ตอนที่ 215: ตระกูลโจวเข้าร่วม

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 215: ตระกูลโจวเข้าร่วม

ในตอนนี้ ใบหน้าของหัวหน้าตระกูลโจว โจวบูตงก็เคร่งเครียดไปด้วย เขาจ้องไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความมึนงงและไม่มีสายตาเหยียดหยามอีกต่อไป เขาไม่คิดว่าเจี้ยนเฉินเป็นเพียงเด็กหนุ่มแล้ว ในตอนนี้ โจวบูตงคิดว่าเขาเป็นคู่ต่อสู้ที่อยู่ในระดับเดียวกันและไม่กล้าที่จะดูแคลนเขาอีกต่อไปแล้ว

นั้นเป็นเพราะว่าการโจมตีสองครั้งแรกของเจี้ยนเฉินนั้นทำให้โจวบูตงรู้ว่าเจี้ยนเฉินนั้นแข็งแกร่งมาก แต่ถ้าเขาไม่เคลื่อนไหว บุตรของเขาโจวหยุนต้องถูกฆ่าแน่ นอกเหนือไปจากนั้น ในตอนที่เขาเคลื่อนที่ไปเพื่อปกป้องบุตรของเขา เขาก็เคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วสูงที่สุดที่เขาทำได้แล้ว การโจมตีจากกระบี่ทั้งสามของเจี้ยนเฉินนั้นเป็นอะไรที่เขาไม่สามารถดูถูกได้เลย และการโจมตีครั้งที่สามนั้นทำให้เขาต้องสอดมือเข้ามายุ่งด้วยความจำเป็น

โจวบูตงรู้สึกตกใจในใจ เจี้ยนเฉินนั้นไม่มีทางที่จะอายุเกิน 20 ปีได้ แต่ชายหนุ่มคนนี้กลับมีความแข็งแกร่งที่เหนืออายุ จากประสบการณ์ที่เขาสั่งสมมาหลายปี เขาสามารถเดาได้ว่าเจี้ยนเฉินนั้นไม่มีคนใหญ่โตหนุนหลังอยู่ แต่เขาเหลือเชื่อที่ชายหนุ่มซึ่งไม่มีคนใหญ่โตหนุนหลังจะสามารถมีความแข็งแกร่งในระดับเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษได้

โจวบูตงจ้องอย่างเท่าเทียมไปที่เจี้ยนเฉิน “ข้าไม่รู้ว่าสหายหนุ่มคนนี้อยู่ตระกูลไหนและเจ้ามีความแค้นอะไรกับบุตรของข้าโจวหยุน แต่บางทีนี่อาจจะเป็นการเข้าใจผิดกันได้”

“ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นความเข้าใจผิดหรือไม่ ในใจของข้าก็รู้ดีอยู่ ข้าจะไม่พูดถึงเรื่องอดีต แต่ในวันนี้ข้าจะฆ่าโจวหยุน ถ้าตระกูลของเจ้าหลีกทางไป จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้า แต่ถ้าตระกูลโจวตัดสินใจจะเข้ามายุ่ง ข้าก็จะกำจัดตระกูลไปด้วยเช่นกัน” เสียงของเจี้ยนเฉินสงบ แต่น้ำเสียงของเขาก็มีอำนาจเหนือกว่า ในขณะที่ตระกูลโจวได้ยินคำของเจี้ยนเฉิน ท่าทางของพวกเขาก็มืดมนไปมากกว่าเดิม และบรรยากาศรอบ ๆ พวกเขาก็เต็มไปด้วยจิตสังหารที่ตึงเครียด

แม้ว่าบรรยากาศจะตึงเครียด ท่าทีเย็นชาของเจี้ยนเฉินก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย

