ตอนที่ 631 เลิกรา แยกไปตามทางของตัวเอง / ตอนที่ 632 ใครเสียใจก่อนเป็นหมา

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ตอนที่ 631 เลิกรา แยกไปตามทางของตัวเอง

เธอจำที่เจียงฉี่บอกได้ว่า นั่นเพราะฟังจือหันสูญเสียกู้เหยียนอวี๋ไป…การพูดเรื่องกู้เหยียนอวี๋กับเขานั้น ไม่ใช่เรื่องที่จะคุยได้ง่ายๆ

“เรากำลังคุยเรื่องเหตุผลที่คุณทำร้ายอาจารย์ฉันอยู่แท้ๆ คุณไม่บอกก็ช่างเถอะ ยังจะมาบอกให้ฉันเลือกคนใดคนหนึ่งอีก” อวี๋กานกานพูดอะไรไม่ออก ได้แต่พึมพำออกมาอย่างไม่พอใจ “บางทีคุณอาจไม่รู้ว่าระหว่างเพศตรงข้ามมันไม่มีความสัมพันธ์ที่บริสุทธิ์ ฉันกับอาจารย์ไม่เหมือนคู่ต่างเพศทั่วๆ ไป ไม่ใช่เพื่อน เราเป็นญาติกัน มีประโยคหนึ่งกล่าวว่า คนให้กำเนิดมีคุณไม่เท่าคนเลี้ยงดู ไม่ต้องพูดถึงคุณเลย ถ้าเอาพ่อแม่ที่ให้กำเนิดมาเปรียบเทียบ ฉันก็เลือกอาจารย์อยู่ดี”

คำพูดเหล่านี้ให้ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของฟังจือหันมืดหม่นและน่ากลัวยิ่งขึ้น “คุณรู้สึกว่าเขาคือพ่อของคุณ แต่เขาไม่ได้คิดว่าคุณเป็นลูกสาวมาตั้งแต่ไหนแต่ไร คุณมองไม่ออกจริงๆ หรือแกล้งทำเป็นไม่เห็นกันแน่?”

“ถ้าฉันไม่ใช่ลูกสาวเขา เขาจะเลี้ยงฉันมาทำไม เลี้ยงเป็นเจ้าสาวเด็ก*อย่างงั้นเหรอ! ไม่ต้องมาบอกเลยนะว่าคุณหึงก็เลยตีอาจารย์ฉัน?!” อวี๋กานกานโมโหจนแทบตายแล้ว

เธอโยนหมอนอิงบนโซฟาไปข้างๆ ฟังจือหัน “ถ้าเป็นเจ้าสาวเด็กจริงๆ ฉันจะเรียกเขาว่าอาจารย์ทำไม เรียกว่าพี่ชายตรงๆ ไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ เพราะถึงยังไงอายุของเราก็ห่างกันแค่ไม่กี่ปี คุณเองก็รู้จักฉันมานาน ตอนเด็กเวลาที่ฉันป่วยอาจารย์ก็คอยดูแล เวลาที่ผลการเรียนออกมาไม่ดีเขาก็ช่วยติวให้ทุกคืน เวลาที่หิวเขาก็คอยทำอาหารให้ เขาเลี้ยงฉันมาสอนฉันมาฉันถึงได้มารู้จักคุณ แล้วคุณทำอะไร? คุณไม่เคยทำอะไรเลย คุณแต่งงานกับผู้หญิงที่คนเขาเลี้ยงดูมา ยังจะมีหน้าไปตีเขาอีก ตอนนี้ก็จะให้ฉันเลือกระหว่างคุณสองคนอย่างไม่มีเหตุผลอีก”

พูดขึ้นมาก็รู้สึกเศร้า

บนหน้าฟังจือหันราวกับมีน้ำค้างแข็งเกาะอยู่บางๆ

นัยน์ตาของอวี๋กานกานแดงไปหมด “ตอนแรก คุณจงใจเข้าหาฉันก็เพื่อสืบหาสาเหตุการตายของพ่อคุณ ถึงฉันจะไม่รู้สถานการณ์ของคุณ แต่ก็แต่งงานกับคุณอย่างถูกกฎหมาย ฉันไม่โทษคุณเลย ใครใช้ให้ฉันชอบคุณล่ะ แต่การที่ฉันชอบคุณมันได้ไม่ได้หมายความว่าชีวิตของฉันจะต้องมีแต่คุณ ถ้าไม่มีอาจารย์ก็ไม่มีฉัน เพราะคุณทำให้ฉันต้องเลือก ถ้าอย่างนั้นเราสองคนคงไม่มีทางไปต่อด้วยกันได้ เลิกกันเถอะ”

