบบนี้มาหลอกเย่เฉิน จะให้เขาทนได้อย่างไร?

“นายกล้าตบฉันเหรอ? ปู่ของฉันยังไม่เคยตบหน้าสักครั้งเลย!”

ที่นี่เป็นบ้านของตระกูลซู วันนี้เดิมทีซูมู่หลินมีโอกาสจะยิงเย่เฉิน จะให้เขาทนโดนเย่เฉินฟาดหน้าเขาตามอำเภอใจแบบนี้ได้อย่างไร?

ซูมู่หลินเองก็เป็นคนที่เคยออกกำลังกายเรียนวิชาป้องกันตัวมาบ้าง จึงลงมือเตะต่อยกับเย่เฉินทันที

ตุบ!

โครม!

ผลัวะ!

ซูมู่หลินเตะต่อยเย่เฉินสุดแรง พอต่อยไปสามหมัด ทำให้เย่เฉินยากจะรับมือได้ทันที

พอจะมองออกว่าด้วยความสามารถในตอนนี้ของซูมู่หลิน น่าจะเหนือว่าหลี่เฉิงเจี๋ยคนนั้นเล็กน้อย มิน่าเขาถึงได้ไม่ยอมรับหลี่เฉิงเจี๋ยเป็นพี่เขย

ทว่าเย่เฉินยังกลับรับมืออีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย

เขาทั้งรุกและรับสลับกันไป แสร้งทำทีราวจะเตะท้องเขา จากนั้นก็ตวัดขาเตะเข้าใส่ขาขวาที่เคยบาดเจ็บก่อนนี้ของซูมู่หลิน!

อ๊าก!

ซูมู่หลินโหยหวนอย่างเจ็บปวด เมื่อขาของเขาโดนหลิวเจิ้งคุนแทงเอาไว้สองแผล ตอนนี้บาดแผลยังไม่หายดีเต็มที่

และเพราะฝ่าเท้านี้ทำให้การป้องกันของซูมู่หลินมีช่องโหว่ จนเย่เฉินสามารถตบหน้าซูมู่หลินได้อีกสองครั้ง!

เพี้ยะ!

เพี้ยะ!

“เย่เฉิน!”

ซูมู่หลินเห็นน้องชายโดนตบ ก็ทนไม่ได้ จึงเดินไปขอร้องกับเย่เฉิน

เย่เฉินเองก็ไม่ได้ตบตีเขาต่อแล้วกล่าวกับซูมู่หลิน “เรื่องของเราสองคนยังไม่จบ ชีวิตคุณอยู่ในกำมือผม คิดไม่ถึงว่าคุณจะกล้าดูถูกคู่หมั้นผม”

ซูมู่หลินเอามือกุมหน้าด้วยความโกรธ ตั้งแต่เล็กจนโตเขาไม่เคยโดนคนรังแกแบบนี้มาก่อน!

“เย่เฉินแกมันคนชั้นต่ำหน้าไม่อาย แกลงมือทำร้ายแผลเดิมของฉันนี่หว่า เก่งจริงก็รอแผลฉันหายแล้วค่อยมาตีกัน ฉันจะเอาให้แกร้องหาพ่อเลย!”

คำว่า ‘พ่อ’ ของซูมู่หลินนี้ดังกึกก้อง จนเย่เฉินอดตอบเขาไม่ได้ “เฮ้อ ลูกชาย”

แต่ว่าเมื่อหันมองซูมู่ชิง เย่เฉินก็พลันเขินอาย

ตนเองแตะเนื้อต้องตัวคนเป็นพี่สาว พวกเขาสองคนเป็นพี่น้องกัน ไม่เท่ากับเขาเป็นพ่อของซูมู่ชิงไปด้วยเหรอเนี่ย…

“แก…”

ในตอนที่ซูมู่หลินกำลังจะพูดอะไรบ้างอย่าง ซูมู่หลินก็กล่าวอย่างไม่สบายใจ “เอาเถอะ มู่หลิน เรื่องนี้เดิมเป็นความผิดของนายนะ ทำไมถึงต้องไปว่าร้ายฉินหงเหยียนโดยไม่สาเหตุด้วย หล่อนก็ไม่ได้ทำอะไรให้นายสักหน่อย”

ในฐานะที่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ซูมู่ชิงเองก็ชื่นชมสาวแกร่งในวงการธุรกิจอย่างฉินหงเหยียนเหมือนกัน

ซูมู่หลินกล่าวด้วยท่าทีเศร้าสร้อย “ใครใส่ความหล่อนกัน! ฉินหงเหยียนจะแต่งงานกับสวี่ฉู่หมิงอยู่แล้ว คนรู้กันทั้งเมืองเสินเฉิง ใครไม่รู้เรื่องนี้บ้าง! การ์ดแต่งงานส่งมาถึงเมืองหลวงนี้แล้วเนี่ย! เย่เฉิน นายยังเอาแต่พูดว่าฉินหงเหยียนเป็นคู่หมั้นนาย คู่หมั้นนายจะไปแต่งงานกับคนอื่นแล้ว เรื่องนี้นายไม่รู้ได้ไง?”

