บทที่ 376

บทที่ 376

เมื่อถังหยินออกมาจากตำหนักของฮัวหลง จิตใจของเขาก็หวนคิดถึงแต่ร่างกายอันแสนเย้ายวนของนางตลอดทางที่เขาออกมาจากวังหลวง

จริง ๆ แล้วการเลือกฮัวหลงเป็นภรรยาก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเท่าไหร่ เพราะนางไม่ได้อยากเป็นภริยาเอกอยู่แล้ว และถ้านางเกิดทำตัวน่ารำคาญขึ้นมา งั้นแล้วก็แค่ไล่ออกไปเสียก็สิ้นเรื่อง

ก่อนจะออกจากวัง ถังหยินก็ได้ก้มมองเสื้อผ้าตัวเองว่าอยู่ในสภาพดีหรือไม่ จากนั้นจึงเดินออกมา …ด้วยสถานะของเขาในตอนนี้ ถ้าหากเกิดข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์ขึ้นมา มันจะออกมาเป็นยังไง ?

ชิวเจิ้นและคนอื่นต่างก็รออยู่ข้างนอกวัง เมื่อเห็นถังหยินเดินออกมาจึงได้ถาม “เป็นยังไงบ้างนายท่าน ?”

ชายหนุ่มโบกมือให้ทุกคน “ไม่มีอันใด ทุกอย่างเรียบร้อยดี” เขาเดินกลับไปยังรถม้าของตัวเอง

ชายหนุ่มในตอนนี้ใจเย็นกว่าตอนที่อยู่ในวังมาก แม้ว่าพวกชิวเจิ้นจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน แต่พวกก็รีบตามเข้าไปในรถม้าทันที “นายท่านเข้าไปในวังทำไมกัน ?”

ถังหยินกลับถามเรื่องอื่นแทน “ชิวเจิ้น ข้าจำได้ว่าเจ้าจะไปตรวจสอบเรื่องของฮัวหลงใช่ไหม ? ผลเป็นไงบ้าง ?”

ชิวเจิ้นไม่ทันคิดว่าอีกฝ่ายจะถามอะไรแบบนี้ เขาครุ่นคิดก่อนตอบไป “ข้าส่งคนไปตามเรื่องแล้ว แต่ฮัวหลงเป็นคนที่มาใหม่ ทำให้ไม่มีใครรู้จักนางเลย แต่ถ้าเทียบเรื่องความงามกับสาวนางอื่นแล้ว ข้าว่าฮัวหลงชนะพวกนางขาดลอย !”

ถังหยินหัวเราะออกมา “แล้วซ่งเทียนได้แตะต้องนางมาก่อนไหม ?” เขากระวนกระวายเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก

ชิวเจิ้นสำลักน้ำลาย ก่อนจะส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “ข้าน้อยไม่รู้หรอก”

ถังหยินไม่ได้พูดอะไรต่อ

ณ ตำหนักของฮัวหลง

หลังจากที่ถังหยินออกไป ฮัวหลงก็ใส่เสื้อแล้วเรียกนางกำนัลให้เข้ามา ซึ่งก็มีเพียงแค่ 4 นางเท่านั้นที่ยังอยู่รับใช้นาง

เมื่อหญิงสาวให้พวกนางรับใช้ช่วยใส่เสื้อเสร็จ นางก็พลันพูดอย่างเย็นออกมาว่า “เสร็จแล้วพวกเจ้าก็จงไปเรียกคนอื่นมาด้วย ข้ามีเรื่องจะคุย”

“นายหญิง ท่านจะช่วยถังหยินจริงหรือ ?” หนึ่งในนางรับใช้ถาม

ฮัวหลงมองสวนกลับอย่างเย็นชา “เจ้าคัดค้านข้าหรือ ?”

“ข้าน้อยมิบังอาจ” นางรับใช้รีบก้มหัวลงต่ำ “แต่ว่าท่านอ๋องเคยบอกไว้ว่า..”

“ข้าตัดสินใจแล้ว พวกเจ้าไม่ต้องมายุ่ง !” ฮัวหลงกล่าวอย่างเย็นชา

เมื่อได้ยินเช่นนั้น นางรับก็ใช้ไม่กล้าพูดอะไรต่อ

จากนั้นคนรับใช้อีกคนก็ได้เอายาเม็ดสีแดงออกมาจากเข็มขัดให้กับนาง “นายหญิง กินนี่ก่อนเผื่อมีอะไรเกิดขึ้น”

ในใจฮัวหลงยังไม่อยากจะกินยานี่ แต่นางก็เลือกที่จะกินไว้ก่อน วินาทีที่ยาเข้าไปในปาก หมอกสีขาวก็พลันปรากฏรอบกายนางก่อนที่จะหายไป “พวกเจ้าไปได้แล้ว”

“เจ้าค่ะ”

ไม่นานนักเหล่านางสนมของท่านอ๋องคนก่อนก็พลันเข้ามาทีละคน

พวกนางพากันทักทายฮัวหลง ด้วยการใช้เสียงอันยั่วยวนจนแทบจะทำให้ทุกคนที่ได้ยินใจละลาย ก่อนจะเป็นหญิงสาวที่เอ่ยเปิดประเด็น “ครั้งนี้ข้ามีเรื่องจะขอร้อง”

ที่นี่ไม่มีคนนอก ดังนั้นพวกนางสนมจึงไม่คิดแสแสร้งเก็บอาการอีกต่อไป จึงเป็นปิงเฟยที่พูดขึ้นก่อนใคร “ฮัวหลง เจ้าวางแผนอะไรอีก ? ข้าบอกแล้วไงว่าเจ้าไม่ควรไปไกลมากกว่านี้ พวกเราช่วยปกปิดตัวตนของเจ้าไม่ไหวแล้วนะ”

ฮัวหลงหัวเราะคิกคัก “เจ้าก็แค่ปกปิดตัวตนของข้าเท่านั้น นั่นมันก็แค่การแลกเปลี่ยนตามปกติ พวกเจ้าคงไม่อยากให้ข่าวระหว่างพวกเจ้ากับซ่งเทียนแพร่ออกไปเหมือนกันใช่ไหมเล่า ?”

