ตอนที่ 585

Elixir Supplier

585 ผีดิบ

 

“นายทำอะไรกับฉันน่ะ?” หลี่จูฉ่ายเริ่มตื่นตระหนก

 

“ไม่ต้องกลัวครับ มันก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น หลังจากนี้สักพัก พี่ก็จะรู้สึกดีขึ้นเอง ผมจะไปเอายาให้พี่ที่อีกห้องหนึ่งนะครับ” หวังเย้าพูด

 

เขาทำการกดจุดเส้นเลือดช่วงขาของหลี่จูฉ่ายเอาไว้ เพื่อไม่ให้ขาทั้งสองข้างสามารถเคลื่อนไหวได้ ส่วนพิษที่เกิดจากแมลงนั้น สมุนไพรแก้พิษสามารถนำมาใช้ในการขับพิษได้ ส่วนหญ้าพิษสามารถใช้ในการป้องกันสัตว์และแมลงมีพิษได้

 

หวังเย้านำสมุนไพรรากสองชนิดนี้มาทำเป็นยา ผลของตัวยานั้นรักษาได้ตรงเป้าและเข้มข้น

 

ตัวยาที่อยู่ภายในหม้อมีสีเขียวเข้มและมีกลิ่นฉุนเล็กน้อย

 

“มาครับ ดื่มยาเข้าไป” หวังเย้าเทยาใส่ลงไปในถ้วยใบหนึ่ง

 

“นี่อะไรน่ะ?” หลี่จูฉ่ายรู้สึกกังวล

 

“ยาครับ” หวังเย้าพูด

 

หลี่จูฉ่ายดื่มยาเข้าไป

 

หวังเย้านั่งมองเขาเงียบๆ “พี่รู้สึกยังไงบ้างครับ?”

 

“ไม่รู้สึกอะไร นี่…โอ๊ย ฉันปวดท้อง!” หลังจากผ่านไปได้ไม่ถึงห้านาที หลี่จูฉ่ายก็รู้สึกว่าท้องไส้ของเขาปั่นป่วนขึ้นมา ความเจ็บปวดค่อยๆกระจายออกไปเรื่อยๆ ไม่นาน เขาก็รู้สึกปวดทั้งหน้าอก, แขน, ขา, และศีรษะ เขารู้สึกปวดไปทั้งร่าง “โอ๊ย เจ็บๆๆๆ!”

 

มันรู้สึกคล้ายกับมีบางอย่างกำลังทิ่มแทงร่างกายของเขาอยู่ เขาล้มลงไปที่พื้นและอดที่จะร้องโอดโอยออกมาไม่ได้ “โอ๊ย! นายเอาอะไรให้ฉันกินกันแน่เนี้ย?”

 

“ก็ยาน่ะสิครับ” หวังเย้าจับข้อมือของเขาไว้ ชีพจรของหลี่จูฉ่ายเต้นขึ้นๆลงๆราวกับตีกลอง พลังฉีและโลหิตของเขาไหลเวียนอย่างรุนแรง

 

หลี่จูฉ่ายเปิดปากและบ้วนเอาน้ำเมือกสีดำออกมา มันส่งกลิ่นเหม็นเน่าและกระจายไปทั่วห้องอย่างรวดเร็ว มีเหงื่อไหลออกมาไม่หยุด และเขามีอาการหายใจหอบ เสื้อผ้าของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ที่ผุดออกมาจากความเจ็บปวดที่ได้รับ

 

แล้วความเจ็บปวดเหล่านั้นก็ค่อยๆจางหายไป แต่ภายในท้องและแขนขาของเขายังคงเจ็บอยู่ อาการปวดศีรษะของเขาลดลงไปเล็กน้อย

 

“พี่รู้สึกเป็นยังไงบ้างครับ?” หวังเย้าถาม

 

“มันเจ็บมากเลย ฉันเจ็บไปหมดทั้งตัว แต่มันก็ไม่ได้แย่มากเท่าไหร่” หลี่จูฉ่ายพูด

 

ความเจ็บที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกือบจะฆ่าเขาแล้ว

 

“เราต้องรออีกหน่อยนะครับ” หวังเย้าพูด

 

“ฉันจะทำความสะอาดให้นายเองนะ” หลี่จูฉ่ายพูด

 