ซูมู่หลินรู้จักนิสัยน้องชายเป็นอย่างดี รู้ว่าเขาไม่ได้โกหก หล่อนก็เริ่มมีท่าทีตึงเครียด “เย่เฉิน ช่วงนี้คุณได้ติดต่อแฟนคุณบ้างไหม?”

หลายวันมานี้เย่เฉินนอกจากนอนหลับแล้ว ในเวลาอื่นๆ แทบจะอยู่เป็นเพื่อนซือซือกับซูมู่ชิงตลอดเวลา

ซูมู่ชิงแทบจะไม่เห็นเย่เฉินโทรศัพท์หรือแชทกับแฟนสาวของเขาแม้แต่น้อย

สีหน้าเย่เฉินไม่สู้ดีนัก

ตั้งแต่คราวก่อนที่โทรหาฉินหงเหยียน แล้วหญิงสาวโกรธจนตัดสายทิ้งแล้วทั้งสองคนก็ไม่ได้คุยกัน

เขาส่งข้อความฉินหงเหยียน หญิงสาวก็ไม่ได้ตอบกลับเขา

ตอนนี้เย่เฉินและฉินหงเหยียนน่าจะโกรธกันจริงๆ แล้ว พวกเขาสองคนในตอนนี้ถือว่ากำลังทำสงครามเย็นกันอยู่

แต่เย่เฉินไม่เชื่อว่าหญิงสาวจะเปลี่ยนใจไปแต่งงานกับสวี่ฉู่หมิงเพียงเพราะเรื่องนี้ มันออกจะเกินไปหน่อย

“เป็นไปไม่ได้ หงเหยียนไม่มีทางไปจากผม หล่อนเป็นผู้หญิงที่รักผมที่สุดในโลกใบนี้!”

เย่เฉินหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วโทรหาฉินหงเหยียนทันที

“ขอโทษค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”

โทรไม่ติด!

เย่เฉินจึงเปิด WECHAT แล้วกดโทรวีดีโอคอลไปทันที

แต่ก็ไม่มีใครรับสายอยู่ดี

“เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง”

เย่เฉินรู้สึกแปลกใจ เขาหยิบซิมโทรศัพท์อีกใบออกมาจากกระเป๋าเงิน ซิมชิ้นนี้เป็นของที่ทำงานของเขา เจ็ดวันมานี้เขาไม่ได้เสียบใส่ในโทรศัพท์เลย

เพราะโทรศัพท์ของที่ทำงานนั้นจะมีข่าวเกี่ยวกับงานมากมาย น่ารำคาญ

เจ็ดวันมานี้เย่เฉินแค่อยากจะอยู่เป็นเพื่อนบุตรสาว เขาไม่อยากจะสนใจเรื่องการงานอะไรทั้งนั้น

หลังจากเปลี่ยซิมโทรศัพท์แล้ว เย่เฉินก็โทรหาเลขาของฉินหงเหยียน โจวหรงหรง

“คุณ…คุณเย่” โจวหรงหรงมีท่าทีกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด

เย่เฉินกล่าว “หรงหรง ทำไมโทรหาหงเหยียนไม่ติดเลย หล่อนกลับบริษัทไปแล้วหรือยัง?”

โจวหรงหรงกล่าว “คุณ…คุณเย่คะ คุณฉินหล่อน..หล่อนขอลาออกแล้ว”

“คุณพูดอะไร?” เย่เฉินตกตะลึง!

ติ๊งต่อง! ติ๊งต่อง! ติ๊งต่อง!

เพราะเพิ่งเสียบซิมโทรศัพท์ทำให้โทรศัพท์ดาวน์โหลดข้อมูลได้ช้า ทำให้เพิ่งได้อัพเดทข่าวคราวพวกนี้

เย่เฉินเปิดดูข้อความ เป็นข่าวคราวที่คนในระดับสูงของบริษัทไป๋ลี่และเฉินเย่กรุ๊ปส่งหากัน โดยเนื้อหาทั้งหมดล้วนแต่เกี่ยวกับสิ่งนี้

“คุณฉินต้องการลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัทไป๋ลี่!”