บทที่ 1255 – กระบี่จิตวิญญาณ ระเบิดพลัง การพบกันกับฮูยี่หย่า

 

ชิงสุ่ยอยากจะเข้าสู่สภาวะสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ แต่น่าเสียดายที่เขามีสติมากกว่าใครในขณะนี้ แม้ว่าเขาจะทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างในการหลอมกระบี่ แต่เขาก็พบว่าตัวเองไม่สามารถเข้าสู่สภาวะสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ได้

 

ทันใดนั้นชิงสุ่ยรู้สึกเจ็บปวดที่มือของเขา ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้เข้าสู่สภาวะสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ แต่จู่ๆเขาก็เกิดใจลอย เขาก้มศีรษะต่ำลงและด้วยเหตุนั้นทำให้พบว่ามือของเขาถูกกรีดด้วยกระบี่ดารายุพฆาต หลังจากนั้นหยดเลือดสดๆก็ไหลอาบลงบนกระบี่ดารายุพฆาต

 

เดิมทีแผลขนาดเล็กแค่นี้สามารถหายได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นชิงสุ่ยจึงไม่ได้ห่วงเรื่องนี้มากนัก เขายังคงใช้ค้อนและตีมัน ในขณะนี้ไม่มีสิ่งใดที่จะสามารถมารบกวนเขาหรือเขาจะสนใจในสิ่งอื่นได้

 

เวลาผ่านไปทีละนิด สิ่งที่ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยคือแผลเล็กๆนั้นไม่ได้ฟื้นตัว เขาไม่รู้ว่ามันมีอะไรเกี่ยวข้องกับกลิ่นอายบนกระบี่ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตามชิงสุ่ยรู้สึกแปลกๆเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

เขาสูญเสียเลือดไปเพียงเล็กน้อย เลือดได้ผสานเข้ากับกระบี่ดารายุพฆาตแล้ว นี่เป็นเลือดของเขาที่มีโลหิตทองคำอินทนิล ตอนที่ทำการสร้างอาวุธสิ่งที่บังเอิญเกิดขึ้นนี้รู้จักกันในชื่อการสังเวยเลือด

 

ชิงสุ่ยรู้จักการสังเวยเลือดสองชนิด ชนิดแรกเป็นที่รู้จักกันในชื่อการสังเวยความตาย มันเป็นการสังเวยเลือดที่ช่างตีเหล็กจะใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อเป็นสิ่งสังเวย อาวุธชนิดนี้ปกติแล้วเป็นอาวุธที่มีไว้สำหรับสังหารผู้คน อาวุธสังหารที่มีเจตนาแห่งการฆ่าฟันอันรุนแรงรวมถึงความขุ่นเคืองใจ

 

อีกชนิดเป็นการสังเวยเลือดของตัวเองเพื่อเชื่อมความเข้าใจซึ่งกันและกันกับอาวุธหรือแม้กระทั่งเปลี่ยนมันเป็นกระบี่จิตวิญญาณ กระบี่จิตวิญญาณเป็นกระบี่ที่สามารถสื่อสารทางจิตได้ มันจะมีความคิดและความรู้สึกเป็นของตัวเอง ดังนั้นพลังของชิงสุ่ยจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก

 

ชิงสุ่ยคิดมันขึ้นมาในใจทันที แต่เขารู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เขาจะคิดถึงเรื่องเหล่านี้ เขารีบมุ่งเน้นไปที่การตีอีกครั้ง

 

เลือดไหลไปหยดต่อหยด เขาค่อยๆสูญเสียเลือดไป แม้ว่าหนึ่งหยดจะไม่มาก แต่เขาก็ไม่สามารถทนมันเอาไว้ได้นานนัก ชิงสุ่ยตระหนักว่าตอนนี้เขากำลังสูญเสียเลือดไปมาก อย่างไรก็ตามตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะหยุด ถ้าเขาเดิมพันกับมัน ในตอนท้ายเขาอาจจะได้รับกระบี่จิตวิญญาณ ด้วยสิ่งนั้นเขาจะแข็งแกร่งขึ้น มันอาจช่วยได้มากในการที่เขาพยายามฝ่าไปให้ถึงคลื่นสวรรค์ขั้นที่ 8

