ตอนที่ 586

Elixir Supplier

586 การมาถึง

 

หวังเย้าไปพบกับหวงเจียนหลี่เพื่อบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 

“โรคระบาดเหรอ? ถ้าเกิดมีคนติดเชื้อขึ้นมา พวกเขาจะตายรึเปล่า?” หวังเจียนหลี่รีบถามเข้าประเด็นในทันที เขารู้สึกตกใจมาก “ลุงจะแจ้งให้ทางเขตรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้!”

 

“ผมจะปล่อยให้ลุงจัดการเรื่องนี้นะครับ” หวังเย้าพูด เขารู้ว่า เขาจำเป็นต้องจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง

 

“ได้” หวังเจียนหลี่พูด

 

หวังเจียนหลี่ไม่รีรอ เขารีบรายงานเรื่องโรคกับหัวหน้าของเขา เพื่อให้รายงานสถานการณ์กับเขตต่อไป ก่อนที่จะรายงานต่อไปยังส่วนจังหวัด ทางเขตได้ตัดสินใจที่จะสืบสวนเรื่องที่เกิดขึ้นก่อน พวกเขาได้แจ้งกับทางสาธารณะสุข ก่อนที่จะส่งทีมแพทย์เข้ามาในพื้นที่

 

“เชี่ย! พวกเขาใช้ให้พวกเรามาทำงานนี้เนี่ยนะ” หนึ่งในสมาชิกทีมพูด

 

“ก็ใช่น่ะสิ” เพื่อนร่วมงานของเขาพูด

 

คนเหล่านี้เต็มไปด้วยคำบ่น พวกเขาไม่ได้อยากจะมาที่นี่เลยสักนิด

 

แม้แต่หมอก็ยังกลัวโรค ทุกคนต่างก็หวาดกลัวความตายกันทั้งนั้น แล้วพวกเขาก็ยังไม่มีประสบการณ์ในการจัดการกับโรคระบาดเลยด้วย ซึ่งต่างจากแพทย์ที่มีประสบการณ์ในโรงพยาบาลใหญ่ๆ

 

หวังเจียนหลี่ยังคงรอเจ้าหน้าที่จากทางเขตที่กำลังเดินทางมา

 

“คนอยู่ที่ไหน?” หัวหน้าทีมแพทย์ถามอย่างห้วนๆ

 

ไม่มีใครพอใจกับงานแบบนี้ แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือก

 

“ผมจะพาพวกคุณไปเอง” หวังเจียนหลี่นำทางไป

 

ก่อนจะเข้าไปในบ้านของเฉินเจียนกุ้ย แพทย์ทุกคนได้สวมชุดป้องกันไว้เรียบร้อย

 

ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน ดังนั้น หลายๆคนจึงรู้สึกสงสัยกับเรื่องที่เกิดขึ้น

 

“นั่นมันบ้านของเฉินเจียกุ้ยนี่” ชาวบ้านคนหนึ่งพูด “เกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นั่นกัน?”

 

“ดูท่าทางของหมอพวกนั้นสิ” ชาวบ้านอีกคนพูด “เฉินเจียกุ้ยไปติดโรคระบาดมารึเปล่า? ฉันเคยเห็นในทีวีมาก่อน เวลาที่หมอต้องเจอกับคนไข้โรคระบาด พวกเขาก็จะใส่ชุดแบบนี้กัน”

 

ชาวบ้านต่างก็คาดเดากันไปต่างๆนานา

 

“อย่ามาอยู่กันตรงนี้ หยุดดูได้แล้ว!” เมื่อเห็นชาวบ้านหลายคนพากันมามุงดูเรื่องที่เกิดขึ้น หวังเจียนหลี่ก็สั่งให้พวกเขาออกไป

 

ชาวบ้านกลุ่มนี้ไม่ได้รู้เรื่องเลยว่า สถานการณ์มันร้ายแรงแค่ไหน

 

“ผู้ใหญ่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นี่เหรอ?” ชาวบ้านคนหนึ่งถาม

 

“ปัญหาเรื่องหนูน่ะ” หวังเจียนหลี่พูดด้วยท่าทีหงุดหงิด เขาไม่สามารถบอกความจริงกับชาวบ้านได้ เพราะมันจะทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น

 

“ปัญหาเรื่องหนูเหรอ?” ชาวบ้านถาม “เลิกล้อเล่นได้แล้ว ฉันไม่ได้โง่นะ เฉินเจียกุ้ยติดโรคระบาดใช่ไหม?”

