ตอนที่ 217: การทำลายล้างตระกูลโจว
เท้าของเจี้ยนเฉินกระทืบลงไปที่พื้นเพื่อที่จะฉากออกไปด้านข้าง 2 เมตรด้วยความเร็วสูง และหลบการโจมตีของคนที่รอที่จะโจมตีเขาอยู่
ชายสิบกว่าคนก็ไม่ได้ชักช้า หลังจากที่พลาดไป มือของพวกเขาก็ไม่ได้หยุดและไล่ตามเจี้ยนเฉินไปทันที หอกของโจวหยุนที่มีพลังเซียนปริมาณมหาศาลที่เปลี่ยนไปเป็นหอกสายฟ้าสีขาวพุ่งไปที่หัวใจของเจี้ยนเฉิน มันเป็นการโจมตีที่โจวหยุนทุ่มสุดตัว
“หืม ! ” เจี้ยนเฉินเบ้ปากด้วยความเหยียดหยาม แม้ว่าคนทั้งสองกว่าคนจะดุร้ายมาก แต่พวกเขาก็สร้างความกดดันให้เจี้ยนเฉินเพียงเล็กน้อย ไม่ได้ทำให้เจี้ยนเฉินถึงกับต้องเคร่งเครียดอะไร
มือของเขากระตุกอย่างรวดเร็ว ในขณะที่กระบี่วายุโปรยที่มีปราณกระบี่มหาศาลก็แทงไปด้านหน้า ในชั่วเสี้ยววินาที กระบี่วายุโปรยก็ฟันออกไปถึงสิบครั้งและกระทบกับอาวุธเซียนที่กำลังเข้ามาทางเขา
แม้ว่ากระบี่วายุโปรยจะดูเหมือนแท่งตะเกียบเมื่อเปรียบเทียบกับอาวุธเซียนทั้งสิบกว่าอันนั้น แต่กระบี่เล็ก ๆ ที่เป็นของเจี้ยนเฉินนี้นั้นก็มีปริมาณพลังงานมหาศาลอย่างที่คนของตระกูลโจวไม่สามารถเทียบได้ ทันทีที่อาวุธปะทะกัน อาวุธเซียนของคนของตระกูลโจวก็กระเด็นออกไป
ใบหน้าของคนของตระกูลโจวทึ่งไปในขณะที่พวกเขามองไปที่กระบี่วายุโปรยอย่างประหลาดใจ พวกเขาไม่คิดว่ากระบี่เล็ก ๆ นี้จะมีพลังมากมายเช่นนี้ ในตอนที่ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน อาวุธเซียนก็ส่งพลังพอที่จะทำให้แขนของพวกเขาชาไปในทันที
ในขณะที่คนของตระกูลโจวอยู่ในความตกใจ แสงสีขาวของกระบี่วายุโปรยก็สว่างออกมาในขณะที่มันบินไปด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ ก่อนที่จะตัดผ่านคอของสมาชิกตระกูลโจวไปก่อนที่พวกเขาจะได้ทันตั้งตัว
สมาชิกของตระกูลโจวสิบกว่าคนตายในทันที ในขณะที่คอของพวกเขามีเลือดพุ่งออกมาจากบาดแผล เลือดที่พุ่งออกมาจากคอของพวกเขาเหมือนน้ำพุที่เอาชีวิตที่เหลืออยู่ในร่างของพวกเขาไป
ในกลุ่มนี้ นอกเหนือไปจากเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษโจวหยุนที่หลบและรอดตายไปได้อย่างเฉียดฉิว สมาชิกคนอื่นอื่นสิบกว่าคนก็ถูกฟันคอขาดด้วยกระบี่วายุโปรยของเจี้ยนเฉิน
การโจมตีเพียงกระบวนท่าเดียวของเขาฆ่าคนไปสิบกว่าคน เจี้ยนเฉินไม่หยุดเคลื่อนไหวแค่นั้น ร่างของเขาหายไปและเขาก็กระโจนไปที่โจวหยุนเพื่อที่จะโจมตีทันที