เขาอดทนกับความเจ็บปวด แล้วเดินไปหยิบอุปกรณ์เพื่อนำไปทำความสะอาดสิ่งที่เขาบ้วนออกมาที่พื้นห้อง เขามองดูสิ่งที่เขาบ้วนออกมา มันดูคล้ายกับน้ำหมึกและดินโคลนที่น่าขยะแขยง

 

“ทำไมฉันถึงได้บ้วนของแบบนี้ออกมากัน?” เขาถาม

 

เขารู้สึกดีขึ้นเมื่อไม่ได้มองสิ่งนั้น แต่เมื่อเหลือบมองแค่ครั้งเดียว เขาก็รู้สึกผะอืดผะอมขึ้นมาและรีบร้อนวิ่งออกไป “ไม่ ฉันต้องไปห้องน้ำ”

 

เขาถ่มของเหลวสีดำในห้องน้ำ สุดท้าย เขาก็อาเจียนออกมาเป็นน้ำกรดในกระเพาะและเลือด ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกกลัว

 

 

 

“เสี่ยวเย้า บอกความจริงกับฉันมาเถอะนะ เกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่? ฉันติดเชื้อจากเฉินเจียกุ้ยใช่ไหม?” ใบหน้าของเขาปกคลุมไปด้วยความหวาดกลัว โดยเฉพาะในตอนที่เขาพูดชื่อของเฉินเจียกุ้ยออกมา “ฉันจะกลายเป็นแบบมันรึเปล่า?”

 

“พี่ได้รับพิษหรือติดเชื้อจากเฉินเจียกุ้ยครับ” หวังเย้าพูด

 

“แค่เพราะฉันถูกมันกัดเข้าที่คอเนี่ยนะ?” หลี่จูฉ่ายถาม

 

“ใช่ครับ” หวังเย้าพูด “อาการของเขามีโอกาสสูงที่จะเป็นโรคระบาด”

 

นี่คือสิ่งที่หวังเย้าเป็นกังวลมากที่สุด “เขาไปติดโรคนี้จากที่ไหนกัน?”

 

“แล้วห่าวเจ๋อจะเป็นอะไรไหม?” หลี่จูฉ่ายเริ่มกังวลเรื่องลูกชายของเขา

 

“เขาไม่เป็นไรครับ ถ้าพี่ยังกังวล พี่ก็บอกให้ปู่ย่าของเขาคอยดูก็ได้ว่า เขามีไข้หรือรู้สึกไม่สบายตรงไหนรึเปล่า” หวังเย้าพูด

 

“ฉันจะบอกให้แม่พาเขามาที่นี่แล้วกัน” หลี่จูฉ่ายพูด “นายช่วยตรวจเขาให้หน่อยได้ไหม?”

 

“ได้ครับ” หวังเย้าพูด

 

ในเวลานี้ เฉินหยิงและเฉินโจวก็ได้จัดการโรยผงปูนตามบริเวณที่มีเลือดของเฉินเจียกุ้ยอยู่จนเสร็จ

 

“พี่ พี่คิดว่า ผู้ชายคนนั้นเขาเป็นอะไรเหรอ?” เฉินโจวถาม

 

“เขาอาจจะเป็นบ้าก็ได้” เฉินหยิงพูด

 

ในที่สุด พวกเขาก็เดินมาถึงที่บ้านของเฉินเจียกุ้ย

 

“คนบ้าคนนั้นเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้?” เฉินโจวพูด

 

ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกกลัว แต่เขาก็ยังคงปีนขึ้นไปบนกำแพง เขาเห็นเฉินเจียกุ้ยกำลังนอนอยู่บนเตียง แล้วอยู่ๆเขาก็ผุดลุกขึ้นมา เขาเดินมาที่ลานบ้านอย่างไร้เรี่ยวแรง และอยากจะออกไปด้านนอกโดยไม่มีเหตุผล

 

“เสี่ยวโจว รีบไปบอกหมอหวังเร็วเข้า พี่จะเฝ้าเขาอยู่ที่นี่เอง” เฉินหยิงสั่งน้องชายของเธอในทันที

 

