บทที่ 377

บทที่ 377

เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเหล่านั้นเป็นคนของฮัวหลง ถังหยินก็พลันกระโดดลงจากรถม้าและเดินเข้าไปหาพวกทหารยาม “ปล่อยพวกนางไป”

พวกทหารเทียนหยวนที่เห็นถังหยินออกปากก็พากันรับคำสั่งแล้วถอยหนีให้อย่างไม่ลังเล

พวกนางรับใช้ที่เห็นภาพนี้ก็จึงวิ่งเข้าไปหาถังหยิน

ชายหนุ่มก้มหัวให้แล้วยิ้มออกมา “มีอะไรหรือ ?”

“นายหญิงบอกว่า ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดี ท่านถังไม่ต้องกังวลไป” นางกระซิบข้างหูถังหยิน

ถังหยินยิ้มออกมาทันที “ฝากขอบคุณนางด้วย” พูดจบเขาก็เดินกลับไปที่รถม้าของตนเอง

“ไปที่จวนของท่านเสนาบดีฝ่ายซ้าย” ชายหนุ่มออกคำสั่งให้คนขับ ก่อนที่พวกเขาจะมุ่งหน้าไปยังจวนของเหลียงซิง

พวกทหารต่างก็รีบขึ้นม้าควบตามไปทันที

ตอนนี้จวนของท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ด้านนอกมีรถม้าหลากหลายคันจอดอยู่ ด้วยมีพวกขุนนางมากมายที่มารวมตัวกันที่นี่ ในขณะที่บางส่วนก็เป็นแม่ทัพของปิงหยวน และด้วยจวนหลังนี้สูง 3 ชั้น มันจึงมีความกว้างมากที่จะจุทุกคนที่ว่ามานั้นได้

ครั้งนี้แม้แต่มูฉิงก็ยังมาด้วยตัวเอง เพราะถังหยินออกคำสั่งไว้ ว่าถ้าหากจ้าวหลิงกำลังตกอยู่ในอันตรายให้เข้าไปช่วยทันที ไม่งั้นแล้วตนก็ต้องตายตกตามกันไปหากมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับนาง

…เมื่อพวกทหารปิงหยวนเห็นรถม้าของถังหยินจากระยะไกล มูฉิงและเฉินฟางก็ออกมาต้อนรับ

ถังหยินพยักหน้าให้แล้วเดินเข้าไปข้างใน “พวกนั้นเป็นใครกัน ?”

มูฉิงรีบตอบ “คนของท่านเสนาบดีอู่และแม่ทัพจี้หยางขอรับ”

“เยี่ยมมาก” ถังหยินยิ้มออกมา ในเมื่อทุกคนอยู่ทีนี่แล้วก็ช่วยลดปัญหาของเขาไปได้เยอะ

เขาโบกมือให้กับมูฉิง “ตามข้ามา พวกเราจะไปหาจ้าวหลิงกัน”

ชายหนุ่มพาพรรคพวกของตัวเองเข้าไปในจวนโดยที่ไม่มีใครขวางทางเลย

เมื่อมาถึงทางเข้า ข้ารับใช้อายุ 40 ก็พลันวิ่งออกมาต้อนรับเขา “ท่านถังมาที่นี่แล้ว ข้าจะไปรายงานนายท่านให้”

“ไม่จำเป็น” ถังหยินบอกแล้วเดินต่อไป

ถังหยินเป็นคนเดียวที่กล้าทำอะไรแบบนี้ เพราะเขามีผลงานใหญ่ที่สามารถกอบกู้บ้านเมือง ดังนั้นแล้วจึงไม่มีใครกล้ายุ่งกับเขามากนัก

ณ ห้องโถงหลัก

ห้องแห่งนี้เต็มไปด้วยขุนนางชนขั้นสูงมากมาย พวกเขาพากันยืนอยู่สองข้างทางพูดคุยกันเสียงดังทำให้ถังหยินจับใจความได้ยากยิ่ง ก่อนเป็นเสียงของจี้หยางที่ดังขึ้นเด่นชัดกว่าคนอื่น ๆ