 

ชิงสุ่ยขบฟันและบอกกับตัวเองในใจว่าต้องมุ่งมั่นและคิดแผนสำรองเอาไว้เมื่อถึงขีดจำกัด ด้วยวิธีนี้อย่างน้อยเขาก็จะไม่เสียใจ แม้ว่ามันจะล้มเหลวก็ตาม

 

ชิงสุ่ยหน้าตาซีดเซียวลงมาก เขาขบฟันแน่นและอดกลั้นด้วยความขมขื่น เขามาถึงขีดจำกัดแล้ว หากเลยไปกว่านี้ สิ่งที่เดียวที่เขาสามารถทำได้คือการกินสมุนไพรเพื่อช่วยให้ตัวเขาเองมีชีวิตรอด แต่แม้ว่าเขาจะกินพวกมัน เขาก็ไม่สามารถเสริมสร้างเลือดขึ้นมาทดแทนได้ในทันที

 

ในขณะนั้นชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจเมื่อแสงอันพร่างพราวพุ่งเข้าใส่เขา มีแสงสว่างปรากฏอยู่ด้านนอกของกระบี่ดารายุพฆาต นั่นหมายความว่ากระบวนการนี้ประสบความสำเร็จ นอกจากนี้กระบี่ดารายุพฆาตยังหดตัวลงอย่างรวดเร็ว มันหยุดลงเมื่อมีขนาดเหลือเท่ากับนิ้วมือเล็กๆ มันส่องแสงสว่างสีทองและพุ่งเข้าไปในจุดตันเถียนของเขา

 

น่าเสียดายที่ชิงสุ่ยได้เสียชีวิตลงแล้ว เขาไม่มีโอกาสเห็นการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง หลังจากที่ขนาดของมันหดเล็กลง มันก็เข้าไปในจุดตันเถียนของชิงสุ่ย มันเริ่มที่จะค่อยๆฟูมฟักเส้นลมปราณของเขาเพื่อฟื้นคืนลมปราณและเลือดในร่างกาย

 

หลังจากผ่านไปประมาณ 8 ชั่วโมง ชิงสุ่ยก็ตื่นขึ้น แม้ว่าในขณะนี้ร่างกายของเขายังคงรู้สึกอ่อนล้า แต่เขารู้สึกดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ เขารีบไปดูกระบี่ดารายุพฆาตและพบว่ามันหายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

ชิงสุ่ยรู้สึกแปลกๆ แต่ก็สงสัยว่ากระบี่ดารายุพฆาตหายไปที่ไหน จิตใต้สำนึกของเขาบอกเขาว่ากระบี่ดารายุพฆาตอยู่ใน จุดตันเถียนแล้ว ตอนแรกชิงสุ่ยประหลาดใจอย่างมากจากเรื่องนี้ เขารีบแอบมองเข้าไปข้างในและต้องพบกับความตกตะลึงอีกครั้งในชีวิตของเขา

 

ตอนนี้ภายในจุดตันเถียนยาเม็ดทองคำตั้งอยู่ตรงกลาง หุบเขา 9 เทวาอยู่ทางซ้ายมือชณะที่ก้อนเมล็ดเจ็ดสีอยู่ทางขวา อย่างไรก็ตามด้านล่างยาเม็ดทองคำมีกกระบี่ดารายุพฆาตอยู่ ปลายของกระบี่นั้นชี้ไปข้างหน้า

 

กระบี่จิตวิญญาณ!

 

เขาได้บรรลุกระบี่จิตวิญญาณแล้วจริงๆ!

