ตอนที่ 216: สงครามใหญ่ของตระกูลโจว
การต่อสู้ดำเนินต่อไปอีกสักพักในขณะที่ทางตระกูลโจวก็เสียคนไปถึง 20 คนแล้ว แม้ว่าจะเป็นแบบนั้น แต่ใบหน้าของโจวบูตงก็ไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย เขาจ้างยามรักษาการมาและพวกเขาก็ไม่ได้มีความผูกพันธ์อะไรกับตระกูลโจว ดังนั้น การที่ยามรักษาการพวกนั้นตาย โจวบูตงก็ไม่ได้สนใจและต่อสู้ต่อไป
“ทุกคนบุกเข้าไป ใครก็ตามที่ทำให้เขาบาดเจ็บได้ ข้าจะให้รางวัล 1,000 เหรียญม่วง! ถ้าใครจับเขาได้ ข้าจะให้ 10,000 เหรียญม่วง ! ” โจวบูตงสั่ง
เมื่อได้ยินรางวัลจำนวนมากขนาดนี้ ก็มีคนใจกล้าขึ้นมา หลังจากที่ได้ยินแบบนี้ ยามรักษาการทุกคนก็ตาร้อนฉ่าไปด้วยความโลภ ในขณะที่เขาพุ่งไปที่เจี้ยนเฉินอย่างไม่คิดชีวิต อาวุธเซียนของพวกเขาบินไปทางเจี้ยนเฉินทีละอัน ๆ เพื่อที่หวังจะทำให้เจี้ยนเฉินได้รับบาดเจ็บแทนที่การจับกุมตัวเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินจ้องไปที่อาวุธเซียนที่กำลังพุ่งเข้ามาด้วยสายตาที่เย็นชา ก่อนที่กระบี่วายุโปรยในมือของเขาก็เริ่มเคลื่อนไหว กระบี่ของเขาบินไปทุกที่และปะทะกับอาวุธเซียนของทุกคนอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่ทุกคนจะมองได้ทัน
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!…
อาวุธเซียนที่ควบแน่นได้ปะทะกัน และอาวุธเซียนหลายชิ้นก็แตกเป็นสองเสี่ยง
ในตอนที่อาวุธเซียนของยามรักษาการแตกออก หน้าของพวกเขาก็ซีดลงทันที ในขณะที่พวกเขาก็กระอักเลือดออกมาและร่วงลงไปบนพื้น ยามรักษาการอย่างน้อย 3 คนได้ตายไป
อาวุธเซียนนั้นเป็นสัญลักษณ์แทนตัวของเจ้าของ ในตอนที่อาวุธเซียนได้รับความเสียหาย เจ้าของของมันก็จะได้รับบาดเจ็บด้วยเช่นกัน และในตอนที่อาวุธเซียนได้รับความเสียหายอย่างหนัก อย่างดีที่สุด เจ้าของก็จะไม่สามารถฝึกฝนได้และกลายเป็นคนธรรมดาไป แต่หากเลวร้ายที่สุด เจ้าของก็จะตาย
คนที่ถูกทำให้อาวุธเซียนกลายเป็นสองเสี่ยงนั้นหมายความว่า อาวุธเซียนของพวกเขาได้ถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิง คนที่ไม่ตายก็จะฟื้นขึ้นมาและเริ่มชีวิตใหม่ของการเป็นคนธรรมดา
อย่างไรก็ตาม ความเย้ายวนของรางวัลที่โจวบูตงเสนอมาก็เป็นเหมือนยาพิษสำหรับพวกยามรักษาการ แม้ว่าหลังจากที่ได้เห็นเพื่อนยามรักษาการของพวกเขาพลาดพลั้งไปแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้กลัวเลย ในทางกลับกัน ความดุร้ายของพวกเขาก็ทวีมากยิ่งขึ้น เพราะในตอนนี้ คนที่เหลือที่จะแบ่งรางวัลนั้นมีน้อยกว่าเดิมแล้ว
เพราะว่ามันเป็นรางวัลจำนวนถึง 10,000 เหรียญม่วง สำหรับเซียนและเซียนระดับสูง นี่เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาอยู่อย่างสงบสุขและหรูหราต่อไปตลอดชีวิต 10,000 เหรียญม่วงเป็นจำนวนเงินที่พวกเขาไม่สามารถจะหาได้เองในชั่วชีวิต
เจี้ยนเฉินในชุดขาวบินไปที่กลุ่มยามรักษาการต่อพร้อมกับกระบี่วายุโปรยของเขาที่สว่างวาบทุกครั้งที่เขาโบกสะบัดมัน ยามรักษาการของตระกูลโจวล้มลงไปบนพื้นทีละคน ๆ ในตอนแรกมียามรักษาการอยู่ 100 คน แต่หลังจากที่ผ่านไปเพียงครู่เดียวก็มีเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้นที่เหลืออยู่
หัวหน้าโจว โจวบูตงได้ล่าถอยออกจากการต่อสู้ด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด ในขณะที่เขาเห็นเจี้ยนเฉินเอาแต่ฆ่าคนของเขาอยู่ฝ่ายเดียว