ใบหน้าของโจวบูตงมืดมนขึ้นเช่นกัน แต่กระนั้น เขาก็จ้องกลับไปที่เจี้ยนเฉินแล้วพูด “เจ้าพูดเกินไปแล้ว สหาย ข้ายอมรับ ความแข็งแกร่งของเจ้านั้นเยี่ยมมาก แต่การที่เจ้าต้องการจะกำจัดทั้งตระกูลโจวของข้า ? เจ้าคิดจริงหรือว่าตระกูลโจวของข้าอ่อนแอราวกับดินโคลนเช่นนั้น ? “

“หัวหน้าตระกูลโจว ดูเหมือนว่าโจวหยุนเป็นคนที่ท่านตัดสินใจจะปกป้องใช่หรือไม่ ? ” เสียงของเจี้ยนเฉินเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่สายตาของเขาเป็นประกายไปด้วยจิตสังหารที่เย็นชา

โจวบูตงยกดาบขึ้นเตรียมตัว “ถ้าเจ้าอยากจะได้ชีวิตของลูกชายของข้า ถ้างั้นมาดูกันว่าเหตุผลมันคืออะไร”

“ช้าก่อน ! “

ในตอนที่สองฝ่ายพร้อมที่จะสู้กัน เสียงก็ดังขึ้นมา พวกเขาหันไปที่แหล่งที่เกิดเสียง ทั้งเจี้ยนเฉินและโจวบูตงก็รู้ว่านั่นเป็นเสียงของชายวัยกลางคนที่สวมเกราะ

ชายใส่ชุดเกราะเดินขึ้นมาด้านหน้าและหยุดอยู่ระว่างเจี้ยนเฉินและโจวบูตง เขายิ้มให้เจี้ยนเฉินเล็กน้อยแล้วพูดว่า “พี่น้องที่รัก เป็นไปได้ไหมว่าความแค้นระหว่างตระกูลโจวจะแก้ปัญหาได้ด้วยการเจรจา ? มันจะดีที่สุดถ้าเราจะทำให้ปัญหาใหญ่กลายเป็นไม่มีปัญหาไป ไม่มีความจำเป็นที่พวกท่านทั้งสองคนจะสู้กัน ฝูงสัตว์อสูรกำลังจะมาที่เมืองเวคในไม่ช้า และดังนั้นตอนนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง เพื่อความสมานฉันท์ โปรดพูดคุยกัน เพราะว่าสัตว์อสูรนั้นเป็นอันตรายกับคนธรรมดาหลายหมื่นที่อาศัยอยู่ พี่น้องที่รัก หยุดคิดสักนิด” ชายคนนี้พยายามจะผ่อนคลายเจตนาสังหารของเจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินมองไปที่ชายที่ใส่ชุดเกราะด้วยสายตาที่สงบก่อนที่จะถามด้วยคำถามง่าย ๆ “เจ้าเป็นใคร ? “

แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะถามออกมาอย่างหยาบคาย ชายชุดเกราะก็ไม่โกรธ เขากลับยิ้มบาง ๆ แล้วพูด “ข้าคือเต้าหลี ข้าเป็นผู้บัญชาการของกองทหารป้องกันเมืองเวค และเป็นคนที่รับผิดชอบพวกนั้น”

“ถ้างั้น เจ้าก็คือผู้บัญชาการเต้าหลี ผู้บัญชาการเต้าหลี ได้โปรดถอยไปด้วย นี่เป็นเรื่องระหว่างข้าและพวกเขา และข้าไม่อยากให้ท่านมาเกี่ยวด้วย” เจี้ยนเฉินตอบกลับ

ผู้บัญชาการเต้าหลีถอนหายใจออกมา “น้องชาย นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่สงบ เจ้าไม่นั่งลงและพูดคุยเรื่องนี้กันก่อนหรือ ? “

เจี้ยนเฉินส่ายหน้าอย่างสงบ “ไม่มีอะไรที่จะต้องคุย ผู้บัญชาการเต้าหลี โปรดหลีกไปด้วย”

