เยี่ยเม่ยชะงักไปเล็กน้อย เงยหน้ามองเขา

 

 

ชั่วขณะนี้หัวใจนางรู้สึกปวดหนึบ ตัวเองยังบอกไม่ถูกว่านี่คือความซาบซึ้งหรือเป็นอะไรกันแน่

 

 

แต่ว่า…

 

 

นับตั้งแต่เอ่ยชื่อเขาขึ้นมาในท้องพระโรง จนถึงตอนนี้ เยี่ยเม่ยชัดเจนว่าไม่เพียงไม่รู้สึกเสียใจแล้ว ยังมีความรู้สึกสงบใจได้อีกด้วย

 

 

คล้ายกับแอปเปิ้ลที่นางต้องการมาตลอด สุดท้ายก็ถูกนางเด็ดลงมาได้

 

 

นางกำมือเก็บตราพยัคฆ์ไว้

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนพลันยื่นมือออกมา กอดนางแน่นไว้ในอก ใบหน้าศีรษะนางซบอยู่ในอกเขา น้ำเสียงน่าฟังของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนดังอยู่เหนือหัวนางแฝงไปด้วยความยินดียากจะปิดบัง “เยี่ยเม่ย เยี่ยนคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเจ้าจะเลือกข้า! เยี่ยนรับรองว่าจะไม่ทำให้เจ้าสำนึกเสียใจภายหลังแน่!”

 

 

เยี่ยเม่ยหลุบตาลง เอ่ยว่า “ท่านควรเข้าใจว่าทำไมข้าถึงเลือกท่าน ดังนั้นอย่าลืมของขวัญแต่งงานที่ท่านสัญญากับข้าในวันนี้!”

 

 

บรรยากาศน่ายินดีในตอนแรก ถูกคำพูดของเยี่ยเม่ยทำให้สงบนิ่งลง

 

 

เยี่ยเม่ยสัมผัสได้ว่าร่างกายของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนนิ่งเกร็งไปเล็กน้อย เขาก้มหน้าลง ค่อยๆ กล่าว “เยี่ยเม่ย เจ้าไม่ยอมหลอกเยี่ยนสักนิดเลยหรือไง”

 

 

“ข้าคิดว่าความซื่อสัตย์จะดีกับพวกเรามากกว่า” น้ำสียงนางเย็นชายิ่งขึ้น

 

 

เยี่ยเม่ยผลักเป่ยเฉินเสียเยี่ยนออก “ที่ข้าไม่เลือกกูเยว่อู๋เหินก็เพราะไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่ใช่คนในราชสำนัก ลงมือได้ไม่เร็วเท่าท่าน ข้าไม่เลือกเป่ยเฉินอี้ก็เพราะตอนแรกเขาเป็นต้นตอที่ทำให้พ่อแม่ของข้าต้องตาย ข้าไม่เลือกเสินเซ่อเทียน ก็เพราะจุดยืนของเราต่างกัน ดังนั้นที่ข้าเลือกท่านก็ง่ายมาก ไม่ต้องเพ้อฝันสิ่งที่ไม่ควรคิด ข้ากลัวท่านผิดหวัง!”

 

 

ความจริงนางกลัวว่าจะเป็นการให้ความหวังเขา สุดท้ายแล้วจะใจอ่อน มอบสิ่งที่เขาต้องการออกไป

 

 

ดังนั้นในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่สู้อย่ามอบความหวังออกไปเลย กันไม่ให้ความหวังที่เขามีสูญเปล่า สุดท้ายกลับเป็นสิ้นหวัง สำหรับเขายิ่งโหดร้ายขึ้นไปอีก

 

 

เมื่อนางเอ่ยจบ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็นิ่งไป

 

 

ทว่ากลับคลี่ยิ้มน่าดู จ้องมองสตรีไร้หัวใจตรงหน้า เอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “ไม่ว่าอย่างไรก็ดี สรุปแล้วเจ้าเลือกเยี่ยนแล้ว! กลับไปเตรียมการเเต่งงานเถอะ หลังจากนี้อีกเจ็ดวัน ข้าจะแต่งเจ้าเข้าบ้าน!”