“ได้ พี่ระวังตัวด้วยนะ” เฉินโจวรีบวิ่งไปที่คลินิกของหวังเย้า

 

ภายในคลินิก แม่ของหลี่จูฉ่ายมาพร้อมกับหลานชายของเธอ

 

“ลูกแม่ ลูกไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” แม่ของหลี่จูฉ่ายถาม

 

“ผมไม่เป็นอะไรแล้ว” ความจริง เขารู้สึกดีขึ้นมากแล้ว มีแค่บริเวณที่ถูกเฉินเจียกุ้ยกัดเท่านั้น ที่ยังรู้สึกเจ็บและแสบร้อนอยู่

 

หวังเย้าตรวจดูเด็กชายอย่างละเอียด “เด็กไม่เป็นอะไรครับ”

 

“โล่งใจไปที” หลี่จูฉ่ายพูด

 

อยู่ๆเฉินโจวก็วิ่งเข้ามาในคลินิก “เซียนเชิงครับ ผู้ชายที่เป็นบ้าคนนั้นลุกขึ้นมาอีกแล้ว แล้วตอนนี้เขาก็พยายามจะออกไปข้างนอกด้วย

 

“อะไรนะ? ลุกขึ้นมาอีกแล้วเหรอ?” หวังเย้ารู้สึกประหลาดใจ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ชายคนนั้นลุกขึ้นเดินได้และออกไปแพร่เชื้อให้คนอื่น หวังเย้าจึงได้ทำการสกัดจุดในร่างกายของเขาเป็นการชั่วคราว แต่เขากลับยังสามารถเคลื่อนไหวได้อยู่ “ฉันจะไปดูเขา”

 

“พอกลับไปที่บ้านแล้ว พี่ต้องคอยสังเกตอาการของตัวเองให้ดีนะครับ ถ้าพบว่าพี่มีอาการ เช่น เป็นไข้สูง พี่รีบมาหาผมเลยนะครับ” หวังเย้าไม่ลืมที่จะให้คำแนะนำหลี่จูฉ่าย ก่อนที่เขาจะไปที่บ้านของเฉินเจียกุ้ย

 

ในเวลานี้ ชายที่บ้าคลั่งดูเหมือนอยากจะตรงไปข้างหน้า ใบหน้าของเขาเริ่มกลายเป็นคล้ำลง เส้นเลือดปูดโปนออกมาจนเห็นได้ชัด สภาพของเขาดูคล้ายกับมัมมี่อยู่เล็กน้อย

 

“พี่ เขาดูเหมือนผีดิบเลย” เฉินโจวกระซิบพูดกับพี่สาวของเขา

 

“ชู่! อย่าเข้ามาตรงนี้” เธอพูด

 

หวังเย้าเข้าไปสังเกตดูอาการของเฉินเจียกุ้ยใกล้ เขาไม่มีสติและมีปฏิกิริยาเชื่องช้า เพราะเส้นเลือดที่ถูกหวังเย้ากดจุดเอาไว้ ร่างกายที่ผ่ายผอมของเขา แสดงให้เห็นถึงพิษร้ายที่กำลังทำลายร่างกายของเขาอยู่

 

ผลุบ!

 

หวังเย้ากดมือของเขาลงไป ถึงแม้ว่าจะไม่มีอะไรอยู่ในมือของเขาก็ตาม ปัง! เฉินเจียกุ้ยล้มลงไปที่พื้น มีพลังบางอย่างที่มองไม่เห็นได้กดตัวของเขาเอาไว้ ทำให้เขาไม่สามารถขยับไปไหนได้

 

หวังเย้าก้มลงไปจับดูชีพจรของเขา “ฉันรู้สึกถึงชีพจรของเขาได้ บางครั้งมันก็หายไปและบางครั้งมันก็ปรากฏขึ้นมาใหม่ บางครั้งรุนแรง บางครั้งอ่อนแอ อวัยวะภายในของเขาอ่อนแออย่างถึงที่สุด เขาเป็นเหมือนคนป่วยหนักที่กำลังจะตาย”

 

หวังเย้าตรวจดูร่างกายของเขาอย่างละเอียด และนึกบางอย่างขึ้นมาได้ เขาหันหน้าไปทางสองพี่น้องที่อยู่ด้านนอกและพูดว่า “ที่บ้านหลังนี้ก็ต้องเอาปูนขาวมาโรยให้ทั่วเหมือนกัน”

 

“ได้ค่ะ” เฉินหยิงพูด

 

พวกเขาเข้ามาในลานบ้านและจัดการโรยปูนขาวจำนวนมากลงไป

 

หวังเย้ารู้สึกกังวลมากขึ้น คนคนนี้ไปติดโรคมาจากที่ไหนกัน? มันมาจากในหรือนอกหมู่บ้านกันแน่?

