ห้ะ?
‘คุณชายจิ่งคือคนที่ตระกูลหรงเลือกมารึ’
หลังจากที่หรงจิ่งได้ยินประโยคนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะรู้สึกอย่างไร ใจเต้นทันที ความลุกลี้ลุกลนเผยออกมาจากจิตใจเล็กน้อย เขามองนางด้วยดวงตาที่สดใส ในระหว่างสีหน้าที่หยอกล้อของนาง ความลุกลี้ลุกลนนั้นก็ค่อยๆ สงบลง
“ตระกูลหรงเลือกคนแล้วจริงๆ แต่ไม่ใช่ข้า” หรงจิ่งพูดอย่างสงบนิ่ง
เจียงหลีเลิกคิ้ว เดินไปมาสองก้าว จู่ๆ ก็พูดขึ้นมาว่า “หรือว่าที่คุณชายจิ่งมาที่นี่ในวันนี้ เพราะวางแผนเสนอตัวเองอย่างนั้นหรือ”
คำพูดที่เต็มไปด้วยความหยอกล้อ ทำให้หรงจิ่งหรี่ตาทั้งสองข้าง แล้วยิ้มเล็กน้อย “ถ้าหากว่าฝ่าบาทหวังให้หรงจิ่งเข้าวัง เช่นนั้นที่หรงจิ่งมาวันนี้ก็เพื่อเสนอตัวเอง”
เขาพูดเช่นนี้ กลับทำให้เจียงหลีอึ้ง
นางหัวเราะ แล้วส่ายหน้าปฏิเสธ “ช่างมันเถอะ คุณชายจิ่งมีความสามารถและรูปงามเช่นนี้ นายท่านหรงคงโกรธมากจนมาตามตัวคืนจากข้า ถ้าหากข้าไม่ปล่อยไป เกรงว่าแม้แต่ราชบัลลังก์นี้ เขาก็คงจะมาพลิกหา”
แววตาที่หยอกเย้าของเจียงหลี ทำให้หรงจิ่งใจกระตุกทีหนึ่ง นางรู้ดีทุกอย่างจริงๆ
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้หรงจิ่งไม่เข้าใจก็คือ ในเมื่อเจียงหลีเดาความคิดของหรงจิ่งถูก ทำไมถึงยังไม่ลงมือ
“ฝ่าบาทล้อกันเล่นแล้ว” หรงจิ่งมองต่ำ
เจียงหลีหุบยิ้ม แววตาเป็นประกาย “ข้าล้อเล่นอยู่หรือไม่ ใจของเจ้ารู้ดี”
หรงจิ่งเงยหน้าขึ้นมองเจียงหลี เหมือนว่าอยากจะดูว่าจะได้อะไรจากการวิเคราะห์สีหน้าของนาง แต่ท้ายที่สุด กลับไม่ได้อะไรเลย
“ข้าจะพยายามห้าม” หรงจิ่งรับปาก
เจียงหลียิ้มขึ้นมา “ข้าให้โอกาสนี้กับเจ้า แต่ถ้าหากว่าเจ้าห้ามไม่ได้ล่ะ”
หรงจิ่งยืดอก มองไปยังเจียงหลี “เช่นนั้นตระกูลหรงก็จะรับผิดชอบผลที่ตามมา”
“หรงจิ่ง” ทันใดนั้น เจียงหลีก็เรียกชื่อเขา
ในดวงตาที่สดใสของหรงจิ่ง สะท้อนท่าทางของนาง
“จำคำที่เจ้าพูดไว้ในวันนี้” สายตาของเจียงหลีมองเพ่งไปที่เขา
หรงจิ่งแววตาเปล่งประกาย แล้วถามว่า “ทำไมท่าทางที่ปฏิบัติต่อข้าถึงไม่เหมือนกัน” พูดกันตามตรงระหว่างเขาและเจียงหลีไม่ได้มีสัมพันธ์ส่วนตัว ความคิดนั้นของเขา ก็เก็บซ่อนไว้ในใจของเขาคนเดียว ไม่ได้บอกให้นางรู้ เช่นนั้นแล้วอะไรที่ทำให้นางอดทนต่อเขา ต่อตระกูลของเขา
