ตอนที่167 เรื่องโกหก

“เหลียวเซียวหยุน ทำไมพวกเธอสองคนถึงเอาแต่กินอย่างเดียว ไม่เห็นแชร์ประสบการณ์ปัจจุบันเลยว่า เป็นยังไงบ้าง?”

“ใช่!ทำไมเธอเอาแต่กินอย่างกับอดอาหารจากที่ไหนมา!”

“เล่าให้พวกเราฟังหน่อยสิ ได้ข่าวว่ากำลังจะเรียนจบแล้วไม่ใช่เหรอ? มีแผนจะทำอะไรต่อ?”

เหลียวเซียวหยุนเช็ดปากและตอบกลับไปว่า

“ไม่มีแผนเลย เรียนจบค่อยว่ากัน”

“แล้วแฟนเธอล่ะ? เขาเรียนสาขาอะไรมา จะหางานอะไรทำต่อ?”

“จะว่าไป เขามีบริษัทฝึกงานแนะนำไหม บางทีเขาอาจจะช่วยพวกเราได้!”

“แฟนเซียวหยุน คุณจบจากมหาลัยไหนเหรอ? แล้วเรียนสาขาอะไร ประสบความสำเร็จกับชีวิตมากขนาดไหนแล้ว?”

จ้าวเฉียนวางแก้วน้ำดื่มลง และยิ้มตอบกลับไปว่า

“ขอบคุณนะครับที่อยากรู้กัน แต่ก็จบจากมหาลัยทั่วไปเหมือนคนอื่นๆ ช่วงนี้ว่างงานคงนอนพักผ่อนอยู่ที่บ้านไปก่อน”

เพื่อนชายคนหนึ่งนามว่า เฉินโฉวยิ้มกล่าวขึ้นว่า

“พี่ชาย ได้แฟนเป็นเซียวหยุนเพื่อนของเรา ผมเองก็สงสารแทนเธอ เอาแบบนี้ดีไหม มาทำงานในบริษัทครอบครัวผม ผมให้เดือนละห้าพันหยวน ทำงานง่ายๆ ไม่ซับซ้อนมาก น่าสนใจไหม?”

ก่อนที่จ้าวเฉียนจะเอ่ยกล่าวอะไรออกไป เหลียวเซียวหยุนพลันสวนตอบกลับไปทันทีอย่างไม่มีความสุขว่า

“เฉินโฉว นายนี่มันขี้แกล้งจริงๆ เงินเดือนแค่ห้าพัน คนขับรถยังได้มากกว่านั้นเลย นี่คิดจะยั่วโมโหกันรึไง?”

สิ่งที่เหลียวเซียวหยุนกล่าวไปตรงกับความคิดของจ้าวเฉียนไม่ผิดเพี้ยน เงินเดือนแค่ห้าพัน มีหรือว่าเขาจะสนใจ ต่อให้เป็นห้าล้านต่อเดือน เขายังไม่อยากไปทำเลย สิ่งเดียวที่เขาต้องการคืองานที่ชื่นชอบ

แต่ทันทีที่คนอื่นได้ยินแบบนั้น พวกเขาต่างตีตราจ้าวเฉียน คิดว่าเป็นเพียงชายรูปหล่อแต่ไม่มีความสามารถ

เฉินโฉวระเบิดหัวเราะเยาะและเอ่ยกล่าวตอบไปว่า

“ห้าพันหยวน มันก็ดีกว่านอนอดตายอยู่ในบ้านไม่ใช่เหรอไง? เซียวหยุน ผู้ชายไร้อนาคตแบบนี้ทำไมไม่เลิกไปซะล่ะ? ไม่ช้าก็เร็วมันจะกลายเป็นปัญหาให้เธอได้นะ”

เหลียวเซียวหยุนยิ้มตอบกลับไปว่า

“ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วง แต่ฉันไม่ต้องการ!”

“เห้อออ…ฉันคิดว่าเงินเดือนแค่นี้คงน้อยไปล่ะมั่ง เอาแบบนี้แล้วกัน ด้วยความสามารถของคุณ ผมให้มากสุด10,000หยวนต่อเดือน สนใจไหม?”