 

เขาใช้มือข้างเดียวยกตัวเฉินเจียกุ้ยขึ้นมา แล้วโยนเขาเข้าไปในห้องๆหนึ่ง จากนั้น หวังเย้าก็จัดการบิดข้อต่อตามร่างกายของเขา “นอนอยู่ตรงนี้ อย่าออกไปไหนล่ะ”

 

ดูจากสภาพในตอนนี้แล้ว เขาดูไม่เหมือนมนุษย์เลยสักนิด

 

“หมอหวัง เรียบร้อยแล้วครับ” เฉินโจวพูด

 

“อืม ขอบคุณนะ” หวังเย้าพูด

 

“เกรงใจเกินไปแล้วครับ” เฉินโจวยิ้ม “เซียนเชิงครับ โรคอะไรที่ทำให้ผู้ชายคนนั้นมีสภาพน่ากลัวได้ขนาดนี้เหรอครับ?”

 

“ฉันก็ยังหาสาเหตุไม่เจอเหมือนกัน มันเป็นการติดเชื้อที่อันตรายมาก ทั้งอวัยวะภายใน, สมอง, และเนื้อเยื่อทุกส่วนในร่างกายของเขาถูกทำลายจนหมด หากพูดให้ชัดก็คือ เขาได้ตายไปแล้ว” หวังเย้าพูด “และโรคนี้ก็ยังเป็นโรคระบาดด้วย มีการติดเชื้อเกิดขึ้นกับคนที่เขากัด”

 

ถ้าเขาไม่ได้รับการรักษาได้ทันเวลา ไม่ช้า หลี่จูฉ่ายก็จะกลายสภาพเป็นเหมือนกับเฉินเจียกุ้ย

 

“ถ้าทั้งสองรู้สึกไม่สบายตรงไหนขึ้นมา ให้รีบมาหาผมเลยนะ” หวังเย้าพูด

 

“เข้าใจแล้วครับ/ค่ะ” สองพี่น้องรับคำ

 

“เดี๋ยวก่อน ทั้งสองตามผมมา” หวังเย้าพาพวกเขาทั้งสองไปที่คลินิก และเอายาให้พวกเขาดื่มเพื่อป้องกันเอาไว้ก่อน

 

“นี่เป็นยาที่คนที่ถูกกัดดื่มไปเหมือนกัน ทั้งสองก็ควรกินเผื่อเอาไว้ด้วยจะดีกว่านะ” หวังเย้าได้นำยาใส่ลงไปในขวดใบหนึ่ง เพื่อให้พวกเขาเอากลับไปกินที่บ้านได้

 

“ถ้าเห็นคนหรือสัตว์ที่มีอาการคล้ายกับเขาในหมู่บ้าน ให้รีบมาบอกผมเลยนะครับ” หวังเย้าพูด

 

“ได้เลยค่ะ” เฉินหยิงพูด

 

หวังเย้าเดินออกไปจากคลินิกพร้อมกับสองพี่น้อง เขากลับไปที่บ้านและบอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับพ่อแม่ของเขา เขาบอกให้ทั้งสองระมัดระวังตัวให้มากที่สุดและอย่าออกไปข้างนอก เขายังเอายาให้พ่อแม่ของเขาดื่มเพื่อเป็นการป้องกันเอาไว้ด้วย

 

“โรคนี้ มันร้ายแรงมากเลยเหรอจ๊ะ?” จางซิวหยิงถาม

 

“ผมไม่รู้เหมือนกันครับ” หวังเย้าพูด “ผมกำลังจะไปแจ้งเรื่องนี้กับที่ทำการหมู่บ้านด้วย”

 

“ดีแล้วล่ะ” หวังเฟิงฮวาพูด