2/4

 

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.120 – สู้ตาย

 

ฉินเฟิงมุ่งไปข้างหน้าตลอดเส้นทาง บางคนที่เฝ้ารอขบวนของเขาก็ตามลงมาสมทบเช่นกัน  อย่างไรก็ตาม บนตึกชั้นสูงของทั้งสองฟากถนน ยังคงปรากฏผู้คนโบกไม้โบกมือ ใช้พวกผ้าขาว หรืออะไรต่างๆที่สังเกตได้ง่ายๆมาทางพวกเขา

 

“ช่วยฉัน! ช่วยฉันด้วย! ตามระเบียงทางเดินมีเพียงแมลงสัตว์ร้ายอยู่ ฉันลงไปไม่ได้!”

 

“ไม่นะ อย่าไป! พวกคุณจะทิ้งฉันไว้แบบนี้ไม่ได้!”

 

“ไอ้สารเลว! เห็นคนกำลังจะตาย แต่พวกแกยังนิ่งเฉย ไม่คิดทำอะไรเลยรึไง?”

 

เมื่อคนเหล่านั้นเห็นว่ากลุ่มของฉินเฟิงไม่มีทีท่าว่าจะหยุดรอ เอาแต่มุ่งตรงไปข้างหน้า ในสายตาของทั้งหมดฉายถึงความหมดหวัง บังเกิดความไม่พอใจและโกรธเกรี้ยว เริ่มขว้างปาสิ่งของต่างๆลงมา

 

ขณะเดียวกัน อุปกรณ์สื่อสารของหลิวซูก็เต็มไปด้วยข้อความถูกส่งมา มันสั่นอย่างต่อเนื่องจนแทบจะระเบิดอยู่แล้ว

 

แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

 

วังเฉินที่เดินนำหน้าลุงหลิวและภรรยา และอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้กันกับหลิวซู เดินเข้าไปใกล้เธอและกล่าว

 

“ถ้าเป็นฉัน ฉันจะทุบอุปกรณ์สื่อสารนั่นทิ้งซะ จดจำเอาไว้ให้ดี ว่าหากฟุ้งซ่านไม่มีสมาธิ จะเป็นการลดทอนโอกาสรอดชีวิต ตัวฉันเองเคยถูกรอดตายมาแล้วครั้งหนึ่ง เพราะงั้นนะสาวสวย อย่าให้ฉันต้องตายอีกรอบเพราะความประมาทของเธอเลย … ” วังเฉินบ่นเชิงตักเตือน

 

สีหน้าของหลิวซูซีดขาว แต่ก็ฝืนยิ้มออกมา “ขอบคุณที่เตือน”

 

“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ ฉันแค่หวังว่าเธอจะหายสับสนซักที อย่าลืมสิว่าคนในกลุ่มเราเองก็ต้องการให้เธอคอยปกป้องเหมือนกัน ฉะนั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่จะบุกเข้าไปกวาดล้างในตัวอาคารระหว่างทาง ถ้าพวกเขาไม่มีกระทั่งความกล้าที่จะวิ่งลงมาด้วยตัวเอง พวกเราก็ช่วยอะไรไม่ได้!”

 

ระหว่างกล่าว หางตาของวังเฉินบังเอิญไปเห็นว่ามีเด็กบางคนกำลังโยนสิ่งของลงจากตัวอาคาร และการกระทำนี้ดันไปกระตุ้นความสนใจจากด้วงกระหายเลือดที่บินผ่านมาพอดี

 

ด้วงกระหายเลือดโฉบขึ้นไปตามทิศทางของเหล่าเด็กๆอย่างรวดเร็ว หมายจะสูบกินเนื้อนุ่มๆสดๆ

 

ปัง ปัง ปัง!

