บทที่ 160 ฉินซีร้องไห้แล้ว

The king of War

ที่สำคัญเธอก็รู้ว่า ตัวเองมีลูกสาว เธอดูไม่เหมือนกับผู้หญิงง่ายๆแบบนั้น จะสารภาพรักกับตัวเองได้อย่างไร?

ในไม่ช้า หยางเฉินเห็นคำวิงวอนบางอย่างในดวงตาของเซี่ยเหอ ก็เข้าใจอย่างฉับพลัน เธออยากจะใช้โอกาสนี้กำจัดจวงปี้ฝาน

ในสายตาที่วิงวอนของเซี่ยเหอ หยางเฉินส่ายหน้าเล็กน้อย เธอก็ดูผิดหวังในทันใด

แต่ในขณะนั้น หยางเฉินก้าวเดินไปข้างหน้าหลายก้าว คว้ามือของเธอไว้ พูดอย่างลึกซึ้งว่า: “สารภาพรักแบบนี้ น่าจะปล่อยให้ผู้ชายมาทำมากกว่า”

“ความจริงตั้งแต่ที่ฉันเห็นคุณครั้งแรก ฉันก็ตกหลุมรักคุณตั้งแต่แรกเห็น เซี่ยเหอ ฉันชอบคุณ คุณจะยินดีเป็นแฟนฉันมั้ย?”

ท่าทางจริงจังของหยางเฉิน ทำให้เซี่ยเหอตื่นตระหนกอย่างฉับพลัน แต่ก็รู้ดี เขากำลังช่วยเหลือตัวเอง ดังนั้นก็พยักหน้าพูดว่า: “ฉันยินดี!”

ก็แบบนี้ อยู่ต่อหน้าของจวงปี้ฝาน หยางเฉิน‘สารภาพรัก’กับเซี่ยเหอสำเร็จ

จวงปี้ฝานก็ตกตะลึงเป็นเวลานาน ในเวลานี้ดวงตาก็เบิกกว้าง ผู้หญิงที่เขาปรารถนาอยากได้มาเป็นอย่างยิ่ง กลับยอมรับคำสารภาพของผู้ชายอีกคนหนึ่ง ต่อหน้าของเขา

สีหน้าของเขาบิดเบี้ยว เขาได้ถือว่าเซี่ยเหอเป็นสิ่งล้ำค่าที่ห้ามแตะต้องมานานแล้ว แค่คิดก็รู้แล้ว ในขณะนี้เขาโกรธในใจ

“จวงปี้ฝาน นายก็เห็นแล้ว ฉันมีคนที่ชอบแล้ว หวังว่าจากนี้ไปนายจะไม่รบกวนฉันอีก”

เซี่ยเหอเป็นคนเริ่มกอดแขนของหยางเฉิน และพูดกับจวงปี้ฝานด้วยใบหน้าที่เย็นชา

“เธอนังผู้หญิงสารเลว กล้าที่มีความรักคลุมเครือกับผู้ชายคนอื่น ต่อหน้าของฉัน เธอไม่อยากให้แม่ของเธอรักษาตัวอยู่ที่นี่แล้วใช่มั้ย?” จวงปี้ฝานอับอายกลายเป็นโทสะ

สีหน้าของเซี่ยเหอค่อนข้างดูไม่ดี เธอก็รู้สึกใจอย่างฉับพลัน ยั่วยุจวงปี้ฝานแบบนี้

“การรักษาของคุณน้า ก็ไม่รบกวนนาย ฉันสามารถจัดการได้” หยางเฉินยิ้มเล็กน้อยแล้วพูด

“แกแมร่งหุบปากซะ!”

จวงปี้ฝานยื่นมือชี้ไปที่หยางเฉิน และตะโกนด้วยความโกรธ

ดวงตาทั้งสองของหยางเฉินหรี่ลง: “ทางที่ดีนายเก็บความอวดดีไว้ของนายซะ ไม่อย่างนั้นตายอย่างไร ก็ไม่รู้!”

“แกแมร่งกล้าข่มขู่ฉันเหรอ? รนหาที่ตาย!”

จวงปี้ฝานตะคอก ยกหมัดขึ้นแล้วต่อยไปทางใบหน้าของหยางเฉินอย่างรุนแรง

“ระวัง!”

เซี่ยเหอกลัวจนหน้าถอดสี

“ผลัวะ!”