“ในเมื่อท่านอ๋องตายไปแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเขาอีก เรายังมีสายเลือดของเขาอยู่ ข้าคิดว่าเราควรเชิญจ้าวหลิงขึ้นรับตำแหน่งอ๋องคนต่อไป เพราะยังไงเสียมันก็คงไม่มีใครกล้าที่จะคัดค้านสิทธิ์อันชอบธรรมนี้แน่ !” จี้หยางคิดว่าใครก็ตามสามารถเป็นอ๋องได้ตราบเท่าที่คนคนนั้นไม่ใช่ถังหยิน

เหลียงซิงนั่งอยู่ตรงกลาง ตั้งแต่ต้นจนจบเขายังไม่อยู่ข้างใครเลย ส่วนอู่หยูเองก็ไม่ขัดคอใคร เพราะเรื่องตำแหน่งอ๋องไม่ใช่เรื่องที่จี้หยางจะตัดสินใจได้อยู่แล้ว ไม่แม้แต่พวกขุนนางหรือประชาชนจะเลือกได้ด้วยซ้ำ มีแค่เพียงถังหยินเท่านั้นที่มีสิทธิ์เลือก

ระหว่างที่การพูดคุยกำลังดำเนินไป ก็มีใครบางคนตะโกนมาจากสวน “ใครกันที่แต่งตั้งให้เจ้าเป็นหัวหน้าในการหารือครั้งนี้ ?”

ถังหยินในชุดข้าหลวงสีดำเดินเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัวใคร

เมื่อเห็นเจ้าตัวกำลังเดินมา พวกขุนนางก็พากันปิดปากตัวเองพร้อมกันรวมไปถึงจี้หยางด้วย เพราะไม่ว่าเขาจะมีตำแหน่งที่สูงขนาด ไหนก็ไม่อาจเทียบเท่าถังหยินในตอนนี้ได้

“ท่านถังก็มาด้วยหรือ ?” เหลียงซิงและอู่หยูพูดขึ้นพร้อมกัน พวกเขาเดินออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม และเมื่อเห็นแบบนั้น พวกขุนนางคนอื่น ๆ ก็ไม่ลังเลที่จะทำตาม

นอกจากเหลียงซิง อู่หยู และจี้หยาง ก็ยังมีโจเซียน ซูหยง จางหยง และคนอื่นอีกมากมายรวมไปถึงแม่ทัพเปิงกัวฮวยกับทุกคน หลังจากเห็นคนทั้งหมด ถังหยินก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสิ้นหวังที่มีคนมากมายมาที่นี่

ทันใดนั้นจี้หยางก็พลันเดินออกมา และแม้เขาจะยังไม่มั่นใจว่าจะเผชิญหน้าถังหยินได้ไหม แต่ก็ต้องลองสักครั้ง “ท่านถังหมายความว่าไงหรือ ? หรือท่านถังคิดว่าจ้าวหลิงไม่สมควรแก่บัลลังก์ ?” เขาพยายามลองใจถังหยินด้วยคำถามเหล่านี้

ชายหนุ่มเข้าใจลูกเล่นนี้ดีแล้วหัวเราะออกมา “แม่ทัพจี้หยางเคยเห็นนางมาก่อนหรือไม่ ?”

จี้หยางคาดไม่ถึงว่าจะโดนถามแบบนี้ เขาตะลึงก่อนจะส่ายหัว “ข้าไม่เคยเจอนางหรอก”

จ้าวหลิงเป็นเพียงลูกนอกสมรสเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่มีใครอยากไปยุ่งกับนาง จนส่งผลให้ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่เคยเห็นรูปร่างหน้าตาของนาง

ถังหยินคาดหมายเอาไว้แล้ว “ในเมื่อท่านแม่ทัพไม่เคยเห็นจ้าวหลิงมาก่อน แล้วท่านจะมั่นใจได้ยังไงว่าจ้าวหลังมีตัวตนจริง ๆ ถ้าจ้าวหลิงเป็นเรื่องหลอกลวง เราก็ต้องทำให้นางเป็นอ๋องงั้นหรือ ?”