 

“ดูเหมือนจะรู้ดีนี่ ทำไมไม่ลองเข้าไปดูข้างในเองล่ะ?” หวังเจียนหลี่มองเขาด้วยสายตาดุร้าย

 

“ไม่ดีกว่า” ชาวบ้านคนนั้นพูด

 

แล้วหวังเจียนหลี่ก็สามารถไล่ให้ชาวบ้านกลับบ้านของพวกเขาได้

 

การเป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ! เดี๋ยวนะ! ฉันเกือบจะลืมเสี่ยวเย้าไปแล้วสิ! ฉันจะจัดการเรื่องนี้ได้ยังไง ถ้าไม่มีเขาช่วยด้วย?

 

หวังเย้าคือตัวตนสำคัญในหมู่บ้าน หวังเจียนหลี่เชื่อฝีมือของเขามากกว่าหมอที่ส่งมาจากเขตซะอีก

 

“ทางเขตส่งคนมาที่นี่เหรอครับ?” หวังเย้ารีบมาในทันที

 

“ใช่” หวังเจียนหลี่พูด

 

“แล้วพวกเขาเข้าไปในบ้านรึเปล่าครับ?” หวังเย้าถาม

 

“อืม พวกเขาเพิ่งเข้าไปเมื่อกี้นี้เอง” หวังเจียนหลี่พูด

 

“นี่มันบ้าอะไรกัน? ใครกันที่อาศัยอยู่ในบ้านแบบนี้น่ะ?” หลังเข้าไปในบ้านของเฉินเจียกุ้ยแล้ว แพทย์หลายคนก็เริ่มบ่นออกมา

 

ภายในบ้านทั้งสกปรกและรกรุงรัง มีกลิ่นเหม็นโชยออกมาจากทุกส่วนของบ้าน มันไม่ใช่บ้านที่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยเลยสักนิด นี่มันคือที่ทิ้งขยะขนาดใหญ่ดีดีนี่เอง

 

“เขาอยู่ตรงนั้น!” แพทย์คนหนึ่งตะโกนออกมา

 

สมาชิกในทีมเห็นเฉินเจียกุ้ยนอนอยู่บนเตียง เขายังคงหายใจอยู่

 

“เขายังมีชีวิตอยู่ไหม?” แพทย์คนหนึ่งถาม

 

พวกเขาเดินเข้าไปดูใกล้ๆ

 

“บ้าอะไรเนี่ย?” แพทย์ในทีมต่างก็พากันตกตะลึง

 

หลังจากที่ได้เห็นใบหน้าและร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่าของเขาแล้ว พวกเขาก็รู้สึกเย็นยะเยือกตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

 

“เกิดอะไรขึ้นกับเขากัน?” แพทย์คนหนึ่งถามขึ้นมา

 

พวกเขาไม่เคยเห็นคนไข้แบบเฉินเจียกุ้ยมาก่อนเลย

 

“แล้วเราจะทำยังไงกับเขาดีล่ะ?” แพทย์อีกคนถาม

 

“เราต้องปิดทางเข้าออกที่นี่ให้หมด เราไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ รายงานสถานการณ์ให้กับเบื้องบนได้ทราบ” หัวหน้าทีมพูด

 

พวกเขาล้มเลิกความคิดที่จะช่วยชีวิตเฉินเจียกุ้ย สภาพของเขาดูย่ำแย่มาก หลังถ่ายรูปของเฉินเจียกุ้ยไปบางส่วนแล้ว พวกเขาก็ออกมาจากบ้านและช่วยกันฆ่าเชื้อโรคให้กับเจ้าหน้าที่แต่ละคน พวกเขาต่างก็ไม่มีใครอยากติดเชื้อ

 

“เราควรเอาเทปมาป้องกันบริเวณนี้เอาไว้” แพทย์คนหนึ่งพูด

 

“เบาเสียงลงหน่อย” หัวหน้าทีมพูด

 

พวกเขารีบรายงานสถานการณ์ให้กับทางสาธารณะสุขเมืองได้รับทราบ

 

“เอาล่ะ พวกเขาบอกให้เรารออยู่ที่นี่และล็อกบ้านหลังนี้เอาไว้ เรายังไปไหนไม่ได้” หลังจากที่ได้คุยกับเบื้องบนแล้ว หัวหน้าทีมก็พูดขึ้นมา

 

“อะไรนะ?” แพทย์ในทีมแต่ละคนต่างตกใจ

 

“ฉันรู้อยู่แล้วว่า พวกเขาจะต้องบอกให้พวกเราอยู่ที่นี่” แพทย์คนหนึ่งบ่นออกมา

 

“ผมว่า ผมไม่จำเป็นต้องเข้าไปข้างในแล้วล่ะครับ” หวังเย้าหยุดก้าวเท้า เมื่อเห็นแพทย์หลายคนพากันออกมาจากบ้านของเฉินเจียกุ้ย

 

“ทำไมล่ะ?” หวังเจียนหลี่ถาม

 

“พวกเขาน่าจะทำการปิดทางเข้าออกบ้านหมดแล้วล่ะครับ” หวังเย้าพูด “แล้ว เกิดเรื่องผิดปกติกับเฉินเจียกุ้ยได้ยังไงเหรอครับ?”

