ตอนที่ 633 พบกันอีกครั้ง กับโชคชะตาที่ไม่อาจแก้ไข / ตอนที่ 634 ให้ตายสิ! เธอคือกู้เหยียนอวี๋ (1)

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ตอนที่ 633 พบกันอีกครั้ง กับโชคชะตาที่ไม่อาจแก้ไข

“อาจารย์เหม่ยเหริน…” อวี๋กานกานขมวดคิ้ว พูดออกมาเบาๆ ว่า “คุณอย่าโกรธเลยนะ พรุ่งนี้ฉันจะไปหาคุณ”

“ไม่ต้องเหรอก ช่วงนี้ฉันยุ่ง ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันวางล่ะนะ” เหอสือกุยพูดจบก็วางสายทันที

อวี๋กานกาน “…”

ดูท่าอาจารย์เหม่ยเหรินจะโกรธจริงๆ แล้ว โกรธจนถึงขั้นถ้าเธอไม่เลิกกัน ก็คงตักความสัมพันธ์กับเธอแน่

น่าหงุดหงิดชะมัด!!

ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน และการแต่งงานก็เป็นเรื่องของสองครอบครัว ถ้าฟังจือหันกับอาจารย์เหม่ยเหรินเป็นแบบนี้ เธอก็พอจะมองอนาคตออก

เมื่อวานที่บอกเลิกไปก็เพราะความโกรธพออารมณ์เย็นลงอวี๋กานกานก็มาคิดถึงความเป็นไปได้ที่แท้จริง

มุมมองความรักของคนสมัยนี้ไม่ได้เป็นทำนองว่าเธอตายฉันอยู่ แต่เป็นเหมาะสมกันก็อยู่ด้วยกัน ไม่เหมาะก็เลิก แต่ถ้าพวกเขาเข้ากันได้ดีทั้งนิสัยและร่างกาย ทว่าอยากจะเลิกกันจริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยาก

หนทางที่ดีที่สุดในตอนนี้ คือแก้ไขความขัดแย้งระหว่างอาจารย์เหม่ยเหรินกับฟังจือหัน ปัญหาก็คือทั้งสองคนไม่ยอมพูดถึงเหตุผลของตัวเอง หาเหตุผลไม่ได้แล้วเธอจะแก้ไขได้ยังไง?

อวี๋กานกานรู้สึกเศร้ามากๆ

ตอนนี้เธอคิดถึงคุณปู่มากเป็นพิเศษ ถ้าปู่ยังอยู่ ต้องช่วยเธอแก้ปัญหาใหญ่นี้ได้แน่ๆ

อวี๋กานกานเดินตามถนนไปด้านหน้าเรื่อยๆ ผู้คนตามท้องถนนดูน่าเบื่อเป็นพิเศษ

มีรถคันหนึ่งขัยมาด้านหน้าแล้วก็จอด กระทั่งอวี๋กานกานเดินมาด้านหน้า รถคันนั้นก็เปิดหน้าต่างลง จากนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา “คุณหมออวี๋”

อวี๋กานกานหันหน้าไปมอง เป็นกู้เฉินนี่เอง เธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ประธานกู้”

กู้เฉินก็บังเอิญมาเจอกับอวี๋กานกานเขา “พอดีเห็นคุณเดินคนเดียวริมถนน คุณจะไปไหนหรือครับ ผมไปส่ง”

เด็กผู้หญิงคนนี้เหมือนมีคำพูดอะไรบางอย่าง และเขาเองก็สนิทกับเธอในระดับหนึ่ง พอเห็นอีกฝ่ายเดินอยู่ริมถนน ก็ทนำไม่ไหว บอกให้คนขับรถจอดรถ

อวี๋กานกานยิ้มเอ่ย “ขอบคุณนะคะ แต่ไม่เป็นไร ฉันแค่เดินคิดอะไรเพลินๆ น่ะค่ะ”

กู้เฉินชะงักไปเล็กน้อย แล้วเขาก็เปิดประตูลงจากรถมาก “คุณหมออวี๋ดูไม่สดใสเลย มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?”