เฉินโฉวกล่าวถามพร้อมสายตารังเกียจ

จ้าวเฉียนไม่ต้องการสนทนาในหัวข้อนี้ต่ออีกแล้ว เขาจึงกล่าวปัดทันทีว่า

“ขอบคุณคุณมาก แต่ผมไม่สนใจครับ”

เฉินโฉวพ่นลมหายใจใส่อย่างเย็นชาและไม่เอ่ยปากกล่าวอะไรใดๆ อีก

“พี่ชาย เรียนจบจากที่ไหนมายังไม่บอกเลยนะ ฉันมั่นใจในเกรดเรียนไม่น้อยเลย หลังจากจบแล้ว คุณพอแนะนำที่ฝึกงานให้หน่อยได้ไหม?”

เพื่อนสาวอีกคนของเหลียวเซียวหยุน นามว่า หลิวฉินอวี้เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

จ้าวเฉียนทราบดีว่า เธอมีเจตนาร้ายเร้นแฝงอยู่ในคำถามเหล่านี้ แต่ในฐานะที่เขาเป็นเจ้าของบริษัทถึงสองแห่ง ยังไงเขาก็ต้องการบุคคลผู้มีความสามารถมาเข้าร่วม

“คุณจบสาขาอะไรมา?”

จ้าวเฉียนเอ่ยถามน้ำเสียงจริงจัง

“สาขาบัญชี พอจะมีบริษัทแนะนำไหม?”

หลิวฉินอวี้เอ่ยถามเชิงเย้ยหยัน

“ผมสามารถแนะนำที่ฝึกงานได้ครับ แต่นี่ขึ้นอยู่กับความสามมารถของคุณเอง”

จ้าวเฉียนเอ่ยตอบไปตามความจริง

หลิวฉินอวี้ระเบิดหัวเราะเยาะคำหนึ่ง เอ่ยถามกลับไปว่า

“บริษัทอะไร? คุณเคยทำงานที่นั่นมารึเปล่า?”

จ้าวเฉียนส่ายหัวตอบว่า

“ไม่ครับ เป็นบริษัทของเพื่อนผม”

“แล้วทำไมคุณถึงไปทำเองล่ะ? บริษัทของเพื่อนคุณคงไม่ใช่บริษัทที่ดีเท่าไหร่?”

เฉินโฉวที่ยังหัวเสียอยู่ในขณะนี้ พอได้โอกาสเขาเอ่ยปากตอบทันทีว่า

“มันก็แน่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? ถ้าเป็นบริษัทดีๆ เขาคงไปทำเองแล้ว ไม่ปล่อยให้ถึงมือเธอหรอก”

หลิวฉินอวี้กล่าวเสริมไปว่า

“นี่ฉันเป็นนักศึกษามหาลัยชื่อดังทางตอนเหนือของจีนเลยนะ ถ้าเป็นบริษัทปลายแถวไม่มีชื่อเสียง หากฉันหลวมตัวไปทำคงขายหน้าคนอื่นน่าดู ถ้าเป็นแค่บริษัทเล็กๆ ก็อย่ามาเสนอเลย”

จ้าวเฉียนหัวเราะเยาะใส่เธอทันทีและเอ่ยถามกลับไปว่า

“แล้วตอนนี้เรียนจบรึยังล่ะ? บัญชีรายรับรายจ่ายของจริงกับในข้อสอบมันไม่เหมือนกันหรอกนะ ไม่ใช่ว่าไม่มีความสามารถแล้วอ้างโน่นนี่ไปเรื่อยหรอกนะครับ? อีกอย่างเป็นแค่นักศึกษาจบใหม่ไม่มีประสบการณ์ ไม่มีบริษัทไหนเอาหรอกครับ นี่ผมถือว่าเมตตาคุณมากแล้ว เพราะเห็นแก่หน้าเสี่ยวหยุน”

หลิวฉินอวี้รู้สึกหน้าแตกไม่น้อยกับคำกล่าวนี้ แต่เพื่อกู้หน้าคืนกลับมา เธอจึงสวนตอบกลับไปว่า

“ไม่มีประสบการณ์ก็จริง แต่ฉันก็ไม่ง้อหรอกนะ กับแค่บริษัทเล็กๆ”

จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะดังลั่นและตอบว่า

“แพลตฟอร์มเทียนซูว คุณรู้จักไหม? บริษัท เฉียนเก๋อ เจ้าของลิขสิทธิ์นิยายเรื่อง ‘ล้ำฟ้าย่ำสวรรค์’ เคยได้ยินรึเปล่า? พวกเขากำลังต้องการเด็กฝึกงานจำนวนมาก ถ้าทำงานดีอาจจได้บรรจุทันที แต่บอกไว้ก่อนนะครับ ว่าพวกเขาไม่รับพวกที่เก่งแต่ปาก”