 

“เธอหมายถึง เฉินเจียกุ้ยเริ่มมีอาการผิดปกติตั้งแต่เมื่อไหร่ใช่ไหม?” หวังเจียนหลี่ถาม “เขากินเนื้อแกะที่กินหนูพิษเข้าไปน่ะสิ แล้วเขายังเอาเนื้อแกะตัวนั้นไปขายให้กับร้านอาหารที่หมู่บ้านข้างๆอีกด้วยนะ ถ้าไม่ใช่เพราะหวังอีเชิงเจอเข้าล่ะก็ คงจะมีคนติดเชื้ออีกหลายคนเลยล่ะ”

 

“แกะที่กินหนูพิษเข้าไปงั้นเหรอครับ?” หวังเย้าถามด้วยความสงสัย

 

“ใช่ ทำไมเหรอ?” หวังเจียนหลี่ถาม

 

“เปล่าครับ ผมจะลองไปคุยกับหวังอีเชิงดู” หวังเย้าพูด

 

ไม่นาน เขาก็เดินไปถึงที่บ้านของหวังอีเชิง หวังอีเชิงดูไม่เต็มใจที่จะบอกเกี่ยวกับเรื่องของเฉินเจียกุ้ยและแกะตายตัวนั้น

 

ข่าวที่เฉินเจียกุ้ยกลายเป็นบ้าได้แพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว บ้านของหวังอีเชิงค่อนข้างใกล้กับบ้านของเฉินเจียกุ้ย เขาเห็นแพทย์หลายคนเข้าไปในบ้านของเฉินเจียกุ้ย เขาจึงมีลางสังหรณ์ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นกับเฉินเจียกุ้ยน่าจะเกี่ยวข้องกับแกะที่ตายไปของตนเอง ถ้าหากเฉินเจียกุ้ยเกิดเสียชีวิตขึ้นมา เขาก็อาจจะกลายเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดังนั้น เขาจึงไม่อยากจะพูดเรื่องนี้กับหวังเย้า

 

“ผมขอถามสองเรื่องได้ไหมครับ? เรื่องแรก ตอนที่เจอเขาเมื่อวันก่อน เฉินเจียกุ้ยเริ่มมีอาการผิดปกติรึยังครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ก็ไม่มีอะไรผิดปกตินะ เขาแค่เมาเท่านั้น” หวังอีเชิงพูด

 

“ครับ” หวังเย้าพูด “เรื่องที่สอง แกะของลุงตายเพราะหนูพิษจริงๆเหรอครับ?”

 

หวังอีเชิงไม่ได้ตอบคำถามนี้ เขารู้ดีว่า แกะของเขาตายยังไง แกะกลายเป็นบ้า เขาจึงใช้เสียมทุบมันจนตาย

 

ถ้าหากเขาได้เห็นสภาพของเฉินเจียกุ้ยแล้วละก็ เขาก็จะพบว่า เฉินเจียกุ้ยมีอาการบ้าคลั่งคล้ายกับแกะของเขาไม่มีผิดเพี้ยน เรื่องทั้งหมดมันบ้าไปแล้ว

 

“เรื่องนี้สำคัญมากนะครับ” หวังเย้าพูด “ทางสาธารณะสุขรู้แล้วว่า เฉินเจียกุ้ยติดโรคระบาด ลุงคิดว่าจะปิดบังเรื่องนี้ได้เหรอครับ?”

 

หวังอีเชิงเอาแต่ดูดบุหรี่อยู่อย่างนั้น เขาไม่คิดว่า เรื่องจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้

 

“เสี่ยวเย้า ตอนนี้ เฉินเจียกุ้ยเป็นยังไงบ้าง?” หวังอีเชิงถาม

 

“ลุงจะถือว่า เขาตายไปแล้วก็ได้ครับ” หวังเย้าพูด

 

“อะไรนะ?” บุหรี่ในมือของหวังอีเชิงหล่นลงไปบนพื้น “ตายแล้วงั้นเหรอ?”

