บทที่ 1254 – ไม่อาจต้านทานไว้แม้เพียงสักครั้ง หลอมกระบี่ดารายุพฆาตอีกครั้ง

 

ชิงสุ่ยค่อยๆขยับมือของเขาไปรอบๆยอดเนินอกของเธอ เขาพยายามที่จะสัมผัสกับความนุ่มนวลและเรียบเนียนในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งสัมผัสไปที่เบื้องล่าง เขามองไปใบหน้าอันอ่อนหวานและมีเสน่ห์ที่เย้ายวน

 

“เจ้าพึงพอใจแล้วหรือยัง?” ดวงตาขององค์หญิงใหญ่ดูสวยงามจริงๆ มันดูสง่างามและเลือนราง

 

“ไม่ ข้ายังไม่พอใจ หญิงของข้า” ใบหน้าของชิงสุ่ยเป็นสีแดงฝาดเล็กน้อย เนื่องจากเขาความอัดอั้นของเลือดในขณะที่เขาพยายามจะควบคุมตัวเองไว้ แต่อย่างนั้นเขาก็ยังตอบอย่างจริงจัง

 

“เจ้าทำให้ข้ามาถึงจุดนี้ จุดที่ข้าต้องเป็นผู้หญิงของเจ้า อย่าบังคับข้าเลย” องค์หญิงใหญ่กล่าวเบาๆ

 

“แต่ท่านก็ยังคล้อยตามไปกับข้า” ชิงสุ่ยย้ายร่างกายของเขาเป็นวิธีที่จะแสดงให้เห็นว่าเขากระหายน้ำสำหรับเธอ

 

“มันอาจเป็นไปได้ว่าเจ้าต้องการข้าแค่เพียงร่างกาย? หากเป็นเช่นนั้น ข้าสามารถมอบมันให้เจ้าได้ในตอนนี้ หลังจากนั้นพวกเราก็จะไม่พบเจอกันอีก เจ้าต้องการมันหรือ?” องค์หญิงใหญ่มองไปที่ชิงสุ่ยอย่างจริงจัง

 

“ท่านเห็นข้าเป็นเช่นไร? ข้าชอบหยอกล้อท่านและข้าชอบทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นท่าน แน่นอนว่าข้าชอบร่างกายท่านด้วย” ชิงสุ่ยดึงมือด้านล่างกลับมาและกอดเธอไว้แนบแน่น

 

องค์หญิงใหญ่กล่าวเบาๆ “วันนี้เจ้าไม่ได้เอาเปรียบข้างั้นหรือ? เจ้าเป็นสิ่งที่ข้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ถ้าเป็นคนอื่น ข้าคงจะฉีกพวกมันออกเป็นชิ้นๆในทันที”

 

เมื่อชิงสุ่ยได้ยินคำพูดขององค์หญิงใหญ่ เขาก็เคลื่อนไหวและตอบอย่างมีความสุข “ซูหนี่ ท่านรู้สึกเหมือนกันกับข้าหรือไม่?”

 

องค์หญิงใหญ่ไม่เคยคาดคิดว่าเด็กสารเลวคนนี้จะเปลี่ยนคำเรียกเธอ เธอกลอกตาไปมา “ข้าไม่ชอบเจ้าและไม่ได้เกลียดเจ้า เจ้าไม่เคยพูดมาก่อนว่าความรักและความชื่นชอบนั้นแตกต่างกันอย่างไร? เจ้าเพียงแค่ชื่นชอบข้าเท่านั้นและเจ้ากำลังข่มเหงข้าอยู่หรือ?”