 

ชิงสุ่ยพบว่ามันยากที่จะเชื่อ กระบี่จิตวิญญาณเป็นสิ่งที่ลึกลับ ความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุดคือมันสามารถติดต่อสื่อสารทางจิต ศาตราวุธศักดิ์สิทธิ์ในตำนานเป็นอาวุธที่ละเอียดอ่อน ศาตราวุธศักดิ์สิทธิ์ย่อมแข็งแกร่งกว่ากระบี่จิตวิญญาณมากนัก อย่างไรก็ตามกระบี่จิตวิญญาณก็มีโอกาสที่จะพัฒนาเป็นศาตราวุธศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่โอกาสที่ว่ามานี้ค่อนข้างน้อย

 

ชิงสุ่ยรู้สึกมีความสุขเป็นพิเศษ กระบี่จิตวิญญาณเกือบเทียบเท่ากับศาตราวุธในตำนาน ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่ากระบี่จิตวิญญาณราวกับอยู่ในระดับตำนานแล้ว อย่างไรก็ตามมันเป็นศาตราวุธในตำนานที่สามารถพัฒนาขึ้นได้

 

มันเหมือนกับครั้งล่าสุดที่เขาช่วยองค์หญิงเจ็ดหลอมกระบี่เก้าหยาง นั่นคือเท่าที่เขาจะทำได้ มันจะคงอยู่ที่ระดับนั้นถาวรจนกว่าจะถูกทำลาย แต่แน่นอนว่าศาตราวุธในตำนานไม่ใช่สิ่งที่จะทำลายได้ง่ายๆ

 

อย่างไรก็ตามกระบี่จิตวิญญาณของชิงสุ่ยสามารถพัฒนาขึ้นได้! เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมและเงื่อนไขได้รับการเติมเต็มความแข็งแกร่งของมันก็จะเพิ่มขึ้น เมื่อพูดถึงความแข็งแกร่ง ชิงสุ่ยมองไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จนถึงตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าพลังของกระบี่ดารายุพฆาตในปัจจุบันเป็นอย่างไร

 

กระบี่ดารายุพฆาต กระบี่จิตวิญญาณ หลอมรวมด้วยเลือด เชื่อมต่อกับจิตใจของเจ้าของ

 

มันสามารถเพิ่มพละกำลังให้กับผู้ใช้ได้ 10 เท่าและพลังวิญญาณ 3 เท่า มีโอกาส 10% ที่พลังโจมตีจะเพิ่มเป็น 2 เท่า การสิ้นเปลืองพลังเมื่อใช้เคล็ดวิชาการต่อสู้จะลดลงครึ่งหนึ่ง

 

ไม่จำเป็นต้องถือมันไว้ในมือ ความแข็งแกร่งยังคงเพิ่มขึ้นแม้จะใช้อาวุธชิ้นอื่น ผู้ใช้สามารถหดขยายกระบี่ด้วยลมปราณ สามารถสั่งโจมตีได้ทันทีด้วยมือเปล่า สำหรับตอนนี้กระบี่ดารายุพฆาตยังไม่สามารถออกมาจากจุดตันเถียนได้

 

……

 

ชิงสุ่ยรู้สึกตื่นเต้นอย่างเหลือเชื่อ ศาตราวุธจิตวิญญาณถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม อันหนึ่งสามารถพัฒนาขึ้นได้และอีกอันทำไม่ได้ อย่างหลังนั้นหมายความว่าอาวุธจะคงอยู่ในสถานะเดิมถาวร ส่วนอันตรงข้ามจะมีความหวังเล็กๆที่มันจะกลายเป็นศาตราวุธศักดิ์สิทธิ์ มีความเป็นไปได้ว่าพลังของมันจะพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง

 

คราวนี้พลังของชิงสุ่ยเพิ่มขึ้นอย่างมาก พละกำลังของเขาเกือบถึง 1,900 สุริยา เมื่อใช้หุบเขา 9 เทวาจะสามารถเข้าใกล้พลังระดับ 3,800 สุริยาได้ ถ้าเขาใข้มันร่วมกับวชิระสยบอสูรและปราณจักรพรรดิ เขาจะสามารถรับมือกับคู่ต่อสู้ที่มีพลัง 5,000 สุริยาได้ทันที ด้วยหุบเขา 9 เทวาผู้อื่นจะไม่สามารถต้านทานเขาได้