จี้หยางพูดไม่ออก เขาไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรดี

เช่นเดียวกับพวกขุนนางคนอื่น ๆ ที่ต่างก็หน้าซีดทันทีที่ได้ยิน

เหลียงซิงหัวเราะออกมา “ข้าว่าท่านถังคิดมากเกินไปแล้ว ต่อให้พวกเราไม่เคยเจอจ้าวหลิงมาก่อนก็ตาม แต่ก็น่าจะสังเกตได้จากหยกที่นางมี ว่ามันเป็นของที่ท่านอ๋องคนก่อนมอบให้ ดังนั้นนางไม่มีทางเป็นตัวปลอมหรอก”

เขาหันไปมองรอบ ๆ ก่อนจะเตือนถังหยิน “ถ้าท่านถังคิดว่านางเป็นตัวปลอม ก็เท่ากับว่าท่านสงสัยในราชวงศ์ นั่นนับเป็นโทษร้ายแรงเอาเรื่องเลยนะ”

ถังหยินที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับสบถด่าตาแก่เจ้าเล่ห์คนนี้ในใจที่รับมือยากกว่าจี้หยางเสียอีก

จี้หยางเริ่มมีกำลังใจขึ้นมาอีกครั้ง เขาเงยหน้าพูดกับถังหยิน “ถูกต้องแล้ว ถ้าท่านถังสงสัย งั้นแล้วท่านก็ต้องมีหลักฐานมายืนยัน”

ถังหยินพูดต่อ “ข้าเองก็สงสัยเหมือนกันนั่นแหละ เอาละ งั้นพวกเรามาดูด้วยกันเถอะ”

จ้าวหลิงนั้นได้รับการคุ้มครองจากเหลียงซิงอยู่แล้ว แต่ถังหยินก็ยังส่งทหารเข้ามาคุ้มครองเพิ่มเติม …เมื่อเป็นเช่นนี้ มันก็เลยทำให้ไม่มีใครรู้ว่าถังหยินวางแผนอะไรไว้กันแน่

เหลียงซิงลังเลที่ได้ยินว่าถังหยินอยากเจอจ้าวหลิง ถังหยินจึงหัวเราะออกมากับท่าทีดังกล่าวของอีกฝ่าย “ถ้าจ้าวหลิงมีตัวตนและมีสายเลือดตระกูลจ้าวจริง ๆ งั้นแล้วนางก็ถือว่าเป็นรัชทายาทที่ถูกต้อง แต่ว่า… เหตุใดกัน ทำไมท่านเหลียงซิงถึงให้นางเอาแต่เก็บตัวอยู่ในจวนนี่กัน ?”

คำพูดของถังหยินเหมือนกับมีดที่แทงเข้าไปในใจ เหลียงซิงรีบตอบกลับทันที “อย่าเข้าใจผิดไปท่านถัง ข้าแค่ปกป้องนางก็เท่านั้น”

ถังหยินพูดขัดขึ้น “การปกป้องท่านอ๋องคือหน้าที่ของชาวเฟิงทุกคน หรือว่าเจ้าไม่เชื่อใจพวกเราชาวเฟิงกัน ?”

เหลียงซิงพูดไม่ออกอีก เขาจึงหันไปสั่งให้คนรับใช้ไปเรียกจ้าวหลิงออกมา

ตอนนี้ทุกคนอยากเจอหน้าจ้าวหลิงเหมือนกันทั้งนั้น ไม่ใช่แค่ก้อนหยกที่จ้าวฮัวมอบให้

ข้ารับใช้รีบวิ่งออกไปทันที

เหลียงซิงอยากจะยอมแพ้แล้ว แต่สุดท้ายก็กัดฟันทำหน้าที่ต่อไป

ถังหยินบอกกับเขา “ตำแหน่งของท่านอยู่สูงกว่าข้าตั้งเยอะ ข้าจะกล้าขัดขวางท่านได้ยังไงกันท่านเหลียง แต่ว่าข้านั้นจดจำคนที่ทำดีต่อข้าได้เสมอเลยนะ”