 

“เมื่อท่านเริ่มชื่นชอบใครสักคน มันจะค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นความรัก ณ ตอนนี้ความรู้สึกที่ข้ามีต่อท่านคือรักแล้ว”

 

“มันไม่ใช่ความรัก เจ้าเคยพูดมาก่อนว่าความรักเป็นสิ่งที่สามารถทดสอบได้ ความรักคือการเห็นแก่ตัว บอกข้า เจ้าจะยืนหยัดเพื่อทดสอบความรักของเจ้าหรือไม่?” องค์หญิงใหญ่มองไปที่ชิงสุ่ยในขณะที่เธอดึงแขนของเขาออก

 

ชิงสุ่ยรู้สึกไม่สบายใจ เขาพูดอะไรเหลวไหลแบบนั้นตอนไหน? ตอนนี้เธอนำมันมาใช้กับเขา เขาเผยรอยยิ้มอันขมขื่นและกล่าว “มันเพียงเพราะใครบางคนรักผู้อื่นมากเกินไปจึงกลายเป็นความเห็นแก่ตัวเท่านั้น ความรักนั้นเปราะบาง มันสามารถเปลี่ยนไปได้ง่าย ดังนั้นความรักจึงเป็นสิ่งที่ต้องดูแลมันให้ดี”

 

ในขณะที่ชิงสุ่ยพูดเสร็จ องค์หญิงใหญ่ก็จูบลงไปที่แก้มของเขาอย่างพอดี “เจ้ายังเป็นชายชาตรีอยู่ ถ้าเจ้าพูดอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไป ข้าจะไม่แต่งงานกับเจ้าไปตลอดชีวิต นอกจากนี้ในอนาคตเจ้าก็ไม่ต้องคิดถึงการที่จะได้สัมผัสถูกเนื้อต้องตัวข้าอีกเลย”

 

ชิงสุ่ยรู้สึกว่ามันใกล้ชิดขึ้น เธอกำลังทดสอบเขา แต่เขาก็เข้าใจมันได้อย่างรวดเร็ว หลังจากเรื่องทุกอย่างเธอรู้ว่าเขามีภรรยาอยู่แล้ว แต่เธอก็ยังปล่อยให้เขากอดเธอเอาไว้ นี่เป็นเพียงเหตุผลหนึ่ง หากเขาคิดว่าเธอจะขอให้เขามีเพียงเธอคนเดียว ถ้าเขาเข้าใจผิดว่าเธอตั้งใจเช่นนั้น เขาก็มีแต่จะต้องสูญเสียเธอไป

 

“ในที่สุดท่านก็สัญญาว่าจะแต่งงานกับข้าแล้วงั้นหรือ?”

 

“ไม่ใช่ แต่ข้าจะตอบรับคำขอเล็กๆของเจ้าก่อนจากไป ถ้าคำขอนี้มากเกินไป ข้าจะยกเลิกมันทันที” องค์หญิงใหญ่โอบไปที่รอบคอของชิงสุ่ยและกระซิบข้างๆหู

 

เลือดในกายของชิงสุ่ยเดือดพล่าน มันเป็นเพียงคำขอเล็กๆที่ไม่มากเกินไป เขารีบอุ้มองค์หญิงใหญ่เข้าไปในห้องของเขาทันที

 

“การฝึกตนของข้าทำให้ข้าไม่สามารถสูญเสียความบริสุทธิ์ได้”

 

คำพูดอ่อนโยนเหล่านี้เพียงไม่กี่คำที่ออกมาจากปากขององค์หญิงใหญ่ทำให้ชิงสุ่ยแทบจะล้มเลิกวางแผนที่วางไว้ในใจ ในขั้นต้นเขาคิดว่าเขาอาจจะขย้ำเธอได้ แต่ตอนนี้เขาหมดความตั้งใจที่จะทำเช่นนั้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเท็จเขาก็ยังคงต้องเคารพเธอ

 

“ข้าคิดว่ามันยากที่จะอดกลั้นเอาไว้ แค่ต้องคิดวิธีที่จะช่วยให้ข้าปลดปล่อยมัน!” ชิงสุ่ยกระซิบข้างหูเธอ เขายื่นมือออกไปจับแขนที่งดงามราวกับหยกของเธอและวางมันไว้แน่นตรงจุดที่แข็งตรงของร่างกายเขา

 

เธอขยับมือไปมาทันทีเช่นเดียวกับที่ร่างกายของเธอสั่นไหว

 

“พี่สาวซู ท่านสัญญากับข้าไว้ก่อนแล้ว นี่คงไม่มากเกินไปที่จะทำมัน?”