 

“ครับ” หวังเย้าพูด

 

เพล้ง! ภรรยาของหวังอีเชิงทำแก้วหลุดมือ

 

“เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเราเลยนะ” หวังอีกเชิงพูด

 

“ไม่มีใครพูดว่า เรื่องนี้เกี่ยวกับคุณลุงนี่ครับ” หวังเย้าพูด “ผมแค่อยากจะรู้เท่านั้นว่า แกะของคุณลุงตายเพราะหนูพิษจริงๆรึเปล่าก็เท่านั้น”

 

“ไม่ใช่หรอก” หลังจากที่ลังเลอยู่พักหนึ่ง หวังอีเชิงก็พูดออกมา เขาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนนั้นให้หวังเย้าฟัง รวมไปถึงอาการแปลกๆของแกะตัวนั้นด้วย

 

หวังเย้ารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก แกะบ้าคลั่งและชายบ้ามีความเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน

 

“เดี๋ยวนะครับ เมื่อกี้ ลุงพูดว่า แกะไปที่เนินเขาซีชานมาใช่ไหมครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ใช่ มันหนีออกไปข้างนอกตอนบ่ายแก่ๆ ตอนที่ฉันไปเจอมัน ฟ้าก็มืดแล้ว” หวังอีเชิงพูด

 

“แล้วแกะไปแถวไหนของเนินเขาซีชานเหรอครับ?” หวังเย้าเริ่มเกิดความรู้สึกไม่ดีกับเรื่องที่ได้ฟัง

 

เขานึกถึงสถานที่สี่แห่งที่มีพลังงานความตายแฝงอยู่

 

“เอ่อ ฉันก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าที่ไหน” หวังอีเชิงพูด

 

“ถ้าอย่างนั้น ช่วยพาผมไปดูหน่อยได้ไหมครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ได้สิ” หวังอีเชิงพูด

 

เขาเดินนำหวังเย้าไปยังจุดที่เขาเจอแกะตัวนั้นในคืนก่อน

 

“แถวนี้แหละ” หวังอีเชิงพูด

 

“อ่อ ขอบคุณมากนะครับ” หวังเย้าพูด

 

“เสี่ยวเย้า บอกความจริงกับฉันที การตายของเฉินเจียกุ้ยเกี่ยวข้องกับฉันด้วยไหม?” หวังอีเชิงถาม

 

“อืม มันก็พูดยากนะครับ เราไม่มีทางรู้อนาคตได้หรอก” หวังเย้าพยายามปลอบใจหวังอีเชิง แต่เขาก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องทางกฎหมายมากนัก

 

“ช่างเถอะ ฉันกลับบ้านก่อนนะ” หวังอีเชิงพูด

 

“อย่าคิดมากเลยนะครับ” หวังเย้าพูด

 

ไม่มีใครอยากถูกดึงเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ แล้วการจัดการแกะของหวังอีเชิงก็ไม่ถูกต้องด้วย แต่เขาก็ได้พยายามแก้ไขความผิดพลาดของเขาอย่างรวดเร็ว ถึงยังไง หวังอีเชิงก็เป็นคนดีคนหนึ่ง

 

“ได้!” หวังอีเชิงจุดไฟบุหรี่อีกมวน ก่อนจะเดินจากไป

 

หวังเย้าเจอหลุมบนเนินเขาซีชานอย่างรวดเร็ว

 

นี่มันอะไรน่ะ? เขาพบรอยเท้าแกะอยู่รอบๆปากหลุม

 

ด้านล่างดูมืดสนิทเหมือนเดิม มีสิ่งเดียวที่ต่างออกไปก็คือ ในครั้งนี้ หวังเย้าพบซากศพของสัตว์อยู่ในนั้นด้วย ซึ่งมีทั้ง กระต่ายและกะรอก

 

นี่มันแย่มาก! หวังเย้าสามารถรับรู้ได้ถึงบรรยากาศความตายรอบๆปากหลุม มันทำให้เขารู้สึกอึดอัด

 

ฉันต้องหยุดเรื่องนี้!

 

หวังเย้าสามารถมองเห็นรอยเท้าของแกะที่อยู่ในหลุมได้อย่างชัดเจน เขาค่อนข้างมั่นใจว่า การที่แกะกลายเป็นบ้าแบบนั้น เป็นเพราะมันมาที่นี่

 

พลังความตาย!

 

เขาคิดถึงคำพูดของอาจารย์ดูฮวงจุ้ยคนนั้นขึ้นมา

 

ฉันต้องหาคนมาจัดการปิดที่นี่เอาไว้!

 

หวังเย้าเดินไปยังอีกหลุมหนึ่ง ซึ่งมีพลังความตายเข้มข้นไม่ต่างกัน