“ผู้บัญชาการเต้าหลี นี่ไม่ใช่อะไรที่เจ้าควรเข้ามายุ่งด้วย เจ้าหนุ่มจอมยโสนี้ต้องการที่จะทำลายตระกูลโจวของข้า ข้าจะให้มันได้รู้ถึงพลังที่แท้จริงของตระกูลโจวของข้า นอกเหนือไปจากนั้น กลุ่มทหารรับจ้างที่ลูกของข้าเสียเลือดเสียเนื้อสร้างมันขึ้นมาได้ถูกทำลายไปโดยเจ้าหนุ่มนี้ด้วย บอกมาซิ เจ้ายังคิดว่ามันมีอะไรที่จะต้องคุยกันอีกหรือ?” โจวบูตงพูด ในขณะที่เขามองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความกระเหี้ยนกระหืออยากฆ่า

“เจ้าเด็กจอมยโส ให้ข้าได้เห็นความแข็งแกร่งของเจ้ากับตาหน่อยเถอะ ! ” ทันใดนั้นเอง ร่างของโจวบูตงก็ลอยมาที่เจี้ยนเฉินพร้อมกับดาบของเขาที่ระเบิดไปด้วยพลังเซียนที่พร้อมจะผ่าเจี้ยนเฉินออก ในขณะที่ดาบฟันมาทางหัวของเขา

สายตาของเจี้ยนเฉินแข็งทื่อ ในขณะที่กระบี่วายุโปรยในมือของเขาก็บินขึ้นมาเพื่อป้องกันดาบ

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไปไกลเกินกว่าจะควบคุมได้ ผู้บัญชาการเต้าหลีก็หรี่ตาและพึมพำกับตัวเอง “เมืองเวคกำลังอยู่ในช่วงที่กำลังจะโดนล้อมจากสัตว์อสูร และแม้ว่าชายหนุ่มนี้จะอายุน้อยมาก แต่เขาก็เป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ด้วยความแข็งแกร่งเช่นนี้ มันจึงสำคัญมากที่ทั้งสองข้างจะไม่ได้รับบาดเจ็บ ถ้าข้าต้องการที่จะแก้ปัญหาระหว่างสองคนนี้ ข้าจำเป็นต้องให้ท่านเจ้าเมืองออกหน้า”

หลังจากนั้น ผู้บัญชาการเต้าหลีก็ไม่ลังเลและออกไปจากที่นั่นอย่างรวดเร็วเพื่อมุ่งตรงไปยังที่อยู่ของเจ้าเมือง

ในขณะที่เขาออกไป เจี้ยนเฉินก็อยู่ที่ลานของตระกูลโจวและกำลังสู้กับตระกูลโจวทั้งตระกูล โจวบูตงเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษที่มาถึงขั้นสูงสุดได้ 20 ปีแล้ว มันเป็นเพราะความอันตรายในการที่จะทะลวงผ่านไปเป็นเซียนปฐพีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่จะให้เขายังอยู่ในระดับนี้ ดังนั้นในระหว่างยี่สิบปีที่ผ่านมา เขายังอยู่ในขั้นสูงสุดของเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษและขัดเกลาความแข็งแกร่งของเขา

กระบี่วายุโปรยในมือของเจี้ยนเฉินร่ายรำไปในอากาศในขณะที่มันพุ่งไปทางโจวบูตง การเคลื่อนที่นั้นลื่นไหลสอดคล้องกัน ทำให้โจวบูตงตกตะลึงกับเพลงกระบี่ซึ่งไร้ที่ติของเจี้ยนเฉิน เขาได้ทุ่มเทเต็มที่ในการต่อสู้และใช้ความสามารถของเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษอย่างเต็มที่ แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังยากที่จะป้องกันเจี้ยนเฉินที่ดูเหมือนจะอยู่ในระดับเดียวกันกับเขาได้

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เจี้ยนเฉินแทงไปที่ดาบของโจวบูตงอย่างต่อเนื่อง เขาก็เอาชีวิตของยามรักษาการของตระกูลโจวไปทีละคนทีละคน