เมื่อเห็นว่าเจี้ยนเฉินพุ่งมาทางเข้า โจวหยุนก็หน้าซีดไปด้วยความกลัวทันที หลังจากที่แลกเปลี่ยนกระบวนท่ากับเจี้ยนเฉินไปครั้งหนึ่ง เขาก็เข้าใจแล้วว่า เขาไม่ใช่คู่ต่อกรของเจี้ยนเฉิน และเขาคงรอดไปไม่ได้นาน
โจวหยุนไม่ใช่คู่มือในการดวลเดี่ยวกับเจี้ยนเฉิน และดังนั้นเขาจึงพุ่งถอยหลังไป
“เจ้าหนุ่ม ข้า โจวบูตง จะไม่ปล่อยให้เจ้ามีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่แน่ ! ” เสียงตะโกนระเบิดออกมาอีกครั้งไปที่เจี้ยนเฉิน ในขณะที่โจวบูตงที่โกรธเกรี้ยวก็บินไปทางด้านข้างทันทีเพื่อที่จะปกป้องโจวหยุนที่กำลังหนี
ในตอนนี้ ตาของโจวบูตงนั้นแดงก่ำไปด้วยความโกรธ สมาชิกของตระกูลโจวสิบกว่าคนที่ตายก่อนหน้านี้นั้นเป็นสมาชิกที่สำคัญของตระกูลโจวและเหมือนเสาหลักของตระกูล สำหรับตระกูลโจวแล้ว พวกเขาเป็นสิ่งที่คอยหนุนตระกูลเอาไว้และแต่ละคนก็เป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญ แต่ละคนนั้นเป็นพ่อค้าและควบคุมเรื่องการเงินของตระกูลโจว ในตอนนี้เสาหลักของตระกูลโจวได้ถูกฆ่าไปแล้ว นี่เป็นหายนะของตระกูลโจว
เจียนเฉินพ่นลมออกมาทางจมูก “ตระกูลโจวของเจ้ามีโอกาสที่จะไม่มายุ่ง แต่เจ้าก็ยืนยันหนักหนาที่จะเข้ามายุ่ง ตระกูลโจวของเจ้าตายไปหมดแล้วในตอนนี้ ถ้าเจ้าอยากที่จะฆ่าข้า เจ้าก็ไม่มีโอกาสแล้วในตอนนี้” หลังจากนั้น เจี้ยนเฉินก็ไม่รีรอและฟันกระบี่วายุโปรยเพื่อโจมตีไปที่โจวบูตงทันที
ในตอนนี้เอง กลุ่มชายชุดเกราะหนักก็กรูเข้ามาในลานของตระกูลโจว กลุ่มนี้มีประมาณ 20 คน แต่ละคนดูมีระเบียบวินัยเหมือนว่าพวกเขาเกิดมาเพื่อเป็นทหาร แม้ว่าในขณะที่พวกเขาวิ่งมาทางเจี้ยนเฉิน พวกเขาก็ก้าวพร้อมกัน
“หัวหน้าตระกูล หน่วยราชาพยัคฆ์มาถึงแล้ว ! ” ชายวัยกลางคนร้องบอกโจวบูตงจากด้านหลังกลุ่ม
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ตาของโจวบูตงก็กระตุกในขณะที่เขาแทงออกไปอย่างดุร้ายที่เจี้ยนเฉินอีกครั้งด้วยดาบใหญ่ของเขาก่อนที่จะมองไปที่กลุ่มคนทั้งยี่สิบคนนั้น “หน่วยราชาพยัคฆ์ ฟังข้า ! ข้าต้องการให้พวกเจ้าฆ่าเจ้าหนุ่มนี่ เดี๋ยวนี้ ! “
หน่วยราชาพยัคฆ์เป็นผลของการใช้เงินและเวลา 30 ปีในการฝึกของตระกูลโจว จากจำนวนทั้งหมด 300 คน แต่ละคนก็ได้ต่อสู้กันมาอย่างมากมายก่อนที่จะเหลือคนเพียง 20 คนเท่านั้น คนทั้งยี่สิบคนนี้คือหน่วยราชาพยัคฆ์ และเป็นหน่วยที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลโจว
“ขอรับ!”
