3/4

 

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.121 – ความลับในห้องใต้ดิน

 

เมื่อกลุ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ความสับสนและวุ่นวายก็เริ่มควบคุมไม่อยู่ บังเกิดเสียงกรีดร้องโวยวายขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตรงจุดนี้จะเป็นการดึงดูดพวกแมลงเข้ามา

 

ดังนั้นต้องปรับข้อตกลงกันใหม่!

 

ฉินเฟิงเป็นผู้เบิกทาง บุกพังประตูเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ต

 

ภายในซุปเปอร์มาร์เก็ตตกอยู่ในสภาพเละเทะ เห็นได้ชัดว่าพวกแมลงเองก็ยึดครองสถานที่แห่งนี้

 

และนี่คือถิ่นของพวกตั๊กแตนใบมีด!

 

ตั๊กแตนใบมีดน่ะครอบครองอาวุธที่เปรียบดั่งเคียวแหลม ดังนั้นประตูเหล็ก หรือกระจกหนาจึงไม่สามารถหยุดยั้งมันได้ อย่างไรก็ตาม ตั๊กแตนใบมีดไม่ได้อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม นั่นหมายความว่าการเก็บกวาดมันเลยเป็นเรื่องง่าย

 

กลุ่มขนาดใหญ่ทยอยกันเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ต ทั้งหมดเริ่มปฏิหน้าที่ทันที ช่วยกันปิดกั้นช่องระบายอากาศ และหน้าต่างเพื่อสร้างบังเกอร์ป้องกันอย่างรวดเร็ว

 

ในที่สุด ทุกคนก็มีโอกาสได้พักหายใจเสียที!

 

และภายในซุปเปอร์มาร์เก็ตก็มีอาหารมากมาย ดังนั้นพวกเขาเลยไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องอาหารและเครื่องดื่ม ทั้งหมดเริ่มเสาะแสวงหาของกินกันอย่างเต็มที่

 

แม้เมืองเพิ่งจะล่มสลายได้แค่วันที่ 2 แต่คนเหล่านี้กินมูมมามราวกับว่าไม่ได้รับประทานอาหารมานานกว่า 7 – 8 วัน

 

ความเครียดเองก็ยิ่งสะสมมากขึ้น บางคนเริ่มร้องไห้ บางคนเริ่มบ่นสาปแช่ง และแล้วในซุปเปอร์มาร์เก็ตเริ่มเกิดความโกลาหล

 

เปรี้ยง!

 

เสียงปืนของฉินเฟิงดังขึ้น แต่นี่ไม่ใช่ปืนพลังงาน แต่มันคือปืนพก

 

“ดูเหมือนว่าที่นี่จะมีคนอยู่เยอะเกินไปนะ มีใครต้องการจะลิ้มรสชาติวันสุดท้ายของชีวิตไหม?” ฉินเฟิงกวาดสายตามองผู้คนด้วยความเย็นชา

 

ฝูงชนกลายเป็นเงียบงัน

 

ฉินเฟิงกล่าวน้ำเสียงเย็นเยียบ “ถ้าจำเป็นต้องพูดคุยกันจริงๆ ก็ขอให้ใช้อุปกรณ์สื่อสารส่งข้อความหากันซะ ถ้ายังไม่อยากตาย! ”

 

“หลิวซู เธอช่วยไปนับจำนวนอีกรอบ และจัดตั้งทีมให้พวกเขาด้วย”

 

“รับทราบ!” หลิวซูผุดเดินอย่างลุกลี้ลุกลน และเริ่มนับจำนวนกลุ่มคนทั้งเก่าและใหม่

 

อันที่จริงจำนวน 500 คนนี่อาจพูดได้ว่าค่อนข้างน้อย สมมติหากเทียบกับในสถาบันระดับกลางสักแห่งหนึ่ง ซึ่งห้องเรียนนึงจะมีนักเรียนราวๆ 30 คน เท่ากับว่าปัจจุบันมีนักเรียนอยู่ทั้งสิ้น 18 ห้อง ก็เท่านั้นเอง

 