ฟังจือหันคงจะไม่ได้ทำร้ายเธอเหรอกนะ

สาวน้อยคนนี้เป็นคนดีทีเดียว แม้จะมีฐานะครอบครองที่แตกต่างกันอยู่เล็กน้อยก็ตาม ถ้าเกิดว่าฟังจือหันทำตัวไม่ดีกับเธอ เจ้าคนเย็นชาอย่างฟังจือหันนั่นก็สมควรแก่ตายอย่างโดดเดี่ยวแล้วล่ะ

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันแค่เห็นว่าอากาศวันนี้ค่อนข้างดี เลยอยากจะเดินสักหน่อย”

“ไปกันเถอะ” กู้เฉินกับอวี๋กานกานเดินไปข้างหน้าด้วยกัน รถคันนั้นก็ค่อยๆ เคลื่อนตามมาด้านหลัง “ผมเดินไปเป็นเพื่อนคุณ”

“เกรงใจคุณแย่เลย ถ้าประธานกู้มีธุระที่ต้องจัดการก็ไปก่อนได้นะคะ ฉันไม่เป็นอะไร” อวี๋กานกานไม่ได้ขัดขืนกู้เฉิน เพียงแต่เธอรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่

“ทุกปีเวลาที่ผมไปสุสาน ผมจะเผื่อเวลาว่างไว้ทั้งวัน” กู้เฉินแสดงออกมาทันทีว่าเขาไม่ยุ่ง

สุสานเหรอ?

อวี๋กานกานคาดเดาไปว่า “ประธานกู้ไปเยี่ยมภรรยาคนก่อนหรือคะ?”

กู้เฉินหลุบตาลงเล็กน้อย “จนถึงวันนี้ เธอก็จากผมไปครบยี่สิบเอ็ดปีแล้ว”

เสียงนั้นดังก้องอยู่ในใจ ทำให้รู้สึกทุกข์ทรมาณอย่างบอกไม่ถูก อวี๋กานกานรู้สึกว่าความคิดของตัวเองช่างน่าขำ ตอนนี้กู้เฉินไม่ได้มีภรรยามีลูกอยู่เหรอ?

มีอะไรที่ชวนให้คนปวดใจกัน

ถ้าชอบมาจริงๆ ลืมไม่ลงและยังคงคิดถึงตลอดเวลาแบบนี้ แล้วแต่งงานใหม่ทำไม?

แม้ว่าตอนนั้นกู้เฉินจะอายุยังน้อย การแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งอาจจะอธิบายความรู้สึกจริงๆ ไม่ได้ แต่ในเมื่อแต่งแล้ว ก็ต้องมองไปข้างหน้าด้วยกัน

ตอนที่ 634 ให้ตายสิ! เธอคือกู้เหยียนอวี๋ (1)

เธอไม่ชอบจูอวี้ลู่และกู้ซูหลิงสองแม่ลูก แต่เธอคิดว่าผู้ชายคนนึงที่จำภรรยาเก่าของตัวเองได้หลังแต่งงานใหม่ สำหรับคนที่เป็นภรรยาใหม่แล้วนี่เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากจริงๆ

บางทีอาจเป็นโจวอวี๋ออกอุบายตีหวงไก้* หนึ่งคนเต็มใจตีอีกคนเต็มใจเจ็บ แต่เธอก็เห็นว่าครอบครัวนี้ก็ค่อนข้างดีทีเดียว

“ดูเหมือนว่าประธานกู้จะชอบภรรยาคนก่อนนี้มากจริงๆ นะคะ” อวี๋กานกานตอบกลับไปประโยคหนึ่งอย่างสบายๆ ที่จริงแล้วมันดูน่าขันนิดหน่อยด้วย

“เธอเป็นผู้หญิงที่ดีมากๆ คนหนึ่ง” ภาพฉายผ่านเข้ามาในสมองของกู้เฉิน ใบหน้านั้นยังคงคุ้นเคยไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีก็ตาม

เสี่ยวเหยียนของเขา ไม่ได้มีดีแค่นิสัย

เธอสวยมาก บริสุทธิ์ราวกับหิมะขาว ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายราวกับเต็มไปด้วยไวน์ที่หอมหวานกลมกล่อม ชวนให้คนรู้สึกเกลียดที่ไม่อาจเมามายไปกับมันได้

เสียงของเธออ่อนโยนไพเราะ เวลาที่ได้ยินราวกับมีสายลมอ่อนโยนพัดผ่านเข้ามา ทำให้คนที่ได้ยินรู้สึกสบาย

กู้เฉินพูดเสร็จก็เงยหน้าขึ้นมามองอวี๋กานกานปราดหนึ่ง “พวกเราคล้ายกันมาก ถึงแม้ว่าเสี่ยวอวี๋จะเหมือนเธอ แต่คล้ายว่าคุณจะเหมือนเธอยิ่งกว่า”

อวี๋กานกานยิ้มบางๆ ไปทีหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไรออกไป “…”