“คุณพูดอะไรน่ะ?” ฟังจือหันขมวดคิ้ว น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชา “อาจารย์บอกให้คุณเลิก คุณก็เลิกจริงๆ ช่างเชื่อฟังดีจังเลยนะ”

อวี๋กานกานตอบกลับด้วยความโกรธ “อย่าพูดแบบนั้นกับอาจารย์ฉันนะ คุณเป็นคนให้ฉันเลือกเองชัดๆ ทำไมถึงโยนความผิดให้อาจารย์ฉัน”

ฟังจือหันพูดไม่ออก

เขาก็แค่ถามไปเฉยๆ ด้วยอยากรู้ว่าตัวเขามีน้ำหนักแค่ไหนในใจเธอ ตอนนี้คิคๆ ดูแล้วก็รู้สึกลำบากใจ

“ระหว่างเรามันคือความผิดพลาดมาแต่ต้น” อวี๋กานกานมองไปที่เพดาน พยายามข่มกลั้นความรู้สึกแสบที่จมูก “เดิมทีเราก็เป็นคนที่มาจากสองโลก เลิกกันแล้ว มันก็เป็นเรื่องดีที่จะได้กลับไปสู่โลกของตัวเอง”

“คุณจะเลิกกันจริงๆ ใช่มั้ย” บรรยากาศกดดันรอบๆ ตัวฟังจือหันก็เปลี่ยนเป็นเข้มข้นขึ้น สายตาที่มองไปยังอวี๋กานกานนั้นราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังโกรธแค้นจนสามารถจะกินคนได้

ราวกับถ้าอวี๋กานกานตอบกลับมาว่าใช่ เขาก็พร้อมที่จะขัดขวางเธอ ไม่ยอมให้เธอออกไปอย่างไรอย่างนั้น

อวี๋กานกานรู้สึกขับข้องใจ เมื่อวานก็ทำได้ไม่ดี ตอนนี้ก็คิดหนักจนหัวโตแล้ว

ความโกรธที่อยู่ก้นบึ้งของหัวใจยิ่งเพิ่มพูน “ใช่ เลิกกัน! หลังจากนี้ก็แยกทางกันเดิน คุณก็เดินไปบนเส้นทางที่สดใสของคุณ ฉันก็จะกลับไปเดินบนสะพานไม้แผ่นเดียว*ของฉัน”

ดวงตาของเธอเจ็บปวดอย่างมาก อวี๋กานกานอยากจะร้องไห้

แค่บอกสาเหตุที่ทะเลาะกัน ทำไมไม่บอกเธอล่ะ? เขาตีอาจารย์ของเธอทำไม?

ตอนที่ 632 ใครเสียใจก่อนเป็นหมา

ฟังจือหันก้าวไปข้างหน้าสองก้าวด้วยความโกรธ

อวี๋กานกานถอยหลังไปไม่กี่ก้าว จ้องไปที่เขาด้วยตาที่แดงเรื่อ “จะทำอะไรน่ะ คุณจะตีฉันเหรอ?”

ตีเธอเหรอ?

เธอคิดว่าเขาจะตีเธอจริงๆ เขาไม่ใช่คนโหดร้ายแบบนั้นนะ

ฟังจือหันรู้สึกว่าตัวเองโกรธจนเจ็บปวดไปหมด มองไปที่อีกฝ่ายอย่างเย็นชา “เธอจะเลิกจริงๆ ใช่มั้ย?”

ถามแบบนี้มาเป็นรบอที่สามแล้ว ครั้งนี้อวี๋กานกานก็ตอบไปอย่างไม่ลังเล “ใช่!”

เธอพองลมที่แก้ม จ้องไปที่เขาอย่างดุร้ายเหมือนเด็กเล็กๆ ที่กำลังโกรธ ฟังจือหันรู้สึกหมดหนทางเล็กน้อย “เลิกกันจริงๆ คุณอย่าเสียใจแล้วกัน!”

“ใครเสียใจ คนนั้นเป็นหมา!”

อวี๋กานกานส่งเสียงหึเสียงหนึ่ง หมุนตัวเดินไป ทว่าข้อมือของเธอกลับถูกฟังจือหันคว้าเอาไว้

เธอหันกลับไปจ้องเขา เธอดิ้นรนพลางเอ่ยถามว่า “คุณคิดจะทำอะไรอีก?”

ฟังจือหันจับข้อมือเธอไว้แน่น เสียงที่เอ่ยมาเบาลงเล็กน้อย “ตอนนี้คุณกำลังโกรธอยู่ คุณจะไปไหนน่ะ?!”