 

นอกจากนี้พลังวิญญาณของเขาก็ยิ่งน่ากลัวมากขึ้น เมื่อเขาปลดปล่อยตราประทับแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์ เขาจะสามารถบรรลุพลังได้มากกว่า 5,300 สุริยา แม้ว่าเขาจะใช้แส้เปลวเพลิงมังกรอย่างสะเปะสะปะ แต่เขาก็ยังมีพลังเกือบถึง 2,700 สุริยา

 

ความสามารถในการควบคุมของเขาเพิ่มสูงขึ้น เพียงแค่กระบี่จิตวิญญาณก็สามารถผลักดันเขาไปถึงจุดสูงสุดของตัวเองได้แล้ว ตอนนี้มีคนจำนวนน้อยนักในมหาทวีปอู่เซียตะวันตกซึ่งสามารถจับกุมเขาได้

 

ถ้าหากชิงสุ่ยวิ่งเข้าไปเจอกับชายชราทั้งสิบคนก่อนหน้านี้ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบัน เขาก็จะสามารถบดขยี้พวกเขาได้เพียงพริบตา

 

กระบี่จิตวิญญาณ กระบี่จิญญาณซึ่งสามารถพัฒนาได้ มันเทียบเคียงได้กับศาตราวุธศักดิ์สิทธิ์

 

เมื่อชิงสุ่ยมองไปที่สมุนไพรภายในดินแดนหยกยุพราชอมตะ เขาหวังว่าจะสามารถปรุงยาเม็ดสวรรค์หยาง 3 หรือ 4 เม็ดให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ในอนาคตถ้าเขามีความตั้งใจที่จะไปยังอีก 3 ทวีป เขายังคงต้องพึ่งพาสิ่งเหล่านี้เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของเขา สิ่งสำคัญที่สุดคือเขาจำเป็นต้องบรรลุผ่านคลื่นสวรรค์ขั้นที่ 8

 

ชิงสุ่ยกำลังยืนจ่ออยู่ตรงหน้าคลื่นสวรรค์ขั้นที่ 8 แต่ว่ามันช่างเป็นเหมือนเทือกเขาที่สูงเสียดฟ้า มันแหลมสูงจนแทบจะไม่มีความลาดชัน คนทั่วไปจะสามารถปีนขึ้นเทือกเขาได้อย่างไร?

 

……

 

ภายในเวลา 2 เดือน ชิงสุ่ยสามารถเข้าสู่พื้นที่ของจักรวรรดิเดชสวรรค์ด้วยทักษะย่างก้าว 9 เทวาและความสามารถในการบินของมังกรไอยราเกล็ดทองคำ บางทีอาจเป็นเพราะมันอยู่ใกล้กับพื้นที่ที่อันตรายและเป็นที่ราบสูงของอีกครึ่งมหาทวีปอู่เซียตะวันตก วัฒนธรรมของที่นี่จึงค่อนข้างมีเอกลักษณ์

 

จักรวรรดิเดชสวรรค์เป็นพื้นที่ที่มีลมแรงมากและหิมะตกบ่อย สภาพอากาศที่นี่ดูแย่กว่าเล็กน้อย แต่อากาศยังคงสดชื่น นอกจากนี้ทั้ง 4 ฤดูกาลก็มีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก

 

อีกครั้งที่เขามาถึงสถานที่อันไม่คุ้นเคยเพียงลำพัง อย่างไรก็ตามในครั้งนี้ชิงสุ่ยมาถึงด้วยความเชื่อและความคาดหวัง เหตุผลเพราะมีผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาคุ้นเคยอยู่ที่นี่ เขาหวังว่าจะได้พบเธอเร็วๆ

 