 

ปืนในมือวังเฉินสาดกระสุนออก สังหารด้วงกระหายเลือด ช่วยชีวิตเจ้าหนูพวกนั้นเอาไว้ แต่ก็ทำได้เพียงเท่านี้

 

เพราะปัจจุบันเมืองตกอยู่ภายใต้ดงศัตรู มีเพียงความกล้าเท่านั้น ถึงจะอยู่รอดต่อไปได้ หากพวกเด็กๆไม่คิดลงมา วังเฉินก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยไปตามชะตากรรม

 

—-

 

ฉินเฟิงคอยเดินนำอยู่ข้างหน้า แต่หลังจากเดินมาได้อีกถนนหนึ่ง จู่ๆเขาก็ต้องขมวดคิ้ว

 

“พวกเราจะอ้อมไป”

 

ฉินเฟิงกล่าวเสียงหม่น

 

สถานที่ตรงหน้าคือตลาดของเมืองหาน มันมีทั้งเนื้อสัตว์และผักทุกฤดูกาล กล่าวได้ว่าอุดมสมบูรณ์ไปด้วยอาหารมากมาย

 

ด้วยเหตุนี้เอง หลังจากเมืองหานถูกยึดครองโดยศัตรู มันเลยกลายเป็นสถานที่รวมตัวของพวกแมลงสัตว์ร้าย … ชัดเจนว่าที่นี่กลายเป็นรังของพวกแมลงไปแล้ว

 

และดูเหมือนว่าที่นี่จะเป็นรังของพวกมด

 

–เป็นมดเหล็กดำ แต่ละตัวมีความยาว 20 ซม. มีผิวชั้นนอกคล้ายกับเหล็กตามชื่อของมัน และสุดท้าย อยู่รวมกันเป็นฝูงนับหมื่นตัว

 

ฉินเฟิงไม่มีความตั้งใจที่จะกระตุ้นพวกแมลงเหล่านั้น

 

ฉินเฟิงนำกลุ่มของเขาเดินเลี่ยงรังนี้ อย่างไรก็ตาม ชัดเจนว่าอาหารมีค่ามากสำหรับมดเหล็กดำ เมื่อมันเห็นเนื้อสดๆจำนวนมากกำลังอ้อมผ่าน พวกมันก็ไม่คิดจะปล่อยให้ฉินเฟิงและคนอื่นๆจากไป

 

“วิ่งฝ่าไปเร็ว! ส่วนไป๋หลี เธอช่วยออกไปเคลียร์ทางข้างหน้าให้ที” ฉินเฟิงตะโกนสั่งให้ทุกคนหนีก่อนเป็นอันดับแรก

 

“เข้าใจแล้ว! ทุกคน รีบตามฉันมา!” ไป๋หลีราวกับราชินีนักรบ โจนทะยานออกไป มดเหล็กดำหลายตัวปรากฏขึ้นเบื้องหน้าไป๋หลีอย่างไม่กลัวตาย

 

ไป๋หลีวาดมือ ผู้คนไม่เห็นเลยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เหมือนคล้ายจะปรากฏแสงสีขาววาบขึ้นรางๆ และพวกแมลงสัตว์ร้ายก็นิ่งงันไป ก่อนจะถูกผ่าแยกออกเป็นสองซีก!

 

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับแมลงสัตว์ร้ายธรรมดา ไป๋หลีเพียงสะบัดเล็บของเธอ ก็สามารถฆ่าพวกมันได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องถึงขั้นใช้ใบมีดมิติ

 

กระทั่งผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล F ก็ยังพาลคิดไปว่าไป๋หลีใช้กระบวนท่าวรยุทธประเภทกรงเล็บอะไรบางอย่าง ถึงแม้ว่าจะเป็นท่าที่พบเจอได้ยาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีใครใช้มัน

 

ไป๋หลีบุกตะลุยกรุยทางในแนวหน้า คนกลุ่มใหญ่วิ่งตามหลังเธอ ระหว่างนั้น ฉินเฟิงก็ควบม้าศึก กระโจนข้ามผ่านศีรษะของผู้คน ไปอยู่ในแนวหลัง ในจุดที่กองทัพมดกำลังไล่ตามมา

 

คนที่วิ่งช้าเริ่มถูกพวกมันจับตัวได้

 

ง่ำ!

 

มดเหล็กดำอ้าปากเผยให้เห็นถึงฟันที่แหลมคม และงับเข้าใส่เท้าของมนุษย์คนหนึ่ง

 

“อ๊าาาากกก!”

 

ชายคนนั้นกรีดร้องลั่น เนื่องจากเขาใส่รองเท้าแตะ ยามก้มมอง เลยสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเนื้อส่วนหนึ่งขนาดเท่ากับเล็บนิ้วมือได้หายไป!