“เพราะว่าฉันกำลังโกรธ ก็เลยจะไปสงบสติอารมณ์สักหน่อย ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ต้องเห็นคุณ!!” อวี๋กานกานตอบไปด้วยความโกรธ

“ผมไปเอง คุณอยู่บ้านที่แหล่ะ”

“ทำไมคุณต้องไป นี่บ้านคุณไม่ใช่บ้านฉัน ฉันเลิกกับคุณแล้ว”

“ต่อให้คุณจะเลิกยังไง แต่ตามกฎหมายแล้วเรายังเป็นสามีภรรยากัน และบ้านหลังนี้ก็เป็นบ้านของคุณเหมือนกัน” ฟังจือหันพูดจบก็ปล่อยมือของเธอ แล้วเดินออกจากบ้านไป

อวี๋กานกานตกตะลึงอ้าปากตาค้าง ทั้งโกรธทั้งตลก

พอเห็นฟังจือหันเดินออกจากประตูไป เธอก็ตะโกนขึ้นมาว่า “สามีภรรยาเลิกกันไม่ได้ คุณยังจะมาถามฉันตั้งหลายประโยค ตั้งใจจะให้ฉันโกรธชัดๆ”

ตะโกนเสร็จ อวี๋กานกานก็คิดว่าตัวเองจะร้องไห้ออกมาเสียอีก แต่กลับไม่มีน้ำตาไหลออกมา

เธอรู้สึกเจ็บปวดมาก อยากจะร้องไห้ออกมาสักครั้ง แต่หลังจากพยายามอย่างหนักเธอก็ร้องไห้ไม่ออก

เพียงแต่หัวใจเหมือนตกลงสู่ก้นบึ้ง ทั้งยังมองคนอื่นๆ ในแง่ร้าย

จะมองอย่างไรเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็ไม่ถูกต้อง สัมผัสได้ถึงความแปลกประหลาดทั่วทุกหนทุกแห่ง ยังจะบอกว่าไม่เป็นไรอย่างนั้นเหรอ?

อวี๋กานกานควานหากระเป๋าของตัวเอง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา จากนั้นก็โทรไปหาเหอสือกุย

หลังจากเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นไม่กี่ครั้ง มันก็ถูกรับสายทันที อวี๋กานกานก็รีบถามทันทีว่า “อาจารย์คคนสวย บาดเจ็บหนักหรือเปล่าคะ?”

ปลายสายตอบกลับมาเรียบๆ “ไม่หนัก แค่ผิวภายนอกเท่านั้น”

เสียงของเขายังไม่ทันได้ลดลง เสียงของซย่าเสี่ยวหร่วนก็ดังขึ้นมาทันที “เป็นกานกาน”

เหอสือกุยตอบรับเสียงหนึ่ง จากนั้นก็ถามอวี๋กานกานว่า “อาจารย์ไม่อยากยุ่งเรื่องความรู้สึกของเธอนะ แต่อาจารย์อยากบอกเธอ เธอกับฟังจือหันไม่เหมาะสมกัน แทนที่จะยื้อกันต่อไป ไม่นานก็ต้องเลิกกันแน่”

อวี๋กานกานไม่ได้ตอบเขา เพียงถามต่อว่า “อาจารย์เหม่ยเหริน ทำไมคุณถึงทะเลาะกับฟางจื่อหานล่ะคะ?”

หลังจากเงียบไปสักพักหนึ่ง น้ำเสียงที่เย็นชาน้อยๆ ของเหอสือกุยก็ดังขึ้น “ไม่ใช่ว่าฉันทะเลาะกับเขา เขาตีฉันต่างหาก เธอมองไม่ออกเหรอ?”

“ทำไม?”

“ไม่มีอะไร?”

อวี๋กานกาน “…”

คำตอบนี้ไม่ได้ต่างกับคำตอบของฟังจือหันเลยไม่ใช่เหรอ?

ไม่มีอะไร ไม่เป็นอะไร จริงๆ แล้วสองคนนี้กำลังทำเรื่องอะไรอยู่?

อวี๋กานกานพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ “อาจารย์เหม่ยเหริน ฟังจือหันลงมือก่อน แบบนี้เท่ากับว่าเขาเป็นคนผิด พรุ่งนี้ฉันจะให้เขามาขอโทษคุณ”

เหอสือกุยถอนหายใจแล้วถามว่า “ขอโทษ? ตีเสร็จแล้วมาขอโทษมีประโยชน์อะไรเหรอ?”

“อาจารย์เหม่ยเหริน…” อวี๋กานกานขมวดคิ้ว พูดออกมาเบาๆ ว่า “คุณอย่าโกรธเลยนะ พรุ่งนี้ฉันจะไปหาคุณ”