 

………..

 

ในที่สุดชิงสุ่ยก็ถอดเสื้อผ้าออก เด็กสารเลวคนนี้พยายามจะทำให้องค์หญิงใหญ่อับอายมากขึ้นเมื่อเขาค่อยๆสอดแทรกมันเข้าไปในปากของเธอ ขณะนั้นการแสดงออกของเธอเต็มไปด้วยความตกตะลึง ความตกใจและความประหม่ายิ่งกระตุ้นให้มองไปที่มัน หลังจากพยายามอดทนสักพัก เธอก็จับมันด้วยตัวเองและเริ่มขยับเรือนร่างเคลื่อนไปตามคำแนะนำของชิงสุ่ย

 

เมื่อเสร็จสิ้นองค์หญิงใหญ่ก็รีบออกไป ในทางตรงกันข้ามชิงสุ่ยยังคงหวนนึกถึงฉากที่งดงามก่อนหน้านี้ภายในใจของเขาเมื่อน้ำแห่งตัณหาพุ่งทะลักออกมา ท่าทางอันน่ารักขององค์หญิงใหญ่ที่รีบวิ่งไปยังคงตราตรึงอยู่ในใจของเขา

 

ชิงสุ่ยฟื้นคืนสติและไตร่ตรองเมื่อเขาควรจะออกไป มันอาจจะถือว่าเขายืนยันความสัมพันธ์ของเขากับองค์หญิงใหญ่ได้แล้ว แน่นอนว่าเขาเป็นคนยืนยันมันด้วยตัวเอง เขาจะไม่ยอมให้ผู้หญิงคนนี้จากไป

 

ชิงสุ่ยจากไป เหล่าหญิงสาวเฝ้าดูเขาขณะออกเดินทาง

 

ตอนนี้ทิศทางที่ชิงสุ่ยมุ่งหน้าไปเป็นจักรวรรดิเดชสวรรค์

 

ในขณะที่เป็นชิงสุ่ยมุ่งสู่จักรวรรดิเดชสวรรค์ สิ่งหนึ่งที่เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้คือติ๊เฉิน เหตุผลที่เขามาถึงมหาทวีปอู่เซียตะวันตกแน่นอนว่าเพื่อติ๊เฉิน ยิ่งไปกว่านั้นจักรวรรดิเดชสวรรค์ยังเป็นจักรวรรดิระดับ 4 ที่ทรงพลังมาก

 

ทักษะย่างก้าว 9 เทวา!

 

ในช่วงเวลานี้ความสามารถของทักษะย่างก้าว 9 เทวายังไม่ได้ก้าวหน้าขึ้น เขานึกถึงประมุขอสูร ผู้หญิงคนนี้สามารถเดินทางไปมาได้ทั่วทั้งโลก 9 มหาทวีป เขาไม่รู้ว่าเธอพึ่งพาอะไรเพื่อที่จะทำเช่นนั้น มันอาจจะเป็นเต่าศักดิ์สิทธิ์?

 

มันเด่นชัดว่าอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งของการเดินทางไปมาภายใน 4 มหาทวีปเป็นมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ มันเป็นไปได้ว่าเต่าศักดิ์สิทธิ์มีพลังที่พิเศษเมื่ออยู่ในท้องทะเล?

 

ทุกครั้งที่เขาคิดถึงผู้หญิงคนนี้ เขาก็จะปวดหัวเล็กน้อย เธอเป็นศัตรูกับผู้คนที่เดินตามเส้นทางที่ถูกต้อง นี่คือสิ่งที่ผู้คนทั่วไปเห็น พระราชวังอสูร ชิงสุ่ยเชื่อว่าเขาต้องมีความแข็งแกร่งประมาณ 10,000 สุริยา ถ้าหากเขาต้องการที่จะพบเธออย่างปลอดภัย ผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่งแค่ไหน?