เมื่อถึงชิงสุ่ยมาถึงจักรวรรดิเดชสวรรค์ เขาก็อยากที่จะพบติ๊เฉินในทันที ราวกับว่าเขาไม่สามารถรอได้ถึงแม้เพียง 1 วินาที เขาพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อสูดหายใจให้สงบลง

 

เขาไม่รู้ว่านี่เป็นสถานที่แห่งใด ไม่ว่าในกรณีใดสถานที่แห่งนี้ดูแออัดอย่างเหลือเชื่อ มีคนเดินตามท้องถนนหลายสาย จริงๆแล้วชิงสุ่ยไม่ได้รู้สึกลังเลใจเลย เขาไม่รู้สึกหนาว หิวโหย หรือจะถูกผู้อื่นรังแก ในความเป็นจริงเขารู้สึกผ่อนคลายมากทีเดียวที่นี่

 

นิกายที่ติ๊เฉินอยู่เรียกว่านิกายบงกชเทวะ เขาไม่รู้ว่านิกายบงกชเทวะเป็นอย่างไรและเขาไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน เขาสอบถามคนจำนวนมากบนถนนแล้ว เขายังได้จ่ายเงินให้พวกเขาสำหรับถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามความพยายามของเขาจบลงด้วยความล้มเหลว มีบางคนที่สุ่มชี้ไปในทิศทางหนึ่งเมื่อได้รับเงิน แม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่ได้มุ่งหน้าไปยังทิศทางดังกล่าว แต่เขาก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องโกหก พวกเขาทำมันเพื่อเงินเท่านั้น

 

ดูเหมือนผู้คนที่อยู่เบื้องล่างจะไม่ได้ตระหนักถึงการดำรงอยู่ของนิกายบงกชเทวะ โลกนั้นไร้ขอบเขต หนึ่งนิกายเล็กๆคงจะมองเห็นได้ไม่ชัด แม้ว่าพวกเขาจะเคยได้ยินเรื่องนี้ แต่ก็ยังคงไร้ประโยชน์ สำหรับพวกเขามันเป็นเพียงบางสิ่งที่มีอยู่ในตำนานเท่านั้น พวกเขาจะรู้ได้อย่างไรเกี่ยวกับที่ตั้งของมัน?

 

เส้นทางมีมากเกินไป ชิงสุ่ยตัดสินใจมุ่งหน้าสู่เมืองมรกต

 

ภายในเมืองมรกตมีบุคคลที่มีพรสวรรค์ซ่อนตัวอยู่ การหาตัวพวกเขาเป็นสิ่งง่ายสำหรับเขา

 

คราวนี้ชิงสุ่ยได้ทำการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับทิศทางของเมืองมรกต เขาไม่ลังเลที่จะใช้เงินเพื่อถามเรื่องนี้จากทหารสองสามคน เขาใช้เพียงทักษะย่างก้าว 9 เทวาเพื่อเดินทางไปสู่เมืองมรกต หลังจากที่เขาได้รับคำตอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากแต่ละคน

 

จักรวรรดิเดชสวรรค์มีขนาดใหญ่มาก มีจักรวรรดิระดับต่ำมากมายที่อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขา เดิมชิงสุ่ยรู้สึกว่า จักรวรรดิอวี้มีขนาดใหญ่พอตัวแล้ว แต่เมื่อเทียบกับจักรวรรดิอวี้ พวกเขาดูต่างกันมากเกินไป

 

ตอนนี้เป็นฤดูหนาว เมื่อถึงเมืองมรกตท้องฟ้าเต็มไปด้วยเกล็ดหิมะ ชิงสุ่ยชอบหิมะตกมากกว่าฝนตก หิมะปกคลุมไปทั่วทุกแห่ง หิมะขาวปกคลุมพื้นดินและต้นสนอย่างรวดเร็ว

 

ชิงสุ่ยยืนอยู่บนแผ่นดินหิมะและปล่อยให้เกล็ดหิมะตกลงมาบนตัว เขารู้สึกสงบ สงบราวกับน้ำลึกที่นิ่งเงียบ