อย่างไรก็ตาม 18 ห้องที่ว่ากำลังตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมศัตรู  และสิ่งที่กำลังเฝ้ารอคอยพวกเขาเบื้องหน้าก็คือการถูกทยอยจับไปกินทีละคน ทีละคน ทั้งหมดเลยตกอยู่ในความอลหม่าน

 

ฉินเฟิงไม่ได้สั่งให้พวกเขาหยุดการกระทำของตน แค่หวังว่าคนพวกนั้นจะไม่สร้างปัญหาเพิ่มขึ้นก็พอ

 

เมื่อความวุ่นวายสงบลง ฉินเฟิงก็ไปที่ด้านบนของซุปเปอร์มาร์เก็ตอีกครั้ง

 

วังเฉินได้มารออยู่ที่นี่ล่วงหน้าแล้ว

 

“ลูกพี่!”

 

วังเฉินร้องเรียก หลังจากที่กำหนดทีมย่อย วังเฉินก็ติดตามอยู่ข้างกายฉินเฟิง ทั้งสองเลยสนิทกันมากขึ้น วังเฉินเปลี่ยนแปลงคำเรียกขาน ไม่เรียกฉินเฟิงว่ามิสเตอร์ฉินอีกต่อไป

 

“สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”

 

“พวกแมลงสัตว์ร้ายบางตัวดูเหมือนจะได้ยินเสียง หรือไม่ก็ได้กลิ่นของพวกเรา พวกมันเรากำลังรวมกลุ่มกัน ค่อยๆตรงเข้ามาที่นี่อย่างช้าๆ ถ้าเราไม่รีบเก็บกวาด น่ากลัวว่าพวกมันจะมารวมตัวกันมากขึ้นจนบุกเข้ามา” วังเฉินกล่าว

 

ในฐานะมือปืน ทำให้นอกเหนือไปจากการสนับสนุนโจมตีในระยะไกลแล้ว วังเฉินยังสามารถรับหน้าที่ในการตรวจตรา , สังเกตการณ์ หรืออะไรทำนองนั้นได้เป็นอย่างดี

 

ตอนนี้วังเฉินจึงขึ้นมาในชั้นบนสุด เพื่อสำรวจสภาพการณ์โดยรอบ

 

ฉินเฟิงพยักหน้า ตรงไปทางหน้าต่าง มองสำรวจรอบๆผ่านสโคปไรเฟิล จากนั้นเขาก็มองเข้าไปในรอยแยกมิติอีกครั้ง และพบว่ารอยแยกยังไม่ปิดลง ภาพของมันดูราวกับปากใหญ่อันน่าสยดสยองของสัตว์ร้าย ที่สามารถกลืนกินเมืองหานได้ทุกเวลาหากต้องการ

 

ฉินเฟิงตระหนักดี ว่าสัตว์ร้ายที่เล็ดลอดออกมาจากรอยแยกนี้ จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มากจนสุดท้ายไม่อาจควบคุมได้

 

“เอาเถอะ ตอนนี้อย่าเพิ่งกังวลไปเลย”

 

ฉินเฟิงกล่าว

 

“รับทราบ แต่ว่านะลูกพี่ ตอนนี้คนที่จะฝ่าวงล้อมไปกับเรามีมากเกินไป  ถ้าคุณยังต้องการจะช่วยพวกเด็กๆหลังจากนี้ สมควรรีบเตรียมตัวล่วงหน้าจะดีกว่านะ”

 

พวกเด็กๆในสถานเล็กเด็กกำพร้าน่ะแตกต่างจากผู้ใหญ่ในที่นี่ พวกเขาเป็นการดำรงอยู่ที่อ่อนแอ และไร้กำลัง เรียกว่าไม่มีความสามารถใดๆในการเอาตัวรอดเลย

 

“ฉันรู้แล้ว ถึงกลางคืนเมื่อไหร่ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง”

 

วังเฉินพยักหน้า ไม่ได้ขัดอะไร

 