“หัวหน้าตระกูล ชายผู้นั้นแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ และกระบี่ของเขาก็รวดเร็วเหลือเกิน ! มันยากที่พวกเราจะตามได้ทัน ยามรักษาการพวกนั้นไม่มีโอกาสที่จะหลบมันได้เลย ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ข้าเกรงว่ายามรักษาการพวกนี้จะถูกกำจัดไปทั้งหมดในไม่ช้า ! ” ชายวัยหลางคนร้องออกมาทางด้านหลังของโจวบูตง
ตาของโจวบูตงเป็นประกายอย่างเย็นชา ในขณะที่เขาพูดออกมา “ด้วยการที่เขาใช้กระบี่อย่างรวดเร็วเช่นนี้ พลังเซียนของเขาจะถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้เขาก็ได้ไปอาละวาดเข่นฆ่าทหารรับจ้างโจวมา ไม่มีทางที่พลังเซียนของเขาจะฟื้นคืนเร็วขนาดนั้น ให้เขาใช้พลังเซียนกับพวกยามรักษาการพวกนี้ให้หมดไปก่อน ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะยังมีพลังเซียนเหลืออยู่หลังจากนี้ โจวเหลียนหยุน รีบไปพาหน่วยราชาพยัคฆ์มาที่นี่ ครั้งนี้นั้นจะประมาทศัตรูไม่ได้ ข้าไม่มั่นใจที่จะพูดว่า ในตอนนี้นั้นชีวิตของตระกูลโจวของพวกเรานั้นแขวนอยู่บนเส้นด้าย พวกเราต้องทุ่มกำลังทั้งหมดของพวกเรา”
“ขอรับ หัวหน้าตระกูล”
หลังจากที่ถูกสั่งแล้ว เขาก็พุ่งออกไปที่ด้านหลังของลานของตระกูลโจว
หลังจากที่ยามรักษาการของตระกูลโจวถูกสังหารไปมากมาย ก็มีเพียงพวกเขาสิบคนเท่านั้นที่เหลืออยู่ และยามรักษาการอีกประมาณ 100 คนที่นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นและย้อมให้พื้นหินอ่อนเป็นสีแดง
ร่างของเจี้ยนเฉินหายไปในขณะที่เขาไปปรากฏตัวอีกครั้งด้านหลังยามรักษาการทั้งสิบคน กระบี่วายุโปรยมีแสงเปล่งแสงสลัวออกมา ในขณะที่เขาแทงไปที่คอและหยุดลมหายใจพร้อมทั้งชีวิตของพวกยามรักษาการ
ในตอนนี้เอง ยามรักษาการของตระกูลโจวทุกคนก็ถูกกำจัดไปทั้งหมด คนที่เหลืออยู่ที่ลานทั้งหมดมีเพียง โจวบูตงและสมาชิกสิบกว่าคนของตระกูลเท่านั้น
หลังจากที่เจียนเฉินแทงไปที่คอของยามรักษาการสิบคนสุดท้ายที่เหลือแล้ว เสียงลมบาดหูก็ดังขึ้นมาเหมือนว่ามีลมพายุรุนแรงพัดมาทางเขาจากด้านหลัง
ก่อนที่สายลมที่หนาวเย็นจะปะทะกับเจี้ยนเฉิน ใบหน้าของเขาก็เคร่งเครียดขึ้นมา ก่อนที่เขาจะหันไปและเอากระบี่วายุโปรยออกมาเพื่อป้องกันตัว
“แกร้ง ! “
ดาบใหญ่ปะทะกับกระบี่ของเจี้ยนเฉิน และส่งพลังปริมาณมหาศาลจากดาบสู่กระบี่ ดันให้เจียนเฉินถอยไปหลายก้าว
เจี้ยนเฉินบินถอยหลังไปตามแรงกระแทกเพื่อที่จะช่วยลดแรงปะทะที่ส่งเขาถอยหลังไป
“ฮ่าห์ ! ” เสียงตะโกนเหมือนฟ้าร้องดังออกมา ในขณะที่โจวบูตงก็ไม่ปล่อยให้เจี้ยนเฉินได้มีเวลาหายใจ ก่อนที่จะโจมตีไปที่เจี้ยนเฉินอีกดาบ
หลังจากนั้น สมาชิกสิบกว่าคนของตระกูลโจวก็เริ่มเอาอาวุธเซียนของพวกเขาออกมาก่อนที่จะพุ่งไปที่เจี้ยนเฉินเช่นกัน ในกลุ่มนี้มีเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษโจวหยุนซึ่งเป็นหัวหน้าของทหารรับจ้างโจวอยู่ด้วย
เจี้ยนเฉินไม่ลังเลและฟันกระบี่วายุโปรยที่มีปราณกระบี่จำนวนมหาศาลไปที่ดาบของโจวบูตง
ในขณะที่อาวุธเซียนทั้งสองปะทะกันกลางอากาศ คลื่นพลังเซียนที่แข็งแกร่งก็พุ่งออกจากจุดศูนย์กลางไปรอบ ๆ ทิศทาง ทำให้หญ้าและคนอื่นของตระกูลโจวกระเด็นออกไป
จากการโจมตีก่อนหน้านี้ พลังเซียนปริมาณมหาศาลได้ทำให้เจี้ยนเฉินถอยไป 6 ก้าว ในขณะที่โจวบูตงถอยหลังไป 3 ก้าว
ก่อนที่จะรอให้เจี้ยนเฉินได้ตั้งตัว สมาชิกทั้งสิบของตระกูลก็พุ่งไปที่เขาด้วยพลังเซียนปริมาณมหาศาลที่เปล่งออกมาจากอาวุธเซียนของพวกเขา เพื่อเตรียมตัวที่จะฟันเขา โจวหยุนเองก็พุ่งไปด้านหลังเจี้ยนเฉินและเขาก็ใช้หอกยาวที่เหมือนกับงูแล้วแทงไปที่เจี้ยนเฉิน