อย่างไรก็ตามจวงปี้ฝานยังไม่โดนตัวของหยางเฉิน ก็ถูกหยางเฉินเตะกระเด็นออกไป และกลิ้งลงไปจากบันได

เซี่ยเหอเพียงแค่อยากใช้หยางเฉินเป็นไม้กันหมา แต่กลับคาดไม่ถึงว่า เขาจะกล้าลงมือกับจวงปี้ฝาน ก็กังวลทันที และพูดอย่างรวดเร็วว่า: “หยางเฉิน เขาเป็นคนของตระกูลจวง คุณลงมือได้อย่างไร? คุณไม่ต้องสนใจฉันแล้ว รีบออกไปเถอะ!”

เซี่ยเหอจิตใจดีโดยธรรมชาติ ในเวลานี้ในใจมีเพียงความวิตกกังวล ถ้าหากหยางเฉินเป็นเพราะทำให้ตระกูลจวงขุ่นเคือง และประสบกับการแก้แค้น เธอจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต

หยางเฉินพูดอย่างสงบว่า: “วางใจเถอะน่า ตระกูลจวงเล็กๆ ยังทำอะไรฉันไม่ได้!”

นามสกุลจวงไม่มากนัก แล้วคนรุ่นหลังที่หยิ่งยโสอย่างจวงปี้ฝานขนาดนี้ อยู่ที่เจียงโจว มีเพียงตระกูลจวงที่มีชื่อเสียงระดับเดียวกับทั้งสามตระกูลใหญ่อย่างตระกูลกวนตระกูลเว่ยและตระกูลซู

สี่ตระกูลใหญ่นี้ เรียกว่าสี่พรรกแห่งเมืองเจียงโจว เป็นสี่ตระกูลใหญ่ชนชั้นสูงของเจียงโจว

มองดูท่าทางที่มั่นใจตัวเองของหยางเฉิน เซี่ยเหอก็นึกได้อย่ากะทันหัน ลูกน้องคนนั้นที่หยางเฉินพาไปครั้งก่อน ทำร้ายคนของตระกูลกวนจนสลบแล้วพาออกไป

แต่ตอนนี้เขายังไม่เป็นอะไร ซึ่งก็เพียงพอแล้วที่แสดงว่า เรื่องราวของครั้งก่อน ตระกูลกวนทำอะไรเขาไม่ได้

ดังนั้นที่พูดมา มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือหยางเฉินไม่ได้กลัวตระกูลกวน

และตระกูลจวงก็มีชื่อเสียงระดับเดียวกับตระกูลกวน หยางเฉินก็ย่อมไม่กลัวตระกูลจวงเป็นธรรมดา

เมื่อนึกถึงสิ่งเหล่านี้ เซี่ยเหอกลับวางใจมาก เพียงแต่ความกังวลในดวงตายังคงมีมาก

“แกกล้าลงมือกับกู แกเจอดีแน่!”

ล้มลงจากบนบันได หัวของจวงปี้ฝานกระแทกแตกไปหนึ่งแผล เขาพยายามจะลุกขึ้นมาจากพื้น ข่มขู่หนึ่งประโยค และหันหลังจากไป

“ไปเถอะ! ไม่เป็นไรแล้ว!”

หยางเฉินยิ้มเล็กน้อยแล้วพูด

เซี่ยเหอพยักหน้าเล็กน้อย และพูดด้วยท่าทางขอโทษทันที: “เมื่อกี้นี้ต้องขอโทษเป็นอย่างมากด้วย และก็ไม่ได้มีเจตนาจะใช้คุณ แต่จวงปี้ฝานตามตื๊อฉันมานานมากแล้ว ฉันไม่สามารถจะกำจัดได้”

“ไม่เป็นไร จะว่าไป คุณก็ยังถือว่าเป็นผู้มีพระคุณของลูกสาวฉัน ถ้าหากครั้งก่อนไม่ใช่คุณปกป้องเธอ ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น”

หยางเฉินยิ้มเล็กน้อย เปลี่ยนหัวข้อสนทนา: “ใช่แล้ว เมื่อกี้นี้ฉันได้ยินสารเลวนั้น บอกว่าค่ารักษาพยาบาลของคุณน้า คุณน้าเป็นอะไร?”