“เจ้า…” คำพูดนี้ทิ่มแทงไปในใจของพวกนางสนม ปินเฟยหน้าเสียทันทีก่อนจะเดินเข้าไปจับใบหน้าของฮัวหลง “สารเลว !”

ฮัวหลงยกมือขึ้นปัดป้องเอาไว้แล้วจับไปที่ข้อมือของอีกฝ่าย ในขณะที่มือของนางปรากฏหมอกสีขาวออกมาแล้วกลายเป็นเข็มเล่มยาว

เข็มที่เกิดจากพลังปราณมีความสามารถมากกว่าอาวุธที่รวมเข้ากับพลังปราณเสียอีก

ปลายเข็มชี้ไปยังระหว่างคิ้วของปินเฟย แม้ว่าจะยังเหลือระยะห่างอยู่ แต่ปินเฟยก็หวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก

“แค่ครั้งนี้เท่านั้นนะ ! ครั้งหน้าข้าไม่ไหวหน้าพวกเจ้าแน่” รอยยิ้มของฮัวหลงหายไป นางจดจ้องทุกคนด้วยสายตาอาฆาต

“กลับไปนั่งที่ซะ” ฮัวหลงโบกมือแล้วดันพวกนางออกไป ก่อนที่จะหัวเราะออกมาแล้วดีดนิ้วให้เข็มหายไป จากนั้นนางก็นั่งจิบชาอย่างสบายใจ “พวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว ถ้าข้าทำผิดใจใครไปก็อย่าได้โปรดโกรธข้าเลย”

การที่อารมณ์ของนางเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึงจนทำตัวไม่ถูก

ก่อนเป็นหญิงคนหนึ่งที่ถามออกมา “ฮัวหลง เจ้าเรียกข้ามาที่นี่ทำไม ?”

“ท่านพี่เคยได้ยินชื่อ ‘จ้านหลิง’ หรือเปล่า ?”

“จ้านหลิง ?” ปินเฟยมองนางอย่างงุนงง

“นังนั่นมันเป็นลูกนอกสมรสของท่านอ๋องกับนางรับใช้ชั้นต่ำ”

ปินเฟยนึกขึ้นมาได้ทันที จึงพยักหน้าให้ “จริงด้วย ข้านึกออกแล้ว แล้วเจ้าถามเกี่ยวกับนางทำไมกัน ?”

ฮัวหลงพยักหน้าให้ “นี่คือเหตุผลที่ข้าเรียกพวกเจ้ามาที่นี่ พวกเจ้าต้องช่วยข้าไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม และครั้งนี้ข้าก็ไม่ได้จะให้พวกเจ้าช่วยเปล่า ๆ ถ้าจบงานนี้ข้าจะขอร้องให้ถังหยินปล่อยตัวพวกเจ้าไปพร้อมกับเงินมากมาย”

ทุกคนที่ได้ยินต่างก็ดีใจทันที เพราะชีวิตชะตากรรมของการเป็นทาสกามนั้นน่าหดหู่ยิ่ง เมื่อมีท่านอ๋องอยู่ พวกนางก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข แต่เมื่อไม่มี พวกนางก็พลันกลับกลายเป็นไร้ตัวตน และถูกทอดทิ้งจากทุกสิ่ง

“ท่านถังจะฟังเจ้าหรือ ?”

“แน่นอนอยู่แล้ว เพราะถ้าเจ้าช่วยข้า งานนี้มันก็เหมือนกับช่วยเขากลาย ๆ นั่นแหละ” ฮัวหยินจ้องมองพวกนาง

“แล้วเจ้าจะให้ข้าทำอะไร ?”

ฮัวหลงก้มหน้าลงแล้วพูดขึ้น “ทำตามที่ข้าบอก แล้วปล่อยให้ท่านถังจัดการทุกอย่างเสีย”

ได้ยินแบบนั้นพวกนางสนมต่างก็เงียบกริบ ก่อนที่ปินเฟยจะพูด “แล้วถ้าเรื่องนี้มันแดงออกไปจะเกิดอะไรกัน ? พวกเราจะตายกันหรือไม่ ?”

“ไม่มีทาง ! ตราบเท่าที่เจ้าทำตามที่ข้าบอกก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้าหรอก นี่คือเวลาที่เจ้าจะได้เปลี่ยนชะตาชีวิตตัวเองแล้ว …แต่เจ้าจะทำมันหรือไม่ก็ขึ้นอยู่เจ้าล่ะนะ”

พวกนางสนมขมวดคิ้วแล้วครุ่นคิด ก่อนจะตัดสินใจกันได้ “ฮัวหลง ข้าจะช่วยเจ้า แต่เจ้าต้องห้ามผิดสัญญากับข้านะ !”

“ข้าไม่เคยผิดคำพูดของข้าอยู่แล้ว”

เมื่อมีคนเริ่มแล้ว คนอื่น ๆ ต่างก็พากันพยักหน้าให้อย่างไม่ลังเล

ณ ด้านนอกของวัง

ถังหยินนั่งอยู่ในรถม้ากำลังรอข่าวดีที่กำลังจะมาอย่างเชื่องช้า ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงดังออกมาจากประตูวัง จึงยื่นหัวออกไปและได้เห็นเข้ากับเห็นหญิงรับใช้ที่กำลังถูกขวางเอาไว้ด้วยทหารยามมากมาย