 

ชิงสุ่ยต้องการทราบถึงความเป็นจริง เขาตัดสินใจที่จะไหลไปตามกระแสและดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น

 

เขาขี่มังกรไอยราเกล็ดทองคำ เมื่อถึงเวลาที่กำหนดเท่านั้นเขาจึงจะเข้าสู่ดินแดนหยกยุพราชอมตะเพื่อฝึกฝน เมื่อเขาออกมาเขาก็จะเดินทางต่อไป

 

อย่างไรก็ตามไม่นานหลังจากที่เขาบินออกมาขอบเขตอิทธิพลของสำนักสวรรค์เร้นลับ เขาพบว่าตัวเองถูกล้อมรอบไปด้วยผู้คน ชิงสุ่ยตกใจจริงๆ เขาใช้ทักษะย่างก้าว 9 เทวาไปแล้วหลายครั้งในระหว่างเดินทาง แต่เขายังคงถูกผู้อื่นจับตาดูอยู่ นี่แน่นอนว่าต้องเป็นสิ่งที่น่าแปลกใจ

 

กลุ่มคนที่หยุดเขาไว้เป็นชายชราทั้งหมด ทุกคนมีใบหน้าที่มืดมนเหมือนน้ำหยด พวกเขามองมาที่ชิงสุ่ยราวกับว่าพวกเขาคันไม้คันมืออยากจะฉีกเขาออกเป็นพันๆชิ้นโดยเร็วที่สุด

 

“ทำไมพวกเจ้าถึงพยายามที่จะหยุดข้า?” ชิงสุ่ยถามชายชราสองคนที่มีหลังโค้งงอ

 

ถ้าหากไม่ใช่เพราะพวกเขาอยู่ด้วยกันที่นี่ ใครก็คงยากที่จะเชื่อมโยงว่าชายชราทั้งสองก็เป็นผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้

 

“เพราะเจ้าสมควรได้รับมัน” ชายชราทางซ้ายมือกล่าวว่าขณะที่เขายกมือขึ้น

 

“พวกเจ้าเป็นใคร? ข้าไม่คิดว่าข้าได้ทำสิ่งใดผิดกับพวกเจ้า” ในขณะนี้ชิงสุ่ยต้องการทราบว่าใครเป็นคนเหล่านี้ แม้ว่าเขาจะคาดเดาตัวตนของพวกเขาได้ด้วยความเฉลียวฉลาด แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังพวกเขา

 

มันง่ายมากสำหรับชิงสุ่ยที่จะหนี เมื่อเขามีแหวนศิลาหยกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์และรองเท้า 9 เทวา ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ตื่นตระหนก นอกจากนั้นที่นี่มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถเอาชนะเขาได้

 

อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยรู้สึกว่าคนที่เป็นศัตรูกับเขาแข็งแกร่งมาก พวกเขาน่าจะมีพลังประมาณ 3,000 สุริยา

 

ชิงสุ่ยรู้สึกสับสน ใครกันที่เดินทางมาไกลเพื่อเลือกที่จะต่อสู้กับเขา?

 

มังกรไอยราเกล็ดทองคำ

 

ชิงสุ่ยเพิ่มพลังและเรียกมังกรไอยราเกล็ดทองคำออกมา เขามองไปที่กลุ่มคนซึ่งอยู่ตรงข้าม “ข้าไม่สนใจว่าเจ้าเป็นใคร พวกเจ้ายังสามารถถอยกลับไปได้ในตอนนี้ แต่ถ้าหากพวกเจ้าอยากตายจริงๆก็อย่าได้มาโทษข้าที่หลัง”

 

“โง่เขลา เด็กสารเลวอวดดี! ตายซะ!”

 

ชายชราคนหนึ่งทางด้านขวาตวัดไม้เท้าของเขาไปทางชิงสุ่ย

 

หุบเขา 9 เทวา!