แต่เป็นธรรมดาที่เรื่องวุ่นๆจะไม่จบลงเพียงเท่านี้ แม้ว่าวันนี้จะมีคนมากมายเข้าร่วมการฝ่าวงล้อม และมาเพิ่มเติมจนมากกว่า 500 คน แต่ก็ยังมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตระหว่างทาง คนธรรมดาพอเห็นฉากนี้เข้าก็ตื่นตระหนกในจิตใจ

 

เมื่อฉินเฟิงกลับมาชั้นล่าง หลิวซูก็ตรงเข้าหาเขา

 

“ฉินเฟิง มีพลเรือนจำนวนหนึ่งไม่ยินดีที่จะฝ่าวงล้อมไปกับพวกเราอีกแล้ว และบังเอิญว่าห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ก็มีชั้นใต้ดินที่สามารถรองรับคนได้มากกว่า 2,000 คนอยู่พอดี พวกเขาเลยอยากจะเข้าไปหลบภัยที่นั่น และรอคอยกองกำลังหลิงหานเข้ามายึดพื้นที่คืน จากนั้นค่อยกลับขึ้นมา และขอให้ทางกองกำลังนำตัวออกไป”

 

ก่อนหน้านี้ คนพวกนี้รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่จะบุกฝ่าวงล้อม แต่ขณะเดียวกันพวกเขาก็กลัวความตายเช่นกัน นี่เป็นความจริงที่เรียกกันว่าหากไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา

 

แต่เมื่อได้ยินถึงคำขอ ฉินเฟิงก็ไม่คิดปฏิเสธ

 

“งั้นตามที่เธอพูด มีคนต้องการจะรั้งอยู่ที่นี่กี่คน? ช่วยนับจำนวนพวกเขาด้วยนะ ตอนนี้เลยยิ่งดี นี่ก็จะมืดแล้ว ถ้าชักช้าเดี๋ยวจะทำอะไรได้ยุ่งยากกว่าเดิม”

 

“อ่า ฉันนับเรียบร้อยแล้ว มีประมาณ 200 คน!”

 

“ไปบอกให้พวกเขาเตรียมตัว ฉันจะเดินไปส่งพวกเขาที่ชั้นใต้ดินในอีกสิบนาที”

 

“รับทราบ!”

 

หลิวซูตอบอย่างรวดเร็ว และบางคนพวกเขาเก็บข้าวของ

 

แม้ชั้นใต้ดินจะมีเสบียงสำรองกักตุนไว้อยู่ก็ตาม แต่คนเหล่านี้ก็ยังไม่วายนำขโมยกระเป๋าในห้าง ยัดอาหารและน้ำจากซุปเปอร์มาร์เก็ตจนเต็ม กระเป๋าสะพายหลังปูดบวมเกือบจะรูดซิบไม่ได้

 

ฉินเฟิงรับตัวคนเหล่านั้น นำทางไปตามอุโมงค์ลี้ภัยสู่ลานจอดรถใต้ดิน และก็พบกับประตูเหล็กอีกครั้ง

 

“ได้โปรดเปิดประตูด้วย ข้างนอกไม่มีพวกแมลงอีกแล้ว พวกเราจำเป็นต้องเข้าไปหลบภัยข้างใน”

 

หลิวซูตะโกน

 

เนื่องจากที่นี่เป็นที่หลบภัยขนาดใหญ่ ดังนั้นจึงมีลำโพงติดตั้งอยู่ภายนอก

 

ไม่นานนัก เหนือประตูเหล็กก็มีเสียงตอบรับกลับมา

 

“ข้างในไม่มีที่ว่างแล้ว พวกคุณไปที่อื่นเถอะ!”

 

คนที่ติดตามฉินเฟิงกับหลิวซูมา สบถด้วยความโกรธแค้นทันที

 

“ทำไมต้องไปที่อื่นด้วย? นี่มันพื้นที่สาธารณะของเมืองหานนะ! แล้วทำไมพวกเราถึงเข้าไปไม่ได้”

 

“มันจะมีคนกระจุกกันอยู่ข้างในถึงตั้ง 2000 คนได้ยังไง? อย่ามาโกหกกันดีกว่า!”