 

 

เมื่อเอ่ยจบเป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็หมุนตัวจากไป

 

 

เขาไม่อาจไม่รีบเดินจากมา เพราะเขากลัวว่าหากยังรั้งอยู่ต่อไป ปากของนางจะเอ่ยคำพูดทำร้ายจิตใจเขาขึ้นมาอีก

 

 

เยี่ยเม่ยมองส่งเขาเดินจากไป ชั่วขณะนั้นนางบอกไม่ถูกว่าการทำร้ายเขา ตัวเองเจ็บมากกว่าหรือว่ากลัดกลุ้มมากกว่า

 

 

อันที่จริงทำไมไม่ปล่อยให้วันนี้เขาดีใจสักวัน

 

 

เวลานี้จงซานเดินมาอยู่ข้างกายนาง เอ่ยเบาๆ “ในที่สุดท่านก็ยังเลือกเป่ยเฉินเสียเยี่ยน!”

 

 

“ถูกต้อง!” เยี่ยเม่ยตอบ มองจงซานด้วยสายตาขอโทษ “ขอโทษด้วย ข้าเลือกความรัก!”

 

 

จงซานตบบ่านาง เอ่ยเบาๆ “ไม่มีอะไรให้ขอโทษทั้งนั้น นี่คือชีวิตขององค์หญิง ท่านมีสิทธิ์ในการเลือก ยิ่งกว่านั้น เป็นข้าที่สนับสนุนให้ท่านคิดให้ดีเอง!”

 

 

“ขอบคุณ!”

 

 

คำขอบคุณนี้เยี่ยเม่ยเอ่ยออกมาจากใจ นางขอบคุณจงซานที่เข้าใจ ทั้งไม่กล่าวโทษ

 

 

ในเวลานี้ ขันทีคนหนึ่งยื่นหน้าออกมาจากวัง มองจงซานเอ่ยว่า “ใต้เท้าจง ในที่สุดก็หาท่านพบแล้ว! องค์ชายใหญ่ขอให้ท่านเข้าวังสักครั้งหนึ่ง ฮองเฮากำลังรอท่านอยู่!”

 

 

เยี่ยเม่ยฟังแล้ว ก็อดมองจงซานอย่างตื่นเต้นไม่ได้ ในท้องพระโรงวันนี้จงซานช่วยเป่ยเฉินเสียเยี่ยนพูด ย่อมล่วงเกินฝั่งเป่ยเฉินเสียง หากเป็นเช่นนี้เป่ยเฉินเสียงย่อมไม่ปล่อยจงซานแน่

 

 

แต่เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ นางยังแปลกใจไม่น้อย ทำไมเป่ยเฉินเสียงถึงยอมให้มอบตราคุมทัพกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนกัน

 

 

ในขณะที่นางกำลังคิด

 

 

จงซานหัวเราะส่ายหน้า ทำให้เยี่ยเม่ยวางใจ จากนั้นเอ่ยคำพอเป็นพิธีว่า “อย่างนั้นเหอซั่วอ๋องเชิญท่านเถอะ ข้าต้องไปพบองค์ชายใหญ่ก่อนแล้ว!”

 

 

“เชิญ!”

 

 

เยี่ยเม่ยมองจงซานเดินเข้าวัง จากนั้นก็ตรงกลับไปยังจวนของตัวเอง เมื่อจงซานแสดงออกเช่นนี้ น่าจะไม่มีเรื่องกระมัง!

 

 

……

 

 

เยี่ยเม่ยเดินมาถึงหน้าประตู เห็นซือหม่าหรุ่ยยืนหน้าประตูรอนางด้วยความร้อนรน เยี่ยเม่ยก็เข้าใจว่า นางอยากรู้เรื่องอะไร

 

 

หลังจากก้าวเข้าประตู ก็เอ่ยปากว่า “ข้าเลือกเป่ยเฉินเสียเยี่ยน!”

 

 

“หา?”

 

 

ซือหม่าหรุ่ยชะงักไปเล็กน้อย รู้สึกตกใจอยู่บ้าง เดิมทีนางคิดว่าต่อให้เยี่ยเม่ยไม่เลือกเป่ยเฉินอี้ ก็ต้องเลือกกูเยว่อู๋เหิน ไฉนสุดท้ายถึงเลือกเป่ยเฉินเสียเยี่ยนได้เล่า

 

 

เยี่ยเม่ยคล้ายเหน็ดเหนื่อยอยู่บ้าง

 

 

บางทีอาจบอกว่า นางใช้พละกำลังไม่น้อยกับการตัดสินใจเช่นนี้ เยี่ยเม่ยนิ่งไป เอ่ยว่า “ข้าจนปัญญาที่จะไม่เลือกเขาจริงๆ”

 

 