สำหรับเรื่อง ‘ล้ำฟ้าย่ำสวรรค์’ ซีซั่นแรกได้ออกอากาศเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเครดิตก็เขียนไว้ชัดเจนว่า เจ้าของซีรีย์เรื่องนี้คือ บริษัท เฉียนเก๋อ ดังนั้นจึงไม่มีใครไม่รู้จักอีกต่อไป

หลิวฉินอวี้ตกตะลึงอย่างมาก เธอรับขอโทษจ้าวเฉียนทันทีว่า

“คุณจ้าว…หนูขอโทษค่ะ… อันที่จริงหนูไม่ได้ตั้งใจสบประมาทคุณหรอก ก็แค่อยากได้ทำงานในบริษัทดีๆ เท่านั้น…จะได้ไม่เสียชื่อจากมหาลัยที่จบมา…”

“ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอกครับ ผมคงไม่แนะนำคุณให้เพื่อนผมรู้จักแล้ว”

แต่ในเวลานั้นเอง เฉินโฉวพลันระเบิดหัวเราะลั่น เขากล่าวว่า

“ฉินอวี้ เธอไม่จำเป็นต้องขอโทษเขาเลย ถ้ามีเพื่อนทำงานอยู่บริษัทชื่อดังขนาดนั้นจริง แล้วทำไมเขายังว่างงานอยู่แบบนี้ล่ะ? ลองคิดดูนะ”

หลิวฉินอวี้ที่ได้ฟังแบบนั้นก็รู้สึกว่านี่มันสมเหตุสมผลมาก เธอระเบิดหัวเราะลั่นอีกครั้งในทันใด

“คุณจ้าวนี่ช่างพูดเก่งดีนะคะ หนูเกือบจะเชื่อคุณแล้วจริงๆ”

ไม่ว่าเธอคนนี้จะเชื่อหรือไม่ จ้าวเฉียนก็ไม่ได้สนใจเลย

“นี่นาย นี่นาย ถ้ารู้จักกับเพื่อนที่ทำงานในสองบริษัทนั้นจริง ก็พาพวกเราไปฝึกงานที่นั่นทีสิ!”

เฉินโฉวกล่าวสบประมาทซ้ำเติมไปว่า

“พวกนายนี่มันงี่เง่าจริงๆ ยังจะโง่เชื่อเรื่องไร้สาระของเขาอีกเหรอ? น้ำหน้าอย่างเขาไม่มีทางมีเพื่อนอยู่ในสองบริษัทนั้นแน่นอน ถ้านี่เป็นเรื่องจริง ฉันจะสระผมกลับหัวให้ดูเลย!”

หลิวซินอวี้ยังไม่เชื่อคำพูดของจ้าวเฉียนแล้วในเวลานี้ แล้วจะนับประสาอะไรกับเขากัน?

“พวกเรา ฉันคิดว่าเฉินโฉวพูดถูกนะ อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระของเขามากเลย ถ้าเขามีเส้นสายดีขนาดนี้ แล้วปัจจุบันจะตกงานได้ยังไง?”

หลิวเซียวหยุนปริปากกล่าวกับทั้งสองด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า

“พวกเธอนั้นแหละหยุดพล่ามไร้สาระกันได้แล้ว จ้าวเฉียน แสดงให้พวกเขาเห็นสิว่านายไม่ได้โกหก!”

ในเวลานั้นเอง ก็มีเพื่อนสาวอีกคนของเหลียวเซียวหยุน ชื่อว่าหลัวเสี่ยว เธอเองก็พยายามช่วยจ้าวเฉียนกับเหลียวเซียวหยุนโดยกล่าวขึ้นว่า

“พวกนายเลิกทำแบบนี้กับเขาได้แล้ว เขาเป็นแฟนของเซียวหยุนนะ อีกอย่างวันนี้พวกเราอุตส่าห์นัดเจอกัน มาสนุกกันดีกว่านะ”

จ้าวเฉียนเห็นว่า หญิงสาวที่ชื่อหลัวเสี่ยวค่อนข้างมีมารยาทดี เธอดูเป็นผู้หญิงขี้อายไม่ชอบเข้าสังคมเท่าไหร่ น่าจะเป็นคนติดดินคนหนึ่งที่มีนิสัยน่ารักไม่ใช่น้อย

แม้กระทั่งช่วงเวลาแบบนี้ที่เขากับเหลียวเซียวหยุนกำลังตกเป็นเป้าโจมตีของทุกคน เธอที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กลับตัดสินใจออกมาช่วยอย่างกล้าหาญ

เห็นเป็นเช่นนี้ จ้าวเฉียนจึงยิ้มถามเธอไปว่า

“คุณอยากไปฝึกงานที่บริษัทไหน?”