 

เลือดไหลทะลัก ความเร็วของเขาเริ่มเชื่องช้าลงเพราะความเจ็บปวด มดเหล็กดำที่อยู่รอบๆเริ่มดาหน้ากันเข้ามารุมล้อม

 

ฉากนี้มองดูคล้ายกับคลื่นสีดำสนิทที่ขยุกขยิกได้ ชายคนนั้นล้มลง ดิ้นทุรนทุราย สุดท้ายก็จมหายไปในคลื่นสีดำ และ—

 

–โผล่มาในสายตาอีกที ทั้งตัวเขาก็เหลือแค่กระดูกขาวๆเท่านั้น!

 

ถูกกัดกินไม่เหลือซากในพริบตา กองทัพมด … ช่างน่าสยองเกล้าอะไรขนาดนี้!

 

ฉินเฟิงสูดหายใจลึก ระดมพลังสมาธิอย่างดุเดือด

 

“พรมโลกันต์!”

 

ฟุ่ม!

 

เบื้องหน้าฉินเฟิง เปลวเพลิงสีดำแดงก่อตัวขึ้นทันใด มันแผ่ขยายออกไปราวกับคลื่นทะเล ไม่ว่าจะเป็นการเผาแมลงในโรงแรมก่อนหน้านี้ หรือกระทั่งการเผาถนนเมื่อคืน ก็เป็นเพราะท่านี้เช่นกัน

 

กล่าวได้ว่า การที่เพลิงโลกันต์สามารถเปลี่ยนรูปแบบได้เช่นนี้ นั่นหมายความว่าฉินเฟิงเชี่ยวชาญมันมากขึ้นเรื่อยๆ เปลี่ยนพลังพิเศษเพลิงโลกันต์ให้ออกมาในรูปโฉมใหม่ และฉินเฟิงเพิ่งจะตั้งชื่อให้มันอย่างเป็นทางการว่า

 

พรมโลกันต์

 

ก็เป็นพรมดั่งชื่อ เปลวเพลิงกระจายเป็นวงกว้าง โถมเข้าใส่มดเหล็กดำ กวาดเป็นผืนโลกันต์ เผาผลาญทุกสิ่งเบื้องหน้ามันอย่างไร้ความเมตตา

 

มดเหล็กดำทั้งหมดที่ไล่ตามมาจบชีวิตลงในพริบตา

 

พรมโลกันต์นี้กินวงกว้างถึงเต็ม 50 เมตร และห่างออกไปหลังจาก 50 เมตร กองทัพมดพลันหยุดชะงัก ไม่กล้าที่จะไล่ตามมา

 

ฉินเฟิงมองไปยังทะเลเพลิงที่ลุกท่วม เฝ้ามองเปลวเพลิงเผาไหม้วัสดุบางอย่างรอบๆ ในสมองขบคิด : หากเขาไม่เก็บรูนไฟพวกนี้กลับคืน มันน่าจะยังคงเผาไหม้ต่อไปได้อีกราวๆ 5 นาที เท่านี้ก็เพียงพอที่จะถ่วงเวลาจนหลุดพ้นจากกองทัพมดเหล็กดำได้

 

ฉินเฟิงกระตุ้นม้าศึก ควบติดตามกลุ่มที่ล่วงหน้าไปก่อนอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อมาถึง เขาก็พบว่าด้านหน้าถูกหยุดเอาไว้อีกครั้ง โดยสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่

 

มันคือตัวเดียวกันกับที่ฉินเฟิงเคยพบเจอมาแล้ว —หอยทากเหล็กดำสองหัว!

 

เนื่องจากขนาดใหญ่โตของมัน ความหวาดกลัวของผู้คนเลยเริ่มพุ่งขึ้นถึงขีดสุด

 

กระทั่งผู้ใช้พลังในเลเวล F ก็ยังไม่กล้าก้าวไปข้างหน้า ในแววตาฉายถึงความวิตกกังวล คล้ายกับว่ากำลังเฝ้ารอให้ฉินเฟิงกลับมา

 

ซุ่ม!