มีประโยคหนึ่งในหนังสือที่เขียนบอกว่า ‘บนโลกนี้จะมีคนอยู่เจ็ดคนที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนคุณทุกอย่าง’

เจ็ดคนนั้นจะมีหรือเปล่า อวี๋กานกานเองก็ไม่รู้ แต่บนโลกในนี้ คนที่มีหน้าตาเหมือนกันนั้นมีอยู่จริง แม้ว่าาส่วนใหญ่จะไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกันก็ตาม

เมื่อเดินผ่านสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ทั้งสองก็นั่งลงบนม้านั่งริมทาง กูเฉืนหยิบกระเป๋าสตางค์ของตัวเองออกมา แล้วหยิบรู้ถ่ายที่อยู่ในนั้นออกมาให้อวี๋กานกานดู “คุณดูสิ นี่คือเสี่ยวเหยียน พวกคุณเหมือนกันมากเลยใช่มั้ย”

หญิงสาวที่อยู่ในรูปสวมชุดกี่เพ้าพอดีตัว ดูสวยงามและอ่อนโยน อวี๋กานกานมองอย่างละเอียดก็รุ็สึกว่าอีกฝ่ายเหมือนตัวเองอยู่เล็กน้อย

“เธอคือเสี่ยวหยียน…”

อวี๋กานกานกระซิบเบาๆ เธอรู้สึกว่ารอยยิ้มของผู้หญิงในภาพนั้นช่างเปล่งประกาย ดูเหมือนมีความรักที่แนบแน่นมาหลายปี ในใจพลันเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดขึ้นมา

เธอยื่นรูปถ่ายใบนั้นคืนให้กู้เฉิน “เธอสวยกว่าฉันมากค่ะ”

กู้เฉินยิ้มน้อยๆ ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เห็นได้ชัดว่าอวี๋กานกานก็เห็นด้วยกับเขา

เขารับรูปมา เตรียมที่จะเก็บลงไปในกระเป๋าอีกครั้ง

ตอนที่อวี๋กานกานเก็บสายตากลับมา ก็เห็นว่าในกระเป๋าสตางค์นั้นมีรูปถ่ายอีกใบ

ภาพของเด็กผู้หญิงคนนั้นคุ้นตามาก ในใจก็เกิดความรู้สึกเครียดขึงขึ้นมาทันที เธอจึงเอ่ยถามออกไปอย่างไม่ตั้งใจว่า “นั่นก็…เสี่ยวเหยียนเหรอคะ?”

หลังกู้เฉินเก็บรูปเสร็จ ก็หยิบรูปอีกใบออกมาให้อวี๋กานกานดู “นี่ไม่ใช่เสี่ยวเหยียน นี่ลูกสาวของผม”

อวี๋กานกานมองไปที่กูเฉินด้วยความประหลาดใจ ทั้งยังจ้องรูปที่อยู่ในมือของอีกฝ่ายอย่างแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เนิ่นนานกว่าเธอจะเอ่ยถามด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “คุณบอกว่าเธอคือใครนะคะ? ลูกสาวเหรอ?”

กู้เฉินยิ้มพลางพยักหน้า ค่อยๆ พูดว่า “ผมกับเสี่ยวเหยียนแต่งงานกันได้ไม่นานก็มีเธอ ร่างกายของเสี่ยวเหยียนไม่แข็งแรง ดังนั้นตอนที่ลูกคลอดออกมาก็ทั้งผอมทั้งอ่อนแอ…”

มือทั้งสองข้างของเขากุมกันไว้ “ตัวเธอเล็กจนเหมือนจะใช้สองมีนี้อุ้มไว้ได้ทั้งหมด ตอนแรกผมไม่กล้าอุ้มเธอเลย เพราะกลัวว่าจะทำให้เธอเจ็บ หลังจากนั้นแค่เพียงเธอร้องออกมาครั้งเดียวผมก็รู้แล้วว่าเธอกำลังหิวหรือว่าฉี่ เธอค่อยๆ เติบโตขึ้นมา ยิ่งโตก็ยิ่งสาว เหมือนแม่ของเธอ…”

อวี๋กานกานมองชายที่กำลังจมดิ่งลงไปในความทรงจำ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าหัวใจของเขาคนนี้ช่างเจ็บปวด

สายตาของเธอย้อนกลับไปที่รูปภาพของเด็กน้อยคนนั้นอีกครั้ง ริมฝีปากของเธอค่อยๆ เหยียดตรง ความตกตะลึงฉายชัดใจแววตา