ทั้งสองบริษัทล้วนเป็นบริษัทน้ำดี หลัวเสี่ยวครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ก่อนจะตอบไปว่า เธอเลือกที่จะฝึกที่บริษัท เฉียนเก๋อ

จ้าวเฉียนพยักหน้าและจดชื่อหยวนมี่ พร้อมเบอร์ติดต่อให้ จากนัน้ก็มอบแก่หลัวเสี่ยว

“ติดต่อเธอคนนี้ได้เลย แล้วบอกว่าจ้าวเฉียนเป็นคนแนะนำมา หลังจากนั้นเธอจะนัดคุณเข้าไปสัมภาษณ์ หวังว่าจะทำสำเร็จสมความปรารถนานะ จะได้หรือไม่มันขึ้นอยู่กับความสามารถของคุณเองแล้ว”

จ้าวเฉียนกล่าวอธิบายออกไปตามความเป็นจริง

หลัวเสี่ยวพยักหน้าและกล่าวขอบคุณทันที

“เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ ขอบคุณมากจริงคะ…หนูจะพยายามเต็มที่ ไม่ทำให้คุณจ้าวอับอายแน่นอนค่ะ!”

“หุหุ…ทำให้เต็มที่ก็พอครับ พวกคุณกินกันต่อก่อนนะครับ ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำ”

จ้าวเฉียนลุกไปเข้าห้องน้ำทันทีหลังกล่าวจบ

หลิวฉินอวี้ไม่สบายเนื้อไม่สบายกายเป็นอย่างยิ่ง ถ้านี่เป็นความจริง โอกาสทองเช่นนี้ควรเป็นของเธอ แต่หลัวเสี่ยวกลับคาบตัดหน้าเธอไปอย่างน่าเสียดาย

“ลองโทรไปตรวจสอบก่อนดีกว่านะว่จริงไหม ฉันว่าเจ้าหมอนี่มันขี้โกหกจะตาย ไม่อย่างนั้นมันจะว่างงานจนถึงตอนนี้เหรอ?”

หลิวฉินอวี้กล่าวกระตุ้น

หลัวเสี่ยวส่ายหัวทันทีและปฏิเสธกลับไปว่า

“ไม่ ฉันเชื่อใจแฟนหนุ่มของเซียวหยุนนะ เขาไม่มีวันทำเรื่องแบบนั้นแน่นอน”

หลิวฉิงอวี้เอิ้อมมือออกไปคว้ากระดาษแผ่นจากไปจากมือ และกดเบอร์โทรหาหยวนมี่อย่างรวดเร็ว พร้อมเปิดลำโพงให้ทุกคนในห้องอาหารได้ยินทั่วกัน

“ฮาโหล ฮาโหล นั้นใครค่ะ?”

เสียงของหยวนมี่เอ่ยดังขึ้น

“สวัสดีค่ะ นี่เป็นเบอร์ที่จ้าวเฉียนมอบให้ฉันมา เขาบอกว่าให้ติดต่อคุณ แล้วฉันจะได้ไปฝึกงานที่บริษัท เฉียนเก๋อ”

หลิวฉินอวี้กล่าว

“อ้อ ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้เวลาบ่ายสามโมง เจอกันที่ออฟิศที่ชั้นสิบ ห้อง1008ได้เลยค่ะ นำเอกสารการสมัครงานและพอร์ตโฟลิโอ และรูปถ่ายขนาดหนึ่งครึ่งมาด้วยนะคะ แล้วเตรียมตัวรอเรียกสัมภาษณ์ได้เลยค่ะ”

หยวนมี่ตอบกลับไป

ทั่วทั้งห้องอาหารต่างตกตะลึงในทันใด ปลายสายที่ทุกคนกำลังรับฟังอยู่หรือว่าจะเป็นคนของบริษัท เฉียนเก๋อจริงๆ?