 

“ทำไมถึงไปเปิดล่ะ?”

 

เวลานี้ หลิวซูก็เริ่มโกรธบ้างแล้วเช่นกัน

 

“ทำไมพวกคุณถึงเห็นแก่ตัวแบบนี้ คิดจริงๆหรือว่าฉันไม่สามารถเข้าไปได้?” หลิวซูประกาศกร้าว และแน่นอนว่าเธอสามารถทำได้จริงๆ

 

เพราะยังไงก็ตาม สิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะแห่งนี้ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้คนที่เข้าไปก่อน ละเลยคนอื่นๆจากภายนอก ฉะนั้นมันจึงมีระบบฉุกเฉินติดตั้งเอาไว้

 

แต่แน่นอนว่าระบบดังกล่าว ไม่ใช่ว่าใครก็เปิดใช้งานมันได้ ไม่อย่างงั้นคงเกิดกรณีที่คนภายนอกสิ้นหวัง และชักนำความตายเข้าสู่พวกคนภายใน

 

หลิวซูกระแทกฝ่ามือเข้าใส่ประตู แผงหน้าจอก็ปรากฏขึ้นมาทันใด หลิวซูชักฝ่ามือออก โผเข้าป้อนชุดตัวเลขลงไปอย่างไม่ลังเล

 

แต่เธอก็ถูกฉินเฟิงขัดเอาไว้ซะก่อน

 

“ข่าวของพวกเราก่อนหน้านี้ เธอได้ส่งมันมาที่ห้างด้วยรึเปล่า?” ฉินเฟิงถาม

 

หลิวซูพยักหน้าด้วยความสำนึกผิดอีกครั้ง “เนื่องจากพวกเราเปลี่ยนกำหนดการใหม่ ตัดสินใจมาพักกันที่นี่ ดังนั้นอาจจะมีบางคนอยู่ใกล้ๆ แล้วมาสมทบกับพวกเราก็ได้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เกิดเสียงต่อสู้ดังขึ้นตลอดทาง พวกเขาน่าจะได้ยินมัน”

 

“แล้วคนที่อยู่ในห้องใต้ดินนี้ ไม่มีใครต้องการไปกับพวกเราซักคนเลยหรอ?”

 

“เอ่อ .. คิดว่าไม่มี แต่ฉันส่งข่าวกระจายไปแล้วนะ ที่นี่ก็น่าจะได้รับเหมือนกัน … ”

 

“ไม่มีเลยซักคน?” ฉินเฟิงแสยะยิ้ม งั้นมันต้องมีความลับหรือเรื่องน่ากลัวบางอย่างเกิดขึ้นที่นี่แล้วล่ะ “เอาเลย เธอเปิดประตูได้”

 

เลขรหัสของหลิวซูถูกขัดจังหวะโดยฉินเฟิง ดังนั้นเธอต้องป้อนมันใหม่ แต่โชคยังดี ที่มีโอกาสสามครั้งในการป้อนมัน

 

หลิวซูป้อนรหัสอีกครั้ง และสุดท้ายก็กดปุ่ม OK

 

ครืน …

 

เสียงประตูดังขึ้น

 

“หลบไปให้พ้น!”

 

ฉินเฟิงสะบัดมือ ส่งสัญญาณให้คนที่ติดตามเขาถอยออกไป

 

คำถามก่อนหน้านี้ของฉินเฟิง ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าถึงภยันตราย แต่ถ้าจะพูดให้ถูก สมควรบอกว่าหลังจากเกิดการล่มสลายของเมือง มันเลยทำให้พวกเขารู้จักระมัดระวังมากขึ้น ดังนั้นเมื่อฉินเฟิงเอ่ยปาก ทั้งหมดก็หลบออกไปทันที —หลบให้พ้นจากประตู!

 

ประตูถูกเปิดออก และห่างออกไปครึ่งเมตร ภายใต้แสงสลัว ปืนสีดำสนิทพลันระเบิดสะเก็ดไฟอย่างกระทันหัน

 

ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง-

 

ห่ากระสุนสาดยิงออกมาจากภายในห้องใต้ดิน!