ความจริงนางเคยลองคิดเลือกคนอื่นแล้ว เมื่อคืนก็คิดว่าจะเลือกกูเยว่อู๋เหินด้วยซ้ำ

 

 

แต่ว่าตอนอยู่ในท้องพระโรง

 

 

ชื่อกูเยว่อู๋เหิน นางพูดไม่ออก บางทีอาจบอกว่า นอกจากชื่อของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนแล้ว ไม่ว่าชื่อใครนางก็พูดไม่ออกทั้งนั้น

 

 

สุดท้ายนางก็ยังเป็นเยี่ยเม่ยคนนั้น

 

 

ยังคงเป็นเยี่ยเม่ยที่เลือกการแต่งงานเพราะความรักเป็นอันดับแรก ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้นางก็ยังไม่ทำเพื่อแก้แค้นจนเปลี่ยนเป็นคนไม่เลือกวิธีการ ไม่ถึงขั้นยอมเป็นคนที่ขายงานแต่งตัวเอง

 

 

ซือหม่าหรุ่ยฟังไปก็มองเยี่ยเม่ย นางเข้าใจว่าเยี่ยเม่ยเลือกเช่นนี้ ความจริงในใจหาได้ยินดีนัก

 

 

หลังจากนางเงียบไป สุดท้ายก็ยื่นมือไปตบบ่าเยี่ยเม่ย

 

 

จากนั้นซือหม่าหรุ่ยคลี่ยิ้ม “เยี่ยเม่ย ความจริงเป็นเช่นนี้ก็ดี พูดตามตรงส่วนตัวข้า ยังหวังว่าเจ้าจะเลือกเป่ยเฉินเสียเยี่ยน! ถึงข้าแปลกใจอยู่บ้าง…แต่เราต่างก็เป็นสตรี ข้าเข้าใจสตรีด้วยกัน ข้ารู้ว่าถึงความทรมานที่ไม่ได้อยู่ร่วมกับคนรัก ก็เหมือนข้ากับเซียวชิน…ดังนั้นพวกเจ้าเป็นเช่นนี้ก็ดี ดีมากจริงๆ”

 

 

“อืม!”

 

 

การเลือกเช่นนี้ไม่ว่าจงซาน หรือซือหม่าหรุ่ยล้วนไม่มีคำคัดค้าน ซ้ำยังสนับสนุนนาง เยี่ยเม่ยรู้สึกอบอุ่นใจ

 

 

ในเวลานี้

 

 

รถม้าคันหนึ่งจอดหน้าประตูจวนเยี่ยเม่ย นั่นคือรถม้าของเป่ยเฉินอี้

 

 

เขามิได้ลงจากรถม้า เพียงเปิดม่านออก มองเยี่ยเม่ย เอ่ยเสียงขรึมว่า “สุดท้ายเจ้าก็ยังเลือกเขา!”

 

 

“เป็นไปตามที่ท่านคาดแล้ว” เยี่ยเม่ยถามเสียงสูงกลับไป

 

 

เป่ยเฉินอี้นิ่งไป ยิ้มขมขื่นตอบว่า “ใช่ ข้าคาดเดาได้อยู่แล้ว”

 

 

สุดท้ายเยี่ยเม่ยก็ยิ้มเย็นชา “อย่างนั้นก็ไม่ต้องเปลืองแรงพูดอะไรอีก วันนี้ในท้องพระโรง การช่วยเหลือของอี้อ๋อง…เยี่ยเม่ยไม่มีทางซาบซึ้ง! ภายหน้าต่อให้ท่านช่วยเหลือ ข้าก็ยังไม่ซาบซึ้งเหมือนเดิม”

 

 

“ข้าเข้าใจ!”

 

 

เป่ยเฉินอี้ยิ้มด้วยความเข้าใจ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ยังจะช่วยเจ้าต่อไป!”

 

 

เยี่ยเม่ยถาม “ท่านช่วยข้าจริงๆ ไม่ใช่วางแผนฉากต่อไปหรือ”

 

 

เป่ยเฉินอี้นิ่งลง มองใบหน้าสงสัยของเยี่ยเม่ย สีหน้านางเต็มไปด้วยความไม่เชื่อใจ เขาพลันรู้สึกเหมือนใจถูกอะไรบางอย่างทิ่มแทง

 

 

จากนั้นเอ่ยว่า “เยี่ยเม่ย ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เชื่อข้า แต่เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์คำพูดของข้า!”

 

 

เมื่อเขาเอ่ยจบ ก็ปิดม่านลง