 

ขณะที่ชิงสุ่ยนึกคิดอยู่ในใจ หุบเขา 9 เทวาก็ปรากฏขึ้นมาทันที มันห้อมล้อมเข้าใส่ชายชรา

 

แส้เปลวเพลิงมังกร!

 

ฟุ่บ!

 

แส้เปลวเพลิงมังกรฟาดเข้าใส่ชายชราทันทีคนหนึ่งด้วยเปลวเพลิงที่ลุกไหม้

 

ชายชราได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของชิงสุ่ย มันเห็นได้ชัดว่าเขาบาดเจ็บและแสดงออกถึงความสิ้นหวัง

 

ชิงสุ่ยตกตะลึง เขาพบกับโอกาส 20% ในการเพิ่มพลังขึ้นเป็น 2 เท่า

 

วชิระสยบอสูร!

 

ปราณจักรพรรดิ!

 

……

 

ในระยะสั้นๆชิงสุ่ยได้ลดพลังของชายชราลงเกือบหนึ่งในสาม ด้วยสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาเหลือเพียงพลัง 1,000 สุริยา

 

ตราประทับกลืนนภา!

 

บริเวณโดยรอบปกคลุมไปด้วยมหาสมุทรขนาดใหญ่ทันที

 

คลื่นทะเลถาโถมไปมา โค่นผูผาทำลายมหาสมุทร!

 

ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของชิงสุ่ย การโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของเขาคือตราประทับแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์ อย่างไรก็ตามการข่มขวัญที่แท้จริงคือความสามารถในการควบคุมของเขา แน่นอนว่ามันน่าจะแตกต่างออกไป ถ้าตราประทับแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์ของเขาสามารถแสดงผลของการเพิ่มพลังขึ้นเป็น 2 เท่าด้วยโอกาส 20% ที่มีอยู่ได้

 

ตราประทับแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์!

 

ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว ชิงสุ่ยสามารถผลักดันชายชราคนหนึ่งให้เข้าสู่กระแสน้ำวนที่มืดมิดได้ เขารีบเดินหน้าโจมตีด้วยคลื่นขนาดใหญ่จากโค่นผูผาทำลายมหาสมุทร

 

เพลิงวารีพิโรธ!

 

วารีพันธนาการ!

 

ตราประทับซวนเทียน!

 

ในขณะนี้ชิงสุ่ยแสดงให้ฝ่ายตรงข้ามเห็นถึงความสามารถในการควบคุมของเขา เพียงพริบตาเดียว เหล่าชายชราต่างก็ได้รับบาดเจ็บและถูกจำกัดความเร็วลง ทั้งมือและเท้าของพวกเขาจมท่ามกลางมหาสมุทรอันไม่มีที่สิ้นสุด

 

ก้าวเท้ามังกรสัญจร!

 

ชิงสุ่ยเหมือนเป็นมังกรที่อาศัยอยู่ในทะเลลึก เขาสลายหุบเขา 9 เทวาออกเพื่อเปิดทางให้เคลื่อนไหว สำหรับฝ่ายตรงข้ามการโจมตีแต่ละครั้งของเขาสร้างความยุ่งยากให้กับพวกนั้น ขณะที่เขาใช้ตราประทับแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์เพื่อโจมตี

 

ในการโจมตีแต่ละครั้งเขาได้รับโอกาส 20% เพื่อเพิ่มพลังโจมตีขึ้น 2 เท่าและมันจบลงด้วยการสังหารฝ่ายตรงข้ามทันที

 

เมื่อชิงสุ่ยอยู่กับมังกรไอยราเกล็ดทองคำ ตราบเท่าที่เขาอ่อนแอกว่าฝ่ายตรงข้าม เขาก็จะใช้ผสานจิตไอยรา ทุกครั้งที่โจมตีด้วยตราประทับแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์ มันจะส่งผลร้ายต่อศัตรู

 