“แม่ของฉันเป็นโรคโลหิตมีสารของปัสสาวะและทำให้เกิดภาวะเป็นพิษขึ้นได้ เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของที่นี่ ค่ารักษายังขาดอีกมาก”

สีหน้าของเซี่ยเหอมืดมนลง บนใบหน้ามีความโศกเศร้าเล็กน้อย

“ก่อนหน้านี้ฉันเคยให้นามบัตรกับคุณไม่ใช่เหรอ? ทำไมคุณไม่ติดต่อหาฉันล่ะ?”หยางเฉินพูดอย่างช่วยไม่ได้

เซี่ยเหอพูดอย่างอาย: “นามบัตรของคุณ ฉันไม่ทันระวังทำหายแล้ว”

หลังจากที่พูดแบบนี้จบ ทันใดนั้นเธอก็รู้ความหมายของในคำพูดของหยางเฉิน ก็ดีใจมากทันที และคว้ามือของหยางเฉินไว้: “คุณหมายความว่า คุณสามารถยืมเงินให้กับฉันได้เหรอ?”

มองดูท่าทางตื่นเต้นของเซี่ยเหอ ทันใดนั้นหยางเฉินก็เศร้าใจ ตอนนั้นตัวเองเพื่อช่วยรวบรวมค่ารักษาพยาบาลให้แม่ ก็รวบรวมไปทั่ว หายืมกับผู้คนไปทั่ว

หยางเฉินเพิ่งเดินออกมาจากที่คณบดี ก็เจอกับเซี่ยเหอ เธอคงจะยังไม่รู้ว่า ตัวเองได้จัดตั้งมูลนิธิแล้ว และแม่ของเธอ เป็นผู้ป่วยรายแรกที่ได้รับความช่วยเหลือ

“หยางเฉิน!”

ในขณะนี้ เสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธ ก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน

หยางเฉินหันกลับมอง ก็เห็นฉินซีมองเขาอย่างโกรธจัด ดวงตาก็แดงก่ำแล้ว น้ำตากำลังจะไหลออกมา และในดวงตายังมีความผิดหวังเล็กน้อย

เซี่ยเหอเมื่อกี้นี้เพราะตื่นเต้น กำลังจับมือของหยางเฉินไว้ ฉากนี้ ฉินซีเห็นเข้าพอดี

เซี่ยเหอก็ตระหนักถึงอะไรบางอย่าง รีบปล่อยมือของหยางเฉินอย่างรวดเร็ว

หยางเฉินก็ตื่นตกใจอยู่ครู่หนึ่ง รีบวิ่งไปหาฉินซีอย่างรวดเร็ว: “เสี่ยวซี เธออย่าเข้าใจผิด…..”

“มือก็จับกันแล้ว ยังต้องอธิบายอะไรอีก?”

ฉินซีผลักหยางเฉินออกไป หันหลังก็วิ่งไปทางห้องผู้ป่วยของฉินต้าหย่ง

“เสี่ยวซี…..”

หยางเฉินวิ่งตามไป แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็โดนฉินซีขัดจังหวะอย่างไร้ความปรานี: “ตอนนี้ฉันไม่อยากเจอนาย และก็ไม่อยากฟังคำอธิบายอะไรของนายทั้งนั้น!”

มองดูแผ่นหลังที่จากไปของเธอ ในใจของหยางเฉินรู้สึกขมขื่นอย่างฉับพลัน ในเวลานี้เกรงว่าตามตื๊ออธิบายให้ฉินซี จะยิ่งทำให้เธอโกรธมากขึ้น

“หยางเฉิน ขอโทษด้วย เมื่อกี้นี้ฉันตื่นเต้นมากเกินไป ทำให้เธอเข้าใจผิด”

เซี่ยเหอเดินเข้าไป พูดด้วยใบหน้ารู้สึกผิด

“ไม่เป็นไร ไม่โทษคุณ ฉันจะหาโอกาสอธิบายให้เธอฟัง”

หยางเฉินส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วจู่ๆก็ถาม: “ใช่แล้ว เมื่อกี้นี้พวกเราพูดถึงไหนแล้ว?”

มีความเข้าใจผิดเมื่อกี้นี้ เซี่ยเหอก็ไม่มีหน้าจะเอ่ยปากยืมเงิน แต่พูดว่า: “เธอน่าจะเป็นแม่ของเสี้ยวเสี้ยวใช่มั้ย? สวยจริงๆ! ฉันไปอธิบายให้เธอกับคุณ ดีมั้ย?”

หยางเฉินรีบห้ามไว้: “คุณไม่ต้องเอาเรื่องนี้ไปใส่ใจ ก็แค่เข้าใจผิดเอง รอเธอหายโกรธ ฉันค่อยอธิบาย”

เซี่ยเหอพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

อีกด้านหนึ่ง ฉินซีเดินออกไปไกล ก็ไม่เห็นหยางเฉินตาม เธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ: “สารเลว ฉันบอกว่าไม่อยากฟังคำอธิบายของนาย นายก็ไม่อธิบายเหรอ?”