“หรงจิ่ง เจ้าถือเป็นเพื่อนสนิทของลู่เจี้ย พูดจากใจ ข้าไม่อยากเป็นศัตรูกับเจ้า” เจียงหลีให้คำตอบ
แต่ว่านี่กลับไม่ใช่สิ่งๆ นั้นที่ในใจเขาแอบรอคอย “ในเมื่อท่านลืมเขาไม่ได้ ทำไมต้องหาสามีใหม่”
“เจ้ามาวันนี้ ก็เพื่ออยากจะถามคำถามนี้ใช่ไหม” เจียงหลีเผยรอยยิ้มที่คาดเดาออกมา
หรงจิ่งมองนางที่อยู่ตรงหน้า พยักหน้ายอมรับ “ใช่”
“ข้ามีจุดประสงค์ของข้า” เจียงหลีกลับให้คำตอบที่กำกวม
“ท่านอยากทำให้คนเลวทั้งหลายเหล่านั้นออกมา” หรงจิ่งพูด
เจียงหลีไม่ได้ปฏิเสธ “ตามนั้นก็แล้วกัน เจ้าดู วิธีแบบนี้ไม่ได้เหนือชั้นอะไร แต่กลับได้ผลอย่างมาก”
หรงจิ่งไม่ได้พูดตอบ เพราะคำพูดนี้ เขาก็เลยต้องยอมรับ
“เจียงหลี” ทันใดนั้น เขาก็ตะโกนเรียกชื่อของนาง
เจียงหลีไม่ได้สนใจ รอเขาพูดต่ออย่างสงบ
ในแววตาของหรงจิ่ง มีความลังเลอยู่แวบหนึ่ง ถึงพูดอย่างช้าๆ ว่า “ถ้าหากข้ายอมเข้าวัง ท่านจะยอมรับหรือไม่”
หลังจากที่ถามคำถามนี้ออกไป เขาเป็นกังวล เขาไม่รู้ว่าสาวน้อยจะสามารถเข้าใจความหมายในคำพูดของเขาได้ไหม
“เสียสละเพื่อตระกูลรึ” เจียงหลีหัวเราะอย่างหยอกล้อขึ้นมา
หรงจิ่งส่ายหน้า “เต็มใจยอม” ในดวงตาที่สดใสของเขา มีความร้อนแรงและความหวัง
เจียงหลีมองเขาอย่างจริงจัง ไม่ได้ตอบกลับในทันที
แต่ในตอนที่นางเพ่งมอง หรงจิ่งกลับเริ่มกระวนกระวายขึ้นมา เขารู้อยู่แก่ใจว่าในความสัมพันธ์นี้ เขาไม่เหมือนกับลู่เจี้ยและเจียงหลีแบบนั้น แต่เป็นความรักที่ขิงก็รา ข่าก็แรง
เมื่อเขาตกอยู่ในจุดเริ่มต้นของความปรารถนา ก็สามารถครอบครองได้เพียงพื้นที่เล็กๆ ในความสัมพันธ์นี้
นอกเสียจาก
สักวันหนึ่ง เจียงหลีจะหวั่นไหวกับเขาจริงๆ ชอบเขาขึ้นมาจริงๆ
ทำไมต้องเป็นเจียงหลีคนเดียว
บางทีนี่อาจจะเป็นจุดที่คล้ายกันระหว่างเขาและลู่เจี้ย สายตาที่ใช้มองคนของทั้งสองดีเหมือนกัน
“เจ้าไปเถอะ” เจียงหลีพูด
ทันใดนั้น คำพูดสามคำก็ทำให้ใจที่กระวนกระวายของหรงจิ่งผ่อนคลายลง แต่ก็เต็มไปด้วยความผิดหวัง
“คุณชายจิ่งควรจะได้ท่องยุทธภพอย่างอิสระ ได้ชื่นชมสรรพสิ่ง มีหัวใจอิสระ ไม่ควรติดอยู่ในวัง ถูกผู้คนใส่ร้ายป้ายสี” เจียงหลีพูดอย่างสงบนิ่ง
คนที่ยอดเยี่ยม ควรค่าแก่การชื่นชม
และนางก็ไม่ใช่กษัตริย์ที่เห็นแก่ความรูปงามแบบนั้น
หรงจิ่งใจเต้น ดวงตาที่สดใสเผยให้เห็นความตะลึงเล็กๆ คาดไม่ถึงว่านางจะเข้าใจเขา!
ตุบ!