คนทั้งยี่สิบของหน่วยราชาพยัคฆ์ร้องออกมาเพื่อตอบกลับทันที และพุ่งตรงเข้าไปที่เจี้ยนเฉินพร้อมทั้งอาวุธเซียนของพวกเขา
เมื่อสัมผัสถึงปริมาณของปราณที่เปล่งรัศมีออกมาจากหน่วยราชาเสือ เจี้ยนเฉินก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย แต่ละคนในคนทั้งยี่สิบคนนี้ มีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับเซียนผู้เชี่ยวชาญเป็นอย่างน้อย
“นี่ต้องเป็นไพ่ตายของตระกูลโจวแน่” เจียนเฉินคิดกับตัวเอง ในตอนที่เขาคิดแบบนั้น หน่วยราชาพยัคฆ์ก็อยู่ห่างของจากเจี้ยนเฉิน 100 เมตรแล้ว ในเวลาเดียวกัน โจวบูตงและโจวหยุนทั้งคู่ก็บินเข้ามาเพื่อที่จะโจมตีเจียนเฉินไปพร้อม ๆ กัน
เจี้ยนเฉินถอยไปหลายก้าวเพื่อที่จะหลบการโจมตีของโจวบูตงและโจวหยุน กระบี่วายุโปรยหายไปเป็นเหมือนภาพลาง ๆ สีเงิน ในขณะที่มันลอดผ่านอาวุธเซียนของหน่วยราชาพยัคฆ์และบินไปที่คอของสมาชิกแต่ละคน
กระบี่วายุโปรยพุ่งไปตามทาง และมันก็บินเป็นภาพลางลางสีเงินไปที่สมาชิกของหน่วยราชาพยัคฆ์และเฉือดคอของพวกเขาทุกคนและพวกเขาก็สิ้นใจ
ในพริบตาเดียว คนยี่สิบคนจากหน่วยราชาพยัคฆ์ก็ถูกเจี้ยนเฉินกำจัดไปจนหมด
เมื่อเห็นว่าหน่วยราชาพยัคฆ์ถูกฆ่าไปอย่างรวดเร็ว โจวบูตงก็เริ่มสั่นไปด้วยความโมโห ในขณะที่ความโกรธของเขาพุ่งไปถึงระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน หน่วยราชาพยัคฆ์เป็นสมบัติล้ำค่าอย่างยิ่งต่อเขา และเป็นกองกำลังสุอยอดที่เขาทุ่มเทเวลามากมายไปในการฝึก
ในขณะที่โจวบูตงเริ่มคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดในตอนนี้ เสียงของกระบี่วายุโปรยที่เปล่งแสงสว่างของเจี้ยนเฉินก็ดังขึ้นมาและพุ่งแทงมาที่คอของเขา
โจวบูตงยกดาบขึ้นทันทีเพื่อที่จะป้องกันการแทงของดาบวายุโปรย แต่ในขณะที่อาวุธทั้งสองปะทะกัน พลังจากกระบี่ก็ทำให้เขาถอยไปหลายก้าว
เจี้ยนเฉินไม่ปล่อยให้โจวบูตงมีเวลาตั้งตัวและเคลื่อนที่เข้าหาเขาทันที กระบี่ของเขาเคลื่อนไปอย่างรวดเร็วในขณะที่มันฟันออกไปอีกครั้ง
หลังจากนั้น การโจมตีที่สามและที่สี่ตามออกไปจนเหมือนพร้อมกันด้วยความเร็วที่มากกว่าการโจมตีสองครั้งแรก
การโจมตีครั้งที่ห้า…
กระบี่วายุโปรยหายไปเหมือนภาพเบลอเบลอของแสง ในขณะที่เงาของกระบี่ทับซ้อนกับกระบี่จริงจริง การโจมตีนั้นรวดเร็วอย่างเหลือเชื่อจนทำให้โจวบูตงไม่มีเวลาตั้งตัว
“ฉึก!”
ตาของโจวบูตงทำได้แค่เบิกกว้างออกในขณะที่กระบี่วายุโปรยเร็วเกินกว่าที่เขาจะตั้งรับได้ทันและมันก็แทงทะลุคอของเขาไป