 

แม้ว่าจะมีหิมะตกอยู่ แต่ก็ยังมีผู้คนจำนวนมากอยู่ตามถนน ในความเป็นจริงดูเหมือนว่าจะมีผู้คนมากขึ้นกว่าปกติ

 

ทันใดนั้นมีเสียงอึกทึกเกิดขึ้นข้างหน้า กลุ่มคนกำลังเดินมาทางชิงสุ่ย คนเหล่านี้สวมเสื้อผ้าที่หรูหรา เพียงมองแวบเดียวก็บอกได้ว่าพวกเขาเป็นสาวกของตระกูลที่ร่ำรวย พวกเขาเป็นเยาวชนทั้งหมด อย่างน้อยก็เห็นได้จากการปรากฏตัวของพวกเขา พวกเขาดูยังหนุ่มยังสาวจริงๆ

 

ในขณะที่ชิงสุ่ยมองไปที่คนเหล่านั้น พวกเขาก็ดูเหมือนจะมองกลับมาที่เขาอย่างรวดเร็ว หญิงคนหนี่งกำลังเดินมาทางเขา คนที่เป็นผู้นำคือหญิงที่ดูฉลาดหลักแหลมและสวมเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอก ชิงสุ่ยรู้สึกคุ้นเคยกับเธอเล็กน้อยเพียงได้เห็นครั้งแรก

 

“ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่จักรวรรดิเดชสวรรค์?” หญิงคนนั้นดูแปลกใจเมื่อเห็นชิงสุ่ย

 

“ฮูยี่หย่า?” ชิงสุ่ยรู้สึกว่าเขาแย่เล็กน้อยในการจดจำผู้คน โดยปกติแล้วเมื่อผู้หญิงสวมเสื้อผ้าใหม่และตบแต่งใบหน้า มันก็จะค่อนข้างยากสักหน่อยที่จะจดจำพวกเธอ

 

“เจ้ายังจำข้าได้หรือไม่? นี่ช่างเป็นเรื่องที่ดี เมื่อเจ้ามาอยู่ที่นี่ ข้าจะเป็นคนดูแลเจ้าเอง” ฮูยี่หย่าดูเหมือนจะมีความสุขเป็นพิเศษ เธอมีเสน่ห์ แต่ก็รู้สึกได้ถึงความไร้เดียงสา

 

“เจ้ายังติดต่อกับเขาอยู่หรือ” ชิงสุ่ยกำลังพูดถึงเรื่องเทียนเจียง เขารู้เพียงว่าเธอมีความสัมพันธ์พิเศษกับเทียนเจียง เขาไม่รู้ว่าตอนนี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้างแล้ว

 

“แน่นอน เขาบอกข้าว่าเขาจะแต่งงานกับข้าเมื่อเขาแข็งแกร่งมากพอ” ฮูยี่หย่ามองไปที่ชิงสุ่ยและยิ้ม

 

“โอ๊ะ ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น แน่นอนว่าเขาจะประสบความสำเร็จอีกมากมาย” ชิงสุ่ยยิ้มและตอบโต้

 

“ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปดูรอบๆ”

 

“พี่สาวหย่า เขาเป็นใครกัน? เขาดูไม่ค่อยคุ้นตาเลย” ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆฮูยี่หย่าถาม

 

“เขาเป็นสหายของข้าที่มาจากแดนไกล เขาแข็งแกร่งมาก” ฮูยี่หย่าตอบผ่านๆ

 

“โอ๊ะ ถ้าท่านเป็นสหายของพี่สาวหย่า นั่นก็หมายความว่าท่านเป็นสหายของพวกเราด้วย ไปกันเถอะ ทางนี้” เห็นได้ชัดว่าฮูยี่หย่า เป็นผู้นำของพวกเขา ในบรรดคนทั้งสิบสองรวมทั้งฮูยี่หย่า มีผู้หญิงเพียง 4 คนเท่านั้น