ณ เวลานี้ หรงจิ่งรู้ว่าใจของเขาถลำเข้าไปอย่างไม่สามารถควบคุมได้แล้ว
ในตอนที่เจียงหลีพูดประโยคนี้ออกมา ใจของเขารับรู้ได้โดยตรง ก็คือเขายินยอมสละความอิสระที่เขาใฝ่หาเพื่อผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า
แต่ว่า เขามีสิทธิ์อะไรที่พูดออกไป
“เจียงหลี ถ้าหากว่าท่านกับข้าเจอกันก่อน ก็คงดี” หรงจิ่งยิ้มออกมาอย่างเจ็บปวด แล้วเดินออกไปจากตำหนักหวงจี๋อย่างช้าๆ
เจียงหลีมองส่งเขาจากไป ตลอดจนร่างของเขาลับไปจากสายตา นางถึงพูดพึมพำเบาๆ “ถึงแม้ว่าจะเจอกันก่อน คนที่ข้าจะรักก็ยังคงเป็นลู่เจี้ย เพียงผู้เดียว”
ความรู้สึกที่คลุมเครือของหรงจิ่ง แต่นางกลับสามารถมองออก
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีข้อความเหล่านั้นที่ลู่เจี้ยทิ้งเอาไว้
ในตอนนั้นที่ลู่เจี้ยรับรู้ถึงความรู้สึกที่คลุมเครือนี้ของเขา ก็กำหนดแล้วว่าต้องถูกลู่เจี้ยหลอกใช้ นางไม่ต้องทำอะไร หรงจิ่งจะเลือกทำในสิ่งที่ควรทำ เพราะหัวใจของตัวเอง
เจียงหลีถอนหายใจเบาๆ มองไปไกลๆ ด้วยสายตาที่สับสน
“อาหลี!”
“พี่สะใภ้ตัวน้อย!”
เสียงของทั้งสอง ดังมาจากนอกตำหนักหวงจี๋ ทำลายแววตาที่มัวหมองของนาง
นางยิ้มอย่างจริงใจออกมา แล้วหันตัวเดินไปต้อนรับ
ในตอนที่นางพบกับทั้งสองคน นอกจากพวกเขา ยังมีลู่จ้าน
“ฝ่าบาท” ลู่จ้านมองนางแวบหนึ่ง แล้วทำความเคารพอย่างนอบน้อม
“พวกเจ้าอยู่ด้วยกันได้อย่างไร” ในตอนที่เจียงหลีส่งคนไปรับลู่เสวียนและเจียงเฮ่ากลับประเทศ แต่ลู่จ้านอยู่ในประเทศสุ่ยหัน
“หลังจากได้รับข้อความ กระหม่อมก็ได้ไปที่ซีเฉียนมารอบหนึ่ง” ลู่จ้านตอบ
เดิมทีเป็นเช่นนี้!
เจียงหลีเข้าใจในทันที
“อาหลี!” เจียงเฮ่ามาถึงตรงหน้าเจียงหลี สังเกตด้วยแววตาที่สับสน แล้วถึงถามว่า “เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม” เขาไม่รู้ว่าการตายของลู่เจี้ย มีผลกระทบต่อน้องสาวมากแค่ไหน
ยิ่งเกลียดตัวเองในช่วงเวลานี้ ที่ไม่อยู่เคียงข้างน้องสาว
“ข้าสบายมาก!” เจียงหลียิ้มแล้วตอบ
“แต่ข้าไม่สบาย” ลู่เสวียนพูดด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม
เจียงหลีและเจียงเฮ่ามองเขาพร้อมๆ กัน ลู่จ้านก็ยืนก้มหน้าอยู่ข้างๆ
“เจ้าเป็นอะไร” เจียงหลีพูดอย่างน่าขัน
ลู่เสวียนมองนางด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสับสนและเสียใจ ซักถามด้วยเสียงเข้มว่า “ท่านพี่เพิ่งจะเสียไป ทำไมเจ้าถึงคัดเลือกหนุ่มรูปงามเข้าวังเร็วเช่นนี้”
ราชบัลลังก์อะไรนั่น ลู่เสวียนไม่ได้สนใจอยู่แล้ว! ที่เขาสนใจก็คือความรักที่เขาเชื่อว่าซ้อตัวน้อยคนนี้มีต่อพี่ชายของเขา
เจียงหลีนิ่งไป ยกมือขึ้นเขกหัวเขาทีหนึ่ง แล้วด่าว่า “เจ้าเห็นว่าข้าเป็นคนมักมากในกามเช่นนั้นเลยรึ”
จะรู้ได้อย่างไร ลู่เสวียนเอามือกุมหัว พยักหน้าอย่างจริงจัง “เหมือน!”