 

จู่ๆก็เกิดคลื่นน้ำซัดสาดปิดกั้นถนนโดยตรง

 

ทุกคนถอยหนีอย่างบ้าคลั่ง

 

คลื่นที่ว่านี้ไม่ใช่ใดอื่น แต่เป็นอบิลิตี้ของหอยทากเหล็กดำ ซึ่งไม่ต่างอะไรไปจากกรดที่มีฤทธิ์กัดกร่อนร้ายแรง!

 

มีเพียงไป๋หลีเท่านั้นที่ไม่หวั่นไหว

 

ตรงกันข้าม ตอนนี้สมควรจะเป็นหอยทากเหล็กดำมากกว่าที่ต้องหวาดกลัว เพราะท้ายที่สุดแล้ว ไป๋หลีน่ะคือราชันย์สัตว์ร้ายที่แท้จริง!

 

อย่างไรก็ตาม หอยทากเหล็กดำสองหัวคือเผ่าแมลง มันครอบครองสติปัญญาระดับต่ำ ทุกสิ่งแค่ทำไปตามสัญชาตญาณ มันเลยไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายน่าสยองขวัญที่ซ่อนอยู่ของไป๋หลี

 

ไป๋หลีก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หวั่นเกรง เหยียบย่ำลงบนกระแสน้ำกรด มุ่งหน้าไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

 

หลายคนที่อยู่หน้าสุดมองไป๋หลีด้วยความตื่นตระหนก

 

“ระวังนะ! มันคือนายพลสัตว์ร้าย!”

 

“แย่ล่ะสิ พวกเราต้องไปช่วยเธอ!”

 

“นั่นแฟนของมิสเตอร์ฉิน!”

 

ระหว่างที่ทุกคนกำลังร้องตะโกน ไป๋หลีก็ยกสองมือขึ้น และสะบัดลง

 

ประกายแสงสีขาววาบผ่านอีกครั้ง

 

ตุบ … พรวดดด!

 

เลือดพุ่งกระฉูดออกมา สองหัวของหอยทากเหล็กดำกลิ้งตกลง

 

ไป๋หลียืดนิ้วออกไป กรีดลงบนสมองของสองหัว เก็บแก่นอบิลิตี้ธาตุน้ำ แล้วเริ่มเดินนำหน้าต่อไป

 

สำหรับผู้คนที่เห็นเหตุการณ์นี้ ดวงตาทุกคู่ต่างเบิกกว้าง อ้าค้างปากไม่อาจหุบลงโดยสิ้นเชิง

 

ปัจจุบัน ปรากฏเงาหนึ่งวูบผ่านมาจากเบื้องหลัง ฉินเฟิงกลับมาข้างกายพวกเขาอีกครั้ง

 

“มัวมองอะไรกันอยู่? รีบไปเร็วเข้า! จะยืนอยู่เฉยๆให้เป็นอาหารแมลงรึไง?”

 

ภายใต้เสียงดุของฉินเฟิง ทั้งกลุ่มกลับมาได้สติ และเริ่มวิ่งอีกครั้ง

 

ในอดีต พวกเขาเคยรู้สึกว่าเมืองหานเป็นแค่เมืองเล็กๆ เพียงฝ่ามือใหญ่ฝ่ามือเดียวก็บดบังทั้งเมืองได้แล้ว ผู้คนก็พลุกพล่านแออัด เบียดกันเต็มถนน

 

ทว่าในวันนี้ พอบนถนนว่างเปล่าไร้ซึ่งผู้คน พวกเขากลับรู้สึกว่าเมืองหานช่างกว้างใหญ่เหลือเกิน!

 

เป็นเวลากว่า 3 ชั่วโมงเต็ม แต่พวกเขาเพิ่งจะเดินได้แค่ครึ่งทางเท่านั้น และเนื่องจากฉินเฟิงออกเดินทางในช่วงเวลาบ่ายโมง ปัจจุบันจึงเป็นเวลาใกล้ตกเย็น คนในกลุ่มต่างหิวโหยและเหนื่อยล้า หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าจะมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บมากขึ้น

 

“งั้นไปพักกันที่นั่น ในซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นล่างของห้างสรรพสินค้า!”

 

ซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้ คือซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในย่านสลัม และปัจจุบัน คนในกลุ่มของฉินเฟิง ไม่ใช่ 200 คนเหมือนในตอนแรกอีกต่อไป แต่เพิ่มขึ้นมามากถึง 500 – 600 คน!