การสังหารหมู่เริ่มขึ้นแล้ว ชิงสุ่ยก็ไม่จำเป็นต้องยั้งมือ ผลจากการเพิ่มพลังที่เขาได้รับทำให้พลังวิญญาณ พลังผนึกคลื่นเมฆาผกผัน และตราประทับซวนเทียนเพิ่มขึ้นอย่างมาก

 

ชิงสุ่ยเตรียมจากที่นี่ไปในทันทีเมื่อเขาเก็บถุงแพรมิติทั้งหมด อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดก็คือกลุ่มคนพวกนั้น 2 คนมาจากตระกูลเทียน 4 คนจากตระกูลฟู่ ส่วนที่เหลือมาจากตระกูลอื่น

 

ตระกูลขุนนางยังคงมีความขัดแย้งภายในอยู่จำนวนมาก หลายคนคงกระหายตำแหน่งหัวหน้าของตระกูล ชิงสุ่ยไม่ได้แปลกใจเลย ตอนนี้เขาต้องการที่จะหนีออกไป มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถหยุดเขาในมหาทวีปอู่เซียตะวันตก

 

คราวนี้เมื่อชิงสุ่ยเห็นหินหยางสวรรค์ เขาคิดขึ้นมาอีกครั้งถึงการเสริมกระบี่ดารายุพฆาต ด้วยวิธีนี้เขาจะสามารถเพิ่มพลังขึ้นมาก

 

ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดจะทำอย่างนี้ แต่คราวนี้เขากำลังมุ่งหน้าไปยังจักรวรรดิเดชสวรรค์ มันจะเป็นประโยชน์สำหรับเขาที่จะยกระดับความแข็งแกร่ง เพราะเขาอยู่ตามลำพังที่นั่น มันจะเลวร้ายมากๆหากเขาเดินเข้าไปเจอกับผู้ที่เชี่ยวชาญ

 

คราวนี้ชิงชุยรู้สึกตื่นเต้นมาก เขาหวังว่าเขาจะทำให้กระบี่ดารายุพฆาตกลายเป็นศาตราวุธในตำนาน เขาตั้งตารอคอยมัน ถ้าเขาสามารถทำได้จริงๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ

 

ปราณบรรชาสวรรค์พินาจ เขาสงสัยว่าความแข็งแกร่งระดับไหนที่จะถือว่าได้ก้าวเข้าสู่ประตูแห่งดินแดนปราณบรรชาสวรรค์พินาจ

 

ชิงสุ่ยรวบรวมความคิดของเขาและทุ่มเทไปกับการสรรสร้าง

 

เขาหลอมกระบี่ดารายุพฆาต กระบี่ดารายุพฆาตเป็นทั้งหัวใจและโครงสร้างกระบี่ของเขา

 

หลังจากนั้นเขาก็เริ่มปรับแต่งหินหยางสวรรค์และผสมมันลงในกระบี่ดารายุพฆาต

 

ตั้งแต่ที่ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้น พลังแห่งเคล็ดเปลวเพลิงบรรพกาลหยิน-หยางก็รุนแรงตามไปด้วย เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ ความเร็วที่เขาจะใช้ละลายหินหยางสวรรค์นั้นเร็วกว่าแต่ก่อนมาก แต่กระนั้นเขาก็ยังต้องใช้เวลาเกือบ 49 วันในการละลายมัน

 

เขาใช้หินหยางสวรรค์ไปหนึ่งในสามส่วนแล้ว อันที่จริงจำนวนเท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะตีกระบี่ อย่างไรก็ตามเมื่อผสมมันลงในกระบี่ดารายุพฆาต มันก็ทำให้ขอบของกระบี่กลายเป็นเส้นสีทองจางๆ ในแง่ของขนาดและความหนาตัวกระบี่นั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก

 

ต่อไปเมื่อเขาเริ่มใช้ค้อนและปรับแต่งมัน ส่วนที่สำคัญที่สุดได้มาถึง ชิงสุ่ยอธิษฐานให้เขาเอื้อมถึงศาตราวุธระดับตำนาน